วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 10:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 11:56
โพสต์: 8


 ข้อมูลส่วนตัว


มีเพื่อนท่านหนึ่ง เขาเป็นผู้ปฏิบัติธรรมค่ะ เขาศึกษาเอง ปฏิบัติเอง โดยไม่มีครู อาจารย์แนะนำค่ะ ตอนแรกๆ ก็ปกติดีแต่พอนานๆ เข้า (ประมาณปีกว่าๆ ค่ะ) เขามีอาการแปลกไปค่ะ ไม่ค่อยพูดกับใคร เวลาใครไปหาที่บ้านก็จะชอบหลบหน้า ไม่ค่อยคุยกับใคร รวมทั้ง พ่อ-แม่ ด้วยค่ะ จะคุยเฉพาะเรื่องที่จำเป็นต้องคุยเท่านั้น smiley smiley ค่ะ แบบนี้เป็นอาการที่เรียกว่าติดสงบ, หรือติดสมาธิ รึเปล่าค่ะ? ถ้าเขาเป็นอาการนี้จริงๆ เราควรช่วยเหลือเขาอย่างไรค่ะ? รบกวนท่านผู้รู้ทั้งหลายช่วยแนะนำด้วยค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 17:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ความคิดผมว่า การนั่งสมาธินั้นส่งผลดีต่อคนนั่ง แต่ในวันหนึ่งนอกจากจะนั่งสมาธิแล้วยังต้องทำกิจกรรม มีงานอื่นๆอีก เวลาที่ใช้ในการนั่งสมาธิน้อยกว่าเวลาที่อยู่ในสภาวะทำงาน เรียนหนังสือ แต่อาการที่หลบหน้าคน พูดน้อย ก็พูดลำบากครับว่าเป็นเพราะนั่งสมาธิมานาน ตัวผมเองก็นั่งสมาธิทุกวันไม่เคยหยุดมามากกว่า2ปีแล้ว ผมก็มานั่งเล่นเวปธรรมจักรเช่นเคยเหมือนทุกวัน ผมก็คุยเล่นคุยได้ทุกเรื่องกับเพื่อนๆ ญาติๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็คือ มองโลกในแง่บวกมากยิ่งขึ้น เข้าใจปัญหาทั้งของตัวเอง และพยายามเข้าใจคนอื่น ความต้องการของตัวเองในแง่ต่างๆ เช่นดูหนังฟังเพลงก็เหมือนเดิม แต่แง่คิดของเราต่อสิ่งเหล่านั้นเปลี่ยนไป ไม่ได้สะสม อะไรใหม่ๆก็ไม่กระตือรือร้น ไม่มีก็ไม่เป็นไร อะไรแบบนี้แต่คุณก็พูดมีความน่าสนใจคือ เขาต้องการความช่วยเหลือหรือปล่าว อกหัก อะไรหรือปล่าว การช่วยนั้นอาจลองพยายามฟังดูว่าเขามีอะไรจะบอกหรือปล่าวเกี่ยวกับปัญหาในใจของเขา ก็รอท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นต่อครับผม

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ปกติไม่เคยแนะนำให้ใครฝึกนั่งสมาธิเองโดยลำพัง อันตรายพอสมควร
ตามที่เล่ามาน่าจะมีอะไรคลาดเคลื่อนแล้ว ถ้าถูกทางพระอรหันต์ก็คนธรรมดานี่เอง ดูภายนอกยังรู้ได้ยาก
การเเปลี่ยนแปลงจากการทำสมาธิ นั้นมีแน่ แต่จะเป็นไปแต่เรื่องดีๆ ประกอบด้วยเหตุด้วยผล การเปลี่ยนแปลงทางลบ นั้นเกิดได้หลายอย่าง โดยเฉพาะเข้าใจว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่ หรือมีคุณ มีญาณ วิเศษ อะไรไปก็มี
ให้เพื่อนสนิทมากๆลองไปคุยดู เอาปัญหาบางอย่างไปลองปรึกษาดู เช่นเรื่องเราอกหัก เรื่องเรียนต่ออะไรดีจะทำงานอะไรดี แล้วสังเกตุที่คำตอบ ข้อแนะนำ ที่เขาตอบเขาแนะนำ แค่นี้ก็จะรู้ว่าเขายังปกติดีหรือไม่.........เจโตวิมุติ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2011, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


เราก็เป็นแบบเพื่อนคุณค่ะ ฝึกนั่งสมาธิเอง
โดยมีเพื่อนๆในเว๊ปนี้ เป็นครู เป็นอาจารย์
เป็นที่ปรึกษา

พอนานๆเข้า รู้สึกเบื่อโลกแสงสี ชอบอยู่เงียบๆ
คุยน้อยลง ใจเย็นแต่ก็ยังคบกับเพื่อน
แต่ไม่บ่อยเหมือนแต่ก่อน

มันเป็นความรู้สึกที่ ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
นอกจากตัวเอง จะรู้ได้เอง ว่าตัวเราเป็นอย่างไง
ต้องการอะไร

สรุปโดยรวมแล้ว เราคิดว่าเค้าไม่มีอะไรหรอกค่ะ
เพื่อนๆเราบางคนก็เป็น

ถ้าอย่างไง รอท่านผู้รู้หลายๆท่าน มาบอก
เราจะได้รู้ไปด้วย ว่าเพราะสาเหตุอะไร :b1: :b41: :b45: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 09:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จขกท. เป็นกัลยาณมิตรที่ดีมีความเป็นห่วงเพื่อน แต่เรื่องพันยังงี้ จะต้องแก้ด้วยตัวเขาเองโดยตรงครับ อุปมาเหมือนคนเป็นไข้จะต้องฉีดยาที่คนไข้โตรงตรง

คุณ natsinee พอรู้ไหมครับว่า เพื่อนคุณเขาปฏิบัติยังไงแนวไหน ที่ว่าทำเองมาปีกว่าแล้วเนีย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ เขียน:
:b42: ปกติไม่เคยแนะนำให้ใครฝึกนั่งสมาธิเองโดยลำพัง อันตรายพอสมควร
ตามที่เล่ามาน่าจะมีอะไรคลาดเคลื่อนแล้ว ถ้าถูกทางพระอรหันต์ก็คนธรรมดานี่เอง ดูภายนอกยังรู้ได้ยาก
การเเปลี่ยนแปลงจากการทำสมาธิ นั้นมีแน่ แต่จะเป็นไปแต่เรื่องดีๆ ประกอบด้วยเหตุด้วยผล การเปลี่ยนแปลงทางลบ นั้นเกิดได้หลายอย่าง โดยเฉพาะเข้าใจว่าตนเป็นนั่นเป็นนี่ หรือมีคุณ มีญาณ วิเศษ อะไรไปก็มี
ให้เพื่อนสนิทมากๆลองไปคุยดู เอาปัญหาบางอย่างไปลองปรึกษาดู เช่นเรื่องเราอกหัก เรื่องเรียนต่ออะไรดีจะทำงานอะไรดี แล้วสังเกตุที่คำตอบ ข้อแนะนำ ที่เขาตอบเขาแนะนำ แค่นี้ก็จะรู้ว่าเขายังปกติดีหรือไม่.........เจโตวิมุติ.


อย่างที่ท่านเจโตกล่าวไว้ถูกแล้ว :b8:
ขอเสริมอีกนิดว่า ถ้าเปลี่ยนแปลงไปในทางลบแล้ว "จิตจะติดซึม" เซื่องซึม ไม่ค่อยอยากจะ
กระทำกิจการงานใด หรือพูดคุยพบปะกับใคร อยากจะแยกตัวออกจากสังคม หรือเรียกอีกอย่างว่า
"ติดสุข" จากความสงบในสมาธิ ก็ได้..
ดังนั้นในการปฏิบัติธรรมจำเป็นต้องมีครูบาอาจารย์คอยสั่งสอนแนะนำ โดยเฉพาะการ
เจริญวิปัสสนา หรือ เจริญกรรมฐาน
ซึ่งครูบาอาจารย์ที่มีประสบการณ์ตรงท่านจะทราบว่าต้องแก้ไขอย่างไร :b41: :b41:

ขอเจริญในธรรม :b8:

ธรรมย่อมรักษาผู้ปฏิบัติธรรม :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 13:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อาการอย่างนี้ผมเรียกว่า "หนีความจริง ปิดกั้นตัวเอง ไม่เข้าใจตัวเองด้วย" อาการแบบนี้สงบก้ไม่ใช่
สมาธิก็ไม่เกิด คนที่มีสมาธิดีเขาจะมีอัธยาศัยดี มีปฏิสันถารกับคนทั่วไป โดยเฉพาะคนในครอบครัว
อาการที่เล่ามาข้างต้นเปนเหมือนอาการอยากอยู่ในโลกคนเดียว ซึ่งผิดกับธรรมชาติของมนุษย์
ผิดกับ คนที่มีธรรมะประจำในใจ :b39: :b40:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: อยากให้ใจเย็นๆกันนิดหนึ่ง เดี๋ยวน้องเขาจะใจเสีย จะตกใจ เขาอาจยังไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่เราสงสัย เราเป็นห่วง เราก็ตรวจสอบดูด้วยวิธิปกติ คือพูดคุยธรรมดานี่แหละ แต่มันต้องสร้างอะไรขึ้นมานิดหนึ่ง ให้เขาได้แสดงความคิดเห็น ให้เขาได้แสดงสติปัญญญา เราก็จะได้ตรวจสอบได้ ว่าความคิดเห็น สติปัญญาที่เขาแสดงออกมานั้น มันมีตรรกกะไหม มันใช่ตัวตนเดิมของเขาไหม ถ้าใช่ก็สบายใจ ที่นี้ถ้าไม่ใช่ เขาก็จะแสดงคติ ความเชื่อแปลกๆออกมาเราก็รู้ ถึงเวลานั้นค่อยมาคุยมาหารือกัน ว่าจะช่วย จะแก้ไขกันอย่างไร
.....เราต้องแก้ปัญหาด้วยปัญญา ด้วยเหตด้วยผล อย่าใช้คำพูดว่าเราเชื่อว่า นั้นมันไม่ใช่ธรรมะ เราเอง เล่าให้ฟังก็ได้ บวช ปฏิบัติธรรม อยู่กับภิกษุรูปหนึ่ง ตลอดพรรษา(ท่านมาจากวัดอื่น มาอาศัยอยู่บนศาลา) เดินบิณฑบาตร เส้นทางเดียวกัน เดินจงกลมอยู่ใกล้ๆกันทุกวัน แล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปทำสมาธิ ไม่เคยพูดคุยกันเลย ดูท่านเคร่งมาก วันๆไม่พูดคุยกับใคร ปฏิบัติอย่างอุกฤต ตลอดเวลา วันหนึ่งขณะฉันท์เพล ท่านนั่งเหนือเราไป 2 วง
เพราะดูท่านอาวุโสกว่า วันนั้นท่านขอดก้นบาตรเสียงดังมาก ทุกคนมองตากัน หันไปดูอาจารย์สุทัศน์(อาจารย์สุทัศน์ โกว์สโลนั่นแหละ) อาจารย์ท่านนั่งเฉยอยู่ไม่แสดงอาการตำหนิแต่อย่างใด พระในวงเดียวกันรูปหนึ่งอดรนทนไม่ได้ก็กล่าวเบาๆว่า ทำเสียงเบาๆหน่อย ท่านก็ทำเหมือนทราบ แต่ไม่กล่าวโต้ตอบอะไร
......อย่างอื่นท่านดูปกติมากจนไม่รู้ ก็ด้วยไม่ได้พูดคุยกันตลอดสอง-สามเดือน ในที่สุดก็มีภิกษุรูปหนึ่งอาสาเป็นธรรมทูต เข้าไปพูดคุย พอได้เปิดปากเท่านั้นแหละ ทราบเลยว่าท่านเข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไร มีคุณวิเศษ อะไรบ้าง แถมอ้างความสัมพันธ์ไปถึงบุคคลเบื้องสูงเป็นตุเป็นตะไปเลย..ภายหลังได้มีโอกาสจึงได้ทราบว่าท่านอาจารย์สุทัศน์ท่านทราบนานแล้วแต่ท่านว่ามันเป็นเรื่องของกรรม ท่านจึงเมตตาให้ที่อาศํย และอุเบกขา เมื่อพระรูปนี้ทำอะไรเกินเลยไปบ้างอันนี้ เป็นตัวอย่าง...ที่นี้เห็นด้วยกับคำแนะนำของเราขึ้นมาบ้างไหม.....เจโตวิมุติ/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว


tongue อยากบอกว่าปกตินะคะ เพราะเหมือนกับเราเลย ไม่อยากคุยกับใครที่ไม่สนิท นอกจากคนที่คุยเรื่องธรรมมะ เพราะคุยไป ๆ ก็ไม่รู้เรื่อง เกิดความเบื่อหน่ายไม่คุยซะดีกว่า แล้วก็เบื่อโลก เบื่อความวุ่นวาย เบื่อแสงสี เบื่อการซุบซิบ เบื่อการยกตนข่มท่าน เบื่อความร่ำรวยที่โอ้อวดกัน เบื่อการชิงดีชิงเด่น ให้ร้ายป้ายสี เบื่อไปหมด เลยไม่อยากคุยกับใคร เพื่อนคุณน่าจะปกติละค่ะ อย่ากังวลเลย เพราะเราก็ปกติ แต่เพียงแต่เบื่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น เพื่อนคุณเป็นคนดีที่มีสติไม่ตั้งอยู่บนความประมาททีเดียวค่ะ สาธุ สาธุ อนุโมทนาด้วยค่ะ :b8: :b8:

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2011, 20:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าเพิ่งด่วนสรุป... เขาอาจปลีกวิเวก สันโดษ ก็ได้

อย่าลืมว่า สิ่งที่เราเห็นว่า ปกติ นั้น จริงๆ แล้วมันเป็นกระแสของโลก ไม่ใช่ความปกติอย่างแท้จริง เช่น วันหยุดต้องเที่ยว ห้ามนิ่งเงียบ ต้องพูดมากๆ เจอคนต้องรีบทัก ฯลฯ

แต่ก็ไม่ได้บอกว่าเขาปกตินะ แค่บอกว่า อย่าด่วนสรุป :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 10:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 11:56
โพสต์: 8


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ

ที่คุณ กรัชกาย ถามมา ดิฉันไม่ทราบรายละเอียดในการฝึกของเขาค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นเขาเคยพูดให้ดิฉันฟังว่าเขาอยากได้ฌาน อยากมีตาทิพย์ อยากรู้ใจผู้คน ประมาณนี้ค่ะ เขามีงานประจำทำ เขาบอกว่าเวลาที่มีคนตำหนิ หรือชม เขาก็จะเฉยๆ ไม่มีความรู้สึกใดๆ ค่ะ เขาก็สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ แต่เขาจะไม่ไปร่วมงานที่เกี่ยวกับการรื่นเริงทั้งหลายค่ะ (กิจกรรมทางๆ ที่องค์กรจัดขึ้นค่ะ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2011, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


natsinee เขียน:

ที่คุณ กรัชกาย ถามมา ดิฉันไม่ทราบรายละเอียดในการฝึกของเขาค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นเขาเคยพูดให้ดิฉันฟังว่าเขาอยากได้ฌาน อยากมีตาทิพย์ อยากรู้ใจผู้คน ประมาณนี้ค่ะ เขามีงานประจำทำ เขาบอกว่าเวลาที่มีคนตำหนิ หรือชม เขาก็จะเฉยๆ ไม่มีความรู้สึกใดๆ ค่ะ เขาก็สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ แต่เขาจะไม่ไปร่วมงานที่เกี่ยวกับการรื่นเริงทั้งหลายค่ะ (กิจกรรมทางๆ ที่องค์กรจัดขึ้นค่ะ)


ก่อนหน้านั้นเขาเคยพูดให้ดิฉันฟังว่า เขาอยากได้ฌาน อยากมีตาทิพย์ อยากรู้ใจผู้คน


หรอครับ น่าจะเข้าบอร์ดนี่บ่อยกระมัง จึงได้แรงบันดาลใจ

http://www.palungjit.com/

เมื่อเพื่อนคุณยังทำงานทำการ รับผิดชอบตนเองได้ ที่ว่า (ถ้าเขาเป็นอาการนี้จริงๆ เราควรช่วยเหลือเขาอย่างไรค่ะ ? )

ก็ปล่อยเขาไปเถอะครับ

ส่วนเราเอง หากต้องการจะคุยกันก็ชวนสนทนา-คุยเรื่องฌาน-หูทิพย์ ตาทิพย์ เรื่องเจโต-นั่น จะได้คุยกันถูกคอ :b1: :b12: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร