วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 02:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ย. 2010, 17:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: :b8: ธรรมะดีๆ ท่านว.วชิรเมธี :b8: :b8:

:b48: บางคนมีชีวิตขึ้นกับสายตาของคนอื่น ไม่เชื่อมั่นในวิจารณญาณของตนเอง
มักคิดเสมอว่า...ถ้าเราพูดเช่นนี้ ทำอย่างนี้ ใช้โทรศัพท์รุ่นนี้
คบเพื่อนคนนี้ ใช้ของยี่ห้อนี้ แล้วคนอื่นจะมองเราอย่างไร
คนประเภทนี้ ทั้งชีวิตแทบไม่มีช่องว่างให้ความสุขได้เล็ดลอดเข้ามาในผืนแผ่นดินใจเลย
เพราะ... ใช้ชีวิตตามที่สังคมคาดหวัง...เกรงว่าถ้าไม่แสดงตนอย่างที่คนทั่วไปคาดหวัง..
จะถูกลดความสำคัญลง
สายตาของคนอื่นจะคอยจับเราเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนสูญเสียความเป็นตัวเอง
วีธีที่จะเอาชนะความทุกข์นี้คือหัดลดความสำคัญกับสายตาของคนอื่น
ควรรู้จักพูดว่า
"ช่างมันฉันไม่แคร์" ในบางเวลา ในบางสถานการณ์ :b48:

:b48: คนที่ทุกข์เพราะทำงานแล้วเจ้านายไม่เห็นคุณค่า ต้องนึกถึงความไม่เที่ยง
วันนี้เขาไม่เห็นคุณค่า..แต่พรุ่งนี้อาจไม่ใช่
ส่วนคนที่ได้รับคำชมเชย จำไว้มันไม่เที่ยง
คนที่ชมเราวันนี้อาจเป็นคนเดียวกับคนที่ตำหนิเราวันหน้า
:b48:

:b48: ไฟที่เกิดจากกองเพลิงธรรมดา ไหม้ได้อย่างดีสุดก็แค่ชั่วฟีนหมด
แต่ไฟแห่งความริษยาที่เราก่อขึ้นในใจ
ถ้าไม่ได้น้ำแห่งธรรมะมาดับ บางทีล่วงลับข้ามภพไปยังดับไม่ได้
ก่อนนอนทุกคืน.... คุณโยมควรปลดสลักความรุนแรงในใจเรา
เราริษยาใคร.. โกรธใคร.. เราแค้นใคร... แผ่เมตตาให้เขาซะ
เพราะถ้าเรายังโกรธ ยังริษยา เมื่อนั้นมันคือระเบิดเวลา
ที่จะทำลายโมงยามแห่งความสุขทุกคืนวันไม่จบไม่สิ้น
:b48:

:b48: สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัย
ไม่ได้เป็นไปตามที่บนบานศาลกล่าว
หากโลกนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยให้คนสมปรารถนา
ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง โลกนี้จะเหลือใครบ้างที่เป็นคนผิดหวัง
หลักของความจริงสากลมีอยู่ว่า..ทุกสิ่งทุกอย่างไหลไปสู่ความเปลี่ยนแปลง
ทางพระเรียกอนิจจัง
ถ้าเราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง..ซึ่งถือว่าเป็นกฏธรรมชาติ
เราถึงได้เป็นทุกข์
:b48:

:b8: :b8: โดยท่านพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว วชิรเมธี) :b8: :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


:b48: รู้ว่าทุกอย่างไม่เที่ยง ก็ไม่มีทุกข์แล้ว

วันก่อน ศ.เกียรติคุณ ดร.อภิณัฏฐ์ กิติพันธุ์ ได้มาบรรยายที่ชมรมคนรู้ใจ หอประชุมพุทธคยา ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า โดยเน้นให้เราได้ทบทวนว่าปีที่ผ่านมา เราได้ทำอะไร ให้ใจเราพัฒนาอย่างที่ตั้งใจไว้บ้างหรือเปล่า เพราะสิ่งที่พัฒนาได้อย่างแท้จริง คือ ใจเท่านั้น


อย่างอื่นพัฒนาไม่ได้ แม้กระทั่งนักกีฬาที่วิ่งมาตั้งแต่เด็ก อายุ 60 ก็แก่เหมือนกัน กล้ามเนื้อลีบเท่ากัน ดีไม่ดีนั่งรถเข็นก่อนคนที่ไม่วิ่งด้วยซ้ำ หรือจะเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งกาจที่สุด แก่มาก็ว่ายไม่ได้เหมือนกัน จะเห็นว่าเราพัฒนากายได้มาสูงสุดโดยมีข้อจำกัดด้วยอายุ พอสังขารเสื่อมก็ทำอะไรไม่ได้ แม้กระทั่งพอแก่จริงๆ แก้วน้ำก็ยกใส่ปากไม่ได้

แต่ ใจ ต่างหากที่แม้อายุจะเท่าไรก็สามารถพัฒนาได้ ตายไปแล้วก็ยังเอาไปได้ นี่คือศักยภาพสูงสุดของคำว่า มนุษย์มนุษย์สามารถพัฒนาได้ และเฉพาะใจที่พัฒนาได้ ทีนี้ถ้ามนุษย์ไม่เข้าใจศักยภาพของตัวเองอย่างถูกต้อง ก็จะพัฒนาไปอย่างไขว้เขว และถ้าเข้าใจคำว่า ก็จะหันมาปฏิบัติธรรมได้โดยไม่ยาก จะไม่เก็บกินกอบโกยให้เสียเวลาเลย เพราะเราจะรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมาทั้งหมด รวยแค่ไหนก็ตาม แม้ระลึกชาติได้ว่า ชาติที่แล้วเคยเป็นมหาเศรษฐี ชาตินี้เอามาได้ไหม สลึงหนึ่งเอามาได้ไหม บางคนดีอกดีใจเหลือเกิน มีคนมาทักว่าชาติที่แล้วเคยเป็นพระราชา เศษแหวน เศษกระเบื้องที่เคยแตกอยู่ที่พระราชวังเดิม จำได้ไหม เอามาได้ไหม คำตอบ คือ เอามาไม่ได้เลย!

ดังนั้น สมบัติพัสถานทั้งหลายที่เราเรียกว่า โภคทรัพย์ ทรัพย์อันทำให้กายอยู่ได้สบายขึ้น คำว่าสบายขึ้นคือทุกข์น้อยลงไม่ใช่หมดทุกข์ ตายไปติดตัวเราไปไม่ได้ ไร้ค่าทันที เพราะฉะนั้นบางคนที่คิดผิดว่าชีวิตเราต้องมีทรัพย์ไว้ก่อน ให้รวยไว้ก่อน จึงเป็นภาพสะท้อนว่าเราทุ่มเทเวลาอันหามาได้ยากนั้น ทำให้ใจเราด้อยคุณภาพจากความเข้าใจผิดที่คิดว่าทรัพย์นั้นมีค่าสูงสุด โภคทรัพย์มีค่าสูงสุด ก็แปลว่าเราเสียเวลาทั้งชีวิตจนอายุ 60 เพื่อแสวงหาทรัพย์ กว่าจะแสวงหาทรัพย์จนพักได้ 60 ปี แล้วจะสามารถสละสิ่งที่สะสมมาทั้งชีวิตอย่างน้อย 60 ปีทิ้งได้ไหม ตรงนี้ยากมาก เพราะเราถูกฝึกว่ามันเป็นของเรามาโดยตลอด เราคิดผิดมาโดยตลอดว่า ชีวิตนี้ต้องรีบแสวงหาวิชาเพื่อมาหาทรัพย์ให้มากมี หารู้ไม่ว่าวิชาที่ควรจะแสวงคือ วิชาแห่งใจ ต่างหาก ทำอย่างไรถึงจะทำให้ใจรู้จัก ทานด้วยใจ

ทานด้วยใจกับทานด้วยกายเป็นคนละเรื่องกัน ทานด้วยกายคือทำให้โลกปรากฏเฉยๆ ว่า ฉันให้ แต่ทานด้วยใจคือต้องให้ใจรู้ว่า ใจสละคลาย สละคืน สละคลายจากความ ตระหนี่ ที่รัดไว้คิดผิดว่าเป็นของเรา สละคืน ให้รู้ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่ของเราให้คืนเขาไป ให้ใจรู้จัก ศีล ถ้าใจรู้จักศีลก็แปลว่าเกิดอานุภาพของความรู้สึกคำว่า สำรวม และใจต้องรู้จักคำว่า ภาวนา ภาวนาแปลว่าการอบรมใจ อบรมด้วยศีลให้ยิ่งยวดขึ้น แปลว่าใจต้องกำกับอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้เพลินเผลอ สาเหตุที่ใจเพลินเผลอจนหลุดจากศีลก็เพราะมีตัว กาม มาเป็นตัวล่อ เมื่อใดก็ตามที่กามอยู่ใกล้เรา เราอยู่ใกล้กาม ทำให้เกิดความเพลินจนทำให้ใจของเราไม่ตั้งชัดอยู่ที่จะรับรู้ ทุกข์ ที่ปรากฏ เมื่อไม่ตั้งอยู่กับทุกข์ที่ปรากฏ ก็พานทำให้เราแสวงหากามอย่างชนิดสืบทอดต่อเนื่อง พอเราบริโภคกาม ใจเราไม่รับรู้ทุกข์ พอใจไม่รับรู้ทุกข์แต่เวลาไม่เคยหยุด เวลาแห่งความแก่ก็เดินไปเรื่อยๆ เวลาเจ็บก็กำลังทยอยตามมา เวลาตายก็กำลังใกล้เข้ามา ทุกอย่างไม่เที่ยง จึงไม่ได้เตรียมใจรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

สิ่งที่ทำร้ายใจและทำร้ายชีวิตมากที่สุด คือคำว่า ไม่เที่ยง ถ้าเราบอกว่าหนึ่งร้อยแล้วนับถอยหลัง ตอนนี้เราเหลืออายุเท่าไร แต่เผอิญมันไม่ใช่เหลือร้อย ไม่ใช่เหลือหกสิบหรือห้าสิบ มันอาจจะเป็นพรุ่งนี้หรือวันนี้ จึงต้องถามว่า ใจเราอบรมอะไรมาบ้าง เป็นเสบียงที่อบรมอะไรไว้บ้าง หัดฝึกใจให้มีขันติ ความอดทน มีมัชฌิมาปฏิปทา หรือทางสายกลางของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องของการฝึกใจล้วนๆ ไม่ใช่ฝึกกาย คือฝึกใจให้อดทนต่อราคะที่ร้อนกว่าแดด โกรธที่ไหม้กว่าแดด ถ้าใจอดทนตรงนี้ได้จะมีผลทำให้ปฏิเสธกามที่มาชี้ชวน นี่คือ การอบรมใจ เพราะฉะนั้นชีวิตของมนุษย์นั้นวิเศษสุดที่ใจ หมั่นอบรมใจของเราให้รู้ระลึกเสมอว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง เท่านี้เราก็ไม่ทุกข์แล้ว

ที่มา :: คมชัดลึก
ที่มา :: พลังจิตดอทคอม

กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ tongue

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)


แก้ไขล่าสุดโดย ฟ้าใสใส เมื่อ 06 ต.ค. 2010, 21:36, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 40 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร