วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2009, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




100_5491_resize.JPG
100_5491_resize.JPG [ 49.99 KiB | เปิดดู 3730 ครั้ง ]
tongue
ความรู้พื้นฐานที่ชาวพุทธทุกคนพึงรู้ เพื่อจะทำให้เข้าใจพุทธศาสนายิ่งขึ้น

เห็น ความแตกต่างระหว่างพุทธศาสนา กับ ศาสนาอื่นๆในโลก ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพื่อจะได้ทำความเป็นชาวพุทธของตนให้สมบูรณ์ เป็นชาวพุทธที่แท้จริงถูกต้อง สมบูรณ์

เมื่อทำตนให้เป็นชาวพุทธแท้ได้แล้ว ย่อมหวังได้ที่จะถึงนิพพานอันเป็นบรมสุข

เรื่องแรกที่พึงรู้คือความยาก ๕ อย่าง

ยาก ๕ อย่าง

๑.การเกิดมีพระพุทธเจ้าขึ้นมาในโลก โลกใบนี้จะมีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นมาทั้งหมด ๕ พระองค์ เกิดมาแล้ว ๔ พระองค์ คือพระพุทธเจ้า กกุสันโธ โกนาคมโน กัสสัปโป
โคตโม ยังคงเหลืออีก ๑ พระองค์คือ พระศรีอริยเมตตัยพุทธเจ้า โลกบางใบมีพระพุทธเจ้าเพียงองค์เดียว บางใบก็ไม่มีพระพุทธเจ้าเกิดขึ้นเลย เป็นโลกมืด

๒.การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ผู้ที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ต้องเป็นจิตวิญญาณที่ได้รักษาศีล ๕ ไว้ดีในอดีตชาติ

๓.เกิดเป็นมนุษย์แล้วได้พบพระพุทธศาสนา คือมีโอกาสที่จะได้ฟังข้อธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๔.พบพระพุทธศาสนาแล้วมีโอกาสได้ฟังข้อธรรม คำสอนอันถูกต้องของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๕.ฟังข้อธรรมคำสอนอันถูกต้องของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วสามารถ เข้าใจนำไปปฏิบัติจริง จนสามารถพาตนเองเข้าถึง มรรค ผล นิพพาน ที่สงบเย็นได้

:b8:

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2009, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




5 เส้น.jpg
5 เส้น.jpg [ 81.31 KiB | เปิดดู 3729 ครั้ง ]
tongue
เรื่องที่ ๒ ที่ชาวพุทธพึงต้องรู้ คือทางเดินของสัตว์โลก ๕ เส้น ดังภาพและคำอธิบายต่อไปนี้

***********ทางเดินของสัตว์โลก


สัตว์โลก มาจากคำว่า สัตต + อาวาส + โลกิยะ แปลว่า ผู้เวียนว่ายอยู่ในโลกทั้ง 7 โลกทั้ง 7 นี้คือ

1.นรก

2.เปรต

3.อสุรกาย

4.สัตว์เดรัจฉาน

5.มนุษย์

6.เทวดา

7 .พรหม


โลกทั้ง 7 นี้ยังแบ่งย่อยออกเป็น 3 ภพใหญ่ 31 ภูมิย่อย อันได้แก่

ก. กามภพ โลกแห่งการเสพกาม คือความน่ายินดีทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แบ่งออกได้ 11 ภูมิคือ

1.อบายภูมิ 4 แห่ง เรียงลำดับขึ้นมาได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน อายุไม่แน่นอน

2. มนุษย์ภูมิ 1 แห่ง อายุยืน 70 – 100 ปี

3. เทวดาภูมิ 6 แห่ง ได้แก่สวรรค์ 6 ชั้น เรียงลำดับขึ้นไปได้แก่

3.1 จาตุมหาราชิกา อายุยืน 500 ปีสวรรค์ เท่ากับ 9 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.2 ตาวติงสา อายุ 1,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 36 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.3 ยามา อายุ 2,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 144 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.4 ดุสิตา อายุ 4,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 576 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.5 นิมมานรตี อายุ 8,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 2,304 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.6 ปรนิมมิตวสวัตตี อายุ 16,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 9,216 ล้านปีเมืองมนุษย์


ข.รูปภพ ได้แก่รูปพรหม 16 ชั้น เรียงขึ้นไปตามลำดับ

1.ปาริสัชชา อายุ 21 อันตรกัปเศษ

2.ปุโรหิตา อายุ 32 อันตรกัป

3.มหาพรหม อายุ 1 มหากัป

4.ปริตตาภา อายุ 2 มหากัป

5.อัปมาณา อายุ 4 มหากัป

6.อาภัสรา อายุ 8 มหากัป

7.ปริตตสุภา อายุ 16 มหากัป

8.อัปมาณสุภา อายุ 32 มหากัป

9.สุภกิณหา อายุ 64 มหากัป

10.เวหัปผลา อายุ 500 มหากัป

11.อสัญญสัตตา อายุ 500 มหากัป



สูงขึ้นจากนี้ไปเป็นอริยภูมิพรหม มี 5 ชั้น รวมเรียกว่าสุทธาวาสพรหม

12.อวิหา อายุ 1,000 มหากัป

13.อตัปปา อายุ 2,000 มหากัป

14.สุทัสสา อายุ 4,000 มหากัป

15.สุทัสสี อายุ 8,000 มหากัป

16.อกนิฏฐา อายุ 16,000 มหากัป



ค.อรูปภพ ได้แก่อรูปพรหม 4 ชั้น เรียงขึ้นไปตามลำดับ

1.อากาสานัญจายตน อายุ 20,000 มหากัป

2.วิญญานัญจายตน อายุ 40,000 มหากัป

3.อากิญจัญญายตน อายุ 60,000 มหากัป

4.เนวสัญญานาสัญญายตน อายุ 84,000 มหากัป หมายเหตุ : ที่มาของข้อมูล แผนภูมิบรรยายวัฏสงสาร 31 ภูมิ ของวัดชนะสงคราม



ที่ แสดงมาข้างต้นทั้งหมดนั้นคือทางเดินเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร มี 4 เส้นทางเปรียบเหมือนนิ้วก้อย นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วชี้ ของมือที่แสดงไว้ในรูป ซึ่งได้แสดงเหตุและผลของการที่จะเวียนว่ายไปสู่ภพภูมิต่างๆ



ทาง เดินเส้นที่ 5 ซึ่งอุปมาเปรียบเทียบไว้เป็นหัวแม่มือ ลองแบมือกางนิ้วออกให้กว้างเต็มที่แล้วเหยียดตรงออกไปข้างหน้าให้สันมือตั้ง ขนานกับพื้น ดูซิว่า นิ้วหัวแม่มือชี้ไปในทิศทางใด ชี้ตั้งเด่ขึ้นไปสู่เบื้องบนใช่หรือไม่ ทางนี้ มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกจึงจะมีผู้ชี้บอกวิธีเดินบนทางสายนี้ได้ เพราะเหตุเจริญวิปัสสนาภาวนา ผลจึงเข้าถึงนิพพานอันสุขเย็น ดับกิเลสหมดสิ้นเชิง สิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิดใน
วัฏสงสาร



ท่าน ทั้งหลาย ปัจจุบันนี้กำลังเดินอยู่บนทางสายใด เมื่อศึกษาเรื่องนี้แล้วจงพิจารณาเปรียบเทียบเอาจากความหมายของนิ้ว 5 นิ้วดังแสดงไว้แล้วนี้ เมื่อไรถ้าท่านเดินบนทางเส้นนิ้วหัวแม่มือได้แล้วคือเส้นทางแห่ง “วิปัสสนาภาวนา”

เมื่อนั้นท่านก็ได้เดิน ตามรอยบาทรอยเท้าของพระพุทธเจ้า และพระอริยสาวกเจ้าทั้งหลาย ทำได้อย่างนี้แล้วจึงจะควรค่าแก่การเรียกตัวเองว่า “ชาวพุทธ” และจักเป็นการสะสมเหตุไปสู่ความเป็น “อริยะ” ได้ในอนาคตอันใกล้นี้

หาก ยังเดินบนเส้นทางสายอื่นอยู่ ก็ยังจะมีค่าตัว เป็นเพียงแค่ปุถุชน หรือกัลยาณชน คนดี แต่ยังไม่อาจเรียกตนว่าชาวพุทธหรือ พุทธสาวกได

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2009, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




5 จำพวก_resize.jpg
5 จำพวก_resize.jpg [ 101.89 KiB | เปิดดู 3722 ครั้ง ]
cool
ความรู้พื้นฐานเรื่องที่ 3 สำหรับผู้ต้องการให้ถึงความเป็นชาวพุทธแท้ก็คือ เรื่องของบุคคล 5 จำพวก ดังภาพและรายละเอียดที่แสดง
tongue

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนาสาธุด้วยครับท่านอโศกะ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ธ.ค. 2009, 08:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




_resize.jpg
_resize.jpg [ 100.55 KiB | เปิดดู 3645 ครั้ง ]
cool
วันนี้ได้นำแผ่นภาพอีกภาพหนึ่งมาให้กัลยาณมิตรทั้งหลายได้ลองพิจารณาเพิ่มเติม ภาพแผ่นนี้ จะทำให้เรารู้ว่า เรามาจากไหนและจะไปสู่ที่ใด ใครตีความหมายได้ เข้าใจดี จะสามารถทำตัวเป็นหมอดู ทำนายอดีต อนาคตของตนเองได้ จากการนำความรู้นี้ไปประยุกต์ใช้ จะทำอย่างไร ก็ให้มีความสงสัย อยากรู้ มาซักถาม สนทนากันนะครับ

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2010, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 20:54
โพสต์: 282


 ข้อมูลส่วนตัว




f17.jpg
f17.jpg [ 23.27 KiB | เปิดดู 3563 ครั้ง ]
tongue
กรรมเหตุในอดีต ส่งเป็น วิบาก หรือกรรมผลในปัจจุบัน

กรรมเหตุปัจจุบัน ส่งเป็น วิบาก หรือกรรมผลในอนาคต

กรรมเหตุในอดีต นอกจากส่งเป็น วิบาก หรือกรรมผลในปัจจุบันแล้ว ยังมีอิทธิพลเป็นตัวบงการกรรมเหตุในปัจจุบันอีกด้วย

ดังเช่นผู้มีนิสัยมักโกรธ จะกระทำการใดก็มักจะมีความโกรธปนด้วยเสมอ จึงหนักและดิ่งจมลงในความโกรธยิ่งๆขึ้นไป จนบางท่านเรียกว่า ผู้มีโทสะจริต หรือผู้มีความโกรธเป็นเจ้าเรือน

โลภ หลง ราคะ ฯลฯ ก็ทำนองเดียวกัน

:b8:
smiley

.....................................................
เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2010, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สัตว์โลก มาจากคำว่า สัตต + อาวาส + โลกิยะ แปลว่า ผู้เวียนว่ายอยู่ในโลกทั้ง 7 โลกทั้ง 7 นี้คือ

1.นรก

2.เปรต

3.อสุรกาย

4.สัตว์เดรัจฉาน

5.มนุษย์

6.เทวดา

7 .พรหม


โลกทั้ง 7 นี้ยังแบ่งย่อยออกเป็น 3 ภพใหญ่ 31 ภูมิย่อย อันได้แก่

ก. กามภพ โลกแห่งการเสพกาม คือความน่ายินดีทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แบ่งออกได้ 11 ภูมิคือ

1.อบายภูมิ 4 แห่ง เรียงลำดับขึ้นมาได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน อายุไม่แน่นอน

2. มนุษย์ภูมิ 1 แห่ง อายุยืน 70 – 100 ปี

3. เทวดาภูมิ 6 แห่ง ได้แก่สวรรค์ 6 ชั้น เรียงลำดับขึ้นไปได้แก่

3.1 จาตุมหาราชิกา อายุยืน 500 ปีสวรรค์ เท่ากับ 9 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.2 ตาวติงสา อายุ 1,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 36 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.3 ยามา อายุ 2,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 144 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.4 ดุสิตา อายุ 4,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 576 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.5 นิมมานรตี อายุ 8,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 2,304 ล้านปีเมืองมนุษย์

3.6 ปรนิมมิตวสวัตตี อายุ 16,000 ปีสวรรค์ เท่ากับ 9,216 ล้านปีเมืองมนุษย์


ข.รูปภพ ได้แก่รูปพรหม 16 ชั้น เรียงขึ้นไปตามลำดับ

1.ปาริสัชชา อายุ 21 อันตรกัปเศษ

2.ปุโรหิตา อายุ 32 อันตรกัป

3.มหาพรหม อายุ 1 มหากัป

4.ปริตตาภา อายุ 2 มหากัป

5.อัปมาณา อายุ 4 มหากัป

6.อาภัสรา อายุ 8 มหากัป

7.ปริตตสุภา อายุ 16 มหากัป

8.อัปมาณสุภา อายุ 32 มหากัป

9.สุภกิณหา อายุ 64 มหากัป

10.เวหัปผลา อายุ 500 มหากัป

11.อสัญญสัตตา อายุ 500 มหากัป



สูงขึ้นจากนี้ไปเป็นอริยภูมิพรหม มี 5 ชั้น รวมเรียกว่าสุทธาวาสพรหม

12.อวิหา อายุ 1,000 มหากัป

13.อตัปปา อายุ 2,000 มหากัป

14.สุทัสสา อายุ 4,000 มหากัป

15.สุทัสสี อายุ 8,000 มหากัป

16.อกนิฏฐา อายุ 16,000 มหากัป



ค.อรูปภพ ได้แก่อรูปพรหม 4 ชั้น เรียงขึ้นไปตามลำดับ

1.อากาสานัญจายตน อายุ 20,000 มหากัป

2.วิญญานัญจายตน อายุ 40,000 มหากัป

3.อากิญจัญญายตน อายุ 60,000 มหากัป

4.เนวสัญญานาสัญญายตน อายุ 84,000 มหากัป หมายเหตุ : ที่มาของข้อมูล แผนภูมิบรรยายวัฏสงสาร 31 ภูมิ ของวัดชนะสงคราม



ที่ แสดงมาข้างต้นทั้งหมดนั้นคือทางเดินเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร มี 4 เส้นทางเปรียบเหมือนนิ้วก้อย นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วชี้ ของมือที่แสดงไว้ในรูป ซึ่งได้แสดงเหตุและผลของการที่จะเวียนว่ายไปสู่ภพภูมิต่างๆ



ทาง เดินเส้นที่ 5 ซึ่งอุปมาเปรียบเทียบไว้เป็นหัวแม่มือ ลองแบมือกางนิ้วออกให้กว้างเต็มที่แล้วเหยียดตรงออกไปข้างหน้าให้สันมือตั้ง ขนานกับพื้น ดูซิว่า นิ้วหัวแม่มือชี้ไปในทิศทางใด ชี้ตั้งเด่ขึ้นไปสู่เบื้องบนใช่หรือไม่ ทางนี้ มีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกจึงจะมีผู้ชี้บอกวิธีเดินบนทางสายนี้ได้ เพราะเหตุเจริญวิปัสสนาภาวนา ผลจึงเข้าถึงนิพพานอันสุขเย็น ดับกิเลสหมดสิ้นเชิง สิ้นสุดความเวียนว่ายตายเกิดใน
วัฏสงสาร



ท่าน ทั้งหลาย ปัจจุบันนี้กำลังเดินอยู่บนทางสายใด เมื่อศึกษาเรื่องนี้แล้วจงพิจารณาเปรียบเทียบเอาจากความหมายของนิ้ว 5 นิ้วดังแสดงไว้แล้วนี้ เมื่อไรถ้าท่านเดินบนทางเส้นนิ้วหัวแม่มือได้แล้วคือเส้นทางแห่ง “วิปัสสนาภาวนา”

เมื่อนั้นท่านก็ได้เดิน ตามรอยบาทรอยเท้าของพระพุทธเจ้า และพระอริยสาวกเจ้าทั้งหลาย ทำได้อย่างนี้แล้วจึงจะควรค่าแก่การเรียกตัวเองว่า “ชาวพุทธ” และจักเป็นการสะสมเหตุไปสู่ความเป็น “อริยะ” ได้ในอนาคตอันใกล้นี้

หาก ยังเดินบนเส้นทางสายอื่นอยู่ ก็ยังจะมีค่าตัว เป็นเพียงแค่ปุถุชน หรือกัลยาณชน คนดี แต่ยังไม่อาจเรียกตนว่าชาวพุทธหรือ พุทธสาวกได


:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร