วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 94, 95, 96, 97, 98, 99, 100 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีเรื่องไม่เขาใจอยากให้อาจารย์ช่วยตอบดังนี้....ขอบคุณครับ

1. คนธรรมคนหนึ่งต้องการมี ศีลคุมใจ จะต้องปฎิบัติอย่างไร ให้มี ศีลคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น และผมไม่เข้าใจคำว่าศีลคุมใจ

2. ถ้าคิดจะถือศีล 8 แต่ว่ายังเรียนร้องรำนาฎศิลป์ วิชาบังคับ เขาให้ร้องให้รำ แต่ถ้าเรียนเพื่อคะแนน ไม่ถือว่าผิดศีล 8 ใช้ไหม

3. ถ้าให้ต้องการได้ สมาธิสูงสุด มีความสุขที่จิตเป็นอิสระ และได้ปัญญาและดับ 3 ต้องปฎิบัติตนอย่างไร

4. บอกตามตรงว่า ศีล(คุมใจ) ไม่ใช้ คุมกาย กับ สัจจะน่ะ (สัจจะคุมใจ) ผมทำไม่ค่อยได้เลย (ได้บ้าง) อยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำหน่อย ผมจะพยายามทำให้ได้ ไม่ต้องตอบก็แต่ ที่พิมพิ์ไปเพราะพิจารณาดูตัวเองเอาที่ทำไม่ได้ เพราะ สัจจะมันต้องคุมใจ

และสุดท้ายนี้ขอขอบคุณอาจารย์สนอง ในทุกส่งทุกอย่าง ( ทาน ศีล ภาวนา ) 3 สิ่งนี้ผมทำทุกวัน อาจจะมีบางวันที่ไม่ได้ทำ ผมขอให้บุญนี้ถึง พ่อแม่ เจ้ากรรมนายเวร และ ครอบครับในชาตินี้ ชาติที่แล้ว สถานที่ที่เคยไปอยู่ เทวดา ครูบาอาจารย์ รวมถึงอาจารย์สนองด้วย และผู้ที่เกี่ยวข้อง กับ กัลยาณธรมมทุกๆคน ขอให้ได้มีความสุข ร่วมทั้งคนที่อ่านคำถามของผม หรือ คำตอบ ขออาจารย์สนองด้วย ผมขอสาธุในบุญน่ะครับ (ตอนนี้ผมรู้สึกดีครับ) (ผมพยายาม กระทำ ทาน ศีล ภาวนา ทุกวัน)

คำตอบ

(๑). จิตหรือใจเป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ที่มีขนาดความถี่คลื่นเล็กมาก จนเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ไม่สามารถตรวจวัดได้ จิตเป็นพลังงานที่มีการเกิด-ดับ จึงสามารถทำหน้าที่ในลักษณะที่เรียกว่า รู้ คิด นึก ฉะนั้นที่บอกว่า “ เอาศีลคุมใจ ” หมายความว่า ทุกขณะที่จิตมีการเกิด-ดับ หรือทุกขณะที่จิตทำหน้าที่ ต้องเว้นจากการคิดฆ่าสัตว์ เว้นจากการคิดลักทรัพย์ เว้นจากการคิดประพฤติผิดในกาม เว้นจากการคิดพูดเท็จ และเว้นจากการคิดดื่มสุราเมรัย อย่างนี้เรียกว่า มีศีลคุมใจอยู่ทุกขณะตื่น

(๒). ผู้ใดคิดจะถือ ศีล ๘ แล้วยังประพฤติละเมิดศีลข้อเจ็ดที่ให้เว้น ฟ้อนรำ ขับร้อง บรรเลงดนตรี ฯลฯ แม้จะประพฤติเพื่อเอาคะแนน ก็ถือได้ว่าผู้นั้นประพฤติศีล ๘ ไม่ครบ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถือศีลแค่ห้าข้อ (ศีล ๕) ก็พอที่จะพัฒนาจิตให้เข้าถึงอริยธรรมขั้นโสดาบันและสกิทาคามีได้แล้ว

(๓). ต้องมีอย่างน้อยศีล ๕ ที่ไม่ขาด ไม่ทะลุ (มีครบ) ไม่ด่าง ไม่พร้อย (ไม่มีกิเลสปนเปื้อน) คุมใจให้ได้ทุกขณะตื่น แล้วนำตัวเองเข้าปฏิบัติสมถภาวนา โอกาสเข้าถึงจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิย่อมเกิดขึ้นได้ โอกาสเข้าถึงปัญญาเห็นแจ้งย่อมเกิดขึ้นได้ และโอกาสเข้าถึงความสุขที่มีจิตเป็นอิสระ ย่อมเกิดขึ้นได้เช่นกัน

(๔). ความศรัทธาในสิ่งดีงาม เกิดขึ้นได้ด้วยการนำตัวเข้าใกล้ผู้ทรงคุณธรรมและเสวนากับท่าน เมื่อใดที่ความศรัทธาเกิดขึ้นแล้ว ย่อมมีพลังผลักดันตัวเอง ให้มีศีลและมีสัจจะคุมใจได้ง่าย ฉะนั้นพึงสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นให้ได้ก่อน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น้องคนหนึ่งที่รู้จักสวดมนต์ไปขณะที่นั่งรอลูกค้าเข้ามาสอบถามหรือขายของ (เพชร) ดิฉันอยากทราบว่าจะผิดบาปมั๊ยคะ ที่หากมีใครบังเอิญเดินเข้าไปขัดจังหวะขณะที่น้องกำลังสวดมนต์อยู่ โดยไม่ทราบว่าน้องได้กระทำการดังกล่าวอยู่

รบกวนอาจารย์ช่วยอธิบายส่ิงที่ควรและไม่ควรด้วยค่ะ และการไม่รู้ของเราที่ไปขัดจังหวะการสวดมนต์ของน้องจะบาปมั๊ยคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ



คำตอบ

ผู้รู้ไม่จริง ชอบเอาเวลาของการทำงานภายนอก (ค้าขายเพชร) มาทำงานให้กับตัวเอง เช่น สวดมนต์ ซึ่งถือว่าเป็นงานภายใน การประพฤติที่ไม่ถูกตรงเช่นนี้ มีผลเป็นบาปเกิดขึ้นกับผู้ประพฤติ ดังนั้นการที่มีคนเข้ามาขัดขวางการประพฤติที่ไม่ถูกตรง ไม่ถือว่าเป็นบาป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นต้องกราบท่านอาจารย์ ที่มีพระคุณต่อชีวิต ในการใช้ชีวิต การปฏิบัติธรรม มีการหลักหรือแก่นในการคิดต่างๆ ให้ถูกต้อง ตรงตามธรรม การให้ทาน การมีศีลคุมใจให้ได้ทุกขณะ การมีความเพียรในการปฏิบัติ การมีสัจจะ บุญกิริยาวัตถุ 10 สิ่งที่ไม่ดีลดละเลิก ไม่ให้เกิด ถ้าเกิดแล้วก็กำจัดให้หมดไปเรื่อยๆ สิ่งที่ดียังไม่ได้ทำให้เพียรทำและสร้าง สิ่งที่ดีอยู่แล้วให้รักษาไว้ การคิดพิจารณาปัญหาต่างๆ จากสิ่งที่กระทบให้รู้เท่าทัน อดทน ต่อสู้กิเลสในใจ

ตอนนี้ทุกวันจะพยายามทำหน้าที่การงาน หน้าที่ทางครอบครัวให้ดีที่สุด ใช้เวลาให้มีค่ามากที่สุด มีเวลาเหลือจะพยายามปฏิบัติ ฟังธรรม สวดมนต์ไหว้พระ ใส่บาตรทำบุญ สังฆทาน ชวนพ่อแม่ฟังธรรม ทำบุญและปฏิบัติ ให้อ่านหนังสือธรรมะ พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องธรรมะ อย่างที่อาจารย์ตอบในหัวข้อ 1511 ว่าธรรมเป็นเครื่องจำแนก ดี ชั่ว ตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนคุณหมอเหมือนกัน ค่อนข้างโดดเดี่ยว เพื่อนน้อยลง พอจะทราบคำตอบแล้ว แต่คิดว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว ต้องเดินต่อไป จะกลับหลังไปเหมือนก่อนไม่ได้บางครั้งอยากสนุกสนานกับเพื่อน แต่มีเหตุให้ไม่สามารถไปได้ หลายๆอย่างเปลี่ยนไป

อยากมีโอกาสทำบุญกับอาจารย์มาก ๆ ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นหลักให้กับเพื่อนมนุษย์เท่าที่จะเป็นไปได้ ฟังธรรมะจากครูบา อาจารย์ หลายๆ ท่าน ถูกจริตกับอาจารย์มากที่สุด เข้าใจง่ายและปฏิบัติได้ ขอบคุณมากค่ะ


คำตอบ


ชีวิตที่ดำเนินไปตามรอยธรรม เป็นดังที่บอกเล่าไป .... สาธุ จงเดินต่อไป และไปให้สุดทางชีวิต

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อาจารย์คะหนูมีเรื่องทุกข์ใจทุกข์กายที่แปลกประหลาด และน่าอับอายมากจะมาขอความเมตตาจากอาจารย์ ช่วยหาวิธีทางแก้ไขให้ด้วยค่ะ

เมื่อ 8 ปีที่แล้วมีอยู่คืนหนึ่งหนูรู้สึกว่ามีอำนาจอะไรบางอย่าง มาบังคับร่างกายหนูให้เคลื่อนไหวค่ะโดยที่หนูเองไม่สามารถเห็นได้เลยว่าเขา คนนั้นเป็นใคร ไม่ได้ยินเสียงและสัมผัสไม่ได้แต่สิ่งนั้นบังคับร่างกายหนูให้เคลื่อนไหวไป เอง (แรงเขาเยอะกว่าหนูค่ะ) และที่สำคัญไม่ได้เคลื่อนไหวทำอย่างอื่นแต่เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อข่มขืนหนู ค่ะ (หนูเป็นโสด และอยู่หอพักคนเดียว ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับชายใดมาก่อนเลยค่ะ)

หนูต้องทนอยู่โดยไม่เข้าใจนี้มาตลอด และได้ขัดขืนเขาแต่ไม่ค่อยสำเร็จค่ะ บางคืนหนูต้องดิ้นรนขัดขืนจนสว่างไม่ได้นอนค่ะ หนูรู้สึกทรมานมากเพราะในเวลาเช้าถึงเย็นต้องไปทำวิจัย (หนูกำลังเรียนปริญญาเอกอยู่ค่ะ) แต่วันไหนเพลียจากการขัดขืนมาทั้งคืนมากๆ ไม่ได้นอนทั้งคืนต้องมาหลับตอนช่วงเช้าก็จะไปทำวิจัยไม่ไหวค่ะ หนูได้แต่ต้องหลอกเพื่อนๆว่านอนไม่หลับ พึ่งจะทานยานอนหลับตอนช่วงใกล้เช้าเลยตื่นไม่ไหวเพราะฤทธิ์ยายังอยู่ค่่ะ แต่ระยะหลังสิ่งนั้นรุนแรงและถี่มากค่ะ ทำให้หนูทรมานมากๆค่ะ และก็รู้สึกว่าการบอกเพื่อนๆอย่างนั้นมันดูพร่ำเพื่อไปแล้วค่ะ จะบอกความจริงกับใครๆไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ หรือเพื่อนๆก็อับอาย และที่สำคัญใครเขาจะเชื่อว่าเป็นไปได้ค่ะ ด้วยเหตุนี้หนูจึงเขียนจดหมายมา เพื่อกราบขอความเมตตาจากอาจารย์ ช่วยแนะนำวิธีแก้ไขให้หนูด้วยค่ะ ถ้ัั่าเขาเป็นเจ้ากรรมยายเวรหนูหนูจะต้องทำบุญอะไรไปให้เขาค่ะ เขาจึงจะอโหสิกรรมเพราะว่าหนูพยายามเดินจงกลม และนั่งสมาธิเพื่ออุทิศบุญกุศลให้เขา (ทำที่หอพักค่ะ) แต่เขาก็ใช้ึกำลังดึงหนูออกมาจากทางจงกลม และการนั่งสมาธิค่ะทำให้ปฏิบัติไม่ได้เลยค่ะ

หนูจึงต้องกราบขอความเมตตาจากอาจารย์ ช่วยแนะนำวิธีที่หนูจะพ้นจากอำนาจนี้ไปได้สักทีค่ะ (จริงๆหนูก็ต้องการทราบด้วยค่ะว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่ถ้าทราบแล้วออกไปจากสิ่งนี้ไม่พ้นหนูก็คิดว่าไม่เกิดประโยชน์อะไรค่ะ) หนูต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ ที่เมตตาอ่านจดหมายฉบับนี้และเมตตาชี้แนะค่ะ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

คำตอบ

กัมมุนา วัตตีโลโก สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม ที่บอกเล่าไปเป็นอกุศลวิบาก ที่เกิดจากผู้ถามปัญหา ได้ประพฤติกรรมไม่ดีไว้ก่อน ปัญหาใดๆจะแก้ไขให้ลุล่วงได้ มิได้แก้ที่อดีต แต่ต้องแก้ที่ปัจจุบัน ด้วยการประพฤติบุญใหญ่ (ปฏิบัติธรรม) ให้เกิดขึ้น แล้วอุทิศบุญใหญ่ใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อใดมีเวลาว่างจากการทำวิจัย หรือเมื่อทำปริญญาจบแล้ว จงหาเวลาสักสิบวัน ไปปฏิบัติธรรมที่วัดมเหยงคณ์ จังหวัดอยุธยา แล้วอุทิศบุญทุกวัน เพื่อใช้หนี้เจ้ากรรมนายเวร แล้วโอกาสพ้นจากปัญหาที่บอกเล่าไป ย่อมเกิดขึ้นได้

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีปัญหาสงสัยและค่อนข้างไม่สบายใจเรื่องหนึ่ง จึงขอเรียนปรึกษาท่านอาจารย์สนองที่เคารพ หนูยังด้อยประสบการณ์ อาจจะทำในสิ่งที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปหรือไม่ หนูไม่อาจทราบได้แต่ไม่ค่อยมั่นใจหลังจากที่ทำไปแล้ว ขอกราบปรึกษาท่านอาจารย์สนองเพื่อโปรดชี้แนะ ถึงแนวทางที่ถูกต้องที่หนูควรปฏิบัติในการนี้ด้วยค่ะ

ปกติหนูจะไปทำบุญที่วัดกับแม่เป็นประจำเกือบทุกวันพระ ที่วัดใกล้บ้าน หากวันใดที่มีกิจธุระไม่สะดวกก็อาจจะไม่ได้ไป เมื่อวันพระที่ผ่านมาในครั้งที่แล้ว หนูได้สังเกตเห็นในโบสถ์วิหารของหลวงพ่อพุทธโสธร (จำลอง) ของวัดนี้ มีพระพุทธรูปพระแก้วมรกตปางสมาธิอยู่สององค์ แต่มีองค์หนึ่งท่านเศียรหักค่ะ เหลือแต่องค์ฐานท่านตั้งอยู่อย่างนั้น และเศียรของท่านก็ตั้งไว้ใกล้ๆกันบนถาดของวัด แต่อีกองค์หนึ่งยังปรกติดีอยู่

ด้วยความสงสัยหนูจึงถามแม่ว่าทำไมท่านจึงมาอยู่ที่ตรงนี้ แต่แม่ของหนูก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับหนูค่ะ เพียงแต่บอกว่าคงมีญาติโยมทำองค์ท่านชำรุดแล้วนำมาตั้งถวายวัดไว้ก็อาจเป็น ได้ แต่ในใจหนูคิดว่า การนำองค์พระพุทธรูปมาถวายวัด ควรจะเป็นองค์ที่สมบูรณ์ปรกติ ไม่ควรเป็นลักษณะแตกหักอย่างนี้ แต่ในใจก็คิดว่าหากลูกศิษย์วัดมาเห็นก็คงจะประดิษฐานท่านไว้ในที่ที่เหมาะสม ต่อไป แต่ต่อมาในวันนี้ ซึ่งผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์แล้ว เมื่อมาที่วัดก็เจอพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวที่ชำรุดยังตั้งอยู่ที่เดิม หนูจึงแน่ใจว่าคงจะไม่มีคนสนใจ หนูจึงไปสอบถามลูกศิษย์วัดคนหนึ่ง ตรงจุดที่ขายดอกไม้ในวัดว่า ที่วัดนี้มีคนดูแลวิหารหลวงพ่อหรือไม่ และเล่าเหตุการณ์พระพุทธรูปที่ชำรุด ให้ลูกศิษย์วัดท่านนี้ฟังและสอบถามว่ามีที่ที่เหมาะสมใหม่หรือไม่ แต่กลับได้คำตอบว่าไม่รู้ และลูกศิษย์วัดท่านนี้ยังกล่าวอีกว่า ชอบมีคนเอาพระพุทธรูปชำรุดมาตั้งทิ้งไว้หลายครั้งแล้ว ย้ายไปหลายทีแล้วก็มีมาตั้งใหม่ เขาบอกว่าพบพระพุทธรูปนี้ตั้งอยู่ที่ใด ก็ให้นำกลับไปตั้งตรงที่เดิมนั้นนั่นแหละ ทำให้หนูเสียความรู้สึกมากค่ะ หนูรู้สึกว่าเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จึงไม่มีคนสนใจเลยหรือไร ทั้งที่วัดคือสถานที่ที่ทุกคนมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ควรช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตา หนูจึงเดินไปถามหลวงพ่อรูปหนึ่ง ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้น ท่านบอกว่าด้านหลังเมรุมีที่ตั้งที่จัดไว้อยู่ ให้ลองเดินไปดูเอง หนูจึงตัดสินใจอัญเชิญท่านเดินไปตามที่หลวงพ่อรูปนั้นบอก จึงพบว่ามีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ และมีพระพุทธรูปที่ชำรุดวางอยู่ก่อนแล้วจำนวนหนึ่ง รวมถึงตุ๊กตาศาลพระภูมิที่แตกหักชำรุดบางส่วนวางอยู่บนโต๊ะนั้นรวมอยู่ด้วย

หนูจึงกราบอัญเชิญท่านประดิษฐานไว้ ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งหนูเข้าใจว่าคงเป็นสถานที่ที่ทางวัด จัดไว้สำหรับการนี้โดยเฉพาะ และกราบขออนุญาตอัญเชิญท่านประดิษฐาน ไว้ที่ตรงนี้แทนค่ะ เมื่อมาถึงบ้านหนูเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังภายหลัง กลับโดนแม่ต่อว่าอย่างรุนแรง ว่าหนูไปเจ้ากี้เจ้าการในเรื่องของวัด ไม่กลัวพระหรือลูกศิษย์วัดเกลียดหรือ ซึ่งหนูรู้สึกเสียใจมากค่ะ เพราะหนูเจตนาดี และต้องการนำท่านไว้ในที่ที่เหมาะสมกว่า

ซึ่งหนูไม่แน่ใจว่าการกระทำของหนูนี้ถูกต้องหรือไม่ เพียงคิดว่าท่านไม่ควรอยู่ที่วิหารของหลวงพ่อโสธร (จำลอง) และแม่ยังต่อว่าหนูว่าใครๆที่มากราบไหว้ก็มองเห็นเหมือนกัน ทำไมเขายังไม่จัดการทำอะไรเลย แล้วทำไมหนูจึงไปทำแบบนี้ แต่ในใจของหนู หนูไม่ได้มีเจตนาจะไปยุ่งหรือเจ้ากี้เจ้าการ เพียงแต่หวังดีอยากทำให้ถูกต้องเท่านั้น ทั้งที่ตอนที่หนูทำหนูมั่นใจว่าหนูทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่เมื่อโดนต่อว่าหนูจึงไม่เหลือความมั่นใจแล้วค่ะ หนูรู้สึกเสียใจมากค่ะอาจารย์ อาจารย์สนองคะ หลังจากที่หนูโดนแม่ต่อว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้หนูไม่สบายใจมาก ไม่รู้ว่าตกลงแล้วหนูทำผิดหรือถูกต้องกันแน่ อยากขอให้อาจารย์สนองโปรดเมตตาชี้แนะหนูด้วยค่ะ ว่าหนูทำผิดไปหรือเปล่า หากทำไม่ถูกแล้วหนูควรแก้ไขอย่างไรคะอาจารย์ เพราะหนูได้นำท่านไปประดิษฐานที่ใหม่ที่หลังเมรุแล้วค่ะ

หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้า สำหรับคำตอบที่ท่านอาจารย์สนอง ได้โปรดเมตตาชี้แนะต่อหนูผู้ด้อยประสบการณ์คนนี้ด้วยนะคะ

คำตอบ

ทำถูกหรือทำผิด ขึ้นอยู่กับปัญญาของผู้กระทำ ผู้ใดคิดว่าทำแล้วดี (ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม) จึงกระทำ อย่างนี้ถือว่าทำแล้วได้บุญ ผู้ใดคิดว่า ทำแล้วไม่ดี (ผิดกฎหมาย ผิดศีล ผิดธรรม) จึงไม่กระทำ อย่างนี้ถือว่าไม่กระทำแล้วได้บุญ ตรงกันข้าม ผู้ใดคิดว่าทำแล้วดี แต่ไม่กระทำ อย่างนี้ถือว่าการไม่กระทำให้ผลเป็นบาป ผู้ใดคิดว่าทำแล้วไม่ดี แต่ได้กระทำ อย่างนี้ถือว่า การกระทำให้ผลเป็นบาป

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธโคดม จึงได้ตรัสในทำนองที่ว่า บุญหรือบาป (ดีหรือชั่ว) ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเอง มิได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของคนอื่น ดังนั้นเหตุที่ผู้ถามปัญหามีความไม่สบายใจ (บาป) เพราะผู้ถามปัญหาไม่เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก่อนอื่นต้องกราบขอขมากรรมต่ออาจารย์ก่อนค่ะ หากได้รบกวนท่าน หรือทำสิ่งใดไม่ดีต่อท่านไป โปรดให้อภัยด้วยนะคะ ข้าพเจ้ามีข้อสงสัยทางธรรม ขอรบกวนอาจารย์กรุณาช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ เนื่องจากข้าพเจ้าได้ปฎิบัติธรรมเอง โดยฟังเทปธรรมะจากพระหลายท่านค่ะ อาทิ หลวงพ่อเกษม เขมรังสี ท่านอาจารย์สนอง หลวงพ่อเหรียญ วรลาโภ หลวงพ่อชยสาโร เป็นต้น ข้าพเจ้าได้ทำ ทาน รักษาศีล 5 ภาวนา ให้ได้ครบทุกวันค่ะ ขอรบกวนเรียนถามท่านอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. ข้าพเจ้าเข้าใจว่า ทุกอย่างเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนันตา ไม่ว่าจะเป็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร จิตวิญญาณ และรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็ไม่ใช่ตัวเรา ของเรา สรุปว่า เราเป็นผู้ไม่มีอะไร จริงๆ แล้วจิตเดิมเราว่างเปล่า ไม่มีักิเลส นิวรณ์ แต่กิเลส นิวรณ์ที่เกิดนี้ เกิดจากจิตปัจจุบัน ได้ปรุงแต่งขึ้นมา เป็นเครื่องกางกั้น ให้เราทุกข์ ไม่ทราบว่าข้อนี้ ข้าพเจ้าเข้าใจ ถูกต้องหรือไม่คะ


2. กายนี้ก็สักแต่ว่าเป็นธาตุ แต่จิตปรุงแต่งสมมติบัญญัติมันว่า เป็นหญิง ชาย คน หรือสัตว์ จริงๆ แล้วก็เป็นแค่สภาวะธาตุ ที่เรามาอาศัยอยู่ชั่วคราว ทำหน้าที่ตามกรรมที่กำหนด และใช้ธาตุขันธ์นี้ ประกอบกรรมดี เมื่อหมดเวลา ธาตุขันธ์นี้ก็คืนสู่ธรรมชาติ เป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ ไม่ทราบว่าข้อนี้ข้าพเจ้าเข้าใจถูกต้องไหมคะ

3. ทุกอย่างบนโลกนี้ ล้วนเป็นสมมติบัญญัติ ตามจิตปรุงแต่ง อาทิ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติต่างๆ หมา แมว จริงๆ แล้ว ทุกอย่างล้วนแต่เป็นสภาวะธาตุ ที่ล้วนอาศัยอยู่ชั่วคราว เพื่อมาทำหน้าที่ตามกรรมที่กำหนด ในแต่ละชาติ (เพราะ บางทีบางชาติ บางคนอาจเกิดมาเป็นภรรยา แต่ชาตินี้มาเป็นพ่อ หรือแม่ หรือพี่น้อง) ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับเราว่า เราจะอาศัยธาตุขันธ์นี้ ทำแต่กุศลกรรมดีหรือไม่ ไม่ทราบข้อนี้ข้าพเจ้าเข้าใจถูกต้องไหมคะ

ขอกราบขอบพระคุณมาล่วงหน้าค่ะ

คำตอบ

(๑). จิตมีหน้าที่ รู้ คิด นึก ผู้ใดใช้จิตที่ตั้งมั่นเป็นสมาธิจวนแน่วแน่ ตามดูขันธ์ ๕ ว่าดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์จริง ปัญญาเห็นแจ้งในขันธ์ทั้งห้าย่อมเกิดขึ้น ปัญหาเรื่องขันธ์ ๕ ย่อมไม่เกิดขึ้นกับจิตของผู้นั้น ตรงกันข้าม ผู้ใดใช้สมองคิดว่าขันธ์ ๕ ดำเนินไปตามกฎไตรลักษณ์ ความสงสัยตามที่ถามไปย่อมเกิดกับผู้นั้น

(๒). ผู้ใดพัฒนาจิต (วิปัสสนาภาวนา) จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว ย่อมเห็นถูกตรงตามธรรมว่า ร่างกายนี้เป็นเพียงธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม มาประชุมกันขึ้นเป็นรูปร่าง ให้จิตได้เข้าอยู่อาศัยและใช้ร่างนี้ทำกิจกรรมให้กับชีวิต ผู้เห็นถูกตรงเช่นนี้ มีพฤติกรรมไม่รังเกียจรูปนามอื่น ย่อมเข้ากันสนิทแนบแน่นกับรูปนามอื่น เช่น คนขอทานที่แต่งกายสกปรก คนบ้า หมาขี้เรื้อน ฯลฯ

(๓). ผู้ใดรู้เห็นเข้าใจชีวิตได้ถูกตรงตามความเป็นจริงแท้ (ปรมัตถสัจจะ) ได้แล้ว ผู้นั้นย่อมไม่สงสัยในสิ่งที่ถามไป ตรงกันข้าม ผู้ใดรู้ความรู้ (สุตมยปัญญา และ จิตตามยปัญญา) แต่ไม่มีความรู้ ผู้นั้นย่อมสงสัยในธรรมวินัยของพระพุทธโคดม ว่ามีจริงเป็นจริงหรือ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูมีปัญหาสงสัยและค่อนข้างไม่สบายใจเรื่องหนึ่ง จึงขอเรียนปรึกษาท่านอาจารย์สนองที่เคารพ หนูยังด้อยประสบการณ์ อาจจะทำในสิ่งที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปหรือไม่ หนูไม่อาจทราบได้แต่ไม่ค่อยมั่นใจหลังจากที่ทำไปแล้ว ขอกราบปรึกษาท่านอาจารย์สนองเพื่อโปรดชี้แนะ ถึงแนวทางที่ถูกต้องที่หนูควรปฏิบัติในการนี้ด้วยค่ะ

ปกติหนูจะไปทำบุญที่วัดกับแม่เป็นประจำเกือบทุกวันพระ ที่วัดใกล้บ้าน หากวันใดที่มีกิจธุระไม่สะดวกก็อาจจะไม่ได้ไป เมื่อวันพระที่ผ่านมาในครั้งที่แล้ว หนูได้สังเกตเห็นในโบสถ์วิหารของหลวงพ่อพุทธโสธร (จำลอง) ของวัดนี้ มีพระพุทธรูปพระแก้วมรกตปางสมาธิอยู่สององค์ แต่มีองค์หนึ่งท่านเศียรหักค่ะ เหลือแต่องค์ฐานท่านตั้งอยู่อย่างนั้น และเศียรของท่านก็ตั้งไว้ใกล้ๆกันบนถาดของวัด แต่อีกองค์หนึ่งยังปรกติดีอยู่

ด้วยความสงสัยหนูจึงถามแม่ว่าทำไมท่านจึงมาอยู่ที่ตรงนี้ แต่แม่ของหนูก็ไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนกับหนูค่ะ เพียงแต่บอกว่าคงมีญาติโยมทำองค์ท่านชำรุดแล้วนำมาตั้งถวายวัดไว้ก็อาจเป็น ได้ แต่ในใจหนูคิดว่า การนำองค์พระพุทธรูปมาถวายวัด ควรจะเป็นองค์ที่สมบูรณ์ปรกติ ไม่ควรเป็นลักษณะแตกหักอย่างนี้ แต่ในใจก็คิดว่าหากลูกศิษย์วัดมาเห็นก็คงจะประดิษฐานท่านไว้ในที่ที่เหมาะสม ต่อไป แต่ต่อมาในวันนี้ ซึ่งผ่านมาอีกหนึ่งสัปดาห์แล้ว เมื่อมาที่วัดก็เจอพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวที่ชำรุดยังตั้งอยู่ที่เดิม หนูจึงแน่ใจว่าคงจะไม่มีคนสนใจ หนูจึงไปสอบถามลูกศิษย์วัดคนหนึ่ง ตรงจุดที่ขายดอกไม้ในวัดว่า ที่วัดนี้มีคนดูแลวิหารหลวงพ่อหรือไม่ และเล่าเหตุการณ์พระพุทธรูปที่ชำรุด ให้ลูกศิษย์วัดท่านนี้ฟังและสอบถามว่ามีที่ที่เหมาะสมใหม่หรือไม่ แต่กลับได้คำตอบว่าไม่รู้ และลูกศิษย์วัดท่านนี้ยังกล่าวอีกว่า ชอบมีคนเอาพระพุทธรูปชำรุดมาตั้งทิ้งไว้หลายครั้งแล้ว ย้ายไปหลายทีแล้วก็มีมาตั้งใหม่ เขาบอกว่าพบพระพุทธรูปนี้ตั้งอยู่ที่ใด ก็ให้นำกลับไปตั้งตรงที่เดิมนั้นนั่นแหละ ทำให้หนูเสียความรู้สึกมากค่ะ หนูรู้สึกว่าเพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเอง จึงไม่มีคนสนใจเลยหรือไร ทั้งที่วัดคือสถานที่ที่ทุกคนมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ควรช่วยกันดูแลเป็นหูเป็นตา หนูจึงเดินไปถามหลวงพ่อรูปหนึ่ง ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้น ท่านบอกว่าด้านหลังเมรุมีที่ตั้งที่จัดไว้อยู่ ให้ลองเดินไปดูเอง หนูจึงตัดสินใจอัญเชิญท่านเดินไปตามที่หลวงพ่อรูปนั้นบอก จึงพบว่ามีโต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ และมีพระพุทธรูปที่ชำรุดวางอยู่ก่อนแล้วจำนวนหนึ่ง รวมถึงตุ๊กตาศาลพระภูมิที่แตกหักชำรุดบางส่วนวางอยู่บนโต๊ะนั้นรวมอยู่ด้วย

หนูจึงกราบอัญเชิญท่านประดิษฐานไว้ ณ ที่แห่งนั้น ซึ่งหนูเข้าใจว่าคงเป็นสถานที่ที่ทางวัด จัดไว้สำหรับการนี้โดยเฉพาะ และกราบขออนุญาตอัญเชิญท่านประดิษฐาน ไว้ที่ตรงนี้แทนค่ะ เมื่อมาถึงบ้านหนูเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟังภายหลัง กลับโดนแม่ต่อว่าอย่างรุนแรง ว่าหนูไปเจ้ากี้เจ้าการในเรื่องของวัด ไม่กลัวพระหรือลูกศิษย์วัดเกลียดหรือ ซึ่งหนูรู้สึกเสียใจมากค่ะ เพราะหนูเจตนาดี และต้องการนำท่านไว้ในที่ที่เหมาะสมกว่า

ซึ่งหนูไม่แน่ใจว่าการกระทำของหนูนี้ถูกต้องหรือไม่ เพียงคิดว่าท่านไม่ควรอยู่ที่วิหารของหลวงพ่อโสธร (จำลอง) และแม่ยังต่อว่าหนูว่าใครๆที่มากราบไหว้ก็มองเห็นเหมือนกัน ทำไมเขายังไม่จัดการทำอะไรเลย แล้วทำไมหนูจึงไปทำแบบนี้ แต่ในใจของหนู หนูไม่ได้มีเจตนาจะไปยุ่งหรือเจ้ากี้เจ้าการ เพียงแต่หวังดีอยากทำให้ถูกต้องเท่านั้น ทั้งที่ตอนที่หนูทำหนูมั่นใจว่าหนูทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่เมื่อโดนต่อว่าหนูจึงไม่เหลือความมั่นใจแล้วค่ะ หนูรู้สึกเสียใจมากค่ะอาจารย์ อาจารย์สนองคะ หลังจากที่หนูโดนแม่ต่อว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ทำให้หนูไม่สบายใจมาก ไม่รู้ว่าตกลงแล้วหนูทำผิดหรือถูกต้องกันแน่ อยากขอให้อาจารย์สนองโปรดเมตตาชี้แนะหนูด้วยค่ะ ว่าหนูทำผิดไปหรือเปล่า หากทำไม่ถูกแล้วหนูควรแก้ไขอย่างไรคะอาจารย์ เพราะหนูได้นำท่านไปประดิษฐานที่ใหม่ที่หลังเมรุแล้วค่ะ

หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์ล่วงหน้า สำหรับคำตอบที่ท่านอาจารย์สนอง ได้โปรดเมตตาชี้แนะต่อหนูผู้ด้อยประสบการณ์คนนี้ด้วยนะคะ

คำตอบ

ทำถูกหรือทำผิด ขึ้นอยู่กับปัญญาของผู้กระทำ ผู้ใดคิดว่าทำแล้วดี (ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม) จึงกระทำ อย่างนี้ถือว่าทำแล้วได้บุญ ผู้ใดคิดว่า ทำแล้วไม่ดี (ผิดกฎหมาย ผิดศีล ผิดธรรม) จึงไม่กระทำ อย่างนี้ถือว่าไม่กระทำแล้วได้บุญ ตรงกันข้าม ผู้ใดคิดว่าทำแล้วดี แต่ไม่กระทำ อย่างนี้ถือว่าการไม่กระทำให้ผลเป็นบาป ผู้ใดคิดว่าทำแล้วไม่ดี แต่ได้กระทำ อย่างนี้ถือว่า การกระทำให้ผลเป็นบาป

ด้วยเหตุนี้ พระพุทธโคดม จึงได้ตรัสในทำนองที่ว่า บุญหรือบาป (ดีหรือชั่ว) ขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเอง มิได้ขึ้นอยู่กับคำพูดของคนอื่น ดังนั้นเหตุที่ผู้ถามปัญหามีความไม่สบายใจ (บาป) เพราะผู้ถามปัญหาไม่เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 07:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ย. 2010, 16:27
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบเรียนด้วยความเครพ

ผมขอรบกวนท่าน อธิบายส่วนนี้เพิ่มเติมครับ
ควรลบทิ้งโปรแกรมจิตที่เป็นอกุศลให้หมดไป ถ้าไม่ลบทิ้งโปรแกรมฯนี้ยังฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกไม่มีปัญญา
ถ้าโปรแกรมโผล่ขึ้นในจิตสำนึกและให้ผลไม่ดี เจ้าของโปรแกรมอกุศลนี้จะเดือดร้อนเป็นทุกข์
ฉะนั้นต้องเจริญอินทรีย์พละ5 ให้แก่กล้าแล้วพิจารณา
โปรแกรมอกุศลตามกฎไตรลักษณ์เพื่ออกุศล เข้าสู่อนัตตา และไม่กลับมาปรากฏในจิตอีกแสดงว่า
โปรแกรมอกุศลถูกลบทิ้งไปแล้ว เราก็จะมีใจที่เป็นสุขตลอดไป

ถ้านำเรื่องอกุศลมาคิด บ่อยๆไม่บาปหรือครับ

ผมฟังธรรมะของท่านหลายตอน ชอบมาครับ ขอคุณที่ให้ธรรมะแก่ผมครับ
สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 07:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ย. 2010, 16:27
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านธรรมะแล้วนำไปบอกแม่ แต่บางครั้งเราไปสอนแม่เรื่องธรรมะ แล้วทำให้ท่านรู้สึกโกรธ
เช่นเรื่อ ความตะหนี่ คืออยากให้ท่านใช้เงินอย่างมีความสุข กลัวท่านติดความตะหนี้ก่อนตาย
แต่ท่านรู้สึกโกรธนิดหนึ่ง เราเลยรู้สึกว่า
ใจหนึ่งก็ไม่อย่างเอาธรรมมะไปให้ท่านอีกแล้ว กลัวท่านโกรธแล้วเราจะบาป
ใจหนึ่งเห็นท่านเป็นทุกข์(ท่านมักโกรธ และ ย่ำคิดยำทำ) และเรารู้ดีว่ามีแต่ธรรมะเท่านั้นที่จะ
ช่วยท่านได้

เรียนท่านผู้รู้ เราควรทำอย่างไรดี(ใจหนึ่งของเราก็อย่ากได้บุณ(จากพระอรหัตแต่หลังๆเริ่มรู้สึก
อยากทำให้แม่พ้นทุกข์มากกว่าแล้ว)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 04:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้ครอบครัวหนูกำลังมีความทุกข์มาก เนื่องจากสุนัขพันธ์ไทยที่ข้าพเจ้าเลี้ยงมา อายุประมาณ 5 ปี เมื่องปลายปีที่แล้ว สุนัขของข้าพเจ้าโดนทำร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และตั้งแต่นั้นก็เดินไม่ได้ พิการขาสองข้างด้านหลังใช้งานไม่ได้ ควบคุมอุจาระและปัสวะไม่ได้ ทุกครั้งที่กินหรือดื่มเข้าไปก็ปล่อยออกมาด้านหลัง ต้องล้างทำความสะอาดวันละ 4-5 รอบ และ ต้องใส่ผ้าออ้มผู้ใหญ่ไว้เป็นประจำ เป็นที่ปวดร้าวหัวใจแก่คนในครอบครัวมาก นั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่หนูจะ ถานท่าน ปัญหามันอยู่ที่ ตอนนี้ ขาของสุนัขของข้าพเจ้า เน่าและ หัก เกิดจากการที่เขากัดแทะเท้าเขาเอง และ เกิดการอักเสบบวม เขากัดนี้ตัวเองขาดและ แทะกระดูกขาหลังของตัวเอง มีเพื่อนหลายคนที่เขาแนะนำให้ข้าพเจ้าพาไปฉีดยาให้เขาหลับไปเสียเพราะเขาคง ทรมานมาก

เนื่องจากเป็นปีแล้วแต่ข้าพเจ้ายังทำใจไม่ได้และกลัวบาปมาก ไม่รู้ว่าถ้าปล่อยให้เขาเป็นอย่างนี้กับ ให้หมอฉีดยาให้เขาไป อย่างไหนบาบปมากกว่ากันค่ะ ขอความกรุณาจากท่านอาจารย์ด้วยค่ะ เพราะหนูทรมานมากเลยเวลาเห็นเขา พาไปหาหมอหลายครั้งแล้วค่ะ แตไม่หาย

หนูจะให้เขาไป หรือต้องทนดูเขาเป็นอย่างนี้ต่อไปดีค่ะ ?

กราบขอบคุณอาจารย์ มาก ค่ะ



คำตอบ

สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม สุนัขเป็นสัตว์โลกที่อยู่ในภพดิรัจฉาน สุนัขมีกรรมเป็นของตัวเอง หากผู้เป็นเจ้าของนำพาสุนัขไปให้สัตว์แพทย์ฉีดยาให้สุนัขตาย เท่ากับว่าผู้เป็นเจ้าของเข้าไปร่วมกระทำอกุศลกรรมกับสุนัข ถือว่าเป็นบาป ตรงกันข้าม ผู้รู้เอาสุนัขเป็นครูสอนใจตัวเองว่า ผู้ใดประพฤติชั่วไว้ก่อนแล้ว เมื่อใดที่กรรมชั่วให้ผล ผู้ทำกรรมชั่ว (สุนัข) ย่อมต้องเสวยผลแห่งอกุศลวิบากนั้น ผู้รู้จะไม่ประพฤติเช่นเขา อย่างนี้ถือว่าเป็นบุญ ผู้ไม่รู้หรือผู้มีจิตอ่อน (สติอ่อน) ย่อมเอาบาปของสุนัขมาเป็นบาปของตัว .... ไม่ฉลาดเลย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 04:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าพเจ้ามีเรื่องรบกวนอ.ช่วย แนะนำค่ะ
ข้าพเจ้าจะนำอัฐ กระดูกของบิดา ไปทำอย่างไรดีค่ะ

ที่ข้าพเจ้าคิดไว้คือจะนำไปลอยอังคารส่วนหนึ่ง และ จะนำไปโปรยในพื้นดินส่วนหนึ่ง
ท่านอาจารย์ว่าเหมาะสมหรือไม่ค่ะ

มีญาติบอกว่าให้นำไปไว้ที่วัดเพื่อที่จะได้ ไปทำบุญให้ตามเทศกาลด้วย แต่ข้าพเจ้าอยากให้อัฐ ได้กลับคืนสู่ธรรมชาติดังเดิมน่ะค่ะ

รบกวนอ.ช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ

คำตอบ


ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่มาประชุมเป็นรูป (ร่างกาย) ให้จิตเข้าอยู่อาศัย ใช้ทำกิจกรรมของชีวิตชั่วคราว เมื่อถือวาระที่จำเป็นต้องทิ้งร่าง ผู้รู้ไม่เอาจิตเข้าไปผูกติดเป็นทาสอยู่กับ ดิน น้ำ ไฟ ลม ที่เป็นสมบัติโลก ดังนั้นสิ่งที่ผู้ถามปัญหาบอกเล่าไป แสดงว่าผู้ถามปัญหาเป็นผู้รู้จึงคิดเช่นนั้น หากเมื่อใดประพฤติได้ตรงความคิดแล้ว ... สาธุ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 04:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำอย่างไรที่จะส่งบุญให้ผู้วายชนม์ได้ดีที่สุด
ดิฉันมีข้อสงสัยว่า ทำไมน้องชายซึ่งปกติเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรงมากๆ ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรมากมายเป็นคนดี จิตใจดี ไม่เคยทำร้ายใคร มีเพื่อนและคนรักมากมาย ถึงต้องจากไปเร็วแบบนี้

กล่าวคือเมื่อวันที่ 20 สิงหา 53 ที่ผ่านมาเข่าไม่สบาย ก็ยังเดินไปเข้าโรงพยาบาลเองได้ และภายในวันรุ่งขึ้นก็ทราบผลว่าเป้นโรคร้ายแรง ( Acute Leukemia) ซึ่งหมอก็วางแผนการรักษา บอกว่ามีโอกาสหาย 80 % พอวันที่ 23 สค. ที่เริ่มทำคีโม

รุ่งเช้าวันที่ 24 สค เขามีอาการปวดหัวรุนแรง หมอย้ายเข้าห้อง ICU พบว่ามีเลือดออกในสมองต้องผ่าตัด ขณะที่เตรียมผ่าสมอง ภายในไม่กี่ชั่วโมง เลือดก็ออกมาปิดก้านสมอง ทำให้หลับและร่างกายไม่มีการสนองตอบใดๆ อยู่ได้ด้วยเครื่องหายใจ จนถึงวันที่ 28 สค ก็จากไป

ก่อนหน้านี้ประมาณเดือนนึง ซึ่งเป็นวันเกิด ก็ได้ทำบุญถวายสังฆทาน และพระพุทธรูป แล้วยังคุยกันว่า อยากให้ไปปฏิบัติธรรม กำลังหาวันว่างในเดือนกันยายน ซึ่งน้องชายก็รับปากจะไป

ตอนนี้ดิฉันควรจะทำบุญอะไร หรือทำอย่างไร ที่จะได้ส่งบุญกุศลไปให้เขาได้บุญและได้ไปสู่ภพภูมิที่ดี

ขอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะด้วยคะ

กราบขอบพระคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยคะ


คำตอบ

ผู้ใดเคยประพฤติทุศีลข้อปาณาติบาตมาก่อน เมื่อกรรมให้ผล การเจ็บป่วยและมีอายุสั้นย่อมเป็นผลแห่งกรรมนั้น หากผู้ถามปัญหาประสงค์อุทิศบุญให้ผู้ล่วงลับ ย่อมทำได้ด้วยการประพฤติบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ เมื่อประพฤติแล้วบุญย่อมเกิดขึ้น แล้วสามารถอุทิศบุญให้ผู้ตายได้ ส่วนผู้ตายจะได้รับบุญนั้นหรือไม่ ขึ้นอยู่กับภพที่จิตวิญญาณของเขาโคจรไปสู่ อาทิ ภพที่เป็นปรทัตตูปชีวีเปรต รวมถึงภพที่เป็นอมนุษย์อื่นที่สามารถรับสื่อการอุทิศบุญ ต้องการบุญจากการอุทิศ และมาอนุโมทนาบุญ อมนุษย์เหล่านั้นย่อมสามารถรับบุญได้ และยิ่งไปกว่านี้บุญยังสามารถอุทิศให้กับมนุษย์ที่ยังไม่ตายได้ ด้วยมีผู้อุทิศ มีบุญที่อุทิศ มีผู้มาอนุโมทนาบุญ เมื่อปัจจัยทั้งสามนี้ถึงพร้อม ความสำเร็จในการอุทิศบุญ ย่อมเกิดขึ้น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 04:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีเรื่องให้อาจารย์ช่วยเหลือดั่งนี้ครับ

ผมเป็น นักเรียน ชั้น ม. 4 ( ฆราวาส ผู้มีกิเลสตัณหา ในกามคุณ และ รูป เสียง สัมผัส จิตนาการ รสของมาร)

1. ผมมีปัญหากับการปฎิบัติธรรม คือ ผมปฎิบัติธรรมไม่ขึ้นเลย อยากทราบว่า ผู้ที่ปฎิบัติธรรมขึ้นต้องมีคุณสมบัติใดบ้างและผมมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ แต่ผมคิดว่าผมจัดการได้ไม่เกี่ยวกัน ผมอยากจะเข้าถึงธรรมให้ได้ครับ (สมาธิระดับ 3 หรือ ปัญญา ระดับสาม) เคยเอาชีวิตเข้าแรก แต่แพ้ตลอดทำให้ผมเสียทั้งสัจจะ และ ความอดทน ครับ ผมจะพยายามต่อไป อาจารย์ช่วยผมด้วยน่ะครับขอบคุณครับ

2. ต้องขอโทษถ้าจะถามว่า ผู้ทีสำเร็จความใคร่จะเข้าถึงธรรมได้ไหม และยังพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง อยู่ เข้าถึงธรรมได้ไหม หรือ ว่าผมต้องมี สำรวมอินทร์ ถึงจะแก้ปัญหาความพอใจเหล่านี้ได้

3. ผมอยากได้สมาธิระดับสาม เพราะจะทำให้การเรียนดีขึ้น แน่นอน ผมจะพยายามต่อไปครับ

ป.ล. ถ้าได้รับคำตอบนี้แล้ว ผมหวังอย่างยิ่งว่า จะทำให้ ผมเข้าถึงธรรมได้...สาธุ

คำตอบ

(๑). ใจที่มีศีลไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นใจที่พัฒนาให้เข้าถึงความตั้งมั่นเป็นสมาธิได้ง่าย ดังนั้นผู้ถามปัญหาต้องพัฒนาใจให้เป็นดังที่กล่าวให้ได้ก่อน แล้วจึงนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรม แนะนำให้ผู้ถามปัญหาไปดู Life Museum ที่วัดพระบาทน้ำพุ จังหวัดลพบุรี แล้วโอกาสที่จิตจะสงบระงับ ย่อมเกิดขึ้นได้

(๒).วิสาขาโสดาบันแต่งงานแล้วมีลูกได้ถึง ๒๐ คน แสดงว่าวิสาขายังข้องอยู่กับกามราคะ ดังนั้นสิ่งที่บอกเล่าไป ยังมีโอกาสเข้าถึงธรรมได้ หากนำตัวเองเข้าปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

(๓). ต้องเอาศีลตามที่กล่าวไว้ในข้อ (๑). มาคุมใจให้ได้ก่อน แล้วประพฤติเหตุให้ตรง ความสมปรารถนาย่อมเกิดขึ้นได้ ตรงกันข้าม สิ่งที่ปรารถนาย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ด้วยความอยาก (ตัณหา)

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 04:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบเรียนคุณพ่อสนองที่เคารพครับ
ลูกขอถามดังนี้ครับ

1. อยากจะถามว่าลูกจะได้บวชแบบไม่สึกไหมครับในชีวิตนี้ แต่เนื่องจากขอภริยาไปบวชแต่เขาก็ยังไม่ให้ไปครับ มันเหมือนมีโซ่ที่มองไม่เห็นมาคอยเหนี่ยวรั้งไว้ครับ แต่อย่างไรก็ตามลูกก็จะปฏิบัติธรรมให้ได้ทุกวันครับเพื่อเตรียมตัวตายครับ เพราะไม่รู้ว่าลูกจะตายเมื่อไหร่ครับ และเวลาลูกสวดมนต์นั่งสมาธิเสร็จลูกก็จะแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้กับคุณพ่อด้วย นะครับ

2. เวลาลูกอุทิศส่วนบุญให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ลูกจะอุทิศบุญให้กับเทวดาและสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองคนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ไหมครับ คนเราทุกคนจะมีเทวดาประจำตัวคุ้มครองหรือไม่ครับ

ลูกขอกราบขอบพระคุณคุณพ่อที่ให้ลูกมีธรรมะติดตัวครับ


คำตอบ

สาธุ
(๑). การปฏิบัติธรรมสามารถปฏิบัติได้ในทุกสถานที่ที่มีความเหมาะสม (สัปปายะ) ดังนั้นเมื่อผู้ถามปัญหายังมีภาระครอบครัว ควรทำหน้าที่ครอบครัวให้สมบูรณ์ คือปฏิบัติธรรมอยู่ที่บ้าน แล้วใช้เวลาที่ว่างจากภารกิจของครอบครัว มาทำงานให้กับตัวเอง โอกาสเข้าถึงธรรมย่อมเกิดขึ้นได้

(๒). ได้ครับ ผู้มีศีลมีธรรมคุ้มครองใจอยู่ทุกขณะตื่น ย่อมมีเทวดาคุ้มรักษา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ย. 2010, 04:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หนูได้มีโอกาสฟังเทปธรรมบรรยายของท่านอาจารย์จาก Website กัลยาณธรรมหลายๆเรื่องแล้วนำไปปฏิบัติในชีวิต ทำให้หนูได้รู้จุดมุ่งหมายในชีวิตของตัวเองว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร จากคำพูดของท่านอาจารย์ที่ว่า " ไม่เชื่อลองไปพิสูจน์ดูสิ" หนูได้ลองทำตามหลังจากตัวเองฟังเรื่องอธิษฐานบารมีจบ ได้อธิษฐานขอพบเจอและได้ไปกราบท่านอาจารย์ดร.สนอง วรอุไร ในใจก็คิดว่าคงยากน่าดู แต่ก็ได้พยายามปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา ทำองค์ประกอบให้ครบตามที่ท่านอาจารย์บอก โดยมีศีล มีสัจจะกำกับ

หลังจากนั้นแค่สองอาทิตย์เท่านั้นเอง ได้มีโอกาสไปฟังธรรมบรรยายจากท่านอาจารย์ตัวจริงเสียงจริง อาจารย์มาเองเลย ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหน ที่โรงเรียนอนุบาลชัยนาท ในใจปีติมากที่ได้มีโอกาสพบครูบาอาจารย์ ระหว่างที่ฟังก็ถามปัญหาในใจ เพราะรู้ว่าอาจารย์ต้องรู้ว่าเราถาม(นั่งแถวหน้าสุดเลยค่ะ) และก็ได้รับคำตอบจากอาจารย์จากธรรมบรรยายนั่นเอง หลังจากท่านอาจารย์บรรยายจบก็ได้มีโอกาสเข้าไปกราบอาจารย์ สาธุ ขอให้เจริญๆ นั่นเป็นคำกล่าวของอาจารย์ที่เป็นกำลังใจให้หนูพยายามเร่งปฏิบัติธรรมให้ตรง ตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ หนูมีคำถามเรียนถามอาจารย์ดังนี้ค่ะ

1. นั่งสมาธิ จิตตามดูลมหายใจพอง-ยุบ จนเกิดเวทนาที่ขา กำหนด ปวดหนอๆ ไปเรื่อยๆ ปวดมากทนไม่ไหวเหมือนเข่าจะแตก จนจิตตามดูอาการปวดรู้ว่ามันปวดที่ขา ไม่ได้ปวดที่จิต นั่งดูมันปวดเฉยๆ โดยที่จิตไม่ได้ไปเกาะกับอาการปวดนั้น ทำไมเหมือนมีตัวรู้อีกตัวดูจิตกับกายอยู่ แล้วเราคือตัวไหนคะ จนจิตรู้สึกเฉยๆอาการปวดก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง รู้สึกเบาสบาย โล่ง เหมือนไม่มีลมหายใจ จิตก็จะนิ่งๆเหมือนหายไป เกิดเพียงชั่วแวบเดียว จากนั้นก็จับพอง-ยุบได้ตามเดิมจนครบเวลา หนูปฏิบัติได้ถูกรึเปล่าคะ

2. มาตรวัดในการประพฤติปฏิบัติธรรมของคนที่ปฏิบัติอยู่ที่บ้านว่าปฏิบัติได้ถูก ตรงตามคำสอนของพระพุทธะ มีอะไรบ้างคะ

3. หนูคิดว่าหนูต้องมีครูบาอาจารย์อยากให้อาจารย์ช่วยแนะนำสถานที่ปฏิบัติธรรม ให้ด้วยค่ะหนูอยู่จังหวัดชัยนาท

สุดท้ายนี้หนูขอกราบขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้ง ที่ได้สละเวลาตอบคำถาม และจะพยายามปฏิบัติให้ได้ตามที่อาจารย์สั่งสอนค่ะ เพื่อพิสูจน์ความจริงที่อาจารย์ได้บอกไว้

คำตอบ

(๑). เรา คือจิตที่มีตัวรู้นั่นเอง ปฏิบัติธรรมถูกทางแล้ว รักษาปฏิปทาเช่นนี้ให้คงอยู่ตลอดไป ด้วยการพัฒนาจิตให้มีกำลัง (พละ๕) อยู่เสมอ

(๒). มาตรชี้วัดการปฏิบัติธรรมที่บ้าน ต้องปฏิบัติให้ถูกตรงตามหลักตัดสินธรรมวินัย ๘ ประการ ตามที่พระพุทธโคดมได้ประทานให้กับพระมหาปชาบดีภิกษุณีในครั้งพุทธกาล ดังนี้
๑. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องมีจิตคลายกำหนัด มิใช่เพื่อเสริมความยึดติด หรือเสริมความติดใคร่
๒. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง จิตต้องไม่ทุกข์ จิตหมดเครื่องผูกรัด มิใช่เพื่อผูกรัดหรือประกอบด้วยทุกข์
๓. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง กิเลสต้องลด มิใช่เพื่อเพิ่มพูนกิเลส
๔. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องมีจิตมักน้อย มิใช่เพื่อความมักมากหรืออยากใหญ่
๕. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องมีจิตเป็นสันโดษ มิใช่มีจิตไม่สันโดษ
๖. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องมีจิตสงัด มิใช่เพื่อความคลุกคลีหมู่คณะ
๗. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องทำให้ความเพียรเพิ่ม มิใช่มีความขี้เกียจเพิ่ม
๘. ปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง ต้องเป็นผู้เลี้ยงดูง่าย มิใช่เป็นผู้เลี้ยงดูยาก
(เหล่านี้เป็นธรรม เป็นวินัย เป็นคำสอนของพระพุทธะโคดม)

(๓). แนะนำให้ไปปฏิบัติธรรมที่ วัดมเหยงคณ์ จังหวัดอยุธยา

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 94, 95, 96, 97, 98, 99, 100 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร