วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 15:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำนำ
พระพุทธวจนะ คือ พระไตรปิฎก รวามเป็นศาสนาธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจัดเป็นองค์ 9 คือ
สุตตะ ได้แก่อุภโตววิภังค์ ขันธกะ ปริวาร พระสูตรต่าง ๆ มีมงคลสุตรเป็นต้น
เคยยะ คือพระสูตรที่ประกอบไปด้วยคาถาทั้งหมด
เวยยากรณะ คือ พระอภิธรรมปิฎกทั้งหมด พระสูตรที่ไม่มีคาถา และพุทธวจนะที่ไม่ได้จัดเข้าใน องค์ 8 ได้ชื่อว่าเวยยากรณะทั้งหมด
คาถา คือพระธรรมบท เถรคาถา และคาถาล้วน ๆ ที่ไม่มีชื่อว่าสูตรในสุตตนิบาต
อุทาน คือ พระสูตร 82 สูตร ที่พระพุทธเจ้าทรงเปล่งด้วยโสมนัสญาน
อิติวุตตกะ คือ พระสูตร 100 สูตร ที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า ข้อนี้สมจริงดังคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้
ชาดก เป็นการแสดงเรื่องในอดีตชาติของพระพุทธเจ้า มีอปัณณกชาดกเป็นต้น มีทั้งหมด 550
อัพภูตธรรม คือ พระสูตรที่ปฏิสังยุตด้วยอัจฉริยอัพภูตธรรมทั้งหมด
เวทัลละ คือ ระเบียบคำที่ผู้ถามได้ความรู้แจ้งและความยินดี แล้วถามต่อ ๆ ขึ้นไปดัง จุฬเวทัลลสูตร สัมมาทิฎฐิสูตร และสักกปัญหสูตร เป็นต้น
พระพุทธวจนะเหล่านี้โดยสภาพแห่งธรรมแล้วเป็น สัจธรรมที่ทรงแสดงว่า เป็นธรรมที่ลึกซึ้งรู้ได้ยาก รู้ตามเห็นตามได้ยาก สงบประณีต ไม่อาจจะรู้ได้ด้วยการตรึก ละเอียด เป็นธรรมอันบัณฑิตจะรู้ได้ เพราะสภาวะแห่งธรรมมีลักษณะดังกล่าว จึงจำต้องชี้แจงให้เกิดความเข้าใจทั้งโดยอรรถะ และพยัญชนะเพื่อได้สามารถหยั่งรู้ธรรมทั้งหลายตามความเป็นจริงในเรื่องนั้น ๆ
เนื่องจากพื้นเพอัธยาศัยของคนแตกต่างกันในด้านต่าง ๆ ซึ่งทรงอุปมาไว้เหมือนดอกบัว 4 เหล่า พระพุทธเจ้าจึงทรงมีวิธีในการแสดงธรรม ตามอาการสอนธรรมของพระองค์ 3 ประการคือ
1. ทรงสอนให้ผู้ฟังรู้ยิ่งเห็นจริงในสิ่งที่ควรรู้ควรเห็น
2. ทรงแสดงธรรมมีเหตุที่ผู้ฟังอาจตรองตามให้เห็นจริงได้
3. ทรงแสดงธรรมเป็นอัศจรรย์ คือ ผู้ปฏิบัติตามจะได้รับประโยชน์ตามสมควรแก่การประพฤติปฏิบัติ

แต่เพราะพระพุทธเจ้าทรงประกอบด้วยปาฏิหาริย์ ทรงฉลาดในโวหารเพราะทรงเป็นเจ้าแห่งธรรม ก่อนจะทรงแสดงธรรมแก่ใคร ทรงตรวจสอบภูมิหลังด้านต่าง ๆ ของคนเหล่านั้นด้วยพระญานแล้ว ผลจากการฟังในพุทธสำนักจึงไม่มีปัญหาว่า คนฟังจะไม่เข้าใจ ผลจาการฟังธรรมสมัยพุทธกาลจึงมีความอัศจรรย์
หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ทรงตั้ง พระธรรมวินัยไว้เป็นศาสดาแทนพระองค์ ธรรมที่ทรงแสดงไว้ยังเป็นเช่นเดิม แต่ระดับปัญญา บารมี ความสนใจในธรรมของคนเปลี่ยนแปลงไปทำให้การตีความพระธรรมวินัยตามความเข้าใจของตนเองเกิดขึ้น จนทำให้สูญเสียความเสมอกันในด้านศีลและทิฐิ ครั้งแล้วครั้งเล่า บางสมัยเกิดแตกแยกกันเป็นนิกายต่าง ๆ ถึง 18 นิกาย
พระอรรถกถาจารย์ผู้ทราบพุทธาธิบาย ทั้งโดยอรรถะและพยัญชนะแห่งพระพุทธวจนะ เพราะการศึกษาจำต้องสืบต่อกันมาตามลำดับ มีฉันนะอุตสาหะอย่างสูงมาก ได้อรรถาธิบายพระพุทธวจนะ ในพระไตรปิฎก ส่วนที่ยากแก่การเข้าใจ ให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับผู้ศึกษาและปฏิบัติ ความสำคัญแห่งคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาจึงมีลดหลั่นกันลงมาคือ
1.พระสุตร คือ พระพุทธวจนะที่เรียกว่า พระไตรปิฎกทั้งพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก
2.สุตตานุโลม คือพระคัมภีร์ที่พระอรรถกถาจารย์รจนาขึ้น อธิบายข้อความที่ยากในพระไตรปิฎก
3.อาจริยาวาท คือ วาทะของอาจารย์ต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นฎีกาอนุฎีกา และบุรพาจารย์ในรุ่นหลัง
4.อัตโนมติ คือความคิดเห็นของผู้พูด ผู้แสดงธรรมในพระพุทธศาสนา
ในกาลต่อมา มีการอธิบายธรรมประเภทอาจริยวาทคือ ถือตามที่อาจารย์ของตนสอนไว้ กับอัตโนมติ ว่าไปตามมติของตนกันมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะคัมภีร์พระพุทธศาสนาที่เป็นหลักสำคัญ คือพระไตรปิฎก และอรรถกถามีไม่แพร่หลาย อรรถกถาส่วนมายังเป็นภาษาบาลี คนมีฉันทะในภาษาบาลีน้อยลง สำนวนภาษาบาลีที่แปลออกมาแล้วยากต่อการทำความเข้าใจของคนที่ไม่ได้ศึกษามาก่อน ขาดกัลยาณมิตรที่เป็นสัตบุรุษในพระพุทธศาสนาเป็นต้น
แต่เพราะพระพุทธเจ้าทรงประกอบด้วยปาฏิหาริย์ ทรงฉลาดในโวหารเพราะทรงเป็นเจ้าแห่งธรรม ก่อนจะทรงแสดงธรรมแก่ใคร ทรงตรวจสอบภูมิหลังด้านต่าง ๆ ของคนเหล่านั้นด้วยพระญานแล้ว ผลจากการฟังในพุทธสำนักจึงไม่มีปัญหาว่า คนฟังจะไม่เข้าใจ ผลจาการฟังธรรมสมัยพุทธกาลจึงมีความอัศจรรย์
หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ทรงตั้ง พระธรรมวินัยไว้เป็นศาสดาแทนพระองค์ ธรรมที่ทรงแสดงไว้ยังเป็นเช่นเดิม แต่ระดับปัญญา บารมี ความสนใจในธรรมของคนเปลี่ยนแปลงไปทำให้การตีความพระธรรมวินัยตามความเข้าใจของตนเองเกิดขึ้น จนทำให้สูญเสียความเสมอกันในด้านศีลและทิฐิ ครั้งแล้วครั้งเล่า บางสมัยเกิดแตกแยกกันเป็นนิกายต่าง ๆ ถึง 18 นิกาย
พระอรรถกถาจารย์ผู้ทราบพุทธาธิบาย ทั้งโดยอรรถะและพยัญชนะแห่งพระพุทธวจนะ เพราะการศึกษาจำต้องสืบต่อกันมาตามลำดับ มีฉันนะอุตสาหะอย่างสูงมาก ได้อรรถาธิบายพระพุทธวจนะ ในพระไตรปิฎก ส่วนที่ยากแก่การเข้าใจ ให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับผู้ศึกษาและปฏิบัติ ความสำคัญแห่งคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาจึงมีลดหลั่นกันลงมาคือ
1.พระสุตร คือ พระพุทธวจนะที่เรียกว่า พระไตรปิฎกทั้งพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก
2.สุตตานุโลม คือพระคัมภีร์ที่พระอรรถกถาจารย์รจนาขึ้น อธิบายข้อความที่ยากในพระไตรปิฎก
3.อาจริยาวาท คือ วาทะของอาจารย์ต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นฎีกาอนุฎีกา และบุรพาจารย์ในรุ่นหลัง
4.อัตโนมติ คือความคิดเห็นของผู้พูด ผู้แสดงธรรมในพระพุทธศาสนา
ในกาลต่อมา มีการอธิบายธรรมประเภทอาจริยวาทคือ ถือตามที่อาจารย์ของตนสอนไว้ กับอัตโนมติ ว่าไปตามมติของตนกันมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะคัมภีร์พระพุทธศาสนาที่เป็นหลักสำคัญ คือพระไตรปิฎก และอรรถกถามีไม่แพร่หลาย อรรถกถาส่วนมายังเป็นภาษาบาลี คนมีฉันทะในภาษาบาลีน้อยลง สำนวนภาษาบาลีที่แปลออกมาแล้วยากต่อการทำความเข้าใจของคนที่ไม่ได้ศึกษามาก่อน ขาดกัลยาณมิตรที่เป็นสัตบุรุษในพระพุทธศาสนาเป็นต้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่เพราะพระพุทธเจ้าทรงประกอบด้วยปาฏิหาริย์ ทรงฉลาดในโวหารเพราะทรงเป็นเจ้าแห่งธรรม ก่อนจะทรงแสดงธรรมแก่ใคร ทรงตรวจสอบภูมิหลังด้านต่าง ๆ ของคนเหล่านั้นด้วยพระญานแล้ว ผลจากการฟังในพุทธสำนักจึงไม่มีปัญหาว่า คนฟังจะไม่เข้าใจ ผลจาการฟังธรรมสมัยพุทธกาลจึงมีความอัศจรรย์
หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ทรงตั้ง พระธรรมวินัยไว้เป็นศาสดาแทนพระองค์ ธรรมที่ทรงแสดงไว้ยังเป็นเช่นเดิม แต่ระดับปัญญา บารมี ความสนใจในธรรมของคนเปลี่ยนแปลงไปทำให้การตีความพระธรรมวินัยตามความเข้าใจของตนเองเกิดขึ้น จนทำให้สูญเสียความเสมอกันในด้านศีลและทิฐิ ครั้งแล้วครั้งเล่า บางสมัยเกิดแตกแยกกันเป็นนิกายต่าง ๆ ถึง 18 นิกาย
พระอรรถกถาจารย์ผู้ทราบพุทธาธิบาย ทั้งโดยอรรถะและพยัญชนะแห่งพระพุทธวจนะ เพราะการศึกษาจำต้องสืบต่อกันมาตามลำดับ มีฉันนะอุตสาหะอย่างสูงมาก ได้อรรถาธิบายพระพุทธวจนะ ในพระไตรปิฎก ส่วนที่ยากแก่การเข้าใจ ให้เกิดความเข้าใจง่ายขึ้นสำหรับผู้ศึกษาและปฏิบัติ ความสำคัญแห่งคัมภีร์ในพระพุทธศาสนาจึงมีลดหลั่นกันลงมาคือ
1.พระสุตร คือ พระพุทธวจนะที่เรียกว่า พระไตรปิฎกทั้งพระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก และพระอภิธรรมปิฎก
2.สุตตานุโลม คือพระคัมภีร์ที่พระอรรถกถาจารย์รจนาขึ้น อธิบายข้อความที่ยากในพระไตรปิฎก
3.อาจริยาวาท คือ วาทะของอาจารย์ต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นฎีกาอนุฎีกา และบุรพาจารย์ในรุ่นหลัง
4.อัตโนมติ คือความคิดเห็นของผู้พูด ผู้แสดงธรรมในพระพุทธศาสนา
ในกาลต่อมา มีการอธิบายธรรมประเภทอาจริยวาทคือ ถือตามที่อาจารย์ของตนสอนไว้ กับอัตโนมติ ว่าไปตามมติของตนกันมากขึ้น ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะคัมภีร์พระพุทธศาสนาที่เป็นหลักสำคัญ คือพระไตรปิฎก และอรรถกถามีไม่แพร่หลาย อรรถกถาส่วนมายังเป็นภาษาบาลี คนมีฉันทะในภาษาบาลีน้อยลง สำนวนภาษาบาลีที่แปลออกมาแล้วยากต่อการทำความเข้าใจของคนที่ไม่ได้ศึกษามาก่อน ขาดกัลยาณมิตรที่เป็นสัตบุรุษในพระพุทธศาสนาเป็นต้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การอธิบายธรรมที่เป็นผลจากการตรัสรู้ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นอันตรายมาเพราะโอกาสที่จะเข้าใจผิด พูดผิด ปฏิบัติผิดมีได้ง่าย พระไตรปิฎกเป็นเหมือนรัฐธรรมนูญ กฎหมายทั่วไปจะขัดแย้งกับกฎหมายไม่ได้ฉันใด การอธิบายธรรมขัดแย้งกับพระไตรปิฎกพุทธศาสนาสนิกชนที่ดีย่อมถือว่าทำไม่ได้เช่นเดียวกันฉันนั้น
เพื่อให้พระพุทธวจนะอันปรากฎในพระไตรปิฎก แพร่หลายออกมาในรูปภาษาไทย และให้เกิดความรู้ความเข้าใจพระพุทธศาสนา ตรงตามหลักที่ปรากฎในพระไตรปิฎก และที่พระอรรถกถาจารรย์อธิบายไว้ จะได้เกิดทิฏฐิสามัญญตา ความเสมอกันในด้านทิฐิ และสีลสามัญญตา ความเสมอกันในด้านศีล ของชาวพุทธทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์ มหามกุฎราชวิทยาลัยจึงได้จัดให้มีการแปลพระไตรปิฎกและอรรถกถาขึ้น โดยมีหลักการในการดำเนินงานดังต่อไปนี้คือ
1.นำเอาพระสูตรและอรรถกถาแห่งพระสูตรนั้น ๆ มาพิมพ์เชื่อมต่อกันไป เพื่อช่วยให้ท่านที่ไม่เข้าใจข้อความในพระสูตร สามารถหาคำตอบได้จากอรรถกถาในเล่มเดียวกัน
2.เนื่องจากพระวินัยปิฎกเป็นเรื่องของพระภิกษุสามเณร โดยเฉพาะ อรรถกถาพระวินัยได้แปลกันมากแล้ว พระอภิธรรมปิฎกก็ได้แปลแพร่หลายแล้วพร้อมทั้งอรรถกถา แต่มีการศึกษากันในวงจำกัด การทำงานในคราวแรกจึงเริ่มที่พระสุตตันตปิฎก โดยเรียงตามลำดับนิกาย
3.ในการแปลนั้นกำหนดให้ข้อความเป็นภาษาไทยมากที่สุด ในขณะเดียวกันต้องมองเห็นศัพท์ภาษาบาลีด้วย เพื่อช่วยให้คนที่ไม่ศึกษาภาษาบาลีอ่านเข้าใจ และนักศึกษาภาษาบาลีได้หลักในการสอบทานเทียบเคียง
4.คณะกรรมการผู้ทำงานได้คัดเลือกท่านที่มีความชำนิชำนาญในภาษาบาลี มีความรักงาน มีความเสียสละ พร้อมที่จะทำงานเพื่อเป็นพุทธบูชา
5.ผลงานที่จะพิมพ์ขึ้นมาตามลำดับนั้น พยายามหาผู้ใจบุญช่วยเสียสละรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการพิมพ์แต่ละเล่ม เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วจัดจำหน่ายด้วยราคาเกินทุนที่ใช้พิมพ์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อให้ผู้มีความสนใจทั่ว ๆ ไป สามารถซื้อหาไปอ่านได้
งานเหล่านี้จะดำเนินไปโดยลำดับ ตามกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธาของท่านที่เห็นผลประโยชน์จากงานนี้จะให้การสนับสนุน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มหามกุฎราชวิทยาลัยหวังว่า งานแปลพระไตรปิฎก อรรถกถา และปริวรรคอรรถกถาแต่ละเล่มคงอำนวยประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนา พระภิกษุ สามเณร ท่านพุทธศาสนิกชนผู้สนใจในหลักธรรมและคงเป็นถาวรกรรมอันอำนวยประโยชน์ได้นานแสนนาน
งานในคราวแรกนี้ อาจจะมีความผิดพลาดบกพร่องอยู่บ้าง ซึ่งหวังว่าคงได้รับความเมตตากรุณาชี้แนะจากท่านผู้รู้ทั้งหลาย เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปในโอกาสต่อไป
มหามกุฎราชวิทยาลัย ต้องการให้พระคัมภีร์เล่มนี้ เป็นอนุสรณ์เนื่องในวโรกาสครบ 200 ปี แห่งราชวงศ์จักรีกรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย
ขออานุภาพแห่งพระรัตนตรัย ได้ดลบันดาลให้ท่านผู้สนับสนุนในการแปล ปริวรรตให้ทุนพิมพ์และจัดซื้อพระคัมภีร์แปลเล่มนี้ และเล่มอื่น ๆ จงประสบความเจริญในธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกาศไว้ดีแล้วโดยทั่วกัน

มหามกุฎราชวิทยาลัย
2527

ขอเชิญท่านนักปราชญ์ ที่มักกล่าวว่าตัวหนังสืออ้างไม่ได้....หรือใช้ไม่ได้โปรดอ่านให้เข้าใจ....พระไตรปิฎกเป็นตำราศาสนาพุทธโดยแท้....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 20:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




bg_head.gif
bg_head.gif [ 46.82 KiB | เปิดดู 3743 ครั้ง ]
คุณไม่สายเกินไป เชียวชาญพระไตรปิฎก ช่วยดูข้อเขียนของคุณ Supareak Mulpong

สองลิงค์นี้ทีขอรับ มีข้อความใดไม่ตรงพระไตรปิฎกฉบับที่คุณอ่านมาบ้าง :b16:


การเจริญสติปัญญาที่ถูกต้อง….

viewtopic.php?f=2&t=24098


ไตรสิกขาในพระไตรปิฎก….

viewtopic.php?f=2&t=24099

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.ค. 2009, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ.... เล่มของมกุฎฯ รู้สึกว่าพระรับเงินใน กทม คัดกรองทั้งนั้นเลย
ตรวจต้นฉบับเองด้วย เข้าประชุมเรื่องหารายได้มาจัดทำด้วย
แล้วทำไงดีหนอ.... :b12: :b12:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2009, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เอ.... เล่มของมกุฎฯ รู้สึกว่าพระรับเงินใน กทม คัดกรองทั้งนั้นเลย
ตรวจต้นฉบับเองด้วย เข้าประชุมเรื่องหารายได้มาจัดทำด้วย
แล้วทำไงดีหนอ....


อันนี้แหละท่านกามฯ พูดถูกใจ....ไปถามให้หน่อยซี......ไปถามว่าท่าน....เขียนมาเพื่อให้คนเชื่อเล่น ๆ เหรอ....ก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ.. :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2009, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




oba41.gif
oba41.gif [ 18.27 KiB | เปิดดู 3683 ครั้ง ]
ไม่สายเกินไป เขียน:
อ้างคำพูด:
เอ.... เล่มของมกุฎฯ รู้สึกว่าพระรับเงินใน กทม คัดกรองทั้งนั้นเลย
ตรวจต้นฉบับเองด้วย เข้าประชุมเรื่องหารายได้มาจัดทำด้วย
แล้วทำไงดีหนอ....


อันนี้แหละท่านกามฯ พูดถูกใจ....ไปถามให้หน่อยซี......ไปถามว่าท่าน....เขียนมาเพื่อให้คนเชื่อเล่น ๆ เหรอ....ก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ.. :b32:



คุณไม่สายเกินไป ชวน คนขวางโลก คุณ Supareak ไปถามสิขอรับ ไม่ได้รับคำตอบอดข้าวประท้วงเลย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2009, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณไม่สายเกินไป ของท่านพุทธทาสยังไม่ล้าสมัย ลองอ่าน ลองพิจราณาดู
ไม่เสียหายนะครับ ส่วนจะให้ผมไปถาม คงไม่ไปละครับ ผมไม่ข้องใจในการ
ประพฤติของท่านเหล่านั้นครับ วางทิ้งไปแล้วเรื่องท่านจะทำอะไรกัน การเป็น
พุทธบริษัทที่ดี ไม่ไช่จะมีวิธีรักษาแบบนี้วิธีเดียว เป็นตัวอย่างที่ดีทำตนให้ดี
เพื่อพุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้เห็นเป็นตัวอย่าง ก็ถือว่าเราทำนุบำรุง ช่วยรักษา
ศาสนาไว้ได้แล้ว เลือกทำตรงที่เราพอจะทำได้ครับ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แบบนี้เรา
เรียกว่าการปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรมครับ



เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา
จงเลือกเอาส่วนที่ดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดู
ส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย


จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยวตามหาสหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง


พุทธทาส.สวนโมกข์.

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 137 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร