วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


พระผู้เป็นอริยสงฆ์ หมายถึง พระสงฆ์ผู้บรรลุธรรมสามารถลดละกิเลสในจิตใจแบ่งตาม ลำดับได้ ๔ ขั้น เรียงจากขั้นต่ำขึ้นไป คือ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์

พระอริยสงฆ์ ๓ ขั้นแรก เป็นผู้บรรลุธรรม ขั้นสูง ที่เรียกว่าโลกุตรธรรม อันหมายถึง ธรรมะที่พ้นวิสัย ของโลกมากน้อยตามลำดับ แต่ยังละกิเลสไม่หมดสิ้น ส่วนพระอริยสงฆ์ ขั้นที่ ๔ คือพระอรหันต์ สามารถขจัดกิเลสได้หมดสิ้น ทั้งความโลภ ความโกรธ ความหลง ประเทศไทยนับถือพระพุทธศาสนา เป็นศาสนา ประจำชาติ ผู้คนต่างยึด ธรรมะ และคำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มาเป็นข้อปฏิบัติในการดำเนินชีวิต มากบ้างน้อยบ้าง ตามความคร่งครัดของแต่ละบุคคล โดยมีพระสงฆ์ผู้เป็นสาวกรับฟังคำสอนของพระพุทธองค์แล้วนำไปปฏิบัติ จนได้ผลและนำหลักธรรมคำสอนนั้นไปเผยแผ่ให้ผู้อื่นทราบด้วย พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแนวทางแห่งพระพุทธศาสนา ซึ่งถูกเรียกว่า “พระอริยสงฆ์” จึงมีอยู่มากมายและเป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนทั่วทุกแห่งหน

พระอริยสงฆ์แต่ละท่านล้วนประกอบไปด้วย ความเมตตากรุณา ช่วยเหลือ พุทธศาสนิกชนทุกหมู่เหล่าอบรมสั่งสอนให้ปฏิบัติในทางที่ถูกต้องตามหลักธรรม ทางศาสนาและคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าที่ชาวพุทธปฏิบัติสืบต่อกันมาถึงทุกวันนี้

:b43: ...มีต่อ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

วัดระฆังโฆสิตาราม กรุงเทพฯ
พุทธศาสนิกชนมักกล่าวถึงท่านในนาม “สมเด็จโต วัดระฆังโฆสิตาราม”
ถือกำเนิดในวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕
ตรงกับวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๓๑๙
ที่บ้านไก่จ้น (ท่าหลวง) อำเภอท่าเรือ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา
เมื่อท่านเป็นเด็กรูปร่างแบบบาง ผู้ใหญ่จึงตั้งชื่อให้ตรงกันข้ามว่า
“โต” กล่าวกันว่า ขณะที่ท่านยังเป็นทารก มารดา
พาท่านไปพักอยู่ที่ ตำบลไชโย จังหวัดอ่างทอง
ต่อมาจึงได้ย้ายมาอยู่ ที่บ้านบางขุนพรหม จังหวัดพระนคร
(ในภายหลัง ท่านได้สร้างพระพุทธรูปใหญ่ไว้
ณ ตำบลทั้งสาม เพื่อเป็นอนุสรณ์) กุฏิพระสงฆ์ภาคกลาง
Monastis Cell in Central Region เป็นที่
ประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
และสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทัย)
เมื่อถึงวัยพอสมควรมารดาได้พามามอบตัว
เป็นศิษย์ ท่านเจ้าคุณอรัญญิก เจ้าอาวาสวัด อินทรวิหาร
ก่อนบรรพชาเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนาเมื่ออายุ ๑๒ ปี
ได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่ ณ วัดอินทรวิหาร
จนหมดความรู้ของครูอาจารย์ แต่มีความประสงค์จะศึกษา
ภาษาบาลีและพระปริยัติธรรมต่อ ท่านเจ้าคุณอรัญญิก
จึงได้นำไปฝากอยู่กับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (นาค)
วัดระฆังโฆสิตาราม ครั้นเมื่ออายุครบอุปสมบท
พระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑
ได้โปรดเกล้าฯ ให้เป็นนาคหลวง อุปสมบท ณ
วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระสังฆราช (สุก)
วัดมหาธาตุ เป็นพระอุปัขฌาย์ ให้ฉายาว่า “พรหมรังสี”

:b42: มีต่อ....

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อยู่ ญาโณทโย) วัดสระเกศ กรุงเทพฯ

พระนามเดิมว่า “อยู่” พระนามฉายาว่า “ญาโณทโย”
ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๑๗
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
ที่เรือนแพหน้าวัดกัลยาณมิตร อำเภอบางกอกใหญ่ จังหวัดธนบุรี
ได้รับการศึกษาเบื้องต้นที่สำนักของบิดา
ต่อมาได้ย้ายมาอยู่สำนักของพระอาจารย์ช้าง วัดสระเกศ
ได้ทรงเล่าเรียนสืบมาจนกระทั่งบรรพชาเป็นสามเณร
ศึกษาภาษาบาลีที่วัดสระเกศ ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรม
ในสนามหลวงจนได้เปรียญ ๔ ประโยค ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๓๗
ทรงได้รับอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดสระเกศ
โดยมีสมเด็จพระวันรัต (แดง) วัดสุทัศน์ เป็นพระอุปัชฌาย์
หลังจากนั้นได้ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรม จนได้เปรียญธรรม ๙ ประโยค
ในปี พ.ศ.๒๔๔๕ เมื่อพระชนมายุ ๒๘ พรรษา
ซึ่งนับแต่ทรงเข้าแปลพระปริยัติธรรมมาตั้งแต่ประโยคต้นจน
ถึงประโยคสุดท้ายคือ ประโยค ๙ ไม่เคยแปลตกเลย
และทรงเป็นเปรียญ ๙ ประโยคองค์แรก
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้นำรถยนต์หลวงมาส่งถึงพระอารามเป็นพิเศษ
และกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบัน
ครั้นสมเด็จพระสังฆราช (ปลด กิตฺติโสภโณ) ทรงสิ้นพระชนม์
ในปี พ.ศ.๒๕๐๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่
สมเด็จพระสังฆราช และประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
จวบจนเมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๖
ได้ทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาให้ทรงเป็น
สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๑๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
เนื่องในพระราชพิธีฉัตรมงคล เมื่อพระองค์ทรงได้รับการสถาปนาตำแหน่งแล้ว
พระองค์ทรงบริหารการคณะสงฆ์โดยมิทรงคำนึงถึงความชราภาพ
ทรงทำทุกอย่างเพื่อความสงบสุขของสังฆมณฑล
ทรงอุปถัมภ์ส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกบาลีและนักธรรม
ตลอดจนทรงสนับสนุนพระภิกษุให้ออกไปทำการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
ทั้งในและนอกประเทศ ทรงบูรณปฏิสังขรณ์พระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง
วัดสระเกศ จนสำเร็จเรียบร้อยเป็นปูชนียสถานทางพระพุทธศาสนา
ที่เป็นศรีสง่าแก่คนไทยมาจวบถึงปัจจุบัน

:b40: มีต่อ...

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย วัดบ้านปาง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

ครูบาศรีวิชัย ได้รับการยกย่องว่าเป็นนักบุญแห่งล้านนาไทย
เดิมชื่อเฟือน หรืออินท์เฟือน บ้างก็ว่าอ้ายฟ้าร้อง เนื่องจาก
ในขณะที่ท่านถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๑
ที่หมู่บ้านปาง ต.แม่ตื่น อ.ลี้ จ.ลำพูน นั้น ปรากฏว่าเกิดพายุฝน
ฟ้าคะนองอย่างหนัก ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ ๑๘ ปี
ที่วัดบ้านปาง ซึ่งเป็นพระ อารามเล็กๆ ประจำหมู่บ้าน และ
อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่วัดบ้านโฮ่งหลวง อ.บ้านโฮ่ง จ.ลำพูน
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๒ มีพระครูสุมโณ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า
“สิริวิชโยภิกขุ” มีนามบัญญัติว่า พระศรีวิชัย เมื่ออุปสมบท
แล้วได้ศึกษากรรมฐานและวิชาอาคม กับ ครูบาอุปละ วัดดอยแค
อ.แม่ทา จ.ลำพูน (ปัจจุบันอยู่ ใน ต.เหมืองจี้ อ.เมือง จ.ลำพูน)
เป็นเวลา ๑ พรรษา ก่อนกลับไปจำพรรษาที่วัดบ้านปาง
เมื่อได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ท่านจึงได้ย้ายวัดไปยังสถานที่
ที่เห็นว่าเหมาะสม คือบริเวณเนินเขาด้านทิศใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของ
วัดในปัจจุบัน เพราะเป็นที่วิเวก สามารถปฏิบัติธรรมได้ เป็นอย่างดี
โดยได้ให้ชื่อใหม่ว่า วัดจอมศรีทรายมูลบุญ เรือง แต่ชาวบ้าน
ทั่วไปยังนิยมเรียกวัดบ้านปางตามชื่อ หมู่บ้าน
ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยสงบเสงี่ยม เจียมตัว พูดน้อย งดฉันเนื้อสัตว์
ตั้งแต่อายุ ๒๖ ปี และฉันเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักเป็น
ผักต้มใส่เกลือกับพริกไทยเล็กน้อย บางทีก็ไม่ ฉันข้าวเป็นเวลานาน
คงฉันเฉพาะลูกไม้หัวมันเท่านั้น ขณะที่ท่านได้เดินทาง ธุดงค์
ไปทั่วแผ่นดินล้านนา ได้ พบเห็นโบราณสถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์
คู่บ้านคู่เมืองหลายแห่ง เก่าแก่ทรุดโทรมเป็นอันมาก จึงได้
เป็นผู้นำในการบูรณะ ปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ตลอดจนโบราณ
สถานทั่วแผ่นดิน ล้านนามากมาย อาทิ พระบรมธาตุ
วัดพระธาตุหริภุญชัย จ.ลำพูน พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ ฯลฯ
รวมวัดต่างๆ ที่ท่านได้พลังศรัทธาจากเหล่าพุทธศาสนิกชน
ทั้งกำลังกาย และกำลังทรัพย์ บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งสิ้น ๑๐๘ วัด
รวม ถึงการสร้างทางเดินขึ้นดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่
ได้เป็นผลสำเร็จ โดยเริ่มสร้างเมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๔๗๗
แล้วเสร็จเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๔๗๘ โดยไม่ใช้งบประมาณของรัฐเลย
งานชิ้นสุดท้ายของท่านคือ การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำปิง
ระหว่างบ้านริมปิง จ.ลำพูน กับ อ.หางดง จ.เชียงใหม่
แต่มาแล้วเสร็จภายหลังจากท่านมรณภาพ

:b42: มีต่อ...

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

เป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่ง ที่พุทธศาสนิกชนไทย ให้ความ
เคารพ นับถือกันทั่วประเทศ ท่านเกิดใน ตระกูลช่างตีเหล็ก
เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ที่บ้านนาโป่ง อำเภอเมือง
จังหวัดเลย บิดามารดาได้ตั้งชื่อท่านว่า “ญาณ” ซึ่งแปลว่า ปรีชา
หยั่งรู้หรือความสามารถหยั่งรู้เป็นพิเศษ เมื่ออายุ ๕ ปี มารดา
ป่วยหนัก ก่อนเสียชีวิตได้สั่งเสียไว้ว่า ขอให้บวชตลอดชีพ
อย่าลาสิกขามา มีครอบครัว จนได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ
๙ ปี ที่วัดโพธิ์ชัย พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเด็กชาย ญาณ เป็นสามเณรแหวน
นับแต่นั้นมาต่อมาได้ถูกนำไปฝากถวายเป็นลูกศิษย์
ของท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดบ้านสร้างถ่อ

จ.อุบลราชธานี กระทั่งอุปสมบทระหว่างศึกษาเล่าเรียนอยู่นั้น
ครูอาจารย์หลายท่านได้ลาสิกขาออกไปมีครอบครัวกัน
ท่านจึงเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า บรรดาครูอาจารย์เหล่านั้น
ล้วนออกไปเพราะอำนาจของกามทั้งสิ้น
จึงเกิดความคิดขึ้นมาว่าการออกปฏิบัติตามป่าเขา
ไม่อาลัยอาวรณ์อยู่กับหมู่คณะ
เป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ครองสมณเพศได้ตลอดชีวิต
ท่านได้ตั้งสัจจาธิษฐานขออุทิศชีวิตพรหมจรรย์แด่
พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พร้อมออกธุดงค์
แสวงหาสัจจธรรม ตามป่าเขาต่างๆ หลายแห่งเพื่อมุ่งหน้าไป
กราบนมัสการพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ที่ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

พระอาจารย์มั่น ได้กล่าวคำสอนแก่หลวงปู่ว่า
“ต่อไปนี้ให้ภาวนา ความรู้ที่เรียนมาให้เอาใส่ตู้ไว้ก่อน”
เพียงคำพูดนี้เองทำให้ท่านเกิดความเลื่อมใสศรัทธา
และถวายตัวเป็นลูกศิษย์ ในเวลาต่อมา

:b40: มีต่อ...

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


พระครูวิสัยโสภณ (พระอาจารย์ทิม ธัมมธโร) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี

เดิมชื่อนายทิม พรหมประดู่ เกิดเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๕ ที่บ้านนาประดู่ ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
เป็นบุตรของนายอินทอง กับ นางนุ่ม พรหม ประดู่ เมื่ออายุได้ ๙ ขวบ บิดามารดาได้ฝากให้อยู่กับ พระครูภัทรกรณ์โกวิท
ซึ่งขณะนั้นยังเป็น พระแดง ธัมมโชโต เจ้าอาวาสวัดนาประดู่
ซึ่งอยู่ใกล้บ้าน เพื่อ จะได้เรียนหนังสือ เมื่ออายุ ๑๘ ปี ได้บวช
เป็นสามเณร จากนั้นก็สึกออกมาช่วยบิดามารดาทำนา จนอายุได้
๒๐ ปี จึงบวชเป็นพระภิกษุที่วัดนาประดู่ จำพรรษาอยู่ ๒ พรรษา
แล้วจึงย้ายไปอยู่ที่วัดมุจลิน ทวาปีวิหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
เพื่อศึกษาพระปริยัติ ธรรม ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ ได้ย้ายไปเป็น
เจ้าอาวาสที่วัด ราษฎร์บูรณะ(วัดช้างไห้) ซึ่งตอนแรกก็ยังคงไปๆ
มาๆ ระหว่างวัดช้างไห้กับวัดนาประดู่ เพราะท่านยังคง เป็นครู
สอน พระปริยัติธรรมอยู่ที่วัดนาประดู่ด้วย ช่วงที่เกิด สงครามโลก
ครั้งที่ ๒ ทหารญี่ปุ่นยกพล ขึ้นบกที่ปัตตานี กองทหาร และ
สัมภาระ ต่างๆ ได้ถูก บรรทุกโดยรถไฟสายใต้
จากหาดใหญ่ไปสุไหงโก – ลก ผ่านหน้าวัดช้างไห้ วันละหลายเที่ยว
หลาย ขบวน ชาว บ้านในละแวกนั้นต่างหวาดผวากับภัยสงคราม
เสีย ขวัญและกำลังใจกันเป็นอย่างมาก ต้องรับภาระหนัก คือ
ต้องจัดหาอาหารและที่พักแก่ผู้ที่เดินทางผ่านวัด ไม่เว้นแต่ละวัน
นับว่าท่านเป็นพระผู้ทรงความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แก่คนทั่วไป
เป็นอย่างยิ่ง เมื่อท่านไปอยู่ที่วัดช้างไห้ใหม่ๆ นั้น วัดอยู่ในสภาพที่
ถูกทิ้งร้างทรุดโทรม ท่านได้ริเริ่มตกแต่งสถูปที่บรรจุ อัฐิหลวง
ปู่ทวด ให้เป็นที่น่าเคารพบูชา ท่านได้ดำริที่จะ สร้างพระอุโบสถ
พร้อมบูรณะปรับปรังบริเวณวัดให้ดี กว่าเดิม ท่านจึงได้ร่วม

จัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด ซึ่งในครั้งนั้นได้ปัจจัยจากผู้มีจิตศรัทธาเป็นจำนวนหนึ่ง ซึ่งพระอาจารย์ทิม ได้เงินจำนวน
นั้นมา ใช้สำเร็จตาม ความประสงค์ ท่านเป็นผู้รื้อฟื้นประวัติของพระราชมุนีสามีรามคุณู ปมาจารย์ หรือหลวงพ่อทวด
เหยียบน้ำทะเลจืด เจ้า อาวาสองค์แรกของวัดช้างไห้ ให้เป็นที่รู้จักของพุทธ ศาสนิกชนทั่วไป พระอาจารย์ทิมเป็นผู้มีจิตเมตตา
เคร่งครัดในพระธรรมวินัย แม้คนต่างชาติต่างภาษา ยังให้ความเคารพศรัทธา ท่านอาพาธด้วยโรคมะเร็งที่หลอดอาหาร
กระทั่ง มรณภาพเมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิ กายน พ.ศ.๒๕๑๒ แต่สิ่งที่ท่านได้สร้างไว้ ล้วนเป็นสิ่งที่บอกได้ถึงความ
มุมานะและความพยายาม ที่จะทะนุบำรุงพุทธศาสนา ให้เจริญรุ่งเรืองสืบเนื่องต่อไป


:b44: มีต่อ...


.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ (หลวงปู่ทวด) วัดช้างไห้ จังหวัดปัตตานี

จากหนังสือและเอกสารอ้างอิงทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า
ท่านเกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน ๔ ปี มะโรง พุทธศักราช ๒๑๒๕ ณ
หมู่บ้านสวนจันทร์ ตำบลชุมพล เมืองจะทิ้งพระ (สทิงพระ) ใน
ครอบครัวเล็กๆ ฐานะยากจนแร้นแค้น แต่มีจิตเป็นกุศล ยึดมั่นใน
ศีลธรรม ในช่วงปลายรัชสมัย ของพระมหาธรรมราชา แห่งกรุง ศรีอยุธยา เมื่ออายุได้ ๗ ขวบ บิดามารดาพาไปฝากกับท่าน
สมภารจวง วัดดีหลวง เพื่อให้เล่าเรียนหนังสือ ครั้นอายุได้ ๑๕ ปี
ก็บรรพชาเป็นสามเณร ต่อ มาได้ไปศึกษาต่อกับสมเด็จพระขินแสน
ที่วัดสีหยัง(สีคูยัง) เมื่ออายุครบอุปสมบท จึงได้เดินทาง ไปศึกษา
ต่อที่เมืองนครศรีธรรมราช ณ สำนักพระมหาเถระปิยทัสสี
ได้ทำการอุปสมบทมีฉายา ว่า “ราโม ธมฺมิโก” แต่คนทั่วไป
เรียกท่านว่า “เจ้าสามีราม” หรือ “เจ้าสามีราโม” ท่านศึกษา
หาความรู้อยู่ที่วัดท่าแพ วัดสีมาเมือง และวัดอื่นอีกหลาย วัดภายใน
เมืองนครศรีธรรมราช จากนั้นจึงโดยสารเรือสำเภามาศึกษาต่อที่กรุง
ศรีอยุธยา พำนัก อยู่ที่วัดแค ศึกษาธรรมะที่วัด ลุมพลีนาวาส ต่อมา
ได้ไปพำนักอยู่ที่วัดของสมเด็จ พระสังฆราช จนเชี่ยวชาญ จึงทูลลา
ไปจำพรรษา ที่วัดราชานุวาส สมเด็จพระเอกาทศรถทรงโปรด
เกล้าฯ แต่งตั้งสมณศักดิ์ให้เป็น “สมเด็จพระราช มุนีสามี
รามคุณูปมาจารย์” เมื่อครั้งสามารถถอด ปริศนาธรรม ที่พระเจ้า
แผ่นดินแห่งเมืองลังกา ส่ง มาท้าประลองดั่งการรบด้วยสติปัญญา
หลังศึกษาและปฏิบัติธรรมอยู่ที่วัดราชานุวาสเป็น เวลาหลายปี
ท่านก็ได้ออกธุองค์โดยมีจุดหมายเพื่อ กลับถิ่นฐานที่ภาคใต้ ระหว่างเส้นทางก็เผยแพร่ ธรรมะไปด้วยในขณะเดียวกัน
ที่ไหนมีผู้เจ็บป่วยก็ ทำการรักษาให้ เมื่อท่านธุดงค์มาถึงวัดพัทธสิงห์ บรรพตพะโคะ ซึ่งมีสภาพเสื่อมโทรมเหมือนวัดร้าง
เนื่องจากถูกข้าศึกทำลาย ท่านกับอาจารย์จวง จึง คิดจะบูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อพระเจ้าแผ่นดินทรง ทราบ ทรงยินดี และ
อนุโมทนา เป็นอย่างยิ่ง โปรดให้ นายช่างผู้ชำนาญ ๕๐๐ คน และทรงพระราชทาน สิ่งของและเงินตรา เพื่อการนี้
เป็นจำนวนมาก ใช้ เวลา ๓ ปี จึงแล้วเสร็จ ประชาชนพร้อมกันถวาย นามท่านว่า “สมเด็จเจ้าพะโคะ” และเรียกชื่อวัด
พัทธสิงห์บรรพตพะโคะว่า “วัดพะโคะ” มาจนบัดนี้ พระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ทรงเป็นผู้ทรงศีล และปัญญา
ญาณอันล้ำเลิศ ไม่ว่าท่านจะไปพำนักอยู่ สถานที่ใด ที่นั่นก็จะเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่ พระพุทธศาสนา ไม่ว่าท่านจะ
จาริกไป ณ ที่ใด ก็จะ มีคนกราบไหว้ฟังธรรม หลักการปฏิบัติของท่านคือ ช่วยเหลือและเผยแพร่ธรรมะ ให้ชาวโลกอยู่ร่วมกัน
อย่างสันติสุข มีความเคารพเลื่อมใสศรัทธา ใน พระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ ตลอดไป


:b42: มีต่อ....


.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร

กำเนิดในสกุล แก่นแก้ว เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๑๓ ที่บ้านคำบง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อ วัยเด็กเป็นผู้มี
สติปัญญาดี ว่านอนสอนง่าย ได้เรียน อักขรสมัยในสำนักของอาคือ เรียนอักษรไทยน้อย อักษรไทย อักษรธรรมและอักษรขอม
อ่าน เขียนได้อย่างรวดเร็ว เพราะมีความทรงจำและขยันหมั่นเพียร
ของการเล่าเรียนศึกษา ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ ๑๕ ปี
ที่วัดบ้าน คำบง แต่เพียง ๒ ปี ท่านก็จำเป็นต้องลาสิกขาเพื่อไปช่วย
การงานทางบ้าน แต่ยังคิดที่จะบวชอยู่เสมอ พออายุได้ ๒๒ ปี
ท่านจึงเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุและได้เข้าฝึก ปฏิบัติธรรม
ในสำนักวิปัสสนา กับท่านพระอาจารย์เสาร์ กันตสีโล พระอาจารย์
ทางวิปัสสนากรรมฐานชื่อดังของ ภาคอีสาน และเข้ามาศึกษา
สดับธรรมเทศนากับ ท่าน เจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปจารย์ (จันทร์
สิริจันโท) แล้วออก แสวงหาวิเวกในถิ่นต่างๆ ทั้งในเขตภาคกลาง
ภาคเหนือ ภาคอีสาน จนได้รับความรู้แจ่มแจ้งในพระธรรมวินัย สิ้น
ความสงสัย และได้นำมาสงเคราะห์ อบรมสั่งสอนสมถ วิปัสสนา
แก่สหธรรมิกและอุบาสกอุบาสิกา มีผู้เลื่อมใส ในธรรมปฏิบัติ
ตามถิ่นต่างๆ ที่พอใจปฏิบัติ ศิษยานุศิษย์ ของท่านได้มีแพร่กระจาย
ไปทั่วทุกภาคของประเทศมาก ขึ้นไปโดยลำดับ ท่านถือธุดงควัตร
๔ ประการอย่างเคร่งครัด คือ
หนึ่ง… ถือนุ่งห่มผ้าบังสุกุล นับแต ่วันอุปสมบทมาตราบจน
กระทั่ง ถึงวัยชรา จึงได้ผ่อนให้คหบดี จีวรบ้าง เพื่ออนุเคราะห์แก่
ผู้ศรัทธานำมาถวาย
สอง… เที่ยวบิณฑบาตมาฉันเป็นนิตย์ แม้อาพาธ ในละแวกบ้าน
ไม่ได้ก็บิณฑบาตในเขตวัด
สาม… ถือฉันในบาตรเป็นนิตย์ สี่…ฉันหนเดียวเป็นนิตย์ แม้ช่วง
อาพาธหนักก็มิได้เลิกละ ส่วนธุดงควัตรข้ออื่นถือปฏิบัติ เป็น
ครั้งคราว หลวงปู่มั่นเป็นพระปฏิบัติที่มีชื่อเสียงและผู้คนศรัทธา
นับถือทั้งประเทศ มีศิษยานุศิษย์ที่เป็นพระเถระ ซึ่งเป็น ที่เคารพของผู้คนอาทิเช่น หลวงปู่ดุลย์ อตฺโล, หลวงปู่ แหวน สุจิณโณ,
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร เป็นต้น ธรรมโอวาท อันเป็นคติที่ท่านกล่าวอยู่บ่อยๆ ที่เป็นหลักวินิจฉัยความดี ที่ทำด้วยกาย วาจา ใจ
แก่ศิษยานุศิษย์คือ ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นนับว่าเลิศ, ได้สมบัติทั้งปวง ไม่ประเสริฐเท่าได้ตน เพราะตัวตน เป็นที่เกิดแห่ง
สมบัติทั้งปวง ฯลฯ


:b44: มีต่อ.....


.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญบรรพต อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย

นามเดิมว่า เหรียญ ใจขาน เกิดเมื่อวันที่ ๘ มกราคม
พ.ศ.๒๔๕๕ ที่ ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เมื่ออายุ
๒๐ ปี ก็มีความปรารถนาจะออกบวช โดย พิจารณาเห็นว่า ชีวิตนี้
เกิดมาแล้ว ทำงานไม่รู้จักจบสิ้น ตายแล้วก็ไม่ได้อะไรติดตัวไป
โลกนี้มีทั้งสุขและทุกข์ แต่ความสุขที่ว่านี้ เป็นความสุขชั่วคราว
ที่ไม่ยั่งยืน มัน เป็นเพียงเหยื่อล่อ ให้คนเราติดอยู่ในทุกเท่านั้น
คนเรา เกิดแล้วก็ต้องตายด้วยกันทุกคน ร่างกายนี้เมื่อจิตละ ไปแล้ว
ก็ต้องแตกสลายออกจากกัน ไม่มีอะไรเป็นชิ้น เป็นอันเลย เมื่อ
พิจารณาดังนี้แล้ว ท่านจึงไปบอกแก่ บิดามารดาเพื่อขอลาออกบวช
เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ท่านก็ได้บวช ในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๗๕
ที่วัดบ้านหงษ์ทอง อ.ท่าบอ จ.หนองคาย โดยมีท่านพระครู
วาปีดิฐวัตร เป็นพระอุปัชฌาย์ บวช แล้วจึงกลับมาอยู่วัดโพธิ์ชัย
ที่บ้านเกิด พร้อมศึกษา ธรรมะปฏิบัติ ในขณะเดียวกัน ก็เผชิญกิเลส
ที่เข้ามา ดังเป็นบททดสอบจิตใจของท่าน จนคิดจะลาลิกขาอยู่
หลายครั้งหลายหน แต่ท่านก็เอาชนะสิ่งเหล่านั้นมาได้ ท่านตั้งใจ
บำเพ็ญเพียงอย่างจริงจัง ไม่นอนกลางวัน เมื่อค่ำลง ก็ทำความ
เพียรจนถึง 4 ทุ่ม จึงจำวัด พอถึง ตี 2 ก็ลุกขึ้นทำ ความเพียรต่อ
จนถึงสว่าง ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่าง
เต็มเปี่ยม ท่านตั้งใจบำเพ็ญเพียรและธุดงค์ไปตาม สถานที่ต่างๆ
ทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน พบ ครูบาอาจารย์ที่ให้คำสั่งสอน
ที่ดีมากมาย ครั้งหนึ่งท่าน มีความปรารถนาจะเดินทางไปพบ
พระ อาจารย์มั่น ภูริทัตโต เพื่อฟังธรรมโอวาทจาก ท่านพระอาจารย์มั่น เมื่อได้ฟังคำสั่งสอนของพระอาจารย์มั่นแล้ว ยิ่งเกิด ความศรัทธาเลื่อมใสอย่างแรงกล้า จึงได้ออกติดตาม ธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือกับพระอาจารย์เป็นเวลานาน ในขณะเดียวกันนั้นก็ได้พบกับครูบาอาจารย์หลายท่าน เช่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่ชอบ หลวงปู่สิม ฯลฯ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ได้ละ สังขารไป
เมื่อวันที่ ๕ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๘ เมื่ออายุ ได้ ๙๓ ปี

:b40: มีต่อ...

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2010, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

รูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียงทั้ง ๕ ภาคในประเทศไทย
จัดแสดงคล้ายกับว่าพระมหาเถระทั้ง ๕ รูป มาทำการประชุมสงฆ์พร้อมกัน
ประดิษฐาน ณ หอสวดมนต์ อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี


จากซ้าย : หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ วัดธาตุมหาชัย จ.นครพนม
หลวงปู่ทิม อิสริโก (พระครูภาวนาภิรัต) วัดละหารไร่ จ.ระยอง
หลวงพ่อเงิน พุทฺธโชติ วัดบางคลาน (วัดหิรัญญาราม) จ.พิจิตร
หลวงพ่อทองคำ (พระครูเมตตาวิหารคุณ) วัดบึงบาประภาสะวัต จ.ปทุมธานี
หลวงปู่สุภา กันตสีโล (พระมงคลวิสุทธิ์) วัดสีลสุภาราม จ.ภูเก็ต

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 15:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


smiley ขออนุโมทนาสาุธุการด้วยค่ะ ท่านแม่มดน้อย :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณBwitch :b39:

:b48: ธรรมรักษาค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 16:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


สาธุๆ :b8:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2010, 19:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2010, 19:32
โพสต์: 1

โฮมเพจ: http://www.andaman-amulet.com/
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอบคุณข้อมูลครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร