วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 11:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




1.bmp
1.bmp [ 378.86 KiB | เปิดดู 7197 ครั้ง ]
เจริญกรรมฐานด้วยสติปัฏฐาน ๔ ปิดอบายภูมิได้


คนเราที่จะอยู่อย่างดีนี้ จะต้องดำเนินชีวิตเป็น คือ รู้จักดำเนินชีวิตนั่นเอง
ถ้าใครรู้จักดำเนินชีวิต ชีวิตนั้นก็เป็นชีวิตที่ดีงาม เป็นชีวิตที่พัฒนาเจริญก้าวหน้า
ประสบประโยชน์สูง


แต่ถ้าดำเนินชีวิตไม่เป็น ก็จะมีแต่ขาดทุน และประสบแต่ความทุกข์ และความเสื่อม
ฉะนั้น จะต้องรู้จักดำเนินชีวิต หรือดำเนินชีวิตเป็น


ญาติโยมเอ๋ย โปรดทราบไว้เถอะว่า
บุญกรรมนั้นมีจริง บาปกรรมนั้นมีจริง ยมพบาลจดไม่มี จิตนี้เป็นผู้จด

จดทุกวันคืออารมณ์ เรื่องจริงแน่ จดทุกกระเบียดนิ้ว บาปบุญคุณโทษ บันทึกเข้าไว้
ถ้าเราทำกรรมดี ก็ไปบังเกิดในสวรรค์ ทำชั่วก็ลงนรกไป


วันนี้ อาตมาขออนุโมทนาสาธุการส่วนกุศลที่ท่านทั้งหลายมาบำเพ็ญกุศล

เจริญวิปัสสนากรรมฐานให้แก่ตนเอง โดยเฉพาะด้วย การเจริญสติปัฏฐาน ๔

กาย เวทนา จิต ธรรม พิจรณาโดยปัญญา ตลอดกระทั่งยืน เดิน นั่ง นอน

จะคู้เหยียดขาทุกประการก็มีสติครบ รับรองได้เลยว่า ถ้าโยมทำถึงขึ้น ปิดประตูอบายได้เลย




เพราะเหตุใด เพราะกิเลสทั้งหลาย โลภะ โทสะ โมหะ เกิดขึ้น โยมก็กำหนด
ขณะมีโลภะก็กำหนดโลภะ โลภะก็หายไป


จิตวิญญาณตายขณะมีโลภะ ตายไปเป็นเปรต
กำลังมีโทสะตายไปขณะนั้นลงนรก
มีโมหะรวบรวมอยู่ในจิตไว้มาก ตายไปกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน



แต่ถ้ามีสติปัฏฐาน ๔ มีสติสัมปชัญญะดี อบายภูมิไม่ต้องไป
ปิดประตูนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน
ทางอายตนะ ธาตุ อินทรีย์ดังที่กล่าวมาแล้วนี้ทุกประการ


ขอกุศลที่ญาติโยมได้บำเพ็ญไว้แล้ว จงเป็นพลวปัจจัยย้อนกลับเป็นบุญกุศลให้แก่ญาติโยมทั้งหลาย

ประสบความสุขสันต์นิรันดรทุกท่าน และจงพยายามก้าวหน้าผ่านอุปสรรคถึงฝั่งฟากคือพระนิพพาน

โดยทั่วหน้ากัน ณ โอกาสนี้เทอญ

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม



มีชีวิตใหม่ เปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่

ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ๔



หลวงปู่หล้าเขียนไว้ว่า รู้ตามความเป็นจริง ปฏิบัติตามความเป็นจริง สิ้นสงสัยตามความเป็นจริง ...

พวกเราทั้งหลาย อย่าได้นอนใจในวัฏสงสารเลย จงรีบหลุดพ้นตามคำสั่งของพระบรมศาสดาที่ว่า


" เมื่อพวกเธอทั้งหลาย ยังไม่มีญาณว่าพ้นทุกข์ โดยสิ้นเชิง พวกเธออย่าได้นอนใจนะ "



สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงกล่าวไว้ว่า ...

ชีวิตนี้น้อยนัก ... แต่ ... ชีวิตนี้สำคัญนัก

เป็นหัวเลี้ยว หัวต่อ เป็นทางแยก
จะไปสูง หรือ ไปต่ำ จะไปดี หรือ ไปร้าย

เลือกได้ในชีวิตนี้เท่านั้น

พึงสำนึกข้อนี้ให้ดี แล้วจงเลือกเถิด เลือกให้ดีเถิด



หลวงพ่อ พระครู ภาวนานุกูล ชูชัย ( วัดนาค บางปะหัน ) จะสอนเสมอๆว่า ..
ให้ดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น รู้ลงไปตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อยู่กับมัน ไม่ชอบ ไม่ชัง ไม่ดิ้นรนคิดเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข ไม่แทรกแซงสภาวะ เมื่อวิปัสสนา( เห็นตามความเป็นจริง ) หรือ วิปัสสนาญาณ (เห็นแจ้ง ) เมื่อเขาจะเกิด เขาจะเกิดเอง จงขจัดความอยากที่เกิดขึ้นในจิตออกไปให้หมด



พระอาจารย์ปรีชา ( วัดนาค บางปะหัน ) ท่านสอนว่า
จงทำตัวเหมือนแมงมุม ที่กางใยดักเหยื่อ จงจับเหยื่อกินให้หมด



ธรรมทั้งหลายที่ครูบาฯทั้งหลาย
ได้เมตตาถ่ายทอดมาให้นั้น
เราจะสามารถเข้าถึงธรรมและเข้าใจความหมายของธรรมนั้นๆ
ต้อง เจริญสติปัฏฐาน ๔ เท่านั้น จึงจะเข้าถึงและเข้าใจอย่างถ่องแท้

จงเป็นผู้มีความเพียรเจริญสติปัฏฐานกันเถิด

วันเวลานับวันจะล่วงเลยผ่านไปเรื่อยๆ
เราไม่อาจจะรู้ล่วงหน้าได้เลยว่า วินาทีต่อไป เราจะมีโอกาสได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกหรือไม่





โชคชะตา เกิดจากอะไร เกิดจากตัวเราเองทำทั้งนั้น ไม่ใช่ใครทำให้เลยแม้แต่สักนิดเดียว
เราทำเขา เขาทำเรา เราไม่ทำเขา เขาก็ไม่ทำเรา

วิธีแก้ ให้แก้ที่ต้นเหตุ คือ หยุดการกระทำทั้งสิ้น คนที่หยุดคือเราเอง ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย
ถ้าเรายังต่อหรือยังกระทำใดๆลงไป นั่นคือ เราก่อภพก่อชาติออกไปเรื่อยๆ

การเลือกที่จะนิ่ง มันดีกว่า เลือกที่จะขยับตัวนะ พอมีการขยับตัว นั่นคือเราไปคิดแก้ไข
เท่ากับเราไปแทรกแซงสภาวะ มันวุ่นวายกว่าเดิมอีกนะ แทนที่จะจบลงด้วยตัวของสภาวะนั้นๆเอง
เหตุที่กระทำ และ ผลที่ได้รับ เราไม่ได้สร้างเหตุ ผล ย่อมไม่มีเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน

กิเลสนี่มันซ้อนๆลึกๆมากๆหลายๆชั้น กิเลสในใจของแต่ละคนที่มีอยู่จริงนั้นน่ากลัว
ถ้ายังไม่รู้จักตัวกิเลสที่แท้จริง ที่มีอยู่ในใจของแต่ละคน ฉะนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
ที่คนเราทำอะไรส่วนมากเป็นไปตามกิเลสของแต่ละคน เพราะสติ สัมปชัญญะที่มีมากหรือน้อยไม่เท่ากัน
จึงไม่สามารถที่จะแยกแยะ ดี ชั่ว ผิด ถูก ได้ตามความเป็นจริง มีแต่กระทำทุกอย่างตามความคิดของตัวเองที่คิดว่า นั่นถูก นี่ผิด

ถ้าเราเห็นแล้ว จะทำให้เข้าใจคนอื่นๆมากขึ้น รู้จักให้ความเมตตาและให้อภัยต่อผู้คนเเหล่านั้นมากขึ้น
ทุกคนทำสิ่งต่างลงไปด้วยความไม่รู้ ถ้าทุกคนสารถเห็นตามความเป็นจริงได้ การมาทำร้ายกัน จะไม่มีเกิดขึ้นเลย

เจ้าตัว " กูรู้ กูเก่ง กูดี " ตัวนี้แหละ ตัวก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ ถ้าเราคิดว่า เราดี เมื่อไหร่นะ
จำไว้เลย ชีวิตเรากำลังเข้าสู่มุมอับแล้ว

เจ้าตัว ดี ตัวนี้แหละ ตัวทำลายชีวิตของเรา มี กู เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ภพชาติเกิดใหม่ทันที
การปฏิบัติที่ถูกต้องนั้นต้องเห็นกิเลสของตัวเอง ต้องรู้จักกิเลสในใจของตัวเองนะ
ไม่ใช่ไปรู้เรื่องโน้น เรื่องนี้ เรื่องชาวบ้าน รู้นอกตัวแบบนั้น มันไม่ใช่เลย อันนั้นรู้ผิดทางแล้ว

ก่อนที่เราจะเข้าใจ หรือ รู้จักตัวตนที่แท้จริงของคนอื่นๆได้ เราต้องเข้าใจ
และรู้จักกิเลสที่มีอยู่ในใจของเราก่อน

เหมือนที่หลวงพ่อจรัญ ท่านสอนบ่อยๆนะ " อ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น "
ถ้าเราเห็นกิเลสและรู้จักกิเลสที่แท้จริงในใจเราได้เมื่อไหร่ เราถึงจะใช้ตัวเป็น
ใช้แบบถูกต้อง ภพชาติก็จะสั้นลงไปเรื่อยๆ ไม่ใช่สักแต่ว่าใช้ ถูกผิดเอาตามความคิดของตัวเอง
นั่นเท่ากับเป็นการก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ



ผู้ดู ผู้รู้ ตัวผู้รู้ คือใคร

มีคนอีกจำนวนมากที่พยายามหาว่า " ผู้รู้ " ครูบาฯกล่าวถึงนี่คือใคร .. บ้างก็นำมาถกเถียงกัน
บ้างก็นำมาเอ่ยอ้างกัน แต่ไม่มีใครขยายใจความเลยสักคนเดียว แล้วผู้รู้คือใครกันล่ะ
ผู้รู้นี่ก็คือ จิตเรานี่เอง แต่มีหลายสภาวะ ตามกำลังของสติ สัมปชัญญะ

ตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา จนกระทั่งปิดเปลือกตาลง จะมีสองสิ่งที่เกิดขึ้น ...
เมื่อเราลืมตาขึ้น .. จะมี ผู้ดู เกิดขึ้น ... และ สิ่งที่เกิดขึ้น
ซึ่งมันมี มันเป็นของมันแบบนั้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีผู้ดูหรือไม่มีผู้ดูก็ตาม
พอลืมตาได้สักพัก ... เริ่มมองเห็นสภาพรอบๆตัวชัดเจน

ตอนนี้เริ่มมี ผู้รู้ เกิดขึ้น กับ สิ่งที่ถูกรู้
ทำไมถึงเรียกว่าผู้รู้ เพราะเขารู้ และ สิ่งที่เขาเห็นแล้วเรียกนั้น เป็น สิ่งที่ถูกรู้

ต่อมา มี ตัวผู้รู้ เกิดขึ้น .. ตัวผู้รู้ เกิดขึ้นจากอะไร เกิดจากเอาตัวตน
ที่ตัวเองคิดว่าตัวเองมีตัวตน เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ถูกเห็น

แล้วสิ่งที่ถูกรู้จะเปลี่ยนสภาพเป็น ใช่ และ ไม่ใช่ ถูก และ ผิด พอใจ และ ไม่พอใจ
เลยเป็นการก่อภพก่อชาติ ก่อเหตุขึ้นมาใหม่ ไม่รู้จักจบจักสิ้น

เมื่อคนๆนี้ ได้เจริญสติปัฏฐาน 4 ย่อมมีสติ สัมปชัญญะมากขึ้น ...
ตัวผู้รู้ ที่มีอยู่ ย่อมลดน้อยลงไป สุดท้ายเหลือเป็นเพียงแค่ ผู้รู้
ส่วนสิ่งที่มีคำว่า ใช่ และ ไม่ใช่ ถูก และ ผิด พอใจ และ ไม่พอใจ ย่อมแปรสภาพกลับมา เป็น สิ่งที่ถูกรู้

ต่อมาเมื่อ มีสติ สัมปชัญญะมากขึ้น ผู้รู้ ย่อมหายไป จะเปลี่ยนเป็น ผู้ดู และ
สิ่งที่ถูกรู้จะเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น

และสิ่งที่เกิดขึ้นจะแสดงเป็นไตรลักษณ์ให้เห็น ซึ่งมันมีของมันอยู่แล้ว
เพียงแต่เรายังมองไม่เห็นเท่านั้นเอง เพราะตราบใด ที่ยังมีเราเขา( ตัวผู้รู้ )เข้าไปเกี่ยวข้อง
ไม่สามารถมองเห็นตามความเป็นจริงได้เลย

ผู้ดู (มี สติ สัมปชัญญะดี ) สิ่งที่มากระทบ คงสภาพตามที่เป็นคือสิ่งที่เกิดขึ้น ..
ไม่มีเหตุ ( ไม่มีการกระทำ ) ย่อมไม่มีผล ( ผลที่ได้รับจากการกระทำ )

ผู้รู้ (เริ่มมีตัวตน )สิ่งที่มากระทบกลายเป็น สิ่งที่ถูกรู้ ... มีเหตุนิดๆคือความคิด ผลย่อมมีแน่นอน
( กรรมคือการกระทำ วิบากคือผล ถึงจะเป็นเพียงความคิด ก็ต้องรับผลแน่นอน มากน้อยอยู่ที่คิด )

ตัวผู้รู้ ( สิ่งที่มากระทบ + ตัวกู ) ... สภาวะเปลี่ยนไป เป็น ชอบใจ ไม่ชอบใจ ถูก ผิด ทุกข์ สุข
ตามความคิดของตัวเอง ตัวนี้แหละสำคัญก่อภพก่อชาติไม่รู้จบ

มิจฉาสติ กับ สัมมาสติ

ในเมื่อกรรมฐานมีตั้ง 40 กอง เท่าที่อ่านๆมา แล้วที่นอกเหนือกว่านั้นอีกก็มี
ถ้าได้อ่านเรื่องราวในสมัยพุทธกาล

ทำไมพระพุทธเจ้าจึงทรงเน้นนักหนา เรื่อง สติปัฏฐาน ๔

สติ แปลว่า แปลว่า ความระลึกได้ ซึ่งแบ่งออกเป็น

สติเป็นเจตสิก ไม่ใช่จิต แต่เกิดพร้อมกับจิต รับอารมณ์เดียวกับจิต โดยองค์ธรรมได้แก่ สติเจตสิก

สติ ตามแนวปฏิบัติ มีอยู่ ๓ ประเภท

๑. สติขั้นต่ำ ได้แก่ สติของบุคคลธรรมดาสามัญ ซึ่งมีอยู่กันทุกคน เช่น จะขับรถก็ต้องมีสติ
จะเขียนหนังสือก็ต้องมีสติ จะอ่านหนังสือก็ต้องมีสติ จะลุก จะยืน ฯลฯ ก็ต้องมีสติด้วยกันทั้งนั้น
ต่างกันตรงที่ว่าใครจะมีมากมีน้อยกว่ากันเท่านั้น
ถ้าใครขาดสติจะทำอะไรผิดๆพลาดๆ ลืมโน่น ลืมนี่บ่อยๆ

๒. สติขั้นกลาง ได้แก่ สติของผู้บำเพ็ญมหากุศล เช่น ทำทานรักษาศิล เรียนธรรม
ฟังธรรม ปฏิบัติธรรม เจริญสมถกรรมฐานเป็นต้น

๓. สติขั้นสูง ได้แก่ สติของนักปฏิบัติธรรม ผู้เจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้บรรลุมรรค ผล นิพพาน
ตามแนวแห่งมหาสติปัฏฐาน ที่พระบรมศาสดาทรงแสดงไว้


ในการใช้ชีวิตโดยทั่วๆไป ปกติเราท่านทุกรูปทุกนามล้วนมีสติเป็นองค์ประกอบอยู่แล้ว
แต่ทุกคนลืมตรงนี้กันไป " สัมปชัญญะ "

สัมปชัญญะ คือ ความรู้ตัว หรือ ความรู้สึกตัว
รู้ตัวหรือรู้สึกตัวอะไร รู้ตัวหรือรู้สึกตัว ในขณะที่กำลังกระทำการอยู่


เช่น เราหยิบแก้วน้ำ เรามีสติระลึกว่า กำลังจะหยิบแก้วน้ำ แล้วถ้ามีสัมปชัญญะเกิดร่วมด้วย
เราย่อมมีความรู้สึกตัวหรือรู้ตัวขณะที่หยิบแก้ว

แต่ถ้าในกรณีที่ไม่มีสัมปชัญญะเกิดร่วมด้วยนั้น บางทีเราระลึกว่า จะหยิบแก้วน้ำนะ
แต่บังเอิญว่า มีสิ่งอื่นมากระทบที่หักเหความสนใจในการหยิบแก้วน้ำ
คุณอาจจะหยิบแกวได้ แต่อาจจะหล่น หรืออาจจะลืมหยิบ เพราะมัวไปสนใจสิ่งที่มากระทบ
บางทีต้องมายืนคิดว่า เอ ... เมื่อกี้เราคิดจะทำอะไร?


เหตุที่พระพุทธองค์ทรงเน้นนักหนาเรื่อง สติปัฏฐาน ๔ นั้น ก็เนื่องจากเหตุของสติ ที่ขาดสัมปชัญญะ
ในการเจริญสติปัฏฐานนั้น ไม่ว่าจะ กาย เวทนา จิต ธรรม ล้วนก่อให้เกิดทั้งสติ และ สัมปชัญญะ

เช่น การเดินจงกรม ทำไมบางจึงต้องมีรูปแบบ ทำไมบางที่ไม่ต้องมีรูปแบบ
เหตุที่บางที่ มีรูปแบบเนื่องจาก ผู้แนะนำในการสอน ท่านปฏิบัติได้เช่นนั้น ท่านจึงแนะนำแบบนั้น
เหตุที่ไม่มีรูปแบบ ก็เนื่องจากเหตุเช่นเดียวกัน

บางที่อาจจะใช้คำพูดว่า เดินยังไงก็ได้ ให้รู้สึกตัว หรือ รู้ตัว นี่คือ สัมปชัญญะ
เพียงแต่อาจไม่คุ้นหูของผู้ที่ไม่ได้ศึกษาปริยัติ ว่า ความรู้ตัวหรือรู้สึกตัวนี่คืออะไร
รู้แต่ว่าเขาให้เดิน ก็เดิน เพียงแต่อาจจะเป็นพวกที่ไม่ขี้สงสัย ก็เลยไม่ถามกัน

เหตุที่ต้องมาฝึกเจริญสติกัน เพื่อให้มีสัมปชัญญะเกิด
ปกติ สติในคนทั่วๆไป ย่อมมีสติเป็นปกติอยู่แล้ว



แต่สัมปชัญญะ ไม่อาจจะมีได้ตลอดเวลา จึงต้องมาเจริญสติกันเพราะเหตุนี้


สติที่เป็นมิจฉาสติ เพราะไม่มีสัมปชัญญะเป็นองค์ประกอบ
สติที่เป็นสัมมาสติ เพราะมี สัมปชัญญะเป็นองค์ประกอบ

ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีแต่สติ แต่ขาด สัมปชัญญะ
หรือมีสัมปชัญญะ แต่ขาดสติ ถือว่าเป็น มิจฉาสติทั้งสิ้น



ทั้งสติและสัมปชัญญะ จะรู้ได้โดยสภาวะ ไม่ใช่รู้เพียงแค่บัญญํติ
ต้องเข้าใจด้วยว่า สติโดยสภาวะที่เกิดนั้นมีอาการอย่างไร
สัมปชัญญะโดยสภาวะที่เกิดนั้นมีอาการอย่างไร


นี่คือ คำตอบของคำถามที่ถามว่า ทำไมพระพุทธเจ้าทรงเน้นนักหนาเรื่อง สติปัฏฐาน
เพราะในการเจริญสติปัฏฐานนั้น จะได้ทั้งสติ และสัมปชัญญะ
ไม่ใช่แค่สติ แต่ขาดสัมปชัญญะ หรือ มีสัมปชัญญะแต่ขาดสติ
ขึ้นชื่อว่า สติ สัมปชัญญะ ถ้าองค์ธรรมตัวใดตัวหนึ่ง นั่นคือ มิจฉาสติ

ที่พึ่งที่แท้จริงของเรานั้นคือ สติ สัมปชัญญะ เท่านั้น ไม่ใช่ไปพึ่งนอกตัวแต่อย่างใด
เรามีพระรัตนตรัย ไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ตั้งใจที่จะกระทำความดี
และเป็นผู้มีความเพียรอย่างต่อเนื่อง

ดั่งคำที่ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า " อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ " ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
เหตุเป็นมาดังนี้แลฯ

คำว่า " มีที่พึ่งแห่งตน " มาจากคำว่า คำเต็มๆว่า

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ.
ขุ. ธ. ๒๕/๓๖.

ตนแล เป็นที่พึ่งของตน คนอื่น ใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
ก็บุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้ยาก.

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 21 ส.ค. 2011, 22:17, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


14 เมย. 53

คนนี้ตอนที่เจอกันครั้งแรก ก็คิดว่าเขาคงเหมือนผู้ปฏิบัติทั่วๆไป
แต่ที่ไหนได้ เขามีความพิเศษในตัว :b32:

เป็นคนที่ขี้สงสัยสุดๆ เรียกว่า ขุดมาถามแทบทุกเรื่อง
บางทีเราก็กวนๆเขานะ ตอบแบบกวนๆ เราก็ยังมีนะ ความหงุดหงิด
เวลาที่เจอใครมาซักถามอะไรมากๆ แทนที่จะทำกันให้มาก

ก็ครูมาสอนนะ เราถือว่า เขาคือครู หลังจากสติเริ่มทันมากขึ้น
หายหงุดหงิด เดี๋ยวนี้เขาถามอะไรมา เราจะให้เขาหาคำตอบด้วยตัวเขาเอง

คิดนะ ตอนที่พูดกวนๆกับเขา คิดว่าเขาคงไปละ
คงไม่ได้สนใจที่จะปฏิบัติแบบจริงจัง ก็เจอมาหลายคนละ
พอให้ทำจริงๆ ทำแค่แรกๆ นั่นก็ไม่เป็นไรนะ นั่นคือเหตุของเขา ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา

นี่ความคาดเดานำมาใช้ไม่ได้เลยนะ ในเรื่องของเขาคนนี้
และไม่ว่าจะใครก็ตาม เราไม่ไปคาดเดาอะไรแล้ว
ทุกวันนี้เขาปฏิบัติตลอด แต่ก็ยังคงมีคำถามมาถามเราทุกๆวัน


14/2010 8:14:52 PM Love
หวัดดีครับ ความสุขที่แท้จริงคืออะไรครับ

4/14/2010 8:15:04 PM สุขที่แท้จริง
ดีค่ะ

4/14/2010 8:15:40 PM Love
ขอให้มีความสุขมากๆ ในช่วงสงกรานต์นี้ครับ

สุขที่แท้จริง
เช่นเดียวกันค่ะ

Love
ความสุขที่แท้จริงคืออะไรครับ

สุขที่แท้จริง
ตรงนี้ต้องทำเอง ถึงจะเข้าใจค่ะ

Love
อืมม แบบไหนล่ะครับ ลองแนะนำหน่อยครับ

สุขที่แท้จริง
การเจริญสติค่ะ

Love
อืมมม ครับ ตอนนี้ปฏฺิบัติอยู่ด้วยหรือป่าวครับ
เค้าบอกกันว่า ความสุขใดจะเท่าความสงบไม่มี

สุขที่แท้จริง
การมีสติ สัมปชัญญะ รู้เท่าทันการปรุงแต่งของจิต ทำให้เราพบแต่ความอิ่มใจ สุขใจค่ะ
มีมากสุขมาก มีน้อยสุขน้อย

Love
อืมมมครับ ไม่ทราบว่าเป็นลูกศิษย์ของพระอาจารย์อะไรครับ

สุขที่แท้จริง
หลวงพ่อจรัญค่ะ ขอโทษนะคะ พอดีกำลังจะเขียนบล็อก เอาไว้มาคุยกันใหม่นะคะ

Love
อ้าวเหรอครับ ขอโทษด้วยนะครับ ไม่ทราบว่าเขียน update ทุกวันหรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่เป็นไรค่ะ คือ ถ้าเขียนๆหยุดๆ มันจะลืมข้อความที่จะเขียนต่อ

Love
ครับ เข้าใจครับ ต้องใช้สมาธิมากๆ ครับ
แล้วคุยกันใหม่ครับ ยินดีได้รู้จักครับ

สุขที่แท้จริง
เมื่อเช้าก็ไปทำบุญกับน้องเขาที่วัดอโศ ไปไถ่ชีวิตโคกระบือ
และได้ให้น้องเขาบริจาคร่างกายเป็นอจ.ใหญ่ พร้อมทั้งบริจาคดวงตา
ตลอดจนอวัยวะทุกส่วนกับสภากาชาดด้วยค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยกันค่ะ
ไปก่อนนนะคะ ไว้สนทนากันใหม่

Love
สาธุครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 18 เมย.


4/18/2010 12:54:06 AM Love Forever
ผมมีคำถามจะถามหน่อยครับ เกี่ยวกับเรื่องของความรักของ คนหนุ่มสาวนะครับ
ถ้าแฟนหนุ่ม ออกบวช แล้วกำหนดเวลาเอาไว้ว่าประมาณ 1 เดือนจะลาสิกขา
แต่เมื่อถึงเวลาแล้ว ก้อขอบวชต่อไปอีก ขยายระยะเวลาออกไป

และเมื่อแฟนสาวโทรไปหาพระแฟนหนุ่มแล้ว พระท่านเปลี่ยนไป
คล้ายๆกับว่าอยากบวชตลอดไป คุณคิดว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้ว
ผลสุดท้ายน่าจะเป็นอย่างไร ทั้งที่่ก่อนที่จะบวช รักกันมาก ๆ

4/18/2010 12:58:25 AM สุขที่แท้จริง
อยู่ที่ผู้หญิงค่ะ เข้าใจธรรมะมากแค่ไหน จิตใจมีความมั่นคงต่อความรู้สึกของตัวเองมากแค่ไหน

Love Forever
อธิบายเพิ่มหน่อย ในฐานะที่คุณก้อเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ถ้าหากเป็นคุณ คุณจะทำอย่างไร

สุขที่แท้จริง
คือ สำหรับพระนั่น ตัดไปได้เลย ทุกอย่างไม่แน่นนอน ตอนนี้ท่านอาจจะรู้สึกแบบนั้น
แต่ถ้ายังไม่เข้าถึงธรรม สักวันอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ อาจจะสึกมาก็ได้

ส่วนผู้หญิง ถ้ารักเขาจริงๆ ย่อมรอได้ โดยไม่หวั่นไหวใดๆทั้งสิ้น ยิ่งถ้ามีเวลา ควรไปศึกษาเพิ่มทางธรรม จะได้เป็นกัลยาณมิตรต่อกัน

Love Forever
แต่ว่าพระท่านได้เจอเหตุการณ์แปลก ๆ ขณะปฏิบัติธรรมอยู่
คุณคิดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจมั้ย

สุขที่แท้จริง
ทุกอย่างไม่เที่ยงค่ะ

Love Forever
ครับ ตามหลักไตรลักษณ์ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
สัจธรรมเลยแหละค่ะ

Love Forever
ผมก้อเคยบวชมาเหมือนกันนะครับ พอจะทราบถึงความรู้สึกแบบนี้เหมือนกันครับ
ณ ปัจจุบันนี้ก้อยังอยากจะบวชอีกครั้งนึง บวชแบบตลอดชีวิตเลยนะครับ

สุขที่แท้จริง
โมทนาค่ะ บวชเพื่ออะไรคะ

Love Forever
ก้อบวชเพื่อ หาหนทางพ้นทุกข์ครับ ตามหลักธรรมของพระพุทธองค์
ตั้งแต่คุณปฏิบัติธรรม มาเคยเจอเหตุการณ์อะไรแปลก ๆมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
เร่องแปลกๆ คนอื่นอาจจะแปลกๆ สำหรับตัวเองนั้น เฉยๆ เพราะชินแล้วค่ะ

Love Forever
เจอมาบ่อยเหรอครับ ถ้าแบบนั้น ถ้าหากว่าผมล่วงเกินตรงไหนก้อต้องขออโหสิกรรมด้วยนะครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่เป็นไรค่ะ

Love Forever
ในบล็อกนี้คือประสบการณ์จริงทั้งหมดเลยใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
ใช่ค่ะ มันคือสภาวะของกิเลส กิเลสในจิตเรานี่แหละ
คุณอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจกับคำว่า สภาวะ และกิเลส สภาวะคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา

Love Forever
ตอนนี้เข้าฌานได้หรือยังครับ

สุขที่แท้จริง
ได้ค่ะ แต่ไม่นาน เนื่องจากเคยสูญเสียสมาธิไป

Love Forever ฌานไหนแล้วครับ

สุขที่แท้จริง(
3 บาง 4 บ้าง

Love Forever
มีทั้งหมด 4 ฌานใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
8 ค่ะ

Love Forever
ฌานไหนถึงจะหลุดพ้นได้ครับ

สุขที่แท้จริง
ได้ทุกฌานค่ะ ถ้าทำได้จริง เพียงแต่ฌาน 4 ได้เปรียบ เพราะสภาวะพร้อมมากกว่าฌานอื่นๆ

Love Forever
พระท่านบอกว่า ถ้าหลงอยู่ในฌามเกินไป หากตายไปขณะทรงฌาน จะไปเกิดเป็นพรหม
ใช่ป่ะครับ

สุขที่แท้จริง
อันนั้นมิจฉาสมาธิค่ะ ฌานในสัมมาสมาธิ ไม่มีหลงค่ะ

Love Forever
ณาน 4 เรียกว่าอะไรนะครับ

สุขที่แท้จริง
จตุตถฌาน

Love Forever
เทียบกับ ญาณ แล้ว คือ ญาณ ที่เท่าไหร่

สุขที่แท้จริง
เทียบไม่ได้ค่ะ คนละอย่าง

Love Forever
ฌาน 4 เนี่ยเป็น สมาธิขั้น อุปจาระใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
อัปปนาค่ะ

Love Forever
เคยไปเห็นเทวดามาหรือยังครับ

สุขที่แท้จริง
ไปสนใจเรื่องพวกนี้ทำไมคะ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

Love Forever
อยากทราบดูเท่านั้นเองครับ รู้จักท่านอาจารย์ สนอง วรอุไรมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่ค่ะ

Love Forever
แล้ว หลวงปู่เณรคำล่ะครับ เคยได้ยินชมรมนี้มั้ยครับ กัลยาณธรรม

สุขที่แท้จริง
ไม่เคยค่ะ

Love Forever
ตอนนี้คุณละสังโยชน์ได้กี่ตัวแล้วครับ

สุขที่แท้จริง
สนใจไปทำไมคะ ดูตัวเองดีกว่ามังคะ มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย

Love Forever
เรื่องไหนครับ

สุขที่แท้จริง
ทุกๆเรื่องค่ะ

Love Forever
จริง ๆ แล้วไม่มีอะไรดีไปกว่าการได้ปฏิบัตินะครับ คุณปฏิบัติ แนวไหนครับ

สุขที่แท้จริง
พองหนอยุบหนอค่ะ

Love Forever
สภาวะที่คุณบอกอ่ะครับ ถ้าเข้า ฌาน 4 ได้ แล้วเป็นอย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่เล่าค่ะ เล่าไปไม่เข้าใจ ต้องทำเอง ถึงจะเข้าใจค่ะ
อ้อ... อ่านในบล็อกที่ให้ไปเมื่อกี้สิคะ มีเขียนอธิบายอยู่

Love Forever
อืมม ถ้าจะทำให้เข้าถึงต้องใช้เวลานานมั้ย

สุขที่แท้จริง
เวลาไม่เกี่ยวค่ะ อยู่ที่ความต่อเนื่อง

Love Forever
ต่อเนื่องของอะไรครับ

สุขที่แท้จริง
การทำกรรมฐานค่ะ

Love Forever
ต้องทำให้ได้ทุกอิริบาบถ หรือป่าว

สุขที่แท้จริง
เดินกับนั่งเป็นหลัก

Love Forever
ทุกอย่างที่คุณเขียนใน blog เป็นผลที่ได้จากการปฏิบัติทั้งหมด หรือว่ามาจากปฏิยัติด้วยครับ

สุขที่แท้จริง
ปฏิบัติค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 00:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


18 เมย.

Love Forever
คุณคิดว่าจะเอาธรรมะ มาช่วยแก้สถานการณ์การเมือง ณ ช่วงนี้ได้มั้ย
คุณเข้า ฌานแต่ละครั้ง กินเวลาในโลกมนุษย์ มากมั่้ยครับ

Love Forever
ผมจะถามว่า ตอนนี้คุณเป็นคนสอบอารมณ์ได้หรือยัง

สุขที่แท้จริง
มีอะไรหรือคะ

Love Forever
จะถามว่า เวลาที่เรานั่งสมาธิแล้ว ตัวมันเอนไปเอนมา หรือไม่ก้อ มือมันหมุนไปเอง
โดยที่เราไม่ได้บังคับ แบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร ใช่ ปีติ หรือป่าว

สุขที่แท้จริง
เวลานั่ง ให้เอามือทั้งสองขัดกัน อย่านำไปประสานกัน
นิ้งหัวแม่มือน่ะค่ะขัดกันไว้

Love Forever
ชนกัน นะเหรอ ก้อตอนแรกนะมันก้อชนกันนะครับ
แต่ว่าพอถึงระยะเวลาหนึ่ง เช่นประมาณ 10-15 นาที นิ้วที่ชนกันอยู่ก้อ จะเลื่อนออกจากกัน

สุขที่แท้จริง
ขัดค่ะ ไม่ใช่ชน

Love Forever
หัวแม่โป้งนเหรอ

สุขที่แท้จริง
หัวแม่มือน่ะ ขัดเข้าหากัน เวลาตัวโยก ให้หายใจยาวๆ กำหนดรู้หนอๆๆๆ

Love Forever
สภาวะนี้เค้าเรียกว่าอะไร

สุขที่แท้จริง
สติไม่ทัน ไม่มีอะไรค่ะ

Love Forever
ไม่ทันแบบไหนครับ คือตัวผมก้อรู้ ก้อให้กำหนดรู้ไม่ใช่เหรอครับ และก้อเฝ้าดู

สุขที่แท้จริง
หมายถึงสติค่ะ เพราะไม่ทันเลยเป็นแบบนั้น ถ้าทันจะไม่เป็น

Love Forever
หมายถึงสติมันยังไม่มีเหรอ

สุขที่แท้จริง
สติยังไม่มากพอค่ะ

Love Forever
อืมม แล้วถ้าจะทำให้มากพอต้องทำอย่างไร

สุขที่แท้จริง
เดินจงกรมให้มากกว่านั่งค่ะ

Love Forever
แบบนี้แก้ได้เหรอครับ นอนทำได้ป่ะ

สุขที่แท้จริง
น่านนน

Love Forever
ไม่ใช่ผมหมายถึงทำในอิริยาบถนอนอ่ะครับ
ก้อคงเรามีหลายอิริยาบถไม่ใช่เหรอ ยืน เดิน นั่ง นอน

สุขที่แท้จริง
เดินจงกรมให้มากๆค่ะ

Love Forever
อืมม แล้วต้องมีองค์บริกรรมอะไรมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
เดินให้รู้ว่าเดินค่ะ เอาจิตรู้ลงไปทุกย่างก้าวที่เดิน

Love Forever
คุณเคย ศึกษาแนวทางการปฏิบัติตามแบบของหลวงพ่อปราโมทย์ มั้ยครับ
จะเป็นแนวดูจิตอ่ะครับ ตามแนวสติปัฏฐาน 4 นะครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่เคยค่ะ

Love Forever
ของหลวงพ่อจรัญ น่าจะเป็นแนว กายานุปัสสนา สติปัฏฐาน ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
แล้วแต่จะเรียกค่ะ

Love Forever
เพราะเท่าที่ผมทราบมา ก้อคือ กาย เวทนา จิต ธรรม
ตอนนี้คุณสามารถ ลด การยึดมั่น ถือมั่นได้มากหรือยังครับ

สุขที่แท้จริง
สนใจทำไมคะ
Love Forever
ก้อเป็นหนทางหนึ่ง ที่จะทำให้เราสามารถลด ละ กิเลส ให้น้อยลง
เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ใช่ตัวของเรา ของเขา

สุขที่แท้จริง
แล้วไปเกี่ยวกับคนอื่นๆทำไมคะ ไปสนใจคนอื่นๆทำไม วิธีละ ละในตัวเรา

Love Forever
ใช่ครับ ก้อคือ เราต้องมองจากข้างในของเรา ก่อนอ่ะครับ
มองจากข้างใน ออกสู่ข้างนอก ให้สนใจแค่เรื่อง กาย กับ จิต
แบบนี้ผมเข้าใจถูกมั้ยครับ
ข้อความใน บล็อกของคุณอ่ะครับ มีเป็นไฟล์มั้ยครับ
ผมว่ามีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่หลายอย่างเหมือนกันครับ
ผมอยากลองเอามาคึกษาดู เวลาตอนที่ไม่ได้ต่อเนตอ่ะครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่มีค่ะ ไม่ได้เซฟ ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นเลยค่ะ คือ ถ้าหายก็หายไปหมดเลย

Love Forever
ไม่ลองทำสำรองเอาไว้บ้างล่ะครับ
ถ้าหากว่ามันมีปัญหาขึ้นมา แล้วจะได้เอาที่สำรองไว้มาแทนได้
จะได้เผยแผ่ให้คนที่สนใจเค้าได้ลองศึกษาดู

สุขที่แท้จริง
ทำไม่เป็นค่ะ แต่ไม่เป็นไร ปล่อยให้เป็นแบบนั้น อะไรจะเกิดก็ปล่อยมันไป

Love Forever
อืมมม ครับ ถ้างั้น ถ้าผมมีเวลาผมจะลองทำเป็นไฟล์และส่งไปให้นะครับ
ขออนุญาตนะครับ

สุขที่แท้จริง
ข้อมูลในบล็อกจะนำไปทำอะไรก็ได้ค่ะ ถือว่าเป็นธรรมทาน

Love Forever
ได้ครับ เดี๋ยวต้องลองเอามารวมเป็นไฟล์่ก่อน
ถ้าข้อมูลตรงไหนที่น่าจะเป็นประโยชน์ แล้วค่อยว่ากันอีกทีครับ
เดี่ยวนี้คนสนใจด้านนี้กันเยอะมั้ยครับ เท่าที่คุณได้สัมผัสมา

สุขที่แท้จริง
เยอะค่ะ

Love Forever
อืมมครับ ดีครับที่ได้ยินคำตอบแบบนี้

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2010, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


8 พค. 53

Forever says:
ดูตามความเป็นจริง แล้วจะเห็นของจริง คืออะไร

สุขที่แท้จริง says:
ทุกๆสิ่งรอบๆตัวเรา เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้น แล้วส่งผลกระทบมาที่ตัวเรา
ทำให้เกิดความชอบใจและไม่ชอบใจ

เพียง เราแค่ดู ดูสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าสิ่งๆนั้นจะส่งผลให้ว่าดีหรือไม่ดี
ในความคิดของเราก็ตาม เราแค่ดูอย่างเดียว
แล้วเราจะเห็นสภาวะที่ซ้อนอยู่อีกชั้นหนึ่งของสิ่งที่เกิดขึ้น
สิ่งที่มันมี สิ่งที่มันเป็นจริงๆ ไม่ใช่ตามที่เราคิดว่าดีหรือไม่ดี

Love Forever says:
อันนี้ที่เกี่ยวกับเรื่องของ ธาตุทั่้งสี่หรือป่าวครับ

สุขที่แท้จริง says:
อันนี้นอกตัวค่ะ ไม่ใช่ในตัว สภาวะมีสองแบบนะคะ

Love Forever says:
ช่วยอธิบายหน่อยครับ

สุขที่แท้จริง says:
นอกตัว คือ เกิดขึ้นได้ทุกเวลา สิ่งที่มากระทบต่างๆ
แล้วเราไปปรุงแต่งตามกิเลสของเราที่มีอยู่มาก น้อย

ในตัวคือ ขณะที่เรากำลังปฏิบัติ เช่น ขณะที่เดินจงกรม แต่การนั่ง จะเห็นได้ชัดเจนมากกว่าเดิน
ถ้ามีสติ สัมปชัญญะมากพอ

Love Forever says:
แล้วสภาวะ ทั้งสองแบบ เกี่ยวข้องกันมั้ย

สุขที่แท้จริง says:
เกี่ยวข้องกันไม๊ มันเอื้อซึ่งกันและกัน
ถ้าทำภายในได้ ภายนอก ผลกระทบน้อยลง

Love Forever says:
แบบนี้ถ้าคนที่เพิ่งจะเริ่มปฏิบัติ จะต้องใช้อะไรช่วย

สุขที่แท้จริง says:
การเจริญสติค่ะ ต้องดูพื้นฐานของคนๆนั้นด้วย

Love Forever says:
ด้วยอิริยาบถแบบไหน หรือว่าต้องดูจริตของแต่ละบุคคล

สุขที่แท้จริง says:
ต้องดูพื้นฐานของคนที่มาขอคำแนะนำค่ะว่ามีแค่ไหน

Love Forever says:
เหมือนกับสอบอารมณ์ ใข่หรือ

สุขที่แท้จริง says:
แต่หลักๆที่ให้ลองทำก่อนคือ สำหรับคนที่ทำไม่เป็นเลยนะ
ใช่ค่ะ สำหรับคนที่ทำไม่เป็นเลยนะ ให้เริ่มจากเดิน และนั่ง

ส่วนเวลา ให้เริ่มจากน้อยๆไปก่อน แล้วค่อยมาปรับ

ถ้าคนไม่ชอบนั่ง ให้นอน

ถ้าไม่ชอบเดิน ให้เขาใช้ดูการเคลื่อนไหว
มันมีหลากหลายนะ ในการปรับรูปแบบ

Love Forever says:
แต่เรื่องของสภาวะที่บอกมาเมื่อกี้นี้ ผมนึกถึงการสอน
ตามแนวของท่านหลวงพ่อ ปราโมทย์ เลยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
หลวงพ่อปราโมทย์ เท่าๆที่คนมาเล่าให้ฟัง จะมีแต่เรื่องกายและจิต และเน้นไปทางจิต

Love Forever says:
ใช่ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ก็ไม่เคยฟังเองนะ เคยอ่านเหมือนกัน

ในการดูจิต ถ้าจิตไม่กำลังของสมาธิก็สามารถทำให้ฟุ้งได้
แต่ก็ไม่เสมอไปกับทุกคน แล้วแต่เหตุนะ เหตุที่ทำกันมาของแต่ละคน

Love Forever says:
รู้จักเวบไซต์ของท่านมั้ยครับ ตอนที่ผมได้ฟังครั้งแรก ๆ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ค่ะ

Love Forever says:
ว่าง ๆ ลองเข้า ที่เวบนี้นะครับ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์
แล้วเราสามารถเอามาแลกเปลี่ยนธรรมะ กันได้ครับ
http://www.wimutti.net

สุขที่แท้จริง says:
จะแลกเปลี่ยนอะไรหรือคะ

Love Forever says:
ก้อแลกเปลี่ยนเรื่องของการปฏิบัติ หรือ เรื่องของประสบการณ์ที่ผ่านมานะครับ
เผื่อว่าผมจะได้รับประโยชน์หรือแง่คิดอะไรบางอย่างจากการแลกเปลี่ยนกันครับ

เพราะว่าเท่าที่ได้อ่าน blog ของคุณแล้วคิดว่า เข้าใจในเรื่องของหลักธรรม คำสอนในศาสนา
ได้มากพอควรครับ

สุขที่แท้จริง says:
อยู่ที่เราคิดค่ะ

Love Forever says:
คืออะไรครับ

สุขที่แท้จริง says:
เราคิดว่ามากก็มาก เราคิดว่าน้อยก็น้อย เราคิดว่าใช่ก็ใช่ เราคิดว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่

Love Forever says:
ผมว่าที่คุณคิด นั้นคงเป็นเพราะประสบการณ์ที่ได้พบเจอมา
แบบนี้ก้อแสดงว่าความคิดเป็นตัวกำหนด
ตัวเราสิครับ ใช่ว่าเราได้ใช้ปัญญา เป็นตัวตัดสินสิ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงให้ดูตามความเป็นจริงไงคะ การดูตามความเป็นจริงกับสิ่งที่มากระทบ
เราจะไม่ไปให้ค่าให้ความหมายต่อสิ่งที่มากระทบ ไม่มีมาก ไม่มีน้อย ไม่มีถูก ไม่มีผิด
มีแต่ว่านั่นคือรู้ของเขา

Love Forever says:
แค่ให้ดู อย่างเดียวเท่านั้นใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:
การดู ฟังดูเหมือนง่าย

Love Forever says:
ให้ดู และให้รู้ ด้วยตัวของเราเอง

สุขที่แท้จริง says:
จริงๆแล้ว
ให้ดู และให้รู้ ด้วยตัวของเราเอง ... ตรงนี้ใช่ค่ะ
ดูกิเลสลดลงไปไหม การยึดติดลดลงไหม สติ เพิ่มขึ้นไหม

Love Forever says:
แบบนี้ก้อตรงตามหลักของพุทธศาสนาสิครับ ว่าปัญญานั้นมี อยู้่ 3 แบบ
ที่บอกว่าปัญญาเกิดจาก การฟัง คิด และการภาวนา

สุขที่แท้จริง says:
ครับใช่ ถึงบอกว่าผมไม่ถามแล้วว่าผมทำถูกไหม กระจ่างแจ้งด้วยตัวเอง ...................
อันนี้คือคำตอบของคนที่คุยด้วยเมื่อกี้

ooสาธุoo says:
ผมว่าตอนนี้สภาวะนะที่เกิดกับผมนะครับ มันยังไม่ชัด ผมต้องดูต่อไปเรื่อยๆๆๆๆ เดี๋ยวชัดเอง
แต่ถามว่าตอนนี้ สติจะไวขื้นมานิดเดียวแล้ว ดีใจแล้ว เมื่อกอ่นเจอแฟนพูดเรื่องไม่พอใจจะงอน
เดี๋ยวนี้นิ่งครับ แต่ผมดูที่ใจผมมากกว่าหน้าตาอาจนิ่งจริง แต่ใจไม่ใช่
เดี๋ยวนี้ดูที่ใจมากกว่าครับ ว่ามีคาใจไหม

Love Forever says:
ว่าแต่ แนะนำ อะไรเค้า ล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เจริญสติค่ะ ทำในแบบที่เขาถนัด ตอบในสิ่งที่เขาสงสัย แต่คนทำคือตัวเขาเอง

Love Forever says:
แบบนี้ก้อคือปฏิบัติทุกที่ ทุกเวลา สิครับ

สุขที่แท้จริง says:
เราไม่ต้องไปพูดว่าเขาทำถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นกิเลส
แล้วแต่ค่ะ ถ้าทำเต็มรูปแบบได้ ควรทำ เต็มรูปแบบคือ เดินจงกรม ต่อด้วยนั่งสมาธิ

Love Forever says:
แบบนี้คนที่อยู่ในสังคมเรา ปัจจุบันนี้ก้อมีแต่คนที่หลงกันเป็นส่วนใหญ่สิ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุที่ทำมาค่ะ

Love Forever says:
คนที่ยุ่งอยู่กับทางโลก คงมีโอกาสที่จะทำเต็มรูปแบบ นั้นคงยาก

สุขที่แท้จริง says:
ไหงงั้นล่ะคะ คนนั้นเป็นเจ้าของร้านเกมส์ วุ่นวายทั้งวัน
แต่เขาก็พลิกแพลงความวุ่นวายมาเดินจงกรมสลับกับนั่งเป็นระยะๆ

Love Forever says:
ตอนช่วงไหนล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทั้งวันค่ะ เขาทำทั้งวัน สติไม่ทัน เขาโมโหเด็ก
เขาก็ยอมรับความจริงว่าเขาสอบตก และก็เริ่มใหม่

Love Forever says:
ถ้าเป็นเจ้าของคงจะทำเมื่อไหร่ก้อได้

สุขที่แท้จริง says:
แน่ะ ข้ออ้างค่ะ แบบนี้คือข้ออ้าง เดิน การเดินจงกรม หลายๆคนมองว่าต้องมีรูปแบบ
นั่ง การนั่ง ต้องขัดสมาธิที่พื้นเท่านั้น เพราะไปยึดติดในรูปแบบ คนทำงาน ทำที่ไหนๆก็ได้

Love Forever says:
อันนี้เห็นด้วยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ระหว่างทำงาน มีเดิน เวลาเดินก็ให้รู้ที่เท้ากระทบพื้น
ช่วงพัก แทนที่จะไปนั่งคุยไร้สาระ ก็เอาเวลามานั่งกูกายและจิตดีกว่า

Love Forever says:
เคยได้ฟังพระท่านเทศนามาครับ ว่าถ้ามีดวงตาเห็นธรรม
แล้ว จะเห็นก้อแค่ครั้งเดียว อันนี้เห็นด้วยมั้ย
ถ้าบรรลุธรรม แล้วก้อจะบรรลุแค่ครั้งเดียว มีครั้งที่สอง ที่สาม ....

สุขที่แท้จริง says:
แล้วมีโสดา สกิทาคา อนาคาและอรหันต์ มาจากไหนคะ

Love Forever says:
อันนี้ผมหมายถึง บรรลุอรหันต์แล้วนะครับ เพราะถ้าโสดา ......

สุขที่แท้จริง says:
โห .... แล้วบางคนที่สะสมมายังไม่มากพอล่ะคะ

Love Forever says:
อันนี้คือได้แค่ดวงตาเห็นธรรม

สุขที่แท้จริง says:
จะกระโดดไปอรหันต์เลยนี่นะคะ อย่าไปยึดติดเลยค่ะ จะเป็นอะไร หรือเห็นอะไรไม่สำคัญเลย

Love Forever says:
อันนี้ก้อต้องอยู่ที่กรรมในอดีตชาติ

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสในใจเราต่างหาก เห็นและรู้จักตามความเป็นจริงหรือยัง

Love Forever says:
แล้วที่เราปฏิบัติตามที่แนะนำมาแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรครับ
อะไรจะเป็นตัวตัดสินในเรื่องของอนาคตกาลของเรา

สุขที่แท้จริง says:
ถามนะคะ คุณดูจิตใช่ไหมคะ
ดูจิตอย่างเดียวหรือว่ามีเดินจงกรม และกำหนดนั่งด้วย

Love Forever says:
ผมก้อลองปฏิบัติอยู่หลายแบบนะ กำลังอยู่ในช่วงทดลอง
อยากรู้ว่าแบบไหนที่ตรงกับจริตของผม

สุขที่แท้จริง says:
เพราะจากคำถามที่คุณถามมานั้น ดูคุณกำลังสับสนในตัวเอง
คือ มีความเคลือบแคลงและสงสัย ลองหลายแบบ ลองแล้วเป็นยังไงหรือคะ

Love Forever says:
คือผมได้ฟังพระธรรมเทศนา และอ่านหนังสิอ
ธรรมะมา ก้อเห็นว่ามันมีเรื่องอีกเยอะ ที่ผมยังต้องทำการปฏิบัติ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วที่เราปฏิบัติตามที่แนะนำมาแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรครับ อะไรจะเป็นตัวตัดสิน
ในเรื่องของอนาคตกาลของเรา ....... คุณทำอย่างไรบ้างคะ
ขออนุญาติถามรายละเอียด เพราะดูๆจากคำคำถามที่ถามมาแล้ว คุณยังจับอะไรไม่ได้เลย

Love Forever says:
ครับ ต้องนี้ก้อลองทำตามแนวของการดูจิตนะ


สุขที่แท้จริง says:
ทำมานานเท่าไหร่แล้วคะ ได้เดินจงกรม กับ นั่งสมาธิด้วยมั๊ย

Love Forever says:
ก้ออย่างที่ผมได้อ่านหนังสือมา แล้วบอกว่าเหตุปัจจัยต่าง ๆ
ที่ทำให้สัตว์ทั้งหลาย ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏสังสารนั้น มีเรื่องของ ภพ ขาติ ผัสสะ .... และอีกหลายอย่าง

เป็นเหตุและปัจจัยทำให้ยังคงเวียนว่ายตาย เกิด
ผมก้อเลยถามว่า ถ้าหากว่าปฏิบัติตามที่คุณแนะนำมา

สุขที่แท้จริง says:
ความไม่รู้ค่ะ ความไม่รู้ก็คือ กิเลส
กรรมก็คือ การกระทำ ทำตามกิเลส
ถ้าเรารู้ คงไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดแบบนี้
เพราะเราเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้มาตั้งแต่แรก

Love Forever says:
แล้วผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเป็นอย่างไร เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีดวงตาเห็นธรรมหรือ
อะไรเป็นเหตุ หรือ ปัจจัยที่ทำให้เราได้รู้

สุขที่แท้จริง says:
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีดวงตาเห็นธรรมหรือไม่ ....
รู้สิคะ ถ้ารู้จริง กิเลสต้องลด

อะไรเป็นเหตุ หรือ ปัจจัยที่ทำให้เราได้รู้ ..........
กาย เวทนา จิต ธรรม นี่แหละค่ะ

Love Forever says:
แบบนี้เราก้อต้องรู้เรื่องกิเลสให้หมดสิครับ

สุขที่แท้จริง says:
แสดงว่าคุณไม่เข้าใจเรื่องกิเลส ทำไมต้องไปเรียนล่ะคะ กิเลสเกิดขึ้นตลอดเวลา

Love Forever says:
ผมก้อยังสงสัยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ทุกๆการกระทบนั่นคือ สภาวะ นั่นคือ กิเลส

Love Forever says:
ว่ากิเลสนั้นมีระบุมั้ยว่ามีจำนวนเท่าไหร่

สุขที่แท้จริง says:
ว่ากิเลสนั้นมีระบุมั้ยว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ....
ถ้าต้องการรู้แบบนี้ ต้องไปเรียนอภิธรรมค่ะ

Love Forever says:
อันนี้ผมพอนะเข้าใจนะครับ แต่ถ้า ยึดตามหลักของพระอภิธรรม
แบบนี้ก้อเหมือนกับการท่องจำหรือป่าว

ก้อเลยอยากทราบสภาะ จากการปฏิบัตินะครับ
เพราะว่าจะได้เห็นได้ชัดเจนกว่า

สุขที่แท้จริง says:
ดูจิตคืออะไรคะ

Love Forever says:
ดูสภาวะที่มากระทบกับเราครับ

สุขที่แท้จริง says:
ดูแล้ว เห็นแล้ว ทำยังไงคะ

Love Forever says:
ก้อ ยึดติด แค่ได้ดู ได้รู้ แล้วปล่อยวาง

สุขที่แท้จริง says:
เคยโดนคนด่ามั๊ยคะ

Love Forever says:
ก้อเคยนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วทำไงคะ

Love Forever says:
แต่ก่อนก้อ พอใจ เดี่ยวนี้ก้อ ได้ว่าอะไร ใครจะด่า จะว่าอะไร ก้อจะ เอามาคิดให้มาก
แค่ฟัง แล้วเอามาวิเคราะห์ และเปรียบเที่ยบ เชื่อ ในสิ่งที่เค้าพูดมา ในทันที

สุขที่แท้จริง says:
ขณะที่เขากำลังด่าน่ะค่ะ คุณทำยังไง

Love Forever says:
ก้อรับฟัง ครับ และก้อพูดคุยกัน แล้วนำเอามาปรับปรุง
ถึงแม้จะ สามารถนำมาปฏิบัติได้ทันที ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป

สุขที่แท้จริง says:
สิ่งที่คุณตอบมา นั่นคือ คำถามที่คุณถามมาเมื่อกี้

Love Forever says:
ผมก้อเลยสงสัยว่า ถ้างั้นแล้ว กิเลสคืออะไร ถ้าจะให้คนธรรมดาเข้าใจง่าย ๆ

สุขที่แท้จริง says:
จริงๆแล้ว ตัวคุณเองได้คำตอบแล้ว
กิเลส ง่ายจะตาย รัก โลภ โกรธ หลง ค่ะ ความอยาก

Love Forever says:
เพราะคำว่า กิเลส นั้นมันเหมือน เป็นคำศัพท์ จะมีคำ ๆ ไหนมั้ยที่ทำให้เวลาพูดคำว่า กิเลส แล้ว
คนเราเข้าใจกัน ในทันที

สุขที่แท้จริง says:
รู้ด้วยตัวคุณเองก่อนจะดีกว่ามั๊ยคะ ถ้ารู้แล้ว เวลาคนมาถาม อธิบายไม่ยากหรอกค่ะ
แต่การสร้างรูปแบบขึ้นมานี่ ไม่รู้จะสร้างไปเพื่ออะไร

เพราะกิเลสก็คือกิเลส ถ้าจะว่าตามคำศัพท์ ก็มีคำแปลไว้
บ่วงร้อยรัด ถ้าจำไม่ผิดนะคะ

Love Forever says:
อันนี้เห็นด้วยกับคำตอบนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
พอดีไม่ค่อยจะเปิดหาคำแปลสักเท่าไหร่

Love Forever says:
แต่ว่าถ้ามีคนมาถามเราแล้ว เราจะตอบเค้าว่าอย่างไรกันล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถ้ามีคนถามเราว่า กิเลส คืออะไร

Love Forever says:
ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ง่ายมาก ตอบตามคำศัพท์

Love Forever says:
แล้วจะพอมีวิธีที่จะทำให้คนมาทำความรู้จักกับมัน ได้อย่างไร

สุขที่แท้จริง says:
แต่ถ้าถามตัวสภาวะ บอกกับเขาว่า ที่คุณอยากรู้ว่ากิเลสคืออะไรนั่นแหละ
คือ กิเลส ความอยากรู้ไง

Love Forever says:
เอาแบบว่าพอได้ยินแล้ว ก้อสนใจและศรัทธา ทันที

สุขที่แท้จริง says:
คุณยังทำไม่ได้หรอกค่ะ เอาตัวเองให้เข้าใจสภาวะไปเรื่อยๆก่อนจะดีกว่า

Love Forever says:
คงจะแบบนั้นนะครับ ว่าแต่ถ้าจะให้คนอื่นให้เค้า เข้าใจกับคำๆ นี้้ต้องแนะนำให้ ที่ไหน

สุขที่แท้จริง says:
แนะนำแค่ที่ตัวคุณรู้น่ะค่ะ รู้แค่ไหน แนะนำแค่นั้น ส่วนเขาจะเชื่อหรือไม่ นั่นเรื่องของเขา
ส่วนจะแนะนำไปที่ไหนนั้น อันนี้บอกตามตรงนะคะ

แหล่งหาความรู้เยอะมากๆ แล้วการที่จะให้คนแต่ละคนเข้าใจเรื่องกิเลสจริงๆนั้น
อันนั้นขึ้นอยู่กับเหตุของแต่ละคนค่ะ

Love Forever says:
ครับ คงเป็นแบบนั้นนะครับ ขอบคุณนะครับ

สุขที่แท้จริง says:
คงห้ามยากนะคะ ถ้าจะบอกคุณว่า อย่าไปคิดแทนคนอื่นๆเลยค่ะ

Love Forever says:
ถ้ามีข้อสงสัยอะไร แล้วจะมาคุยใหม่

สุขที่แท้จริง says:
ทางของแต่ละคนที่เดินกันอยู่นั้น ล้วนเกิดจากเหตุที่กระทำกันมา

Love Forever says:
ครับ เห็นด้วยนะ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วก็เหตุปัจจุบันที่สร้างใหม่อีก

Love Forever says:
แต่ว่าอยากจะเห็นด้วยปัญญาในธรรม นะครับ

สุขที่แท้จริง says:
ถึงบอกว่า ให้ดูตามความเป็นจริงค่ะ ความอยากนี่แหละค่ะ ตัวบดบังปัญญาไม่ให้เกิด

Love Forever says:
ความอยาก ก้อเป็นกิเลส ไงครับ แต่ว่าความอยากในธรรม อันนี้ผมว่าเป็นกุศลธรรม นะครับ

สุขที่แท้จริง says:
เพราะคุณให้ค่าให้ความหมายไงคะ กุศลหรืออกุศลคืออะไร เราให้ค่าต่างหาก

Love Forever says:
อันนี้คือสิ่งสมมุติ ที่ทำให้เราเข้าใจได้ไงครับ เหมือนกับเราแบ่ง ขาว กับ ดำ ไง
แต่ว่าเราก้ออย่า ยึดติดกับสิ่งสมมุติ สิครับ

สุขที่แท้จริง says:
เอาเถอะค่ะ สักวันคุณจะเข้าใจ วันนี้คุณอาจจะรู้แค่นี้ วันหน้ารู้นั้นๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ละเอียดมากขึ้น

Love Forever says:
ครับ ว่าแต่จะอีกนานมั้ย หนอ จะในชาตินี้ หรือว่า ชาติไหน ๆ กัน

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมหรือคะ

Love Forever says:
ก้อถ้าเป็น ได้ ก้ออธิฐานให้พบเจอในชาตินี้ จะได้หลุดพ้นจากวัฏสังสาร ให้เร็วไว
อย่่างคุณคงจะเห็นได้ในเร็วไว นี้แล้วล่ะมั้ง

สุขที่แท้จริง says:
อย่าไปสนใจเลยค่ะ เรื่องนอกตัว

Love Forever says:
จะพยายามทำให้ได้นะครับ เดี๋ยวนี้คุณปฏิบัติอย่างไรครับ

สุขที่แท้จริง says:
ปกติค่ะ ยืน เดิน นั่ง นอน

Love Forever says:
เต็มรูปแบบมั้ย

สุขที่แท้จริง says:
เต็มมั่ง ไม่เต็มมั่ง สลับกันไปค่ะ

Love Forever says:
ปฏิบัติแบบ สมถะ หรือว่า วิปัสสนา

สุขที่แท้จริง says:
รวมๆค่ะ เอ๋ ไหนว่าอ่านบล็อก อ่านแล้วไม่รู้หรือคะ

Love Forever says:
ก้อยังอ่าน หมดนะครับ ก้อ แน่ใจนะครับ เลยสอบถามเลยดีกว่า
เพราะว่านักปฏิบัติส่วนใหญ่ จะทำทั้งสองแนว เพราะว่าเกื้อหนุนกัน

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุที่ทำมาค่ะ

Love Forever says:
ฮธิบายความนิดนึง ไม่เคลียร์

สุขที่แท้จริง says:
บางคน สมถะมาก่อน แล้วมีทำวิปัสสนาทีหลังก็มี
บางคนรู้จักวิปัสสนาก่อน แล้วมาทำสมถะทีหลังก็มี
ถึงบอกว่า แล้วแต่เหตุที่ทำมา

Love Forever says:
แต่ยังไงต้องมีทั้งสองแบบ ใข่หรือ ถ้าจะปฏีบัติให้ถึงธรรมขั้นสูง ๆ

สุขที่แท้จริง says:
การสนทนา กับคนอื่นๆต้องระวัง เพราะบางคนเขายึดติดในรูปแบบของตนเองนั้นมี
เราควรสนทนาแบบกลางๆ คือไม่ฟันธงลงไป เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนความรู้กับคนๆนั้น

Love Forever says:
เพราะว่าเคยได้ฟังธรรมะ ของท่านหลวงตามหาบัวมา
ท่านเคยบอกว่า สมถะเอาไว้สำหรับเป็นที่พัก่ผ่อน ส่วนวิปัสสนาเอาไว้สำหรับใช้ปัญญา

สุขที่แท้จริง says:
เอาเถอะค่ะ คุยแบบนี้ คุยไม่รู้จบ
เอาเป็นว่า คุณทำต่อไป ทำให้ต่อเนื่อง
แล้วสิ่งที่คุณพูดๆมาน่ะ จะหายสงสัยไปเอง

Love Forever says:
เดี๋ยวนี้คุุณนั่งสมาธิ วัน ๆ หนี่ง นานมั้ย

สุขที่แท้จริง says:
อย่าไปสนใจเลยค่ะ นานหรือไม่นาน ไม่ใช่ตัววัดผล

Love Forever says:
เห็นด้วยนะ ผมแค่อยากทราบเฉย ๆ นะว่าคนที่ปฏิบัติแบบคุณ
เอาเวลามานั่งทำสมาธินานหรือป่าว
ขอบคุณนะครับ สำหรับการสนทนา กันในคืนนี้

สุขที่แท้จริง says:
อินทรีย์ต้องคอยปรับตลอดเวลา บอกแล้วนี่คะว่านานหรือไม่นาน ไม่เกี่ยว

Love Forever says:
เอาไว้มีข้อสงสัยแล้ว จะมาสนทนาใหม่

สุขที่แท้จริง says:
ตัวกิเลส ตัวสติ สัมปชัญญะต่างหากล่ะคะคือตัววัดผล

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ove Forever says:

ความกลัว คือ อะไร

สุขที่แท้จริง says:

อุปทานไงคะ

Love Forever says:

เกิดขึ้นได้เพราะอะไร

สุขที่แท้จริง says:

เราทุกคน แต่ละคนมีความกลัวแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเหตุที่กระทำมา
บางคนมีความกลัวโดยไม่รู้สาเหตุ เช่น กลัวแม่น้ำ ทำให้ไม่กล้าอยู่ใกล้แม่น้ำ
ส่วนมากจะอนุมานเอาว่า คนๆนี้เคยตกน้ำตายมาก่อนที่จะมาเกิดใหม่

Love Forever says:

ความกลัว เกิดจาก ความไม่รู้ ไม่ใช่หรือ

สุขที่แท้จริง says:

เราจะให้ความหมายยังไงก็ได้

Love Forever says:
แล้วจะทำอย่างไรไม่ให้กลัว

สุขที่แท้จริง says:

จงเป็นผู้มีสติ สัมปชัญญะ

Love Forever says:

อย่างเช่น คนที่กลัวผี

สุขที่แท้จริง says:

มีสติ ย่อมไม่กลัวอะไร

Love Forever says:

แล้วแต่ละคนจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเอง กำลังมีสติ

สุขที่แท้จริง says:

ต้องฝึกค่ะ สติคนทั่วๆไปน่ะ แค่เรื่องปกติ

Love Forever says:

แล้วสติ ในทางธรรม นั้นเป็นอย่างไร แตกต่างจากสติของคนธรรมดาแบบไหน

สุขที่แท้จริง says:

แตกต่างสิ สติในคนทั่วๆไป จะไม่สามารถมีตัวสัมปชัญญะเกิดพร้อมขึ้นด้วยตลอดเวลาได้
แต่การ ฝึกเจริญสติ ทำให้มีตัวสัมปชัญญะเกิดขึ้นพร้อมกับสติได้

Love Forever says:

เพราะว่าคนปกติทั่่ว ๆ ไปคงจะไม่เข้าใจความหมายของคำว่าสติ
สัมปชัญญะ คือ ความรู้ตัว ใข่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:

ความรู้ตัว ความรู้สึกตัวลงไปในขณะที่กำลังประกอบกิจอยู่
ทำไมเด๋วนี้คนจึงมีรูปแบบคล้ายคลึงกัน ในเรื่องของคำพูด

Love Forever says:

หมายถึงอะไร

สุขที่แท้จริง says:

เราต้องอยู่กับปัจจุบัน

Love Forever says:
คนส่วนใหญ่เค้าไม่ได้สนใจในเรื่องแบบนี้

สุขที่แท้จริง says:

เมื่อยู่กับปัจจุบันได้ตลอด เราจะไม่สนใจว่าใครเหมือนใครหรือคล้ายใคร
เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือเหตุของแต่ละคนที่กำลังสร้างกัน สร้างเหตุดี ผลดีย่อมตกแก่ตัวเขา

Love Forever says:

ว่่่าแต่เรื่องของกรรมในปัจจุบัน กับ กรรมใจอดีต ที่ส่งผลให้แต่ละบุคคลนั้น
มีความแตกต่างกัน แล้วแต่ละคนนั้นจะแยกแยะได้อย่างไร
ว่าอันไหนเป็นกรรมในอดีตที่ส่งผลมาในปัจจุบัน

สุขที่แท้จริง says:

อันนี้ต้องทำเองนะ ถึงจะเข้าใจ ให้มาแจกแจงให้ฟังน่ะ เข้าใจได้ยาก
ขนาดคนที่ทำ บางทียังไม่เชื่อเรื่องกรรม ยังมีเลย นับประสาอะไรกับคนที่ไม่ได้ทำ

ผลกรรมคือวิบากกรรม อาจจะทำให้เป็นเหตุร้ายหรือดีก็ได
เช่นคนถูกหวย นั่นคือ เขาเคยสร้างเหตุมา ผลจึงถูกหวย
คนถูกด่า นั่นคือ เขาทำกับคนอื่นๆไว้ ทำให้เขาต้องมาถูกด่า
คนที่ชอบเก็บสภาวะของคนอื่นๆมารวบรวมเอาไว้
สภาวะเหล่านั้นก็สามารถกลายเป็นสัญญาให้กับคนๆนั้นได้
แบบนี้จึงเรียกว่ากรรม

ส่วนผีหรือสัมภเวสี
พวกนี้เขาจะพยายามติดต่อกับคนที่คิดว่า ช่วยเขาได้
หากเคยสร้างเหตุมาร่วมกัน เขาย่อมสามารถติดต่อกับคนๆนั้นได้
หากไม่เคยสร้างเหตุมาร่วมกัน ถึงติอดต่อได้ แต่ถ้าคนๆนั้นไม่รู้ว่าควรทำยังไง เขาก็ช่วยไม่ได้

กรรม เป็นเรื่องที่ละเอียด ต้องดูตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
กรรมปัจจุบันคือผลของในอดีตที่เราเคยทำไว้ กรรมในอนาคต คือ สิ่งที่เรากำลังทำขึ้นในปัจจุบัน

Love Forever says:

ตอนนั้นผมยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูกนะ

สุขที่แท้จริง says:

ผ่านไปแล้ว ไปแก้ไขอะไรไม่ได้หรอก เก็บมาคิดก็เท่านั้น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 31 พ.ค. 2010, 23:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2010, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


Love Forever says:

ได้ยินมาว่า ถ้าสติไม่ดี อย่าเพิ่งไปหัดดูจิต อันนี่เห็นด้วยมั้ย

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่เหตุที่ทำมาค่ะ

Love Forever says:

แบบนี้ก้อเป็นธรรมะนะ เป็นอุเบกขาไง

สุขที่แท้จริง says:

ทุกอย่างล้วนเป็นธรรมะ เพียงแต่ว่าเราไปให้ค่ากันเองว่าต้องอย่างโง้นอย่างงี้

Love Forever says:

เห็นบอกว่าถ้าสติไม่เยอะแล้ว ไปหัดมองดูจิต จะสู้กับกิเลสไม่ได้

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เกี่ยวหรอกค่ะ

Love Forever says:

เคยเห็นทุกข์ เป็นแบบไหน

สุขที่แท้จริง says:

สารพัดแบบแล้วแต่เราจะปรุง

Love Forever says:

คนในบ้านของคุณเค้า ปฏิบัติอย่างคุณหรือป่าว
ถ้ามองเห็น เรื่องของการ เกิด แต่ เจ็บ ตาย แล้ว แค่นี้ ถnอว่า มองเห็นทุกข์หรือยัง

สุขที่แท้จริง says:

ไม่นะ นั่นใครๆก็มองได้

Love Forever says:

ถ้าจะให้มองเห็นทุกข์ ว่า เป็นทุกข์ ได้ แล้วต้องมองอย่างไร

สุขที่แท้จริง says:

มองตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

Love Forever says:

แต่ว่าทุกคน จะมองเห็นความเป็นจริงที่แตกต่างกัน

แล้วแบบนี้ความเป็นจริงก้อไม่เหมือนกัน

สุขที่แท้จริง says:

เปล่าค่ะ
ตราบใดที่ยังมีการปรุงแต่ง
เอาความคิดเข้าไปแต่งแต้มตามสิ่งที่มากระทบ ยากที่จะมองเห็นได้

Love Forever says:

ถ้าแบบนั้น อันดับแรกต้องจัดการเรื่องของความคิด ให้ได้ก่อน ใช่มั้ยล่ะครับ

สุขที่แท้จริง says:

จัดการยังไงหรือ

Love Forever says:

ก้อให้มองดูความคิดที่เกิดขึ้น มอง ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ให้มองมันแค่ให้ผ่านไป ไม่ไปยึดติดอะไรเลย
มีความคิดอะไรเกิดขึ้น ก้อไม่ต้องสนใจ แบบนี้คิดว่า น่าจะได้มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ความคิดเกิด ให้แค่รู้ว่าเกิด ให้กลับมารู้ที่กาย เช่นเดินอยู่ให้รู้ว่าเดิน รู้ที่เท้า นั่งอยู่ให้รู้ว่านั่ง
รู้ลมหายใจ รู้กายเคลื่อไหว อย่าไปจดจ้องความคิดว่าคิดอะไร

Love Forever says:

แต่ว่าถ้ารู้แบบนี้แล้ว ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจากการคิดเอาไม่ใช่เหรอ รู้เพราะเกิดจาการคิดเอาเอง

สุขที่แท้จริง says:

งง จะไปคิดได้ไง กายเคลื่อนไหวนี่ คิดเอาเองเหรอ

Love Forever says:

ป่าว ก้อเหมือนกับความคิดมันเกิดขึ้นมาจากสมองไงครับ หรือว่า ถ้าเป็นแบบนี้เค้าเรียกว่า รู้

สุขที่แท้จริง says:

ความคิดเกิดก็แค่ความคิด เราไปห้ามไม่ให้คิดไม่ได้ ยิ่งเราไปจดจ้องมัน มันยิ่งเด่นชัด

Love Forever says:

ตัวรู้จริง ๆ เกิดขึ้นที่ไหน

สุขที่แท้จริง says:

มันยิ่งปรุงแต่งได้ยืดยาว
สัมปชัญญะไง ความรู้สึกตัว รู้ว่าคิด รู้แค่นั้น แล้วกลับมารู้ที่กาย

Love Forever says:

เน้นที่กายเป็นหลักใช่มั้ย แบบนี้คือ กายานุปัสสนาสติ ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ให้ความหมายได้ไหม ไม่ต้องไปให้ความหมาย

Love Forever says:

ถ้าให้ความหมาย ก้อเหมือนกับว่าเราสนใจในเรื่องของความคิดอีก แบบนี้ผมเข้าใจถูกต้องหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

Love Forever says:

ถ้าแบบนั้น ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น หรือ มากระทบกับเรา ก้อแค่ให้รู้อย่างเดียว เท่านั้นก้อพอ
แล้วแบบนี้้ในชึวิตประจำวันของเราจะปฏิบัติได้อย่างไร

สุขที่แท้จริง says:

ทำตามความเป็นจริงไง

Love Forever says:

เพราะว่าในชีวิตประจำวันของคนเรา

สุขที่แท้จริง says:

ก็ใช้ชีวิตปกติ ทางโลก ทางธรรมไม่มีแตกต่างเลย

Love Forever says:

สภาวะอะไรที่ทำให้คนเราสามารถมองเห็นได้ง่ายที่สุดครับ

สุขที่แท้จริง says:

ความเป็นจริงไงคะ

Love Forever says:

ความเป็นจริง มันฟังดูแล้วเหมือนจะพูดง่าย ๆนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ดีเราก็รู้ ห่วยเราก็รู้ รู้อะไร มันแค่ความคิด เพราะเราคิด มันจึงมีความหมายแบบนั้น
แต่ถ้าเรามองว่า มันไม่เที่ยงเลย คำว่าดีหรือห่วย หายไปทันที

Love Forever says:

แต่ว่าจะให้เข้าใจความหมายของมัน แล้ว ผมว่ามันดูเหมือนว่ามันจำกัดความหมายยากนะ

สุขที่แท้จริง says:

ต้องใช้เวลาค่ะ ต้องทำ ทำแล้วถึงจะเข้าใจ ถ้าแค่พูดๆน่ะ ใครๆก็พูดได้

Love Forever says:

บางคนก้อตีความไม่ออก เหมือนกับว่าเป็นปริศนาอะไรซักอย่าง

สุขที่แท้จริง says:

ทำสิคะ ไปคิดแทนคนอื่นทำไม เอาตัวเราก่อน

Love Forever says:

คุณน้ำทำกับตัวเองมานานแค่ไหนครับ กว่าจะมาถึง ณ ปัจจุบันนี้

สุขที่แท้จริง says:

ไม่เคยสนใจเรื่องเวลาเลยนะ เพิ่งจะมาลงบันทึกเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง ไม่รู้คือไม่รู้ เพราะไม่ได้ใส่ใจจริงๆ

Love Forever says:
ตอนนี้คิดว่า สติของตัวคุณ เป็น มหาสติ หรือยัง

สุขที่แท้จริง says:

ไม่คิดนะ ไม่ชอบให้ค่าให้ความหมายกับสิ่งใด

Love Forever says:

แล้วถ้าเกิดสภาวะ ที่ว่า มหาสติ จะเป็นอย่างไร

สุขที่แท้จริง says:

ไม่รู้สินะ ไปหาอ่านในหนังสือดูสิคะ

Love Forever says:

ผมก้อได้ยินคำตอบมานะว่า มหาสติ คือสติที่เยอะมาก ๆ
เปรียบเทียบก้อคงเหมือนกัน เรื่องของสมาธิ ที่คุณบอกผมเมื่อวานนะครับ
ถ้าเปรียบสมาธิที่คุณเคยเจอตอนที่มาก ๆ เหมือนกับเป็น มหาสติ

สุขที่แท้จริง says:

คงงั้นมังคะ

Love Forever says:

แต่ของคุณตอนนี้ขอเรียก สมาธิ ณ ตอนนี้ว่า สมาธิ แต่ถ้าสมาธิที่มาก ๆ ตอนนั้น เรียก มหาสมาธิ


สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่จะให้ค่า แล้วแต่คุณจะคิดเอาเองค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 31 พ.ค. 2010, 23:50, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2010, 22:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


Love Forever says:
ครับ ทำไมทุกข์ มันวิ่งเข้าหาคนเรา

สุขที่แท้จริง says:
ทุกข์ไม่ได้วิ่งเข้าหาตัวเรา แต่เราไปเอามันเข้ามาหาตัวเราเอง เพราะความไม่รู้

Love Forever says:
อาหารของทุกข์ คืออะไร

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสไง

Love Forever says:
แล้วอาหารของความสุข ล่ะคืออะไร

สุขที่แท้จริง says:
กิเลสค่ะ

Love Forever says:
ถ้างั้นอาหารของจิตก้อ คือ กิเลสเหมือนกันอีก ใช่่หรือไม่

สุขที่แท้จริง says:
แม่นนแล่ววว นั่นสำหรับคนที่ยังไม่รู้ คนที่รู้แล้ว จะสะสางกิเลสที่มีอยู่ในจิต
คือขัดเกลากิเลสที่มีอยู่ในจิต

Love Forever says:
แล้วยารักษาจิตล่ะคืออะไร

สุขที่แท้จริง says:
สติไงคะ

Love Forever says:
แค่ยาเดียว เท่านี้ใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ แต่ต้องมีส่วนผสมด้วยนะคะ สัมปชัญญะ และสมาธิค่ะ

Love Forever says:
แค่นี้ก้อทำให้ สุข ทุกข์ หายไปแล้วเหรอ

สุขที่แท้จริง says:
สุข ทุกข์ ทางโลก ล้วนเป็นเพียงอุปทาน วันนี้คุณทำมั่งแล้วหรือยัง เจริญสติ

Love Forever says:
ทำนิดหน่อย ไม่ได้ทำเยอะ ไปสงบอารมณ์ในห้องน้ำ

สุขที่แท้จริง says:
เดินจงกรมมั่งสิคะ 10 นาทีก่อน แล้วต่อด้วยนั่ง 5 นาที

Love Forever says:
เวลาเดินให้รู้อะไร

สุขที่แท้จริง says:
รู้เท้าที่กระทบพื้น รู้กายที่เคลื่อนไหว รู้แค่นี้แหละ

Love Forever says:
ถ้าทำแบบนี้แล้ว ซักประมาณกี่วันจะเห็นผล ถ้าเดิน ต้องทำแบบ ช้า ๆ หรือ เร็ว ๆ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมถึงให้ค่า เดินแบบไหนๆก็ได้ค่ะ ยังไม่ทันทำเลย ถามถึงผลแล้ว

Love Forever says:
ก้อผมจะได้วางแผนได้ไงครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ใช่ทำกับข้าว ทำขนม หรือทำรายงาน จะได้ตอบทันทีว่ากี่นาทีเสร็จ

Love Forever says:
จะได้แบ่งเวลาได้ถูก

สุขที่แท้จริง says:
ทำไปเถอะค่ะ ทำเท่าที่ทำได้

Love Forever says:
ครับ ถ้าจะทำ ไม่ใช่เกิดจาก ความอยาก ใช่มั้ย หรือว่าต้องเกิดขั้นจากความ อยากก่อน

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่เหตุที่ทำมา บางคนทำด้วยความอยาก อยากมากทุกข์มาก เพราะอยากได้ อยากน้อยทุกข์น้อย ไม่อยาก ไม่ต้องทุกข์เพราะการทำ

Love Forever says:
แต่ส่วนใหญ่ คนที่ปฏิบัติส่วนใหญ่

สุขที่แท้จริง says:
ตอนนี้อยู่บ้านหรือที่ทำงานคะ
Love Forever says:
จะเกิดจากความอยากกันไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่ที่บ้านแล้วครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไปเดิน 10 นาที แล้วต่อด้วยนั่ง 5 นาที

Love Forever says:
กำลังติดตามดูความเป็นไปของโลกอยู่ด้วยครับ

สุขที่แท้จริง says:
อีกละ งั้นตามสบาย

Love Forever says:
ครับ ต้องมีองค์บริกรรมอะไรมั้ย

สุขที่แท้จริง says:
มีก็ได้ ไม่มีก็ไดี จะดูตามลมหายใจเข้าออกก็ได้ หรือจะดูท้องพองยุบก็ได้

Love Forever says:
อันนี้คือ สำหรับการนั่งใช่มั้ย หรือว่า ได้ทั้งสองแบบ

สุขที่แท้จริง says:
สำหรับนั่งค่ะ เดินบอกไปแล้ว แต่เดินถ้าจะใช้บริกรรมก็ได้ ถ้าชอบบริกรรมหรทอถนัด

ove Forever says:
ครับ ตอนนี้คุณน้ำมี อภิญญา ตัวนี้หรือยัง เจโตปริยญาณ

สุขที่แท้จริง says:
ไปเดิน 10 นาที นั่ง 5 นาทีค่ะ คุยไปวันๆแบบนี้มีแต่สัญญาเปล่าๆ

Love Forever says:
ครับได้นะ เดี๋ยว ดึก ๆ ค่อยมาคุยนะ
เจอสภาวะ ขี้เกียจ ทำยังไงแก้ได้ครับ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ต้องแก้ เดินแล้วเป็นไงมั่งคะ

Love Forever says:
ก้อยังไม่ดีนักครับ จิตมันยังไม่ค่อยนิ่ง เพราะว่าเปิดทีวีด้วย

สุขที่แท้จริง says:
งง เดินนี่นะ

Love Forever says:
มันรู้กาย นะรู้ครับ แต่ว่ามันวอกแวก

สุขที่แท้จริง says:
รู้เท้าที่เดินไหมคะ

Love Forever says:
ก้อรู้นะครับ ส่วนมากจะรู้ตอนเท้ามันกระทบพื้น ตอนที่เท้ามันเดิน
จะยังรู้ได้ไม่ดีนัก สงสัยจะมีสิ่งยั่วยวนนัก กิเลสมันทำงานเยอะ

สุขที่แท้จริง says:
ให้แค่เดินค่ะ รู้ที่เท้าพอ แล้วนั่ง เป็นยังไงมั่งคะ

Love Forever says:
นั่งยังไม่ได้ทำครับ เดินอย่างเดียว

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมถึงนั่งไม่ได้ล่ะคะ

Love Forever says:
จริง ๆ แล้วนั่งได้นะครับ แต่ว่าคืนนี้อย่างที่บอกนะครับ กิเลสมันทำงานเยอะ
เปิดทีวี ด้วย จิตมันส่งออกนอกหมด

สุขที่แท้จริง says:
แล้วเปิดทำไมล่ะคะ

Love Forever says:
ก้อจิตมันยังสนใจเรื่องของทางโลกอยู่ครับ พอดีว่าคืนนี้ มีการยิงทหารที่เป็นแกนนำ

สุขที่แท้จริง says:
น่านนนน ไปไกลเลยย

Love Forever says:
ของพวกที่เค้าประท้วงอยู่

สุขที่แท้จริง says:
เฮ้อออ ... เข้าใจค่ะ เอานะ

Love Forever says:
ต้องค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆไป ครับ แต่ว่าเวลานั่งเมื่อไหร่นะ
ถ้านั่งผ่านไปแล้วประมาณ ซัก 5-10 นาที แขนมันจะชอบเคลื่อนที่ไปมา มันเป็นเพราะอะไร

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องปกติค่ะ ไม่มีอะไร

Love Forever says:
ว่าแต่่มันเกิดสภาวะอะไรหรือป่าว มันจะเคลื่อนทีไปเอง

สุขที่แท้จริง says:
เกิดค่ะ เกิดความอยากรู้ไง ก็คุณกำลังอยากรู้ว่าคืออะไรเลยมาถามไง

Love Forever says:
ก้อปล่อยให้มันทำของมันไปเองนะ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

Love Forever says:
พอรู้ว่ามันเคลื่อนไหวแล้ว มันก้อจะกลับมาสู่ตำแหน่งเดิม

สุขที่แท้จริง says: ค่ะ

Love Forever says:อันนี้คือสติมันไปจับได้ใช่มั้ย สติมันรู้ ใช่มั้ย มันเลยดับไป

สุขที่แท้จริง says:
คนนี่หลากหลายจริงๆเลยนะ

Love Forever says:
คนเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ คือ ขำๆตัวเองน่ะ

Love Forever says:
ก้อคงจะแบบนั้นนะ

สุขที่แท้จริง says:
ไม่ได้คิดจะว่าอะไรใครๆ…

Love Forever says:
แล้วเป็นไง ไม่เป็นไงค่ะ คือเข้าใจ เพราะเหตุแต่ละคนสร้างมาแตกต่างกันไป จึงมีหลากหลาย

Love Forever says:
อันนี้คงใช่ ว่าแต่ตอนนี้เข้าใจ คำว่า คน เกินร้อย แล้วสิ

สุขที่แท้จริง says:
ปกตินะ

Love Forever says:
อันนี้อ่านเจอในบลอก
13 มค. 47
วันนี้เป็นวันที่เราบอกตัวเองว่า เราจะตั้งใจทำกรรมฐานตลอดกลางวัน เราจะพยายามไม่นอน สุดท้าย เราก็ไม่ได้ทำ บ้านก็ไม่ได้ทำความสะอาด
แค่กวาดบ้าน ซักผ้า เรายังคงมีความขี้เกียจเหมือนเดิม ใจของเรายังโลเล

Love Forever says:
แสดงว่าแต่ก่อนก้อคงมีสภาวะ ขี้เกียจเหมือนกัน สิ

สุขที่แท้จริง says:
เรื่องปกตินะ ทุกวันนี้ก็ยังมี แต่มีน้อยลง

Love Forever says:
วันนี้ไม่มีเขียนบลอก อธิบาย สภาวะที่เจอมาของวันนี้เหรอ

สุขที่แท้จริง says:
มีในสมุด แต่ยังไม่ได้ลง หลายวันแล้ว

Love Forever says:
จดบันทึกทุกวันเหรอ

สุขที่แท้จริง says:
ใช่ค่ะ

Love Forever says:
ทำไมขยันเขียนบันทึกจัง ทำมาตั้งแต่เด็ก ๆ เหรอ

สุขที่แท้จริง says:
ทำไมขยันถามจังเลยอ่ะ ขยันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้วเหรอ

Love Forever says:
แบบนี้เรียกว่า กิเลส หรือป่าวหนอ

สุขที่แท้จริง says:
แล้วแต่จะไปให้ค่า

Love Forever says:
ปกติในชีวิตประจำวัน คุุณน้ำค่อยไม่ได้ดูทีวิล่ะสิ

Love Forever says:
เป็นมานานหรือยัง มิน่่าล่ะ ถึงว่า สติถึงอยู่กับกาย กับใจอยู่ตลอดเวลา

สุขที่แท้จริง says:
พอดีกำลังดูน้องเขาอยู่ ไว้ค่อยคุยกันใหม่นะคะ

Love Forever says:
หมายถึงคนที่มาถามปัญหาเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ

Love Forever says:
ครับ แล้วคุยกันใหม่นะครับ ถ้าเจอสภาวะอะไร แล้วจะมาคุยให้ฟังใหม่

สุขที่แท้จริง says:
ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 18:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


says:

กำลังทำอะไรอยู่ล่ะ
เมื่อกี้ลองเดินมานะ มันเกิดสภาวะแปลก ๆ อ่ะ
พอเดินได้ซักประมาณ 10 กว่านาทีได้นะ พอเดิน ๆ อยู่แล้ว เกิดอาการง่วง ๆ
แล้วต่อจากนั้น ตัวมันก้อเดินนะ แล้วจู่ ๆ ก้อเกิดอาการเหมือนกับคนที่ผีเข้าอ่ะ
มันควบคุมร่างกายไม่ค่อยได้อ่ะ แบบนี้เกิดจากอะไร

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีอะไร แค่เรื่องปกติ

... says:

มันคืออะไร ตอนเดิน ๆ นะ ไม่ใช่ตอนนั่งนะ

ขที่แท้จริง says:

ไม่มีอะไรค่ะ

... says:

เป็นพราะว่าร่างกายต้องการการพักผ่อนหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

ครั้งต่อไป ถ้ามีอาการแบบนี้ให้หยุดเดิน หายใจยาวๆ แล้วค่อยเริ่มเดินใหม่ค่ะ

... says:

ก้อตอนที่เกิดเหตูการณ์แบบนี้เหมือนกับว่า ตัวรู้มันไม่มีอ่ะ เหมือนกับว่ามันเหม่อ ๆ นะ

สุขที่แท้จริง says:

ใจลอยไง เวลาเดินให้รู้ที่เท้า

... says:

สงสัยจะใช่
รู้นะรู้นะ รู้อยู่ตลอดแหล่ะ ตอนที่ทำช่วงแรก ๆ นะ แต่ว่าหลังจากเดินแล้วประมาณ 10 นาทีได้
มันก้อเป็นอย่างที่บอก มันเกิดจากอาการใจลอยเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

เป็นได้ค่ะ

... says:

แล้วตอนที่เดินอยู่ จิตมันก้อฟุ้งนะ มันเกิดความคิดเรื่องอื่น ๆ
ทั้งที่ก้อรู้อยู่นะว่ากำลังเดินอยู่ เท้าก้อแตะพื้น ยกจากพื้น

จะแก้อาการฟุ้งของจิตได้อย่างไร
คิดรู้นะว่าจิตมันแอบคิดอ่ะ แบบนี้ไม่ต้องทำอะไรใช่มั้ย
ปล่อยให้มันเป็นตามความเป็นจริงเลย ใช่หรือไม่

สุขที่แท้จริง says:

ให้หยุดเดิน แล้วหายใจเข้าออกยาวๆค่ะ แล้วค่อยเดินต่อ

... says:

ทำแบบนี้แล้ว จะทำให้เกิดสติเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

... says:

ครับ
มีคำถามอื่นจะถามนะ
อย่างเช่นว่า
สมมุติเวลาเราหยิบของอย่างนึงเอาวางไว้ที่ใดที่หนึ่ง
และที่แห่งนั้นก้อมีของที่เหมือนกับที่เราเอาวางเอาไว้
แล้วหลังจากนั้นอีกประมาณ 5 นาที เราจะมาหยิบเอาของที่เราเอามาวางเอาไว้
แต่ว่าเราดันจำไม่ได้ว่าอันไหน เหตุการณ์แบบนี้เกิดขั้นเพราะว่าขาดสติ หรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

ขี้ลืมค่ะ

... says:

ขี้ลิมเป็นอะไร กิเลสป่ะ เกิดจากการขาดสติ ใช่หรือไม่
สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ สติยังด้อยค่ะ เราจึงต้องมาฝึกการเจริญสติเพราะเหตุนี้

... says:
แสดงว่าเราก้อไม่ขาดสัญญาด้วย หรือว่าสัญญามันเกิดอยู่แล้ว หรือว่าไม่เกี่ยวข้องกันเลย
โทษที พิมพ์ผิด

สุขที่แท้จริง says:

สัญญาก๋ส่วนสัญญา

... says:

ต้องเป็นแบบนี้ แสดงว่าเราก้อ ขาดสัญญาด้วยสิ หรือว่าสัญญามันเกิดอยู่แล้ว
หรือว่า ไม่เกี่ยวข้องกันเลย อ้าว ไม่เกี่ยวกันเหรอ ก้อสัญญา คือสิ่งที่เราจำได้ไม่ใช่เหรอ
แต่นี่เราเกิดจำไม่ได้ว่ามันคืออันไหน

สุขที่แท้จริง says:
เฮ้ออออออ.......หยุดก่อนได้ไหมพวกศัพท์ทั้งหลาย วางไปให้หมดเลย

เลิฟ ไม่ต้องทำอะไรเลยเหรอ

ทำอย่างเดียวเท่านั้นใช่ป่ะ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

... says:

ทำแล้วให้กำหนดรู้ก้อพอเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

... says:

สัญญาต่าง ๆ ที่เคยได้รู้มา อย่าเอามาเปรียบเทียบหรือว่่าสังเกตุเหรอ

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

... says:

ให้รู้ ณ ตอนปัจจุบันเท่่านั้น

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

... says:

แล้วอย่างที่ถามเมื่อกี้นะครับ
ว่าถ้าหากตอนทำอยู่แล้วจิดมันฟุ้ง หรือว่าจิตมันแอบคิดโน่่น คิดนั่น จะแก้อย่างไรนะ

สุขที่แท้จริง says:

ดูค่ะ แต่ไม่ลงไปยุ่งกับความคิดนั้นๆ
แล้วให้หยุดเดิน ถ้ามันฟุ้งมากๆน่ะ หยุดเดิน หายใจยาวๆ

... says:

ถ้าแบบนั้นการเดินแบบเร็ว ๆ กับช้า ๆ ก้อมีผลบ้างเหมือนกันสิ อย่างเช่นถ้าเดินแบบข้า ๆ
สามารถบอกให้หยุดเดินได้ง่ายกว่า การเดินแบบเร็ว ๆ ถ้าหากว่าสติยังมีน้อยอยู่

สุขที่แท้จริง says:

ทำตามถนัดไปก่อนค่ะ

... says:
จะลองเอาปรับปรุงดูนะ เกิดอาการแบบนี้สงสัยว่า จิตมันส่งออกนอกจนเคยชิน ใช่มั้ย สติเลยไม่ค่อยมี

สุขที่แท้จริง says:

แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ

... says:

ยกตัวอย่างหน่อยสิ

สุขที่แท้จริง says:

บางคนก็ละเอียด บางคนก็ไม่ละเอียด เลยชอบทำอะไรผ่านๆ
คนเลยมองว่าขาดสติ หรือเลื่อนลอย

... says:

อันนี้หมายุถึงการปฏิบัติใข่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:

หมายถึงการใช้ชีวิตปกติ ส่วนการปฏิบัตินั้น แต่ละคนเริ่มต้นในสิ่งที่ตัวเองถนัด บางคนทำตามรูปแบบ

... says:
คนเราส่วนใหญ่ก้อมีสติกันอยู่แล้วใช่เหรอไม่ แต่ว่าไม่รู้เท่านั้นเองว่าคือสติ
การเริ่มต้นจากสิ่งที่ถนัด น่าจะช่วยนำพาให้ประสบผลสำเร็จได้เร็วกว่ามาฝืนทำในสิ่งที่ไม่ถนัดครับ

เหมือนกับว่ามันถูกกับจริตของคน ๆ นั้น ว่าแต่ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้ว
เหตุที่ทำให้เป็นแบบนี้ มันน่าจะมาจากอะไร

สุขที่แท้จริง says:

เหตุจากอะไร ก็เหตุจากที่แต่ละคนเคยทำมาไงคะ
เพราะคุณยึดติดในคำเรียก จึงต้องคอยเรียกนั่นเรียกนี่ตลอดเวลา

... says:

แบบนี้มันจะเก็บเป็นสัญญาติดตัวมาด้วยหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

คอยหาคำต่างๆใส่ในการเรียก
พอคอยหาคำต่างๆใส่ แล้วความสงสัยเริ่มตามา ใช่ไหม หรือไม่ใช่ จะมีแต่คำถามอยู่อย่างงั้นตลอดเวลา

... says:

ก้อเพื่อให้มันเกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้นไงครับ ก้อุถ้าหากว่าเข้าใจ แล้วความสงสัยก้อจบครับ

สุขที่แท้จริง says:

งั้นคุณคงต้องไปหาคนที่เขาเก่งๆปริยัติเพื่อแนะนำให้กับคุณ
คุณจะได้เรียกโน่นเรียกนี่ได้ดังใจนึก เพราะการปฏิบัติ ให้ดูตามความเป็นจริง
ไม่ใช่ไปยึดติดกับสมมุติต่างๆ ยึดติดกับคำบัญญัติต่างๆที่มีเรียกขึ้นมา

มีแยะนะ คนแบบคุณน่ะ กอดปริยัติแน่น แต่ปฏิบัติไม่ได้

... says:

ก้อน่าจะแบบนั้นนะ

สุขที่แท้จริง says:

เอาละ

... says:

เพราะว่ามันอาจจะเกิดมาจากการศึกษา มาจากทางโลกนะ เลยติดเอามา

สุขที่แท้จริง says:

เป็นอันว่า วันใดที่คุณพร้อมจะทำแบบธรรมดาๆ ไม่ต้องมาสอดแทรกด้วยคำบัญญติต่างๆ
ค่อยกลับมาคุยกัน พร้อมเมื่อไหร่ ค่อยมาคุยกันนะคะ บายยค่ะ

... says:

ครับ ขอบคุณนะครับ สำหรับคำแนะนำ วันไหนสงสัย จะมาถามใหม่

สุขที่แท้จริง says:

อย่าดีกว่าค่ะ ถ้าความสงสัยนั้นมีแต่คำศัพท์มาอีก
แต่วันใดถ้าคุณพร้อมจะปฏิบัติแบบคนทั่วๆไปเขาทำกันนะ ค่อยมาคุยกันใหม่ค่ะ

... says:

คนทั่ว ๆ เค้าทำกันแบบไหนล่ะ

สุขที่แท้จริง says:
ทำแบบธรรมดาๆนี่แหละค่ะ ไม่มีคำถามมาถามมากมาย เดินรู้เท้าไหม
นั่งรู้อยู่กับกายได้ไหม มีแค่นี้แหละค่ะ

... says:
ว่าแต่่ตอนที่เดินนะครับ ต้องรู้ทุกสภาวะหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:
รู้แค่เท้าที่กระทบพื้น ทำได้ไหม

... says:
ทำหน่ะได้นะ ว่าแต่อย่าจ้อง หรือกำหนดเองใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:
แค่รู้ค่ะ รู้ว่าเดิน รู้เท้ากระทบพื้น แค่นั้น

... says:
รู้ว่าเดินกับเท้ากระทบ แค่นี้พอนะ
ก้อผมว่าผมเดินได้เป็น หลายๆ ชั่วโมงนะ ถ้าหากว่ามีเวลาว่าง ว่าแต่่เดินเยอะๆ ดีมั้ย
เพราะว่าถ้าเดินแล้วไม่มีพะวงว่าต้องทำอะไรที่คั่งค้าง มันทำได้เรื่อย ๆนะ
วันนึงทำได้ซัก 30 นาทีก้อน่าจะโอเคมั้ย หรือว่า ควรจะเยอะกว่านั้น

สุขที่แท้จริง says:

ทำแค่นี้ไปก่อนค่ะ แล้วต่อด้วยนั่งทุกครั้ง

... says:

ควรจะเดินก่อน แล้วค่อยนั่งเหรอ นั่งก่อน แล้วค่อยเดินได้มั้ย มันให้ผลแตกต่างกันหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

เดินก่อน ค่อยนั่งค่ะ ทำไปก่อน แล้วมาบอกด้วยค่ะว่าเป็นยังไงบ้าง

... says:

ครับ ถ้าเจออะไรแปลก ๆ จะมาเล่าให้ฟัง
ว่าแต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่มาปฏิบัติจะเจอเหมือน ๆกัน ใช่มั้ย หรือว่าแล้วแต่ละบุคคล

สุขที่แท้จริง says:

พอละ เอาไว้คุณจะได้คำตอบด้วยตัวเองค่ะ ค่อยๆทำไป

... says:

ครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 19:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


LIFE says:

หวัดดีครับ
การแก้ กาม ราคะ ทำอย่างไรได้บ้างครับ

สุขที่แท้จริง says:

กามราคะ แปลว่า ความยินดี ปฏิฆะราคะคือความยินร้าย เจริญสติ เท่านั้นค่ะ

LIFE says:

ครับ ขอบคุณครับ

สุขที่แท้จริง says:

วันนี้ทำหรือยังคะ

LIFE says:

ยังครับ อีกซักครู่นะครับ เพิ่งทานอะไรเสร็จ กำลังอิ่ม ๆ อยู่เลย

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

LIFE says:

คุณ น้ำ เคยสนทนาธรรมกับ หลวงพ่อพุธมาด้วยเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

เคยค่ะ แค่นิดเดียว ไม่มีอะไรมาก

LIFE says:

หลวงพ่อ ได้แนะนำอะไรมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ก็ตามที่เขียนในบล็อกแหละค่ะ

LIFE says:

การปฏิบัติ แนวกสิณ ดีมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

แล้วแต่คนค่ะ

LIFE says:

แนว กสิณ คือ อาศัยการเพ่งสิ่งใดสิ่งหนึ่งใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

LIFE says:

เป็นแบบสมถะสิครับ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

LIFE says:

แล้วแบบนี้จะเอามาต่อยอด ได้อย่างไร

สุขที่แท้จริง says:

ทำให้ได้ก่อนค่ะ แล้วค่อยมาถาม บอกไปก็ไม่เข้าใจหรอกค่ะ

LIFE says:

ครับ ถ้าทำแบบกสิณ จะรู้ได้อย่างไรครับว่า เป็นสมาธิแล้ว

สุขที่แท้จริง says:

ต้องทำได้แล้วถึงจะรู้ค่ะ ถ้าเอาแต่ถาม แต่ไม่ได้ทำ ไม่มีวันรู้หรอกค่ะ

LIFE says:

ครับ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


LIFE says:

สอบถามหน่อยสิครับ เวลาที่เดินจงกรมแล้ว ควรหลับตาด้วยหรือป่าว

สุขที่แท้จริง says:

ลืมตาเดินค่ะ ถ้านั่งถึงจะหลับตาค่ะ

LIFE says:

ถ้าหลับตาเดินจะเป็นอะไรมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

เดินชนข้าวของ ไม่ก็ตกบันไดได้ค่ะ

LIFE says:

ก้อถ้าทางที่เราเดินมันเป็นทางที่โล่ง แล้วเรากำหนดให้หลับตาเดิน
พอถึงระยะที่จะต้องกลับตัวแล้วถึงลืมตา แบบนี้ไม่มีเป็นไรใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:

ตามใจค่ะ

LIFE says:

เพราะผมมีความรู้สึกว่าเวลาเดินแบบหลับตาแล้ว
สามารถรู้ถึงเท้าที่เดิน และ สัมผัสพื้นได้ดีกว่าตอนที่ลืมตานะ
แล้วเวลาเดินอ่ะครับ ถ้าบางช่วงระยะเวลา หรือว่าบางจังหวะ มันมีความรู้สึกเหมือนกับว่า
มีแรงดึงดูดเกิดขึ้นระหว่าง เท้าที่เดิน และ เท้าที่สัมผัสพื้น แบบนี้มันคืออะไร

สุขที่แท้จริง says:

ถ้าทำแล้วถนัดก็ทำไปค่ะ
ไม่มีอะไรค่ะ อ้อ .. มีสติค่ะ

LIFE says:

หมายถึงว่าถ้าหากรู้สึกว่าเหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างเท้ากับพื้น แบบนี้คือสติ เหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

เท้าสัมผัสพื้นไงคะ

LIFE says:

ป่าวผมหมายถึงว่า ถ้าหากว่าตอนที่เท้าสัมผัสพื้น ณ บางจังหวะ นั้น
มันเหมือนกับแรงดึงดูดระหว่างขั้วแม่เหล็กเกิดขึ้น
หมายถึงว่า ณ ช่วงเวลานั้น สติจะเกิดขึ้นได้ชัดเจนกว่าจังหวะอื่นใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE says:

เพราะผมมีความรู้สึกเหมือนกับว่าบางจังหวะถ้าจิตมันไม่ค่อยมีสมาธิ
หรือว่ามันแอบฟุ้งช่วยขณะหนึ่ง ความรู้สึกถึงสภาวะนั้นมันจะหายทันที

สุขที่แท้จริง says:

เรื่องปกติค่ะ ทำต่อไปค่ะ

LIFE says:

ครับ ต้องทำต่อนะ
แล้วเวลานั่งหล่ะครับ ถ้าหากว่าแขนมันยกขึ้นมาเอง แบบนี้คืออะไรนะ ผมชอบเป็นบ่อย ๆ ครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่มีอะไรค่ะ เรื่องการขยับนี่เรื่องธรรมดา

LIFE says:

ครับ ว่าแต่ถ้ามันขยับแล้วเราต้องปล่อยให้มันเป็นเอง หรือว่า
เวลาเรารู้ว่ามันขยับแล้ว เราก้อดึงกลับให้อยู่ในตำแหน่งปกติ
เพราะผมคิดว่าช่วงเวลาที่ลองนั่งสมาธิ บางทีสิ่งแวดล้อมจะไม่ค่อยเอื้ออำนวย

สุขที่แท้จริง says:

รู้ว่าขยับแล้วจบค่ะ

LIFE says:

มันมีเสียงดังรบกวนเยอะ ถ้าจะทำได้ดีคงต้องทำหลังเที่ยงคืนเป็นต้น แค่นี้เอาเหรอครับ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

LIFE says:

แล้วมันจะหยุดเองเหรอ เพราะเท่าที่ผมสังเกตมาหน่ะ
เวลาที่ผมกำหนดให้รู้ว่ามันขยับ แล้วมันยังไม่ยอมหยุดนะ ผมก้อเลยลองเฝ้าดูมันเรื่อยๆ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

LIFE says:

การเดินนาน ๆ กับ นั่งนาน ๆ มันแตกต่างกันกับการเดินแค่แป๊บเดียว กับ นั่งแค่แป๊บเดียวมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ต่างค่ะ ไปทำเองนะคะ แล้วจะได้คำตอบเอง

LIFE says:

ครับ เดี๋ยว พรุ่งนี้จะลองทำดูนะครับว่าจะลองแบบเดินและนั่งซัก ครึ่งชั่วโมง - 1 ชั่วโมง

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ อนุโมทนาค่ะ

LIFE says:

สาธุครับ
IFE says:

ผมถามหน่อยสิเรื่อง สภาวะของแมลงที่เจอหน่ะครับ
อันนี้คือแมลงจริง ๆ หรือว่า แค่สัมผัสได้ขณะปฏิบัติ

สุขที่แท้จริง says:

เป็นเพียงสภาวะค่ะ

LIFE says:

เหมือนกับว่าเป็นบททดสอบเรา อะไรแบบนั้นหรือป่าวครับ
เปรียบเสมือนกับมารมาผจญ ประมาณนั้นมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ทดสอบสติค่ะ

LIFE says:

ต้องการทดสอบว่าจิตเรายังยึดมั่นถือมั่นอะไรหรือป่าวใช่มั้ยครับ หรือว่าหมายถึงอย่างอื่น

สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ การปรุงแต่งของจิต

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สุขที่แท้จริง says:

วันนี้ลองทำดูหรือยังคะ เดินจงกรมกับนั่งน่ะ

LIFE says:

ลองทำแล้วครับ ทำเมื่อตอนบ่าย ๆ แล้ว

สุขที่แท้จริง says:

เดินเท่าไหร่ นั่งเท่าไหร่ แล้วทำกี่รอบค่ะ

LIFE says:

ประมาณ 1 ชม วันนี้ทำแค่รอบเดียวนะ พอดีมีเรื่องต้อง support งานด้วย
ทำแบบนาน ๆ รู้สึกเหมือนกับว่าจิตมันจะนื่งดีนะครับ ไม่แน่ใจว่าจิตมันจำสภาวะอะไรหรือป่าว
เวลามานั่งแล้วมันโล่ง ๆ แต่ว่าเวลานั่งแล้วจับลมหายใจตัวเองไม่ค่อยได้

สุขที่แท้จริง says:

แล้วทำยังไงคะ

LIFE says:

รู้สึกเหมือนกับว่ามันแผ่วเบานะ แต่ว่าเวลาดูที่หน้าท้องพองยุบ แล้วก้อจับได้

สุขที่แท้จริง says:

คือ ตกลงดูพองยุบแทน ดูลมหายใจใช่ป่ะคะ

LIFE says:

ก้อตอนแรกจะดูลมหายใจนะครับ คือผมจะกำหนดแบบดูลมหายใจ พร้อม ๆ กับ การพองยุบของหน้าท้อง

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ไปได้วิธีนี้มาจากที่ไหนคะ

LIFE says:

คิดว่าคงจะต้องทำซักประมาณ 1 อาทิตย์นะครับ น่าจะเห็นอะไรเปลี่ยนแแปลงบ้าง
ก้อได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์ที่ได้มาจากการปฏิบัติมาตั้งแต่ตอนหลังจากบวชมานะครับ
ช่วงนั้นจับลมหายใจของตัวเองไม่ค่อยได้

ก้อเลยเอามาผสมกันระหว่าง การดูลมหายใจ พร้อมกับการดูหน้าท้องพองยุบ
พอว่าเวลาดูที่หน้าท้องแล้ว จะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของกายได้ชัดเจนกว่า การดูลมหายใจ
แต่ว่าวันนี้ลองปฏิบัติแล้ว สงสัยว่าเรื่องของสิ่งแวดล้อมจะไม่ค่อยเอื้ออำนวยด้วยนะครับ
มันมีเสียงรบกวนเยอะ และก้ออากาศร้อน สมาธิเลยไม่ค่อยมีซักเท่าไหร่

สุขที่แท้จริง says:

คิดว่าดูจิตอย่างเดียว ไม่ต้องไปกังวลเรื่องสมาธิหรอกค่ะ
ไปคิด มันก็ไม่เกิด แค่รู้พอค่ะ

LIFE says:

อ๋อ ก้ออย่างที่เคยบอกแหล่ะครับ ว่าลองหาอะไรที่เหมาะกับจริตของตัวเองนะครับ
แต่ถ้าทำนาน ๆ แล้วรู้สึกว่าจิตมันนิ่งดีนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ทำให้ต่อเนื่องนะคะ จะมากหรือน้อยก็ทำทุกวันแล้วจะพบของดีค่ะ

LIFE says:

ครับว่าจะเริ่มทำทุกวันนะ อย่างน้อยกันวันละซัก 10 นาที แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละวัน

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


IFE-FOREVER IN LOVE says:

ดีครับ
ถามครับ
1. สติ สัมปชัญญะ มากกว่า สมาธิ จะเป็นอย่างไร
2. สติ สัมปชัญญะ น้อยกว่า สมาธิ จะเป็นอย่างไร
3. สติ สัมปชัญญะ เท่ากับ สมาธิ จะเป็นอย่างไร

สุขที่แท้จริง says:

ข้อ1. สติ ยิ่งมาก ยิ่งดีค่ะ
ข้อ 2. ถ้าสติน้อยกว่าสมาธิ ก็คือ หลับ หรือไม่ก็ขาดความรู้สึกตัวไป
ข้อ. 3 รู้ตัวทั่วพร้อมได้ตลอดค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ขอบคุณครับ เราควรใช้สติควบคุมจิต หรือว่า แค่รู้ก้อพอ

สุขที่แท้จริง says:

ทุกอย่างจะเป็นไปตามสภาวะเองค่ะ
เขาเรียกว่า รู้เท่าทันจิต ไม่ใช่ไปควบคุมิต

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ต้องพยายามทำให้รู้เท่าทันทุกขณะจิตใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

ไม่ต้องพยายามค่ะ ทำแบบปกติ วันนี้ทำหรือยังคะ แล้วเมื่อวานได้ทำไหม

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

เพิ่งเดินมาเมื่อกี้นะครับ ประมาณ ครึ่ง ชม ก้อเฝ้าดูสภาวะที่เกิดขั้นนะครับ
ที่ผมเคยตั้งแต่ตอนเมื่อหลายวันก่อนนะครับว่าที่เวลาเดินแล้ว ทำไมบางทีถึงเดินได้ไม่เป็นเส้นตรง

วันนี้ก้อเลยลองสังเกตุดูเข้าใจว่าที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าจิตมันวอกแวกทำอย่างอื่นแทน
ขณะที่กำลังเดินทำให้ไม่มีสติในขณะเดินเหมือนกับคนที่เดินใจลอย
ไม่แน่ใจว่าเข้าใจได้ถูกต้องหรือวป่าวครับ

แต่เมื่อคืนวาน รู้ว่ามีสติดีนะครับ
สติน่าจะเยอะ เพราะว่าหลังจากนั่งสมาธิ แล้วมานั่งเล่นเนต

ขณะที่เล่นเนตอยู จิตมันสามารถแยกแยะได้หลาย ๆ สภาวะครับ
คือ รู้ว่าตอนนี้กำลังเล่นเนต อยู่ ในอีก สภาะหนึ่ง ก้อรับรู้ได้ถึง การพอง-ยุบ และ
การเข้าออกของลมหายใจ

วันนี้ตอนเช้าตอนนั่งแท๊กซี่นะครับ จู่ ๆ ไม่รู้ว่าทำไมจิตมันรุ้จังหวะของการพองยุบที่ท้อง
พร้อม ๆ กับการหายใจ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจที่จะปฏิบัตินะครับ
มันเกิดขึ้นมาเอง ช่วยอธิบายได้มั้ยครับว่าเป็นเพราะอะไร

สุขที่แท้จริง says:

สติดีขึ้นน่ะค่ะ ไม่มีอะไร ทำต่อไปค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ ว่าแต่ ข้อแตกต่างระหว่าง สมถะ กับวิปัสสนาที่เห็นได้เด่นชัดคืออะไร

สุขที่แท้จริง says:

สมถะคือ ผลของการทำสมาธิ ส่วนวิปัสสนาได้ทั้งสมาธิ สติ สัมปชัญญะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

สมาธิ คือ สภาวะที่นิ่ง ๆ อย่างเดียว หรือว่า มากกว่านั้นครับ

สุขที่แท้จริง says:

มีมากกว่านั้นค่ะ ทำไปค่ะ เดี่ยวรู้เอง

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ครับ บางคนที่จิตตั้งมั่นแล้ว ขณะที่เดินจงกรม กายทิพย์
สามารถที่จะแยกออกจากกายหยาบได้ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

อย่าไปสนใจเลยค่ะ ทำให้เกิดความสงสัยไปเปล่าๆ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อ๋อ คือผมเคยได้ฟังเทศน์จากพระมานะครับ
ท่านเล่าว่าขณะที่เดินจงกรมอยู่ แล้วมีพระอินทร์ มาอาราธนาท่านให้ท่องเที่ยวบนสวรรค์
ซึ่งขณะนั้นท่านกำลังเดินจงกรมอยู่ ขณะที่กายทิพย์ได้ออกจากร่างแล้ว ท่านได้หันมาเห็นกายหยาบ
กำลังเดินจงกรมอยู่

ผมเลยถามว่า ถ้าจิตตั้งมั่นแล้ว กายทิพย์จะสามารถแยกออกจากกายหยายได้เองอัตโนมัติ
สำหรับทุกคน หรือว่า แค่บางคนนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ทำไปค่ะ อย่าไปสนใจ ถามไปก็แค่นั้น

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ว่าแต่จิตของเราส่งออกนอกตลอดเวลาใช่มั้ยครับ
หรือว่าเป็นเพราะว่าสติของคนเรามันน้อยเกิน เลยทำให้ไม่มีความรุ้สึกตัว
สุขที่แท้จริง says:

ใช่ค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ใช่นี่คือ ทั้งสองแบบ ใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง says:

พอเถอะค่ะ อย่าไปสนใจ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ขอนั่งสมาธิซัก คริ่ง ชม นะครับ ถ้ายังไม่นอน
วันนี้นั่งสมาธิ แล้ว รู้สึก กายเบา จิตเบาดีครับ แต่ว่ามีความคิดเกิดขึ้นเยอะเกิน

สุขที่แท้จริง says:

แค่รู้พอค่ะ อย่าไปใส่ใจ ถ้าไปจดจ้องความคิด ความคิดจะเป็นเรื่องทันที

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

แต่วันนี้นั่งแล้วนี่งดีนะครับ ความคิดเป็นเรื่อง หรือว่า เปลี่ยนเรื่องครับ

สุขที่แท้จริง says:

นั่งแล้วนิ่ง ... ไม่ดีค่ะ นั่นกำลังหลง คือขาดสติ
กายที่เคลื่อนไหวมีอยู่นะคะ เช่น ท้องพองยุบ อกเคลื่อนไหว

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

คือมันจะรู้สภาวะอย่างอื่นนะครับ

สุขที่แท้จริง says:

ให้เอาจิตมารู้อยู่ที่กายค่ะ รู้อะไรคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

อย่างเช่นว่าเกิดอาการเวทนาที่เท้า เท้ามันร้อน ๆ มันเมื่อย ๆ
แล้วก้อรู้ว่าเวลานั่ง บางเวลาตัวมันจะโยก และก้อรู้อาการสะดุ้งครับ เพราะว่ามีเสียงดังมารบกวน
อย่างเสียงรถ เสียงขอโทรศัพท์มือถือ แบตใกล้จะหมด
วันนี้นั่งนานครับ ปกติจะนั่งไม่ได้นานแบบนี้

แต่วันนี้นั่งแล้วรู้สึกว่ามีความสุข และ รู้สึกได้ว่าจิตมันจะเย็น ๆ สงบ เหมือนกับว่ามันได้พักผ่อน

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ ทำให้ต่อเนื่องนะคะ วันนี้ทำไปกี่รอบคะเนี่ย

LIFE-FOREVER IN LOVE says:

ทำรอบเดียวเองครับ เดินประมาณ 30-35 นาที นั่งประมาณ 1 ชม กว่า ๆ
อันนี้คือทำแบบที่เต็มรูปแบบนะครับ

แต่ว่าระหว่างวัน อย่างที่ผมบอกแหล่ะว่าวันนี้เวลานั่งรถแล้วมันจะมีสติขึ้นมาเอง
และก้อเวลาเดิน มันก้อจะมีสติขึ้นมาเอง
คือเหมือนกับว่ามันจิตมันจำสภาวะได้เอง แล้วพอสติมันระลึกได้
เวลาเดินธรรมดา มันก้อเลยเหมือนกับว่าเราเดินจงกรม แบบเต็มรูปแบบ

สุขที่แท้จริง says:

ค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 22:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


Love Forever
แล้วสภาวะที่บอกว่า เห็นโอภาส ณ ตอนนี้ไม่มีแล้วใช่มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
ของคู่กันกับพวกสมถะ มีตลอดเวลา มีมากมีน้อยแล้วแต่กำลังของสมาธิ

Love Forever
ถ้าใครต้องการจะสัมผัสกับสัญญาเก่า ๆ ได้ ต้องมีสมาธิเยอะ ๆ ใข่มั้ยล่ะครับ

สุขที่แท้จริง
ฝึกสมาธิสิ

Love Forever
ว่าแต่ต้องฝึกแบบไหนล่ะครับ คุณน้ำพอจะมีอภิญญาตัวไหน
ที่่สามารถนำเอามาช่วยแนะนำแนวทางสว่างให้ได้มั้ย

สุขที่แท้จริง
ญาตัวนั้น ไม่มี มีแต่ ยา ค่ะ

Love Forever
อืม เอายาก้อได้ ถ้ายานั้นสามารถช่วยได้

สุขที่แท้จริง(L) Love Forever
ต้องช่วยตัวเองค่ะ คนอื่นทำแทนไม่ได้ ลองฝึกนั่ง 5 นาทีก่อน

Love Forever
ก้อข่วยแนะนำไงครับ

สุขที่แท้จริง
แนะนำแล้วไงคะ ต้องทำต่อเนื่อง

Love Forever
อย่างน้อยวันละประมาณ กี่ชั่วโมง

สุขที่แท้จริง
ต้องลองนั่งครั้งละ 5 นาทีก่อน แล้วค่อยเพิ่มเวลาไปเรื่อยๆ

Love Forever
ครั้งละ 5 นาที แต่ว่าวันนึง ทำบ่อย ๆ ใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง
ใช่ค่ะ

Love Forever
แบบนี้ควรจะไม่ไปพูดคุยกับใครล่ะสิ

สุขที่แท้จริง
คุยได้ ถ้าอยากคุย

Love Forever
แบบนี้ต้องหาเวลาๆไปบวชอีกซักรอบดีกว่ามั้ยหนอ

สุขที่แท้จริง
ทำไมต้องบวชคะ

Love Forever
ก้อจะได้มีเวลาแบบเยอะๆ สำหรับการปฏิบัติไงล่ะครับ คุณน้ำในชีวิตนี้เคยคิดจะบวชหรือป่าว

สุขที่แท้จริง ไม่นะ เฉยๆ

Love Forever
แสดงว่ายังไม่เคยบวชชีมาก่อนล่ะสิ

สุขที่แท้จริง
ไม่คิด อย่างมากผ้าขาวพอ ทำงานได้สะดวกกว่า

Love Forever
ถ้าเอาสติไปเป็นตัวควบคุมความคิด แบบนี้เค้าเรียกว่าอะไร

สุขที่แท้จริง
ไม่ใช่เอาสติไปควบคุมความคิด ใครบอกค่ะ

Love Forever
อ๋อวันนี้ลองเอาไปคุยกับพี่ที่ทำงานมา เค้าเข้าใจว่า สติเป็นตัวควบคุมความคิด

สุขที่แท้จริง
ความคิดควบคุมไม่ได้ แต่สามารถรู้เท่าทันได้ ความคิดเกิดจากจิตที่ปรุงแต่ง

Love Forever
ก้อเค้าคิดว่า คนเราสามารถควบคุมความคิดตัวเองได้

สุขที่แท้จริง
ไม่ได้ค่ะ มีแต่กดข่มเอาไว้ได้

Love Forever
แล้วถ้าเป็นแบบกดข่มแบบนี้ จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ

สุขที่แท้จริง
กดข่มกิเลสไงคะ

Love Forever
ความคิด คือ อะไร ความคิด คือ จิตที่ปรุงแต่งแม่นก่อ

สุขที่แท้จริง
ใช่ เกิดจากการทำงานของขันธ์ 5 คิดมาก คิดน้อย อยู่ที่ปรุงแต่งของจิต
ถ้ามีสติ สัมปชัญญะรู้เท่าทัน ความคิดตัวนั้นก็ดับ ตัวใหม่เกิดต่อ


Love Forever
รู้ว่ากำลังคิดอยู่ใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง
ใช่ค่ะ

Love Forever
ในบลอก มีเขียนเอาไว้มั้ย เกี่ยวกับเรื่องนี้

สุขที่แท้จริง
ไม่แน่ใจนะ น่าจะแรกๆมังคะ มันคุ้นๆนะ สติรู้เท่าทันจิต รู้เท่าทันการปรุงแต่งของสังขาร
กุศลหรืออกุศล

Love Forever
อันนี้คือ หัวข้อใช่มั้ย

สุขที่แท้จริง
หัวข้อเหรอ จำไม่ได้จริงๆ ชื่อที่เขียนน่ะจำไม่ได้ แต่เป็นรายละเอียดของเนื้อหา

Love Forever
จะทำอย่างไรไม่ให้ตกไปสู่แดนอบายภูมื

สุขที่แท้จริง
ศิล 5 ไง รักษาศิล 5 ไว้ แค่นั้นแหละ แค่หยาบๆ ไม่ต้องละเอียด

Love Forever
ถ้าทำผิดข้อใดข้อหนึ่ง ตกไปสู่แดนอบายภูมิ แน่ ๆ

สุขที่แท้จริง
ไม่แน่หรอกนะ อยู่ที่จิตก่อนตายน่ะ ไประลึกถึงสิ่งใด ไปสิ่งนั้นก่อน

Love Forever
ถ้านึกถึงพระ จะไปไหน

สุขที่แท้จริง
สวรรค์ไงคะ แต่ไม่แน่หรอกนะ บางคนได้เกิดป็นคนต่อทันทีก็มี


Love Forever
อืมผมกำลังจะบอกว่า ผมอยากรู้จังว่าผมไปทำกรรมอะไรมา ตั้งแต่ชาติไหน ทำไมขาตินี้
ถึงได้มีโอกาสได้มาเจอกันอีกครั้ง

สุขที่แท้จริง
คืออะไรคะ น่าจะอยู่กับปัจจุบันมากกว่านะคะ

Love Forever
อืมอันนั้นเข้าใจครับ แต่ว่าแค่อยากรู้ ก้อเคยได้ยินพระท่านเคยเทศน์
ท่านบอกว่า คนที่ได้เข้ามาฟังธรรมจากท่าน คงจะมีชาติไหน ชาตินึงในอดีต
ได้มีโอกาสได้ไปสร้างบุญ สร้างกรรม กันมา

สุขที่แท้จริง
เคยสร้างเหตุมาร่วมกัน ย่อมมาเจอกันอีกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นใครๆก็ตาม

Love Forever
อืม ก้อนั่นแหล่ะครับ ผมถึงอยากรู้ไง ถึงอยากให้คุณน้ำ ช่วยไปหาคำตอบให้หน่อย
ว่าเป็นมาอย่างไร ส่่วนใหญ่แล้วคนที่ทำกรรมฐาน แค่ได้ลิ้มลองรสของธรรมะ
แต่ละคนอาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนก็ได้ แล้วก้ออิ่มแล้ว

สุขที่แท้จริง
ไม่รู้สิ ไม่ได้สนใจแล้ว ไม่คาดเดา

Love Forever
เอาธรรมะ มาใช้กับทางการเมือง ณ ตอนนี้ได้อย่างไร

สุขที่แท้จริง
แผ่เมตตา แล้วแค่ดู ใครสร้างเหตุมา เขาย่อมรับผลไป

Love Forever
อืม แล้วแบบนี้ประเทศไทยจะสงบสุขกันเมื่อไหร่กันหนอ

สุขที่แท้จริง
ไม่เที่ยงค่ะ อย่าไปยึด

Love Forever
อืม ครับ แล้วแบบนี้เวลามีโหรเค้ามาทาย ว่า ณ ช่วงเวลานั้น เวลานี้
ประเทศไทย จะเป็นแบบนั้น แบบนี้ อันนี้มีความเป็นไปได้ตามที่เค้าบอกมามั้ยหนอ

สุขที่แท้จริง
แค่คาดเดา ไปสนใจทำไมคะ

Love Forever
อ๋อ ผมก้อไม่ได้สนใจมากหรอกนะ ผมกำลังเอามาพูุูุดเพื่อลองแสดงความคิดเห็นกันดู

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2010, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


5/19/2010


LIFE-FOREVER IN LOVE
ลองอ่านดูข้อความนี้หน่อยนะครับ ว่าน่าจะเป็นไปตามความเป็นจริงหรือป่าว

คุณเชื่อหรือไม่ กับคำทำนาย .... ถิ่นกาขาว คำทำนายที่เคยมีช้านานนัก เริ่มประจักษ์ให้เห็นเร้นไม่ได้ หลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยทำนาย เมื่อถึงปลายรัชกาลผ่านเข้ามา ประเทศชาติจะรุ่งเรืองและเฟื่องฟุ้ง น้ำมันผุดขึ้นมาจนเห็นค่า พวกกาขาวจะบินรี้หนีเข้ามา เป็นประชาจนเต็มพระนคร
ชนทั่วโลกจะยกพระองค์ท่าน ชื่อกระฉ่อนร่อนทั่วทุกสิงขร ออกพระนามลือชื่อดั่งทินกร องค์อมรเอกบุรุษแห่งแผ่นดิน ชาวประชาจะปิติยิ้มสดใส แต่อกไหม้หนอนกินข้างในสิ้น จะมีพวกกาฝากคอยกัดกิน เพื่อให้ได้สิ่งถวิลสมจินตนา จะมีการต่อตีกันกลางเมือง ขุนนางเขื่องกังฉินกินทั่วหล้า คอรัปชั่นจะกัดกร่อนทั้งพารา ประดุจปลวกกินฝา แผ่นดินแยกแตกเป็นสองปกครองยาก เกิดวิบากทุกข์เข็ญระส่ำระสาย เกิดการปราบจลาจลชนล้มตาย เลือดเป็นสายน้ำตานองสองแผ่นดิน ข้าเป็นนายนายเป็นข้าน่าสมเพช ผู้มีบุญมีเดชจะสูญสิ้น ทั้งพฤฒาอาจารย์ลือระบิล จะร่วงรินดุจใบไม้ต้องสายลม ความระทมจะถมทับนับเทวศ ดั่งดวงเนตรมืดบอดสุดขื่นขม คนที่ดีจะก้มหน้าสุดระทม ส่วนคนชั่วหั
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้ จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ...

LIFE-FOREVER IN LOVE
คุณ น้ำเป็น หนึ่งนารี คนนั้นหรือป่าว

สุขที่แท้จริง
เฉยๆค่ะ ทุกอย่างมีเหตุมาก่อน เรามีหน้าที่ ที่จะต้องทำ
ต้องทำไปให้ถึงที่สุด ดุจที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้
เมื่อเราไปถึงได้แล้ว เราย่อมช่วยคนอื่นๆได้ ตอนนี้จะไปช่วยอะไรใครเขาได้
ได้แต่แผ่เมตตาช่วยทุกๆคน ไม่แบ่งแยกฝ่ายไหนทั้งสิ้นค่ะ
เพราะเราทุกคนล้วนเคยสร้างเหตุร่วมกันมา ไม่ว่าจะรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม

LIFE-FOREVER IN LOVE
อืม ครับ ขออนุโมทนาด้วยนะครับ
ว่าแต่ไม่ข้อคิด ข้อธรรมอะไรที่จะสามารถสื่อสารให้บุคคลเหล่านั้น ให้เค้าเกิดปัญญาได้เหรอครับ

สุขที่แท้จริง
สติ สัมปชัญญะเท่านั้น ที่เป้นที่พึ่งแห่งตน

LIFE-FOREVER IN LOVE
และจะสื่อสารกับพวกเค้าเหล่านั้นได้อย่างไร

สุขที่แท้จริง
การสื่อสารจะเข้าใจกันได้ ถ้าคนๆนั้นเข้าใจในเรื่องกรรม ปล่อยวางค่ะ ทุกคนเกิดมาแล้วต้องตาย
ส่วนจะเลือกที่จะตายกันแบบไหนนั่นคือเหตุของแต่ละคนเลือกกันเอง ส่วนเรานั้น แผ่เมตตาค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
นอกจากการแผ่เมตตาให้ กับการแสดงเมตตาธรรมอย่่างอื่น สามารถทำได้มั้ยล่ะครับ
แสดงว่าบ้านนี้เมืองนี้ ยังมีกรรมดีอยู่นะครับ

สุขที่แท้จริง
แน่นอนค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ถึงได้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้อง คุ้มครองอยู่

สุขที่แท้จริง
หมายถึงยังมีคนที่มีกรรมดีมีกำลังแผ่เมตตาได้มากกว่ากรรมชั่วน่ะค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
อืม ครับ บุคคลนั้นต้องมีบารมีมากด้วยหรือป่าว หรือว่าใครก้อได้ที่มีจิตที่มีเมตตาธรรม
กรรมดีถึงส่งผลมาให้

สุขที่แท้จริง
อย่าไปหาคำตอบอีกเลยค่ะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ทุกข์มีเอาไว้ให้เห็น ทุกข์ไม่ได้มีเอาไว้ให้เป็นทุกข์ อันนี้ถูกมั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่ได้มีมีเอาไว้ให้ยึดค่ะ ที่ว่า ทุกข์ เพราะเราไปยึดว่าทุกข์ ที่ว่าสุข เราไปยึดว่า สุข
จริงๆแล้วเกิดจากการปรุงแต่งจากจิตเราเอง เกิดจากความชอบใจและไม่ชอบใจ

LIFE-FOREVER
มีมากกว่านี้มั้ยครับ

สุขที่แท้จริง
คืออะไรคะ มากกว่านี้

LIFE-FOREVER IN LOVE
ก้อเกี่ยวเรื่องของการสอบอารมณ์ข้องผุ้ปฏิบัติแบบนี้อ่ะครับ

สุขที่แท้จริง
มีเยอะแยะค่ะ เล่าไม่ได้หรอกค่ะ สภาวะของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป

LIFE-FOREVER IN LOVE
มีกัลยาณมิตรเยอะเหรอครับ

สุขที่แท้จริง
ก็มีค่ะ มีอะไรหรือคะ

LIFE-FOREVER IN LOVE
ก้อไม่มีอะไรมากครับ ก้อแค่อยากรู้ว่ามีคนสนใจมาปฏิบัติแบบนี้เยอะมั้ย กิเลสมันทำงานหน่ะครับ
ว่าแต่กัลยาณมิตรคนที่อยู่่ในไฟล์อ่ะครับ ปฏิบัติได้อยู่ในระดับไหนแล้วหล่ะครับ

สุขที่แท้จริง
ไม่มีระดับค่ะ เพียงแต่เขามีสติ เพิ่มมากขึ้น อ่านหน้าสุดท้ายสิคะ ที่เขาสรุปผลไว้

LIFE-FOREVER IN LOVE
เวลาที่เราเดินแล้ว รู้จังหวะการก้าวเดินของเราและมันรู้สึกเบา ๆ คืออะไร

สุขที่แท้จริง
แค่รู้ไปค่ะ เบาก็ให้รู้ว่าเบา

LIFE-FOREVER IN LOVE
บาง moment มันจะมีน ๆ หนัก ๆ

สุขที่แท้จริง
เวลารู้สึกมึนๆหนักๆ ให้หยุดเดินสักครู่ค่ะ หายใจยาวๆก่อน แล้วค่อยเดินใหม่

LIFE-FOREVER IN LOVE
บาง moment มันเหมือนมีแรงดึงดูด

สุขที่แท้จริง
แค่รู้พอค่ะ รู้สึกยังไงแค่รู้ตามนั้น

LIFE-FOREVER IN LOVE
บาง moment จะก้าวเดินแบบเร็ว ๆ บางครั้งการเดินจะไม่เป็นเส้นตรง มันเดินโยกไป โยกมา
ขอตัวไปนั่งก่อน ซัก 1 ขม

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 126 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร