วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 17:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 03:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ครั้นได้พระสติขึ้นมา จึงตรัสแก่คฤหบดีแก้วว่า บัดนี้เราได้ฟังประพฤติเหตุแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าอันเป็นดวงแก้วหาค่ามิได้ เพราะเหตุตัวของท่านอันเราใช้ไป เครื่องสักการบูชาสิ่งอื่นหาควรจะกระทำสักการบูชาแก่ท่านไม่ ด้วยท่านมีความชอบครั้งนี้แก่เราเป็นที่สุด เราจะยกสมบัติจักรพรรดิอันยิ่งในมนุษย์โลกนี้ กระทำสักการบูชาแก่ตัวท่าน ตรัสประภาษสรรเสริญคฤหบดีแก้วดังนี้แล้ว จึงอภิเษกคฤหบดีแก้วให้เสวยศิริราชสมบัติจักรวรรดิยศ ยกให้เป็นบำเหน็จความชอบแก่คฤหบดีแก้ว ในครั้งนั้นคฤหบดีแก้วก็ตั้งอยู่ในศิริราชสมบัติบรมจักร เสวยอิสริยยศสมบัติสืบต่อไป ฯ

ส่วนสมเด็จพระบรมจักรมหาปนาทนั้นแต่พระองค์เดียว ก็เสด็จบทจรไต่เต้าไปตามมรรคาหนทางโดยทิศาภาค ในที่สถิตแห่งสมเด็จพระบรมครูกุกกุสนธเจ้านั้น ฯ ครั้นไปถึงมหานิโครธไทรใหญ่ต้นหนึ่ง ก็ทรงประทับนั่งอาศัยอยู่ใต้ต้นไทรนั้นพอหายเหนื่อยเป็นอันดีแล้ว ก็ยกอัญชลีประนมถวายนมัสการลงด้วยเบญจางคประดิษฐ์อันได้สดับว่า สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่ตรงนี้ ทรงกระทำอธิษฐานปรารถนาว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเป็นอันงาม ความปิติโสมนัสแห่งข้าพระพุทธเจ้าบังเกิดมีในพระองค์แล้ว ด้วยเดชะความสัตย์นี้ ขอให้เครื่องอัฏฐบริขาร ๘ ประการ อันเป็นทรัพย์มรดกแห่งพระภิกษุสงฆ์ จงเลื่อนลอยมายังสำนักแห่งข้าพระพุทธเจ้าด้วยเเถิด ฯ”

ครั้งนั้นสมเด็จพระกุกกุสนธสัพพัญญูทรงทราบวาระน้ำจิตแห่งบรมจักรมหาปนาท ปรารถนาจะบรรพชาบวชในพระพุทธศาสนา จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า “ดูก่อนอัฏฐบริขาร ๘ ประการ บัดนี้บุคคลมีชื่อโน้น ปรารถนาจะทรงบรรพชา ท่านจงไปยังสำนักแห่งบุคคลผู้นั้นเถิด ฯ” ขณะนั้นเครื่องอัฏฐบริขารทั้ง ๘ ประการ ก็ลอยมาตกลงตรงพระพักตร์แห่งสมเด็จพระเจ้ามหาปนาทด้วยพุทธานุภาพ ฯ

ครั้นสมเด็จพระบรมจักรมหาปนาท ทรงเห็นเครื่องอัฏฐบริขาร ๘ ประการพร้อมแล้ว ด้วยพระเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าเป็นอัศจรรย์ยิ่งนัก ก็ทรงยกเครื่องอัฏฐบริขารขึ้นทูนเหนือพระเศียรเกล้า แล้วออกพระวาจาว่า ดูก่อนอัฏฐบริขาร ๘ ประการผู้เจริญ เราอาศัยซึ่งท่านจักใคร่ออกจากสังสารทุกข์ ให้ได้พบเห็นพระนิพพานอันประเสริฐสุดโลกวิสัย ตรัสเท่านั้นแล้วก็เปลื้องเครื่องราชอาภรณ์ของพระองค์ออกจากพระสรีรกาย ทรงสบง จีวร สังฆาฏิ คาดกายพันมั่นคง ทรงบรรพชาเป็นพระภิกษุภาวะ เสร็จแล้วจึงเอาพระมงกุฎแก้ววางลงในฝ่าพระหัตถ์ ตรัสว่า ดูก่อนมงกุฏแก้ว ท่านจงไปยังสำนักแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้า กราบทูลแจ้งประพฤติเหตุข่าวศาสน์แก่พระองค์ว่า บัดนี้พระเจ้ามหาปนาทบรมจักรเสียสละศิริราชสมบัติออกทรงบรรพชาในพระพุทธศาสนาแล้ว มีความปรารถนาเพื่อจะมายังสำนักสมเด็จพระทศพลญาณ ท่านจงไปกราบทูลศาสน์แด่องค์สมเด็จพระพุทธองค์ด้วยประการดังนี้ ฯ

พระองค์ทรงพระอธิษฐานฉะนี้แล้ว มงกุฏแก้วก็ลอยเลื่อนไปในอากาศเวหาประดุจว่าพระยาสุวรรณราชหงส์ลงยังสำนักแห่งสมเด็จพระพุทธเจ้า ตั้งอยู่แทบฝ่าพระบาท กราบทูลประพฤติเหตุดังนั้นแก่สมเด็จพระกุกกุสนธ ประดุจดังว่ามีจิตวิญญาณ สมเด็จพระบรมโลกุตตมาจารย์ก็มีพระพุทธฎีการับว่าสาธุ ฯ

ลำดับนั้น พระยามหาปนาทซึ่งทรงเพศเป็นภิกษุ ก็เที่ยวโคจรบิณฑบาตไปตามบ้าน ได้อาหารพอเป็นยาปนมัตต์ บริโภคสำเร็จแล้วก็เจริญพระกัมมัฏฐานอยู่ในที่อันสมควร พิจารณาซึ่งพระพุทธคุณมีพระอิติปิ โส ภควา เป็นอาทิ และพระกายคตาสติกัมมัฏฐาน มีเกศาเป็นต้น เจริญไปด้วยความอุตสาหะดังนั้น ยังโลกียฌานให้บังเกิดขึ้น

ในขณะนั้นแล้วเหาะไปโดยอากาศเวหาถึงสำนักสมเด็จพระพุทธเจ้า ได้ทัศนาการพระรูปพระโฉมของสมเด็จพระกุกกุสนธอันประดับไปด้วยพระทวัตติงสมหาบุรุษลักษณะ และพระอสีตยานุพยัญชนลักษณะ งามบริบูรณ์พร้อมทุกประการ ก็บังเกิดความปิติเต็มตื้นซาบทั่วสรรพางค์ ตลอดสิ้นสกลกายก็สลบลงในที่นั้น สมเด็จพระภควันตบพิตรเจ้าก็ทรงเอาอุทกวารีมาประพรมลงเหนือพระอุระ ก็ฟื้นสมปฤดีขึ้นมา แล้วถวายนมัสการกราบลงด้วยเบญจางคประดิษฐ์แทบพระบาท กราบทูลอาราธนาให้สมเด็จพระพุทธองค์ทรงประทานพระสัทธรรมเทศนา ฯ

ครั้งนั้นสมเด็จพระกุกกุสนธบรมทศพลญาณก็ทรงประทานพระสัทธรรมเทศนาว่า “ดูก่อนภิกษุ ท่านจงพิจารณาซึ่งสภาวธรรมที่จะนำตนไปสู่พระนิพพานเถิด” มีพระพุทธบรรหารตรัสดังนี้ ฝ่ายพระเจ้ามหาปนาทบรมพุทธางกูรได้ทรงสดับกระแสพระพุทธฎีกาตรัสเป็นนัย ดังนั้น พระองค์ก็มีปิติซาบซ่านทั่วสกลกาย จึงทรงพระอธิษฐานเด็ดพระเศียรเกล้าด้วยเล็บของพระองค์ ทรงกระทำสักการบูชาแทบพระบาทมูลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ฝ่ายพระเศียรเกล้านั้นจึงกราบทูลพระกรุณาว่า

“ภนเต ภควา ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระภาคเจ้า พระองค์ได้โปรดฝูงสัตว์ทั้งหลายก่อนข้าพระบาท ข้าพระบาทก็มีความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเมื่อภายหลัง ด้วยผลศีลทานของข้าพระบาทในครั้งนี้ ขอเชิญองค์อัครมุนีผู้ทรงพระภาคเจ้าจงเสด็จเข้าสู่พระนิพพานก่อนข้าพระบาทเถิด ข้าพระบาทขอตามเสด็จพระพุทธองค์เจ้าเข้าสู่พระนิพพานต่อภายหลัง”

พอขาดคำลงแล้วพระเจ้ามหาปนาทก็ดับขันธ์สิ้นชีวิตอินทรีย์ ไปบังเกิดในดุสิตาสวรรค์ เสวยทิพยศิริสมบัติเป็นสุขสถาพร ไปในอนาคตกาลเบื้องหน้าจะได้ตรัสเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระสุมงคล ฯ

ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ฝูงสัตว์ทั้งหลายไม่ได้มรรคและผลธรรมวิเศษในศาสนาพระพุทธเจ้าทั้งหลายมีพระตถาคตเป็นต้น มีพระติสสะเป็นปริโยสานแล้ว ก็ให้มหาชนปรารถนาไปให้พบเห็นพระศาสนาช้างปาลิไลยหัตถี ที่ได้เป็นพระบรมจักรมหาปนาทนี้ ซึ่งจะได้ตรัสเป็นองค์สมเด็จพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ทรงพระนามว่า พระสุมงคลสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น จะได้มรรคและผลธรรมอันวิเศษสิ้นสังสารทุกข์ทั้งปวง เข้าสู่พระอมตะมหานครนิพพาน ฯ

สำแดงมาด้วยเรื่องราวช้างปาลิไลยหัตถีบรมโพธิสัตว์เป็นคำรบ ๑๐ ก็สิ้นความยุติแต่เพียงนี้ ฯ


เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้


(มีต่อ ๑๔)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 04:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พระอนาคตวงศ์


บทสรุป

องค์สมเด็จพระมหามุนีธิคุณเจ้าแห่งเราทั้งหลายตรัสพระสัทธรรมเทศนา แก่พระสารีบุตรว่า นานไปเบื้องหน้าพระโพธิสัตว์ทั้ง ๑๐ พระองค์นั้น จะได้ตรัสรู้แด่พระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณเป็นลำดับกัน ฯ คือ องค์พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้าเป็นปฐมที่ ๑ ถัดนั้นจึง พระรามโพธิสัตว์จะได้ตรัสที่ ๒ ถัดนั้นจึง พระเจ้าปเสนธิโกศลจะได้ตรัสเป็นพระธรรมราชาที่ ๓

ถัดนั้น พระยามาราธิราช จะได้ตรัสเป็นพระธรรมสามีที่ ๔ ถัดนั้น อสุรินทราหู จะได้ตรัสเป็นพระนารทะที่ ๕ ถัดนั้น โสณพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระรังสีมุนีที่ ๖ ถัดนั้น สุภพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระเทวเทพที่ ๗ ถัดนั้น โตไทยพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระนรสีหะที่ ๘ ถัดนั้น ช้างธนบาลหัตถีนาฬาคีรี จะได้ตรัสเป็นพระติสสะที่ ๙ ถัดนั้น ช้างปาลิไลยหัตถี จะได้ตรัสเป็นพระสุมงคลที่ ๑๐ พระองค์ได้ตรัสเป็นลำดับกันโดยนิยมดังนี้

อันว่าไม้พระศรีมหาโพธิอปราชิตบัลลังค์ที่นั่งทรงพิจารณาพระปฏิจจสมุปบาทธรรม แล้วตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูเจ้านั้น พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า คือไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส ๑ พระรามเจ้า คือ ไม้แก่นจันทร์แดงเป็นที่ตรัส ๒ พระธรรมราชาเจ้า คือ ไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส ๓ พระธรรมสามีเจ้า คือ ไม้รังใหญ่เป็นที่ตรัส ๔ พระนารทะเจ้า คือ ไม้แก่นจันทร์แดงเป็นที่ตรัส ๕ พระรังสีมุนีเจ้า คือ ไม้ดีปลีใหญ่เป็นที่ตรัส ๖ (บางคัมภีร์ว่าเป็นไม้เลียบ) พระเทวเทพเจ้า คือ ไม้จำปาเป็นที่ตรัส ๗ พระนรสีหะเจ้า คือ ไม้แคฝอยเป็นที่ตรัส ๘ พระติสสะเจ้า คือ ไม้ไทรเป็นที่ตรัส ๙ พระสุมงคลเจ้า คือ ไม้กากะทิงเป็นที่ตรัส ๑๐ อันว่าไม้พระมหาโพธิ ๑๐ ต้นนี้ เป็นที่ได้ตรัสรู้พระสัพพัญญู แห่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ พระองค์ อันจะบังเกิดในอนาคตกาลเบื้องหน้า ฯ

อันว่านรชาติหญิงชายทั้งหลายจำพวกใด ได้ถวายนมัสการกราบไหว้ ซึ่งสมเด็จพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์กับทั้งไม้พระศรีมหาโพธิ ๑๐ ต้น ดังพรรณนามานี้ อันว่านรชาติหญิงชายจำพวกนั้นจะมีผลานิสงส์คือ มิได้ไปบังเกิดในนรกสิ้นกาลช้านานถึงแสนกัปป์ ด้วยกุศลเจตนาของอาตมาที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้งสิบพระองค์นั้น ฯ

สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์พุทธเจ้าของเราทรงบัณฑูรพระธรรมเทศนาว่า แท้จริงกัปป์ที่เรียกสุญญกัปนั้น คือเปล่าเสียจากท่านผู้ทรงพระคุณ กัปป์ที่มิได้สูญจากท่านผู้ทรงพระคุณนั้นมี ๕ ประการ คือ สารกัปป์ ๑ มัณฑกัปป์ ๑ วรกัปป์ ๑ สารมัณฑกัปป์ ๑ ภัทรกัปป์ ๑

อันว่าแผ่นดินทั้ง ๕ ประการนี้ มีสมเด็จพระพุทธเจ้าบังเกิดใน สารกัปป์นั้น ๑ พระองค์, ในมัณฑกัปป์ ๒ พระองค์, ในวรกัปป์ ๓ พระองค์, ในสารมัณฑกัปป์ ๔ พระองค์, ในภัทรกัปป์ ๕ พระองค์ เหมือนกับแผ่นดินเราทุกวันนี้ ชื่อว่าภัทรกัปบังเกิดพระพุทธเจ้าถึง ๕ พระองค์ คือ พระกุกกุสนธเจ้าพระองค์ ๑ พระโกนาคมนเจ้าพระองค์ ๑ พระกัสสปเจ้าพระองค์ ๑ พระพุทธเจ้าของเราอันทรงพระนามว่า พระศรีศากยมุนีโคดมพระองค์ ๑ ไปในอนาคตเบื้องหน้า พระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า ซึ่งจะได้มาตรัสนั้น พระองค์ ๑ เป็นพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ด้วยกัน บังเกิดในภัทรกัปอันนี้ ฯ

เมื่อองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรยเจ้า ตรัสแล้วล่วงลับดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน สิ้นพระศาสนาของพระองค์เจ้าแล้วล่วงไปจนถึงไฟประลัยโลก สิ้นแผ่นดินแผ่นฟ้าตลอดกาลช้านาน จึงบังเกิดแผ่นดินขึ้นมาใหม่เรียกว่า สุญญกัปป์ เปล่าเสียจากท่านผู้ทรงพระคุณวิเศษนั้นนานถึง อสงไขยแผ่นดิน โลกทั้งหลายมืดสิ้นไม่มีท่านผู้วิเศษเลย ต่อสิ้นกาลช้านานแห่งสุญญกัปป์นั้น นับได้อสงไขยแผ่นดินล่วงไปแล้ว เกิดกัปใหม่ตั้งแผ่นดินขึ้นใหม่เรียกว่า มัณฑกัปป์ จะมีสมเด็จพระพุทธเจ้า พระปัจเจกโพธิเจ้า และสมเด็จบรมจักร

ในกาลครั้งนั้นจึงมีพระรามเจ้าเป็นอาทิจะได้ตรัสรู้ก่อน พระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลายที่สมควรจะได้ตรัสนั้น ก็ได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าสืบๆ กันไปตามนัยดังแสดงแล้วแต่หนหลัง ด้วยวาสนาภูมิบารมีของพระบรมโพธิสัตว์สร้างมานั้นต่างๆ กัน ที่เป็นอุคฆติตัญญูโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัปป์ เรียกชื่อว่า ปัญญาธิกะ ยิ่งด้วยปัญญา ฯ ที่เป็นวิปจิตัญญูโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๘ อสงไขยแสนกัปป์ เรียกชื่อว่า สัทธาธิกะ ยิ่งด้วยศรัทธา ฯ ที่เป็นเนยยโพธิสัตว์ สร้างพระบารมี ๑๖ อสงไขยแสนกัปป์ เรียกชื่อว่า วิริยาธิกะ ยิ่งด้วยความเพียร ฯ ตามประเพณีพุทธภูมิโพธิสัตว์ทั้ง ๓ จำพวก อันมีในคัมภีร์พระอนาคตวงศ์ ตามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราตรัสพระสัทธรรมเทศนา แก่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ก็สิ้นเนื้อความยุติลงแต่เพียงเท่านี้ ฯ


เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้


(มีต่อ ๑๕)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 04:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อานิสงส์กถา

อานิสํสกถา

พระบรมโพธิสัตว์ อันจะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลเบื้องหน้า ๑๐ พระองค์นั้น

ที่ ๑ คือพระศรีอาริยเมตไตรย์ พระองค์มีพระชนม์ชีพได้ ๘ หมื่นปี พระสรีระกายสูงได้ ๘๘ ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระมหาโพธิ ในภัทรกัปป์นี้ ฯ

ที่ ๒ คือพระรามเจ้า พระองค์มีพระชนม์ได้ ๙ หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้จันทร์แดงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ ฯ

ที่ ๓ คือพระเจ้าปเสนธิโกศล จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระธรรมราชา พระองค์มีพระชนม์ได้ ๕ หมื่นปี พระสรีรกายสูงได้ ๑๖ ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ ฯ

ที่ ๔ คือพระยามาราธิราช จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระธรรมสามี พระองค์มีพระชนม์ได้ ๑๐ หมื่นปี มีพระสรีระกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้รังเป็นพระศรีมหาโพธิ ในสารกัปป์ ฯ

ที่ ๕ คือพระยาอสุรินทราหู จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระนารทะ พระองค์มีพระชนม์ได้หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๒๐ ศอก มีไม้จันทร์เป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ ฯ

ที่ ๖ คือโสณพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระรังสีมุนี พระองค์มีพระชนม์ได้ ๕ พันปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๖๐ ศอก มีไม้ดีปลีก็ว่า ไม้เลียบก็ว่าเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ ฯ

ที่ ๗ คือสุภพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระเทวเทพ พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้จำปาเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ ฯ

ที่ ๘ คือโตไทยพราหมณ์ จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระนรสีหะ พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘๐ ปี มีพระสรีรกายสุงได้ ๖๐ ศอก มีไม้แคฝอยเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ ฯ

ที่ ๙ คือช้างนาฬาคีรี จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระติสสะ พระองค์มีพระชนม์ได้ ๘ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๘๐ ศอก มีไม้ไทรเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ ฯ

ที่ ๑๐ คือช้างปาลิไลย จะได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พระสุมงคล พระองค์มีพระชนม์ได้ ๑๐ หมื่นปี มีพระสรีรกายสูงได้ ๖๐ ศอก มีไม้กากะทิงเป็นพระศรีมหาโพธิ ในมัณฑกัปป์ ฯ รวม ๑๐ พระองค์

นมัสการพระพุทธเจ้าทั้ง ๑๐ พระองค์ว่าดังนี้ ฯ

เมตฺเตยฺยา เมตฺเตยฺโย นาม ราโม จ รามสมฺพุทฺโธ
โกสโล ธมฺมราชา จ มารมาโร ธมฺมสานมี
ทีฆชงฺฆี จ นารโท โสโณ รํสิมุนี ตถา
สุภูเต เทวเทโว โตเทยฺโย นรสีหโก
ติสฺโม นาม ธนปาโล ปาลิเลยฺโย สุมงฺคโล
เอเต ทส พุทฺธา นาม ภวิสฺสนฺติ อนาคเต
กปฺปสตสหสฺสานิ ทุคฺคตึ โส น คจฺฉติ ฯ

นมัสการพระศรีมหาโพธิทั้ง ๑๐ ต้นว่าดังนี้ ฯ

เมตฺเตยฺโย นาครุกฺโข จ ไม้กากะทิง ฯ
รามพุทโธปิ จนฺทนํ ไม้จันทร์หอม ฯ
ธมฺมราชา นาครุกฺโข ไม้กากะทิง ฯ
ธมฺมสามี สาลรุกฺโข ไม้รังใหญ่ ฯ
นารโท จนฺทนรุกฺโข จ ไม้จันทร์ ฯ
รํสิมุนิ จ ปิปฺผลิ ไม้เลียบ ฯ
เทวเทโว จมฺปโก จ ไม้จำปา ฯ
นรสีโห จ ปาตลี ไม้แคฝอย ฯ
ติสฺสมฺพุทฺโธ นิโครฺโธ ไม้ไทร ฯ
นาครุกฺโข สุมงฺคโล ไม้กากะทิง ฯ
เอเต ทส โพธิรุกฺขา ภวิสฺสนฺติ อนาคเต
อิเม ทส จ สมฺพุทฺเธ โย นโรปิ นมสฺสติ
กปฺปสตสหสฺสานิ นิรยํ โส น คจฺฉติ ฯ

ผู้ใดเจริญได้เป็นนิตย์ปิดอบายภูมิ และคงจะได้ประสพพบพระพุทธองค์เจ้าองค์ใดองค์หนึ่งเป็นเที่ยงแท้ อย่าสนเท่ห์เลยท่านทั้งหลาย ฯ


เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้


(มีต่อ ๑๖)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 04:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อธิษฐานวาจา

คำอธิษฐานท้ายเล่ม

ด้วยเดชะข้าพเจ้าขออธิษฐานศีลทานบารมี ขอเป็นปัจจัยให้พบพระศรีอาริยเมตไตรยวรจอมใจอารี ท่านจักไดัมาตรัสในอนาคตกาล ขอให้ลุมรรคญาณพ้นจากทุกขภัย ขอให้ล้างกิเลสสู่ห้องตรีเนตรในสำนักพระอริยเมตไตรย ขอให้พบพระบรมธาตุพระบรมศาสดา

เมื่อจะประชุมโพธิมันตา ขอให้ได้บูชาน้อมนบนมัสการ ถ้ายังมิถึงตรีเนตรอมตนฤพาน เมื่อจะดับขันธ์ขอให้ใฝ่ฝันถึงคุณแก้วสามประการ ดำริถึงผลศีลทาน ขออย่าให้มีหมู่มารมาประจญ เกิดไปชาติใดๆ ขอให้น้ำใจเลื่อมใสต่อพระทศพล ขอให้มีปรีชาเลิศกว่าฝูงชน ขออย่าให้อับจนปัญญาผู้ใด อย่าได้เคลือบแคลง รู้ชัดจะแจ้งแจ่มน้ำใจ อย่างพระนาคเสนเถระผู้มีปรีชาว่องไว

ขอให้บริบูรณ์ด้วยโภคมไหสุริยศฤงคาร ขอให้เลื่อมใสในศีลทาน ขอให้มีศรัทธาก่อสร้างโพธิญาณ ขอให้ได้ทำทานเหมือนพระเวสสันดร ขออย่าได้ขัดขวางเหมือนอย่างชาติก่อน ให้เหมือนหมู่เทพอมรในชั้นช่อกามา ถ้าจะเรียนบริกรรมสมาธิโอภาส ขอให้พบพระศาสดาสรรเพ็ชญ์จอมไตรโลก ถ้ายังมิพ้นเวียนวนอยู่ในวัฏฏสงสาร เกิดชาติใดๆในสวรรค์และมนุษย์ จะขอตัดบาปธรรมสิบสี่ตัวที่สุด ดับสิ้นม้วยมุดขาดจากสันดาน

ขอตัดโรคาทั้งเก้าสิบหกประการขออย่าให้ได้เบียนผลาญในกายตัวเรา เกิดเป็นมนุษย์ร่างกายบริสุทธิ์เหมือนดังเทวาบุรุษ โทษนั้นเล่าดังข้าพเจ้ากล่าวมา ขออย่าให้มีแก่ข้าทั้งเก้าสิบหกประการ เดชะกุศลข้าพเจ้าแผ่ผลทั่วหมื่นจักรวาล ทั้งพระยายมราช สิริคุตตมหาอำมาตย์ นิรยบาล ที่ท่านเป็นใหญ่ในสี่ทิศอบาย ขอท่านเป็นพยานเมื่อจะดับขันธ์ อกุศลอย่าตามทันในวัฏฏสงสาร

ถ้าต้องไปสู่สำนักพระกาฬ ถามถึงศีลทานอย่ามืดมิดกำบัง เทวทูตห้าบทท่านช่วยกำหนดอย่าหลงลืมพลาดพลั้ง ท่านช่วยตักเตือนกุศลหนหลังที่ข้าพเจ้าหล่อหลั่งในอุทกวารี ลงไว้ในพื้นแผ่นธรณี เทวทูตห้าบทท่านช่วยตักเตือน ให้ข้าพเจ้าระลึกขึ้นได้ในขณะนั้น ขอให้ตัวข้าพเจ้าสำเร็จแก่นิพพาน ปัจจโย โหตุ เม ฯ


เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้


(มีต่อ ๑๗)

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 05:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


กลอนท้ายเล่ม

ขอ สละทรัพย์สร้าง สืบนุสน ธิเฮย
จา ต่อข้อนิพนธ์ พุทธเจ้า
รึก ไว้อ่านเอาผล หวังพบ พระองค์นา
เรื่อง ระบิลปิ่นเกล้า กลดกั้ง กางสัตว์

พระ องค์เนื่องหน่อเนื้อ พุทธางกูร
อะ เนกกุศลมูล บาปเปลื้อง
นา โถนิพพานศูนย์ หาเศษ มีฤๅ
คต ตะวงศ์คือเบื้อง หน้าพู้น พึงจำ

ทั้ง หลายได้ก่อเกื้อ ปรมัตถ มาเฮย
สิบ ถ้วนโพธิสัตว์ เที่ยงแล้ว
พระ เจ้าจะมาตรัส แสดงโปรด เรานา
องค์ อัครมุนีแหน้ว ดุจแก้ว วิเชียรฉาย

กับ คำเคารพไหว้ วันทนา
พระ อนันตยา นุญาตไว้
คา รวะต่อนะรา ระบือชื่อ เชิดแฮ
ถา มหาผลให้ มนุษย์น้อม มโนเอา

อุ ระข้าแจ่มแจ้ง ใจธรรม์
สา หะคัดจัดสรร เสกพร้อง
พิมพ์ บอกยุบลบรร เจิดหล้า
ให้ เจริญนิรันดร์ต้อง จะพบเบื้อง พระทรงญาณ

ตั้ง จิตคิดน้อม บังคม
ใจ หน่วงถึงบรม ร่มเกล้า
จำ เริญสุขอุดม สรรพสิ่ง สวัสดิ์แฮ
นง ต่อพระนามเข้า ค่ำเช้า เชิญระลึก

เกิด ไหนจักกอบด้วย มโหฬาร
มา ณพพนักงาน อเนกเอื้อ
ชาติ ชั่วใช่วงศ์วาร ฤๅร่วม ตระกูลแฮ
ใด ชอบเร่งรีบรื้อ ร่างตั้ง ปฏิสนธิ์

สม สฤษฏ์มุ่ง มะนูหมาย มาทเอย
ได้ ดังหฤทัยหาย เที่ยงแท้
พบ ปะพระฤๅสาย สวรรค์แน่ว แน่นา
องค์ จะแสดงแก้ วิมุตติให้ สว่างเห็น

สะ การทุกถ้วนหน้า มหาชน
ยัม ทั่วนิเวศน์เมืองบน ไปเว้น
ภู วเยศยอดสกล ทวีปสี่ เสมอฤๅญาณ
พระ องค์แม้เขม้น มุ่งแล้ว ตลอดเห็น

เด โชให้ล้ำกว่า กุลบุตร
ชะ กุศลบริสุทธิ์ ช่วยค้ำ
ผู้ ใดจะต่อยุท ธนาพ่าย แพ้แฮ
ข้า บาทจะพลาดพล้ำ ปลุกปล้ำ นำหนี

อด ใจเพียรพากด้วย ศรัทธา
สา หะแสวงหา เพื่อนม้วย
จา สัจไม่มุสา พาสู่ สุขเนอ
รึก ซึ่งอักษรด้วย โดยป้อง ประคองชู

ขอ ประจักษ์จิตข้า คะนึงตรอง
ให้ ลุดังมโนปอง มุ่งไว้
สม มาทที่หมายจอง ทุกสิ่ง สรรพ์แฮ
นึก รักเร่งชักให้ สะดวกได้ โดยหวัง

เหมือน มาฆมาณพได้ ดาวดึง สาเฮย
ศึก ฝ่ายอสูรถึง พ่ายแพ้
ชะ บุญกะตุ้นจึง เสวยสุข สวรรค์นา
นะ ยักษ์อยู่วิมานแต้ บาปแพ้ บุญเหลิง



เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้


>>>>> จบ >>>>>


...............................................................

คัดลอกมาจาก
http://www.84000.org/
http://www.larnbuddhism.com/

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2011, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ต.ค. 2009, 15:47
โพสต์: 417

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: วิปัสนา-กรรมฐาน เล่ม 1-2
ชื่อเล่น: นา
อายุ: 44
ที่อยู่: 140/19 ถ.อภัย อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์

 ข้อมูลส่วนตัว




ARNUMOTANAMI.JPG
ARNUMOTANAMI.JPG [ 33.32 KiB | เปิดดู 3593 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
อย่าแก้ไขคนอื่น จงแก้ไขตัวเราเอง

....................................................

เจ้าเกิดมามีอะไรมาด้วยเล่า
เจ้าจะเอาแต่สุขสนุกไฉน
เจ้ามาเปล่าแล้วเจ้าจะเอาอะไร
เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา

...................................................
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 15:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 มิ.ย. 2007, 13:49
โพสต์: 1012


 ข้อมูลส่วนตัว


กราบสาธุๆๆ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ทำความดีทุกๆ วัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร