ตกลงเป็น อุตตร ไม่ใช่ อุตตริ แล้วในพจณานุกรมท่านว่า โลกุตตร นี่คืออะไรละครับ

ถามต่อเพื่อความชัดเจน โลกสามตามความเข้าใจของคุณ ได้แก่โลกอะไรบ้างขอรับ

เรามาชำระความเห็นให้ตรงกันก่อน ๆ ที่จะสนทนากันต่อไป

สวรรค์ นรก กับโลกมนุษย์

ถามศัพท์รวมกันทั้งหมดอีกครั้ง โลกุตตรธรรม ตามความเข้าใจของคุณได้แก่ ?

โลกุตตร ก็เป็นเรื่องที่จะทำให้พ้นไปจากโลก หรือวงจรเวียนว่ายตายเกิดนั่นแหละ

ส่วนตัวกรัชกายไม่ได้มองไปไกลถึงโลกสาม (สวรรค์ นรก โลกมนุษย์) อย่างที่คุณกล่าวนัก
มองแค่ว่า โลกุตตรธรรม ได้แก่ ธรรมที่อยู่เหนือโลกธรรม ๘

ขยายความว่า ใครก็ตามที่ปฏิบัติได้ทำได้ ถึงจุดนี้แล้ว จิตใจจะไม่ฟูไม่ฟุบ ไปตามโลกธรรม ๘ ประการนั้น


ถามคุณต่อเลย โลกธรรม ๘ มีอะไรบ้างครับ

ที่บอกว่าไม่ได้อ่านพระไตรปิฎกมาก่อนนี่ พูดจริงๆ หรือแค่ล้อเล่นครับ เพราะดูจากสถติที่คุณกรัชกาย post อยู่อันดับสอง น่าจะมีภูมิธรรมในระดับสูงทีเดียว รบกวนถามด้วยความเคารพ ถ้าไม่ได้อ่านมาจริงๆ แล้วแน่ใจได้อย่างไรครับว่าที่ได้มาเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าจริงๆ

ที่เข้ามานี่ไม่ได้มาลองภูมิหรือแสดงภูมิอะไรนะครับ เพียงแต่พยายามจะหาคนที่อ่านพระไตรปิฎกจริงๆ ที่พอพูดคุยกันได้ เชื่อใหมครับว่า มันหายากมาก

ไม่รู้จะเข้าใจตรงกันเรื่อง ธรรม หรือเปล่า เพราะผมอ่านแล้ว ธรรม มันแปลว่า ภาวะ ส่วนโลกธรรมแปด ก็เป็นภาวะแปดประการที่จะเกิดในสังสารสารวัฏ (ลาภ ยศ สรรเสริญ นินทา ทุกข์ สุข มีเจริญ มีเสื่อม)

คำถามคุณ ค.ห.บน ไว้ตอบคราวเดียวกัน แต่มาติดอยู่นิดหนึ่ง ไม่เข้าใจ
ที่ว่า (สังสารสารวัฏ ) อะไรครับ สังสารสารวัฏ หมายถึงอะไร
ขอความชัดเจนก่อนครับ

ไม่รู้ว่าเขียนศัพท์ผิดอีกหรือเปล่า บางทีก็เรียกกันว่า วัฏฏสงสาร ถ้าผิดข้อขออภัยด้วยครับ

วัฏฏสงสาร

แม้แต่ศัพท์ วัฏฏสงสาร ก็ขอความหมายที่ชัดเจนตามความ
เข้าใจของคุณด้วยครับ เพื่อที่จะนำไปตอบคำถามคุณ เพราะเกี่ยวกับโลกธรรม ๘

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%8F%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3

ผมสรุปว่ามันเป็น Infinity loop ที่ทำให้เราเวียนว่ายตายเกิด มีแผนผังที่แสดงวงจรนี้ไว้

http://www.nkgen.com/c1.htm

ถามว่า เคยอ่านตะกร้าสามใบมาก่อนไหม คุณสังเกตจากที่เราคุยกันขอรับ
คุณอ่านมาเยอะแล้วคงสื่อใจถึงใจกันได้ไม่ยาก

บอกก่อนหน้าบ้างแล้วครับว่า ธรรมะมีอยู่ทั่วไป มองไปทางไหนก็เห็นธรรมะ
เห็นอะไร ได้ยินอะไร ได้กลิ่นอะไร ได้ลิ้มอะไร ได้สัมผัสอะไร ...แล้วรู้จักใช้โยนิโสมนสิการ คือ
รู้จักคิด คิดเป็น คิดถูกวิธี คิดมีเหตุผล คิดเร้ากุศล ก็รู้ธรรมเห็นธรรมได้

ธรรมะมิได้อยู่ในตะกร้า หรือ ในกะบุงเท่านั้นนะขอรับ

หนังสือก็อ่านนะ ก่อนหน้าก็เปิดพจนานุกรมดูศัพท์ อุตตร อุตริ มานะขอรับ




สถิติ post ข้อความ ยังประเมินภูมิธรรมคนไม่ได้หรอกครับ
ผู้ไม่ post เลย อ่านอย่างเดียว อาจมีภูมิธรรมมากกว่าผู้ post ติดอันดับก็ได้

คุณศึกษาสถิติที่
viewtopic.php?f=11&t=18661





แม้แต่คนบ้าพูดให้แง่คิด หากผู้ฟังรู้จักคิด คิดเป็น คิดโดยแยบคาย ก็เข้าใจธรรมะได้
ธรรมมีรอบๆตัว และในตัวนี่แหละ พิจารณาดีดีขอรับ

แล้วที่กรัชกายสนทนากับคุณ Supareak Mulpong มา คุณว่า ตรงไหนบ้างที่ไม่ใช่คำสอนของ
พระพุทธเจ้า





ลานนี้เปิดกว้างพอสมควร อ่านไม่อ่านพระไตรปิฎก ก็คุยกันได้ในมุมมองของตน
เพื่อเปิดโลกทัศน์ เปิดดวงตาให้กว้างขึ้น มองรอบๆ ตัว และ มองเข้ามาในตนแล้วจะเห็นธรรม

เคยถามสมาชิกท่านหนึ่งไว้ที่กระทู้หนึ่งว่า พระไตรปิฎก กับ เจ้าชายสิทธัตถะ ใครเกิดก่อนกัน
ไม่ทราบคุณเห็นหรือยัง

ธรรมะมีมาก่อนพระพุทธเจ้าเกิดอีกครับ (สรุปเอาแต่เนื้อๆก็ คือ คนนี่แหละ) ที่เขาบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก
เพียงส่วนน้อย ซึ่งพระพุทธเจ้าสอนคนในยุคนั้นสมัยนั้น ตามสภาพแวดล้อมยุคสมัยนั้น

ที่สำคัญมีคนกลุ่มหนึ่ง มองธรรมะว่า มีอยู่ในโลกหนึ่งภพภูมิหนึ่ง มีความเห็นเหมือนว่าธรรมะ ไม่มีความจำเป็นอะไรต่อมนุษย์ในปัจจุบันชาตินี้เลย ประเด็นนี้ก็น่าคิดนะขอรับ






โลกธรรม ๘ (องฺ.อฏฺฐก.23/158)

ธรรมที่ครอบงำสัตว์โลก (มนุษย์ หรือ คน) อยู่ และสัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามธรรมนั้น
เรียกว่า โลกธรรม ๆ มี ๘ อย่าง คือ
มีลาภ เสื่อมลาภ
มียศ เสื่อมยศ
สรรเสริญ นินทา
สุข ทุกข์

ในเมื่อโลกธรรม ๘ อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดแล้ว ควรพิจารณาว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา
ก็แต่ว่ามันไม่เทียง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา
ควรรู้ตามที่เป็นจริง อย่าให้มันครอบงำจิตได้ คือ อย่ายินดีในส่วนที่ปรารถนา
ยินร้ายในส่วนที่ไม่น่าปรารถนา

ทำให้ใจฟู หรือ ส่วนที่น่าปรารถนา => ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
ทำให้ใจฟุบ หรือ ส่วนที่ไม่น่าปรารถนา => เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์

จิตใจปุถุชน ย่อมฟูๆฟุบๆ เมื่อประสบกับโลกธรรมเหล่านั้น

หากผู้ใดปฏิบัติถึงปฏิบัติได้ แล้วจิตใจไม่ฟูไม่แฟบ หรือ ขึ้นๆลงๆไปกับมัน รู้เห็นตามเป็นจริง อยู่เป็นสุขในโลกปัจจุบัน ก็สมควรยกย่องแล้ว ไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นพระหรือเป็นฆราวาส

พระไตรปิฏที่คุณอ่านนี่เป็นฉบับใหนครับ เป็นบาลี หรือที่แปลมา เห็นแปลมาจากหลายสำนัก ของธรรมทาน ของมหามกุฎฯ ฉบับสยามรัฐ อยากจะรู้ที่มาที่ไปหรือมันมีแปลแตกต่างกันประการใด (เข้าประเด็นซะที)

จากไหนในสามที่มานั้น อ่านไปเถอะ แต่พึงสำเหนียกว่า พวกเรา ก็ดูๆอ่านๆจากที่เขาแปลมาแล้วทั้งสิ้น ไม่พึงเมาเกินไป อ่านไปเตอะฉบับไหนก็ได้ศรัทธาเหมือนกัน แต่ให้ดีอ่านมันทั้งหมดนั่นแหละ จะได้รู้เห็นที่เขาแปลหลายๆ สำนวน อาจทำให้เราสร่างหูตาสว่าง่ก็เป็นได้

หากอ่านภาษาพม่าออก ก็ดูฉบับที่เป็นภาษาพม่าด้วย ทีนี้แหละ?