วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 02:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=19



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 22:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




6_3832_1282509494.jpg
6_3832_1282509494.jpg [ 97.1 KiB | เปิดดู 2168 ครั้ง ]
“โกรธ” อย่างไรให้เกิดปัญญา” เรื่องโดย Soulless

“ Let not the sun go down upon your wrath ” อย่าปล่อยให้ดวงอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไป
ทั้งที่คุณยังโกรธอยู่



อ่านภาษิตบทนี้แล้ว หลายคนคงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์บ้านเมืองที่เพิ่งผ่านมา หลายวันเหลือเกิน ที่คนไทยปล่อยให้ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปพร้อมกับความโกรธเกลียดเคียดแค้น ที่มีต่อผู้คนบนแผ่นดินเดียวกัน และที่น่าเศร้ากว่านั้นก็คือ แม้ดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าในเช้าวันใหม่ แต่ความโกรธก็ยังไม่ลดหายไป แล้วหนำซ้ำยังเพิ่มดีกรีกลายเป็นความรุนแรงหลายรูปแบบ กลายเป็นไฟ เป็นระเบิดเป็นกระสุนปืน

หากถามว่าเปลวไฟที่ลุกไหม้บ้านเมือง มีต้นเพลิงมาจากที่ใด จากยางรถยนต์ จากเศษไม้ จากวัตถุไวไฟ ใช่หรือไม่

ขอตอบดังๆตรงนี้ว่า ไม่ใช่หรอก เพราะ “ต้นเพลิง” ที่แท้จริงนั้นคือความโกรธที่สุมอยู่ในใจคนต่างหาก

ไฟโกรธปะทุขึ้นได้อย่างไร

สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต ได้ให้คำจำกัดความไว้ว่า ความโกรธเป็นอารมณ์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน มักมีสาเหตุมาจากความคับข้องใจ ความหงุดหงิดรำคาญจากการถูกรบกวน ถูกคุกคาม ถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ตลอดจนความสูญเสียความผิดหวัง ความอิจฉาริษยา ความรู้สึกกกว่าตนเองโชคร้าย หรือแม้กระทั่งความกลัว

เป็นธรรมดาที่ความรู้สึกในเชิงลบ ทำให้คนเรารู้สึกโกรธหรือไม่พอใจ แทบไม่มีวันไหนเลย ที่มนุษย์ปุถุชนจะไม่โกรธ ลำพังแค่ฝนตก รถติด เพื่อนผิดนัด ความโกรธก็มาเยือนคุณอย่างง่ายดาย แต่หากสังเกตดูให้ดีจะเห็นว่า ความโกรธนั้นเป็นอารมณ์ที่รุนแรงก็จริง แต่ก็เกิดง่าย หายเร็ว มีคนเปรียบความโกรธว่า เป็นไฟที่ติดง่าย ลุกลามไว ทว่าก็ไม่ร้ายแรงจนเกินจะดับ

พิษสงของความโกรธนั้นอยู่ที่ว่า ไฟก็คือไฟ แม้จะลุกไหม้เพียงไม่นาน แต่ไฟก็เผาทำลายสรรพสิ่งให้มอดไหม้ได้ ความโกรธก็เช่นเดียวกัน แม้จะโกรธเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ แต่หากคุณดับไฟโกรธไม่ทัน (หรือไม่คิดจะดับ) ชั่วเวลาสั้นๆ นั้นก็ยาวนานพอ ที่คุณจะสั่งให้ปืนหรือระเบิดผลาญทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง



ไฟโกรธเผาอะไรได้บ้าง

แม้ความโกรธจะเป็นเพียงอารมณ์ ซึ่งมีลักษณะเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ ทว่าความสูญเสียอันเป็นผลงานของความโกรธนั้น ปรากฎเป็นรูปธรรมให้เห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

เหตุทะเลาะวิวาท อาชญากรรม สงคราม และการก่อการร้าย ล้วนแล้วแต่เป็นโศกนาฏกรรมที่ก่อกำเนิดจากความโกรธแทบทั้งสิ้น ไฟโทสะที่ไร้ตัวตนนี้สามารถเผาบ้าน เผาครอบครัว เผาชุมชุน เผาสังคม เผาประเทศ เผาเผ่าพันธุ์ เผาโลก และเผาชีวิตให้แตกดับวอดวายลงไปอย่างน่าสลดใจ
แต่ทั้งที่รู้ว่าจะทำให้เหตุการณ์ที่แย่อยู่แล้ว ยิ่งย้ำแย่หนักลงไปอีก หลายคนก็ยังเลือกที่จะรับมือกับความ โกรธด้วยการโกรธตอบ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากการดับไฟด้วยน้ำมัน

มนุษย์ผู้มีสติและปัญญาย่อมรู้ว่า การเต้นตามความโกรธ ไม่ใช่หนทางที่จะนำพาไปสู่สิ่งใดเลย นอกจากความสูญเสีย

ความไม่โกรธเป็นลาภอันประเสริฐ

ข้อมูลทางการแพทย์ยืนยันว่า ขณะที่เราโกรธ ร่างกาจจะขับสารอะดรีนาลินออกสู่กระแสโลหิต สารนี้จะกระตุ้นประสาท ทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น ฯลฯ การเก็บอารมณ์โกรธไว้โดยไม่ยอมปล่อยวาง อาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางจิตใจ คือเป็นโรคไซโคโซมาติค ( Psychosomatic ) ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติทางร่างกาย เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นแผลในกระเพาะอาหาร อุจจาระเป็นเลือด หรือเป็นโรคผิวหนังบางอย่าง เป็นต้น

หยุดโกรธให้ทัน ก่อนที่มันจะลุกลาม

ตั้งแต่เล็กจนโต คนเราล้วนเคยโกรธมานับครั้งไม่ถ้วน และคงมีบางครั้งใช่ไหม ที่ความโกรธทำให้คุณตกอยู่ในภาวะ “โกรธคือโง่ ก็รู้ โมโหคือบ้า ก็รู้ แต่ยั้งใจไว้ไม่อยู่ ทำอย่างไรได้” สุดท้ายก็เผลอตัวทำอะไรแย่ๆลงไป จนต้องมานั่งเสียใจและโกรธตัวเองซ้ำๆในภายหลัง เพื่อไม่ให้คุณพลาดพลั้ง เพราะยับยั้งความโกรธไว้ไม่ทัน จึงมีวิธีดับไฟโกรธแบบปัจจุบันทันด่วนมาฝาก

1. ตามหาความโกรธให้เจอ ความโกรธอุปมาเหมือนสัตว์ป่า ถ้ามีคนไปพบเจอเมื่อไร มันจะรีบหนีไปทันที เพราะฉะนั้นทันทีที่เริ่มรู้สึกขึ้งเคียดไม่พอใจ ให้คุณเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการยอมรับว่า ตนเองกำลังรู้สึกโกรธ ถ้าโกรธจนปวดท้อง ให้คุณกำหนดจิตรับรู้อาการปวดท้อง ใช้เวลาตามหาและระลึกรู้อารมณ์โกรธของตัวเองสักพัก แล้วความโกรธจะหายไป โดยที่คุณแทบไม่ต้องทำอะไรเลย

2. ถามตัวเองว่า “ต้องการเอาชนะศัตรู” หรือ “ต้องการเอาชนะความโกรธ” ถ้าคุณตอบว่า “ต้องการาเอาชนะศัตรู” ละก็ ขอให้คุณเตรียมเผาตัวเองให้มอดไหม้ไปพร้อมกับไฟโกรธได้เลย แต่ถ้าคุณตอบว่า “ต้องการเอาชนะความโกรธ” ก็ให้ย้ำกับตัวเองไว้ว่า วิธีเดียวที่จะเอาชนะความโกรธได้อย่างสง่างาม ก็คือการไม่โกรธนั่นเอง

3. ให้เกียรติตัวเองมากขึ้น อย่าคิดว่า “ฉันไม่มีอะไรจะเสีย” ยามโกรธจัด คนเราชอบหาข้ออ้างในการแสดงพฤติกรรมร้ายๆ ด้วยการบอกตัวเองว่า “ฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่น่า เพราะฉะนั้น ลุยเป็นลุย เป็นไงเป็นกัน” แต่ในความจริงนั้น ความโกรธทำให้คุณเสียสิ่งที่คุณมีได้หลายอย่าง ที่แน่ๆคือ สูญเสียสิ่งที่ทำให้คุณเป็นมนุษย์ (ซึ่งแตกต่างจากสัตว์) จำไว้ว่า เมื่อใดที่คุณแสดงความโกรธด้วยกิริยาก้าวร้าวรุนแรง คุณก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ที่มักแยกเขี้ยวข่มขู่ศัตรู เพราะไม่รู้วิธีจัดการกับอารมณ์ของตนเอง

4. แอบกระซิบตัวเองว่า “เราไม่โกรธก็ได้นี้น่า” ถ้าต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ชวนโกรธ คนเรามักคิดเข้าข้างตัวเองว่า “เป็นใครก็ต้องโกรธด้วยกันทั้งนั้น” ว่าแล้วคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์โกรธได้เต็มที่ ในทางกลับกันถ้ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ใครๆ เขาก็โกรธ ให้คุณลองกระซิบถามตัวเองว่า “เราไม่โกรธได้ไหม” ลองพิจารณาคำถามซ้ำๆ สักสองสามครั้ง แล้วคุณจะตอบตัวเองได้ว่า “เราไม่โกรธก็ได้นี่น่า”

5. อย่าหวงแหนความโกรธ บางคนมีนิสัยหวงแหนความโกรธโดยไม่รู้ตัว ถนอมรักษาความโกรธประหนึ่งทรัพย์สมบัติที่จะเก็บไว้จนวันตาย แต่การนอนกอดความโกรธ ไม่เคยทำให้ใครฝันดีเลย ทางที่ดีคุณควรหาทางระบายความโกรธออกมาอย่างสร้างสรรค์ เช่น วาดภาพหรือเขียนบรรยายความขึ้งเคียดออกมา เป็นบทเพลงหรือบทกวี (แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่ระรานหรือละเมิดสิทธิใครนะคะ) คุณรู้ใช่ไหมว่า ความคับแค้นเป็นวัตถุดิบชั้นดี ที่เหล่าศิลปินใช้ผลิตงานศิลปะชั้นเลิศออกมาหลายแขนงแล้ว

โกรธอย่างไรให้เกิดปัญญา

เป็นความจริงที่ว่า คนเราสามารถรู้สึกโกรธหรือไม่พอใจได้ตลอดเวลา แต่ความโกรธจะไม่แปรเปลี่ยนเป็นความผิดบาป ตราบใดที่คุณหยุดยั้งความโกรธไว้ ให้เป็นเพียงความรู้สึกที่เกิดขึ้นและดับไป และการใช้สติพิจารณาเพื่อละความโกรธนั้นก็ไม่ได้ยากเกิน คุณจะทำความเข้าใจและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน มาดูกันดีกว่าว่าทำได้อย่างไร

1. พิจารณาโทษของการเป็นคนโกรธ ผู้ที่เริ่มโกรธก่อน นับว่าเป็นคนเลวอยู่แล้ว แต่คนที่โกรธตอบนั้นนับว่าเลวหนักว่าหลายเท่า เพราะเท่ากับเป็นผู้สานต่อความเลวให้ยืดยาวต่อไป พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ว่า เราอย่าเป็นทั้งคนเลวและคนที่เลวกว่านั้นเลย
2. พิจารณาโทษของความโกรธ คนเราเมื่อโกรธจะเปิดปากกว้าง แต่ตาสองข้างจะหรี่ปิด ทำให้มองไม่เห็นโทษร้ายแรงของความโกรธ ยามโกรธจึงมักไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ไม่กลัวเจ็บ ไม่กลัวตาย ไม่กลัวบาป ฉะนั้นยิ่งโกรธมากเท่าใด ยิ่งต้องตั้งสติให้มั่นและระลึกไว้ว่า ความโกรธนั้นเป็นภัยร้ายแรง การสะสมความโกรธไว้ในใจ ก็ไม่ต่างอะไรกับการสะสมวัตถุระเบิด วันหนึ่งย่อมระเบิดตูมตาม ทำลายตัวเอง
3. พิจารณาถึงความดีของคนที่เราโกรธ ธรรมชาติของมนุษย์เดินดินนั้น ย่อมมีทั้งดีเลวปะปนกัน การโกรธคือการเป็นข้อเสียของอีกฝ่าย การเพ่งไปที่ข้อเสียนั้นจึงยิ่งทำให้ความโกรธขยายใหญ่ขึ้น แทนที่จะจ้องจับผิด ให้คุณหันมามองหาความดีไม่ข้อใดก็ข้อหนึ่งซึ่งทุกคนย่อมมี เช่น ถ้าเขาเป็นสามีที่ไม่ดี เขาอาจจะเป็นพ่อที่ดีก็ได้ ขณะที่คุณชั่งตวงวัดข้อดีข้อเสียอยู่นั้น ความโกรธก็จะค่อยๆ สลายตัวไปเอง
4. พิจารณาว่าความโกรธคือการลงโทษตัวเองให้สมใจศัตรู ถ้าการโกรธแค้นกันคือการแข่งขัน การโกรธตอบก็ไม่ต่างอะไรกับการยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้แก่ตัวเอง ทางที่ดีคุณควรบอกตัวเองว่า “คนอื่นเขาอยากให้เราโกรธ จึงแกล้งทำสิ่งไม่ถูกใจเรา แล้วไฉนเราจึงช่วยให้เขาสมปรารถนา ด้วยการปล่อยให้ความโกรธเกิดขึ้นมาได้เล่า” ว่าแล้วก็เลิกโกรธเสียเถอะ
5. พิจารณาว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของตน ความโกรธถือเป็นอกุศลกรรม ผู้ใดโกรธ ผู้นั้นย่อมได้รับผลกรรม และกรรมที่ว่านี้ก็มีลักษณะ “ของใครของมัน” กล่าวให้ง่ายก็คือ ถ้าเปรียบความโกรธเป็นไฟ ถ้าคุณเอามือไปแตะไฟ คุณย่อมร้อนอย่างแน่นอน แม้ว่าคุณจะไม่ได้เป็นผู้ก่อกองไฟขึ้นมาก็ตาม ฉะนั้น ถ้ามีใครทำให้โกรธ อย่าไปโกรธตอบ เพราะผลกรรมจากการโกรธตอบนั้น จะตกเป็นของคุณอย่างไม่อาจปฏิเสธ
6. พิจารณาพระจริยวัตรในปางก่อนของพระพุทธเจ้า เตือนใจตัวเองไว้ว่า กว่าที่พระศาสดาจะสั่งสมบารมีจนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงถูกเบียดเบียนทำร้ายกระทั่งถูกหมายเอาชีวิต แต่กระนั้นก็ไม่ทรงแค้นเคือง กลับอดทนระงับความโกรธและมีเมตตาตอบ พุทธวิถีของพระองค์นับเป็นแบบอย่างที่ทำให้มนุษย์คิดได้ว่า สิ่งกระทบกระทั่งที่คุณเผชิญอยู่นั้นเล็กน้อยนัก เมื่อเทียบกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงประสบมา
7. พิจารณาว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายเคยเกี่ยวข้องกันใน สังสารวัฏทั้งสิ้น พุทธศาสนาเชื่อว่า บรรดาสรรพสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ล้วนเคยผูกพันเป็นบิดามารดา เป็นญาติพี่น้องกันมาในชาติก่อน ฉะนั้นในยามโกรธแค้นหรืออยากทำร้ายใคร ให้คิดว่าคนที่คุณกำลังจะตะบันกำปั้นใส่หน้าเข้า อาจจะเคยเป็นพ่อเป็นแม่เป็นคน ที่เคยรับใคร่ผูกพันกันมาในชาติก่อน แล้วช าตินี้คุณจะทำร้ายเขาไปเพื่ออะไร
8. พิจารณาอานิสงส์ของเมตตา ความเมตตาเป็นหลักธรรมที่ลบล้างความโกรธได้ อีกทั้งยังมีสรรพคุณเหมือนยาวิเศษ ทำให้คุณหลับฝันดี เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดา ตลอดจนอมนุษย์ทั้งหลาย ภัยและอาวุธไม่กล้ำกราย จิตเป็นสมาธิได้ง่าย ข้อดีมีมากมายขนาดนี้แล้วเราจงมีเมตตาต่อกันและกันเถิด
9. พิจารณาโดยวิธีแยกธาตุ สลายตัวตน มองทุกอย่างตามสภาพความเป็นจริงขั้นปรมัตถ์ว่าชีวิตนี้เป็นสิ่งสมมุติที่ เกิดจากธาตุ(รูปธรรม) และขันธ์ (นามธรรม) มาประกอบกัน เมื่อคุณโกรธใครให้ถามตัวเองว่า “เราโกรธอะไรเขา โกรธผม โกรธขน โกรธเล็บ โกรธเลือด ฯลฯ หรือโกรธธาตุดิน โกรธธาตุน้ำ โกรธธาตุไฟ หรือโกรธธาตุลม” เมื่อเห็นว่าเขาคนนั้นมีแต่ธาตุและขันธ์ แล้วคุณจะโกรธเขาไปทำไม ในเมื่อเขาไม่มีอยู่จริง
10. ให้ทาน หรือพูดง่ายๆก็คือการเสียสละ ไม่ว่าจะเสียสละด้วยการให้สิ่งของ ให้มิตรไมตรี หรือให้อภัย รับรองว่าไม้เด็ดสุดท้ายนี้ จะช่วย “เปลี่ยนคมหอกเป็นดอกไม้” ได้ชะงัดทีเดียว

การใช้สติยับยั้งอารมณ์ขุ่นข้องหมองใจดัง 10 ข้อข้างต้นนั้น นอกจากจะช่วยลดละความโกรธได้แล้ว ยังทำให้คนเรามีปัญญาเห็นการเกิด-ดับของสรรพสิ่งตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อยุคสมัยที่ผู้คนกำลังขับเคลื่อนชีวิตด้วยความ โกรธและความไม่พอใจ ดังที่เป็นอยู่ในขณะนี้

การโกรธเป็นปุถุชนวิสัย การให้อภัยเป็นวิสัยบัณฑิต

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 22:53
โพสต์: 1

แนวปฏิบัติ: พุธ โท
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ ไปวัด
ชื่อเล่น: โอ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณธรรมบุตรมากนะครับ อ่านแล้วรู้สึกว่าตาสว่างขึ้นมาก เพราะตอนนี้ผมกำลังถูกจองเวร ข่มขู่ทำร้ายร่างกาย อาฆาตมาดร้าย ถึงขนาดจะเอาชีวิตกัน แต่พออ่านแล้วทำให้ผมสบายใจและไม่อยากอาฆาตจองเวรเขาต่ออีกเลยครับ ทำให้รู้ถึงวิสัยของสัตว์ป่าได้เลย :b12: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ส.ค. 2010, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
พิจารณาว่าสรรพสัตว์ทั้งหลายเคยเกี่ยวข้องกันใน สังสารวัฏทั้งสิ้น พุทธศาสนาเชื่อว่า บรรดาสรรพสัตว์ที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ ล้วนเคยผูกพันเป็นบิดามารดา เป็นญาติพี่น้องกันมาในชาติก่อน ฉะนั้นในยามโกรธแค้นหรืออยากทำร้ายใคร ให้คิดว่าคนที่คุณกำลังจะตะบันกำปั้นใส่หน้าเข้า อาจจะเคยเป็นพ่อเป็นแม่เป็นคน ที่เคยรับใคร่ผูกพันกันมาในชาติก่อน แล้วช าตินี้คุณจะทำร้ายเขาไปเพื่ออะไร


ลูกสมุนของตัวโกรธที่คอยยุยงส่งเสริมให้เราหยุดมันยาก
มีเยอะเสียด้วยซิค่ะ ไม่ว่าจะเป็น เกลียด เคียดแค้น ชิงชัง
อาฆาต พยาบาท อิจฉา ริษยา ฯลฯ ถ้ามากันครบ
ก็ไฟบัลลัยกัลล์เราดีๆนี่เอง

ถ้าได้ธรรมะข้อนี้มาเตือนสติ น่าจะยับยั้งไฟ "โทสะ" ได้บ้างนะ


อนุโมทนา สาธุค่ะท่าน :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ส.ค. 2010, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2010, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชัยมงคล เขียน:
ขอบคุณ คุณธรรมบุตรมากนะครับ อ่านแล้วรู้สึกว่าตาสว่างขึ้นมาก เพราะตอนนี้ผมกำลังถูกจองเวร ข่มขู่ทำร้ายร่างกาย อาฆาตมาดร้าย ถึงขนาดจะเอาชีวิตกัน แต่พออ่านแล้วทำให้ผมสบายใจและไม่อยากอาฆาตจองเวรเขาต่ออีกเลยครับ ทำให้รู้ถึงวิสัยของสัตว์ป่าได้เลย :b12: :b4:


รูปภาพ

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร..สาธุครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร