วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 16:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 13:26
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้กำลังพยายามที่จะถือศิล 5 อยู่ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าที่ทำอยู่ถูกต้องหรือเปล่า อยากรู้ว่าการที่ไม่ได้รับศิลจากพระ ไม่ทราบว่าจะถือว่าเป็นการถือศิลได้หรือเปล่าค่ะ ถ้ามีใครทราบช่วยแนะนำด้วยนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 เม.ย. 2010, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: อนุโมทนาค่ะ :b8:

viewtopic.php?f=30&t=30595

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2010, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


พยายามรักษาศีล 5 ให้เป้นปกติครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ย. 2009, 15:50
โพสต์: 28

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue สวัสดีครับ.. tongue

ขอแนะนำวิธีสวดมนต์ไหว้พระที่ถูกต้องและให้เชิญให้เพื่อนๆ ปฏิบัติตามอานิสงส์อันยิ่งใหญ่จะให้ของเพื่อนๆได้ปฏิบัติตามนะครับ


วิธีการปฏิบัติก่อนที่จะสวดพุทธมนต์บทอื่นๆ และนั่งสมาธิ ต้องสวดอาราธนาศีล ๕ สมาทานศีล ๕ ทุกครั้ง


** คำบูชาพระ **

อิมินา สักกาเรนะ ตัง พุทธัง อะภิปูชะยามิ


อิมินา สักกาเรนะ ตัง ธัมมัง อะภิปูชะยามิ


อิมินา สักกาเรนะ ตัง สังฆัง อะภิปูชะยามิ


** คำนมัสการพระรัตนตรัย **


อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธังภะคะวันตัง อภิวาเทมิ (กราบ)


สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)



สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)


** คำนมัสการพระพุทธเจ้า **


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ( สวด ๓ จบ )


คำอาราธนาศีล ๕
มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะศีลานิยาจามะ

ทุติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะศีลานิยาจามะ


ตะติยัมปิ มะยังภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ ปัญจะศีลานิยาจามะ


ข้อห้ามศีลทั้ง 5 ข้อนั้น ถ้าวันนี้เราทำได้เพียง 2 , 3 ,4 ข้อก็ไม่เป็นไร เพราะเราได้สวดคำว่า วิสุง วิสุง ซึ่งแปลว่า ข้อใดข้อหนึ่ง


คำนมัสการไตรสรณคมน์

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ


( คำสมาทาน ศีล ๕ )


๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ ( เว้นจากการฆ่าสัตว์ , ไม่ทำให้พ่อแม่เป็นทุกข์กาย ทุกข์ใจ ( ตายทั้งเป็น ) , ไม่ทำให้ผู้อื่นเกิดความทุกข์กายทุกข์ใจ เหมือนตกนรกทั้งเป็น )


๒. อะทินนาทานา เวระมณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ ( เว้นจากการลักทรัพย์ ,ไม่ขโมยเวลา เข้างานสายกลับก่อน , ไม่เขียนเบิกสิ่งของ หรือ เงินทอง เกินความเป็นจริง , ไม่เอาของที่ทำงานกลับบ้านใช้ )


๓. กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ ( เว้นจากการประพฤติผิดในกาม , มีชู้ , มีกิ๊ก ตอนแต่งงานพ่อแม่ทั้ง ฝ่ายหญิงและชาย จะต้องเห็นดีด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายถึงเรียกว่าไม่ผิดศีล )

๔. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทังสะมาทิยามิ ( เว้นจากการพูดปด / พูดใส่ร้าย / คำพูดล่อลวงอำพรางผู้อื่น )


๕. สุราเมระยะมัจฉะปะมาทะถานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ( เว้นจากการดื่มสุราเมรัยเครื่องดองของเมาที่ทำให้ใจคลั่งไคล้มัวเมาต่าง ๆ จนทำให้มัวเมาตัวเอง , มัวเมา อำนาจ , ลาภยศ , เงินทอง และอบายมุข )


** คำนมัสการ ถวายพรพระ ( อิติปิโส ) พระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ


อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชาชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ ( พุทธคุณ )


สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญู***ติ ( ธรรมคุณ )


สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัส สาติ (สังฆคุณ)


หลังจากสวดมนต์ปฏิบัติตามขั้นตอนจนเสร็จ ก็สวดมนต์บทต่างๆ ที่ท่านตั้งใจไว้ เช่น คาถาชินบัญชร คาถาชัยมงคลคาถา พาหุงมหากา ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก เป็นต้น หลังจากสวดมนต์เสร็จ ต้องสวดบทแผ่เมตตา ทุกครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี


เหตุผลที่จะต้อง สวดอาราธนาศีล 5 สมาทานศีล 5 ก่อนนั้นเป็นเพราะพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ต้องมี ศีล 5 จึงจะได้ผลดี ไม่ใช่ว่าสวดมนต์ทุกวัน แต่ไม่มีศีล 5 ในใจ การสวดมนต์ก็เป็นเพียงการท่องจำไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นเราควรที่จะ มีศีล 5 อยู่ในใจเสียก่อน เพราะศีล 5 จะทำให้เราไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ประพฤติผิดศีลธรรม กรรมชั่วก็จะเกิดได้ยาก รักษาศีลเท่ากับรักษาตัว ครอบครัวมีความสุข ค้าขายเจริญรุ่งเรือง ท่านที่สวดมนต์ก่อนหน้านี้ทุกวัน อานิสงส์ผลบุญยังไม่หายไปไหน รอวันที่ท่านเริ่มสวดอาราธนาศีล 5 สมาทานศีล 5 ผลบุญเดิมที่ท่านสวดมนต์ไว้จะกลับคืนมาให้ท่านทันที


การที่เรา มีใช้ มีกิน ทุกวันนี้ เกิดจากสัมมาอาชีพของเรา ดังนั้นเราจึงต้องแผ่เมตตาให้กับอาชีพของเรา เพื่อเราจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องการงาน ส่วนอาหารที่เรากินก็ได้มาจากเนื้อสัตว์ต่างๆ ดังนั้นเราจึงต้องแผ่เมตตาให้สัตว์เหล่านี้ด้วย เพราะวิญญาณสัตว์เหล่านี้ จะได้ไปสู่สุคติ ไม่อาศัยอยู่ในตัวเรา เราจึงไม่มีโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากโรคเวรโรคกรรม ที่เราไม่สามารถรักษาได้


บทแผ่เมตตาให้กับตัวเอง

อะหัง สุขิโต โหมิ ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข


อะหัง นิททุกโข โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์


อะหัง อะเวโร โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวรและกรรม

อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความลำบาก

อะหัง อะนีโฆ โหมิ ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรค อันตราย


สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ ขอให้ข้าพเจ้าจงมีสติสัมปะชัญญะอยู่ทุกเมื่อ รักษากาย วาจา ใจ ให้พ้นจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด


บทแผ่เมตตาทั่วไป

สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

อะเวรา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

อัพะยาปัชฌา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

อะนีฆา โหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัย ทั้งสิ้นเทอญฯ


ขอผลบุญและอานิสงส์ครั้งนี้จงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า สัมมาอาชีพของข้าพเจ้า ครอบครัวของข้าพเจ้า ชื่อ...........บุคคลที่ท่านรัก เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนฝูง เป็นต้น สัมภเวสีต่างๆ เจ้ากรรมนายเวร และ ทรัพย์ของแผ่นดินทั้งในอดีตชาติ และ ปัจจุบันชาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 เม.ย. 2010, 14:01
โพสต์: 10

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: สวัสดีครับ ยินดีด้วยครับคุณ RATA :b42:
ศีลดีมีสุข ศึกษาศีลข้อ1-5 และศึกษาองค์ของศีลควบคู่กันไปด้วยนะครับ
คุณต้องมีจิตที่ระลึกถึงศีลตลอดจนศีลเราบริสุทธิ์(แต่อย่าไปบังคับนะครับให้เป็นธรรมชาติ)
ความสุขความเจริญในธรรมจงมีแต่คุณนะครับ (มีใจทีจะรักษาศีลก็ถูกต้องแล้ว) :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...ศีลคือข้อห้ามเพื่อไม่ให้ทำบาป...1ห้ามฆ่าสัตว์2ห้ามขโมย3ห้ามผิดในกาม(เป็นชู้ เป็นกิ๊ก)...
...4ห้ามพูดปด5ห้ามดื่มสุรา เล่นการพนัน ยาเสพติด...การถือศีลก็คือปฏิบัติในขันธ์5คือกายเรา...
...ศีรษะหนึ่ง...แขนสอง...ขาสอง...เพื่อไม่ให้ทำบาปที่เจตนาผิดด้วยกาย วาจา ใจ...
...ส่วนการไปสมาทานกับพระ...คือเป็นการไปตั้งสัจจะกับพระสงฆ์ให้เป็นพยานนอกจากตัวเรา...
...ถ้าผิดศีลโทษก็หนักขึ้น...เพราะบาปอยู่กับผู้ทำ...จึงต้องมีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป...
...การเจตนาศีลบริสุทธิ์อยู่ที่ตัวเรามีตัวเราเป็นพยาน...การถือศีลจึงง่ายอันไหนไม่ดีก็ไม่ทำค่ะ...
...แม้ขณะถือศีลอาจมีการล่วงศีลไปบ้างด้วยการคิด...แต่ยังไม่ลงมือปฏิบัติ...ศีลก็ยังไม่ขาด...
...ทั้งนี้การรักษาศีลจึงขึ้นกับเจตนาที่กาย วาจา ใจเป็นหลักค่ะ...
:b16:
...หลักปฏิบัติง่ายๆในชีวิตประจำวัน(ทานศีลภาวนา)...
...1หมั่นทำบุญให้ทาน เช่น ทำบุญตักบาตรทุกเช้าก่อนไปเรียน ไปทำงานหรือทำความดีทุกประเภท...
...2รักษาศีลระหว่างวันไม่ว่าจะทำอะไรให้คิดดี พูดดี ทำดี...และลดความคิดอกุศล...
...3สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิก่อนนอนเพื่อรวมบุญที่ทำไปในวันนี้แล้วตั้งเจตนาใหม่...
...ศึกษาธรรมะต่างๆในลานธรรมจักรและพิจารณาเชื่อโดยหลักเหตุผล...เลือกที่เหมาะกับเรามาใช้...
...ลองเข้าไปอ่านความคิดเห็นเกี่ยวกับศีล...บุญคือทำแล้วสบายใจ ไม่เดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่นค่ะ...
:b12:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=31859


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 25 พ.ค. 2010, 15:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 16:54
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อก่อนผมเป็นคนชอบดื่มเหล้ามาก และฉะนั้นศีลข้อ 5 เป็นข้อที่ทำยากที่สุดในความรู้สึกตอนนั้น และผมก็ทำได้ ก็ดูเหมือนว่าผมจะถือศีล 5 ได้สมบูรณ์แล้ว...แต่
ยังศีลอีกข้อที่ดูเหมือนง่ายแต่ทำยากที่สุดก็คือ...ข้อ 4
...ทำไมเป็นอย่างนั้น ในเมื่อผมไม่ใช่คนพูดโกหก
พิจารณาดูให้ดี ศีลข้อ 4 ไม่เพียงแต่ห้ามพูดปดตามที่เราท่องกันนะครับ ยังรวมถึงการพูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ หรือพูดแล้วทำให้ผู้อื่นเสียหาย เช่นการนินทา เป็นต้น หรือการพูดเกี่ยวกับบุคคลอื่นแล้วทำให้เขาเสียหายถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่ควร เช่นนาย ก. ยืมเงินเราแล้วไม่คืน แล้วเราไปพูดให้คนอื่นๆฟังในทำนองต่อว่านาย ก. ซึ่งทำให้นาย ก. เสียหาย ..นี่ก็ไม่ควร ...หรือใครขับรถปาดหน้าเรา เราก็สบถคำหยาบออกมา นี่ก็ผิดศีลข้อ 4 แล้วครับ
...เห็นไหมครับว่าศีลข้อ 4 นี่ เราทำผิดได้ง่ายมากเพียงลมปากเท่านั้น


แก้ไขล่าสุดโดย mr.t เมื่อ 25 พ.ค. 2010, 17:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2010, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 พ.ย. 2009, 07:32
โพสต์: 95

แนวปฏิบัติ: หลักวิถีธรรมชาติ - อานาปานสติ,บริกรรมภาวนา
ชื่อเล่น: นุ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mr.t เขียน:
เมื่อก่อนผมเป็นคนชอบดื่มเหล้ามาก และฉะนั้นศีลข้อ 5 เป็นข้อที่ทำยากที่สุดในความรู้สึกตอนนั้น และผมก็ทำได้ ก็ดูเหมือนว่าผมจะถือศีล 5 ได้สมบูรณ์แล้ว...แต่
ยังศีลอีกข้อที่ดูเหมือนง่ายแต่ทำยากที่สุดก็คือ...ข้อ 4
...ทำไมเป็นอย่างนั้น ในเมื่อผมไม่ใช่คนพูดโกหก
พิจารณาดูให้ดี ศีลข้อ 4 ไม่เพียงแต่ห้ามพูดปดตามที่เราท่องกันนะครับ ยังรวมถึงการพูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ หรือพูดแล้วทำให้ผู้อื่นเสียหาย เช่นการนินทา เป็นต้น หรือการพูดเกี่ยวกับบุคคลอื่นแล้วทำให้เขาเสียหายถึงแม้จะเป็นเรื่องจริงก็ไม่ควร เช่นนาย ก. ยืมเงินเราแล้วไม่คืน แล้วเราไปพูดให้คนอื่นๆฟังในทำนองต่อว่านาย ก. ซึ่งทำให้นาย ก. เสียหาย ..นี่ก็ไม่ควร ...หรือใครขับรถปาดหน้าเรา เราก็สบถคำหยาบออกมา นี่ก็ผิดศีลข้อ 4 แล้วครับ
...เห็นไหมครับว่าศีลข้อ 4 นี่ เราทำผิดได้ง่ายมากเพียงลมปากเท่านั้น

แนะนำให้ รักษา ศีล๕-กุศลกรรมบถ๑๐ คู่ หิริ โอตัปปะ อยู่เสมอ แล้วคอยพึ่งระลึกอยู่เสมอ ท่องให้จำขึ้นใจ เวลาคิดทำอะไรให้ตรึกตรอง นึกคิด ถึง ข้อวัตรปฎิบัติ ที่เราได้ตั้งใจไว้ก่อนเสมอ ซึ่งเป็น หลักธรรมที่เราตั้งใจ ที่จะเจตนา งดเว้น ให้เป็นประจำ

.....................................................
จงทำศีลให้เป็น อธิศีล
ทำจิตให้เเป็น อธิจิต
ทำปัญญาให้เป็น อธิปัญญา


พื้นฐานคุณธรรมความเป็นมนุษย์คือ ศีล๕ กุศลกรรมบถ๑๐ หิริโอตัปปะ และความกตัญญู กตเวทิตา

จุดสูงสุดของการรู้ธรรม เห็นธรรม ก็คือ
...สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ...สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2010, 16:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2010, 11:20
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณ คุณniyomrat มากนะค่ะ เข้าพรรษานี้ข้าพเจ้าถือศีล 5 และ นุ่งขาวห่มขาวที่บ้าน
และทำวัตรเช้า - ทำวัตรเย็น ทุกวัน ตั้งใจว่าจะปฏิบัติเช่นนี้ 1 พรรษาให้ได้

คำตอบของท่าน ตอบได้ครบถ้วนของการถือศีล 5 ข้าพเจ้าได้ประโยชน์อย่างมาก จึงขออนุโมทนากับบุญที่ท่าน ได้เผยแพร่ความรู้นี้ให้ด้วยนะคะ สาธุ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร