วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 72 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 22:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุที่เลวทรามย่อมทำให้เทวดา – มนุษย์ทั้งหลายเดือดร้อนเล่ม 33 หน้า 394
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พวกโจรมีกำลัง สมัยนั้น พระเจ้าแผ่นดินย่อมถอยกำลัง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสมัยเช่นนั้น พระเจ้าแผ่นดินย่อมไม่สะดวกที่จะเสด็จผ่านไป.
เสด็จออกไปหรือจะออกคำสั่งไปยังชนบทชายแดน
ในสมัยเช่นนั้น แม้พวกพราหมณ์และคฤหบดีก็ไม่สะดวกที่จะผ่านไป จะออกไป
หรือเพื่อตรวจตราการงานภายนอก

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใด พวกภิกษุเลวทรามมีกำลัง
สมัยนั้น พวกภิกษุที่มีศีลเป็นที่รักย่อมถอยกำลัง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสมัยเช่นนั้น ภิกษุพวกที่มีศีลเป็นที่รัก เป็นผู้นิ่งเงียบทีเดียว
นั่งในท่ามกลางสงฆ์ หรือคบชนบทชายแดน

ข้อนี้ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ของชนมาก เพื่อมิใช่สุขของชนมาก เพื่อความฉิบหาย
เพื่อมิใช่ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย


:b8: ขอความคิดเห็นกันด้วยค่ะว่าจริงหรือไม่? กับสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่ค่อยจะดีนักของประเทศไทย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบันภิกษุมีมากมายที่ศีลอาจทะลุ ด่างพร้อย และควรแก่การตำหนิ

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังไม่สามารถ กล่าวคำว่า ภิกษุเลวทรามได้
เพราะมันเป็นคำที่ฆราวาสไม่น่าจะกล่าวแก่นักบวช

เพราะอย่างน้อย บนความไม่ดีงามของภิกษุรูปนั้น

ยังมีจีวร อันเป็นสัญญลักษณ์ของสาวกพระศาสดาห่มคลุมอยู่


หากท่านผิดเราก็ไม่ส่งเสริม และช่วยหาทางแก้ไข เท่าที่ทำได้
แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คำให้รุนแรงไป


อันนี้เป็นแค่ความคิดส่วนตัวของผม ขออภัยด้วย


:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 22:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เชื่อครับ

ประเทศไทยปัจจุบันมีประชากรประมาณ 64 ล้านคน ภิกษุประมาณสองแสน (ภายในพรรษา) แต่ออกพรรษาแล้ว คิดว่า พระบวชใหม่สึกเกือบหมด เหลือไม่พอเฝ้าวัด
หนังสือพิมพ์ลงข่าว วามีวัดร้างมากมายทางเหนือ + อิสาน +ใต้
บางวัดมีเฝ้าวัดอยู่รูปเดียว บางแห่งชาวบ้านต้องเฝ้ากันเอง

แล้วพระจะทำเทวดาและมนุษย์เดือดร้อนตรงไหน
พูดแล้วอยากหัวเราะ :b32: จริงนะครับ จะว่าเสียมารยาทก็ว่าเถอะ ไปอ่านหนังสือข้อนั้นแล้วก็มาวิตกวิจารณ์โดยไม่ดูสถานการณ์จริง ณ ปัจจุบัน :b22:

อ้อ อาจเดือดร้อนประเด็นนี้ได้ เช่น ชาวบ้านจะทำบุญ แล้วหาพระไม่ได้ :b32: เดือดร้อนต้องวิ่งไปทั้งจังหวัดกว่าจะครบ ๙ รูป
เวลามีคนตายที หาพระสวดศพกว่าจะครบ ๔ รูป ขับรถไปรับพระ ถึง ๔ วัด แล้วแต่ละวัด ห่างกัน ๒๐ โล :b9: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 23:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คาถานี้ท่องเอาไว้

ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์

ไม่ใช่สำนวนเอาเพลิน
มันลึกซึ้งมาก

หมากัดกันที่ลานวัด คนจะเข้าไปห้าม สมเด็จโตตะโกนบอกคนว่า อย่าไปยุ่งเรื่องของหมา
ลึกซึ้งนะ

สิ่งที่บงการหมาให้กัดกันมันก้แค่โทสะ
แต่สิ่งที่บงการให้เราไปห้ามหมากัดกันนี่มันเป็นกิเลสตัวพ่อเลยล่ะครับ

พระโสดา- สกิทา -อนาคา
สามารถจะมีทิฐิแปลกๆขึ้นมาได้ ทำอะไรประหลาดได้ เพราะอะไร
เพราะเพราะยังไม่ถึงที่สุดแห่งความจริง ถึงยังมีเข้าใจผิดกันได้
แต่ไม่ใช่หน้าที่เราจะไปตำหนิปรามาสท่าน

อยากจะชวนกัลยาณมิตรที่หวังมรรคผลนิพพานท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ
ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์
เผลอไปด่าพระนี่ มันเป็นอะไรที่น่าหวาดเสียวมากอย่างนึงสำหรับเราๆท่านๆ
อยู่เฉยๆไม่เสียอะไรนะ แต่ถ้าด่าพระนี่ เสี่ยงมาก ไม่คุ้มเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 00:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 มิ.ย. 2009, 10:12
โพสต์: 27


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีอุปสรรคนะครับ
การที่มีสงฆ์ประพฤตินอกรีตก็ถือเป็นเรื่องท้าทายต่อพุทธศาสนา
เป็นสิ่งที่ท้าทายจิตใจของศาสนิกชนว่าจะผ่านมันไปได้มั้ย

ศาสนาจะสั่นคลอน ความเชื่อคนจะสั่นคลอน หรือเราจะผ่านมันไปได้

ศรัทธาเป็นสิ่งที่คนเชื่อกันได้อย่างหนักแน่นและรุนแรง
และวิกฤตเสื่อมศรัทธาก็ทำให้คนหมดความเชื่อได้อย่างรุนแรงเช่นกัน

ขึ้นอยู่กับพวกคุณเหล่าศาสนิกชนแล้วล่ะครับว่าจะทำอย่างไรกัน
ส่วนผมคงเป็นได้แค่คนดูเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 00:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมไม่สนใจ..หรอกครับ..ผู้อื่น นะ..ทุกวันนี้..พอมาดูที่ความเดือดร้อนของตัวเองแล้วก็เห็นแต่ตัวเองเป็นต้นเหตุทั้งนั้น ๆ เลย..คิดว่าถ้าตัวเองดับความเดือดร้อนของตัวเองได้แล้วเมื่อไร..จะนำวิธีการนี้ไปบอกกับผู้อื่นต่อ..เอาแบบจากประสบการณ์ตรง..จริง ๆ

พอคิดอย่างนี้แล้ว ก็เกิดอาการอย่างที่คุณชาติสยามว่านั้นแหละครับ..ชั่วชั่งชี ดีชั่งสงฆ์..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 05:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถามความเห็น คุณไม่สายเกินไปบ้าง แล้วคุณเชื่อหรือไม่เชื่อ ว่าภิกษุปัจจุบันเป็นต้นเหตสาเหตุของความเดือดร้อน คือทำให้...เทวดาเดือดร้อน ส่วนตัวคุณเห็นยังไงครับ
แล้วเทวดาเดือดร้อนตรงไหน :b1:


อ้างคำพูด:
ขอความคิดเห็นกันด้วยค่ะว่าจริงหรือไม่? กับสถานการณ์ปัจจุบันที่ไม่ค่อยจะดีนักของประเทศไทย


ที่ว่าประเทศไทยสถานการณ์ไม่สู้ดี ยกตัวอย่างสิครับอะไร โรคไข้หวัด (หมู) 2009 นี่หรือครับ
หรืออะไร หรือ เขมรท้ารบอีกแล้ว :b12: จะได้ชวนกันแต่งชุดขาวไปนั่งสมาธิประท้วงบนผามออีแดงอีก




(ผามออีแดง อยู่ในเขตอำเภอกันทรลักษณ์ ตามทางหลวงหมายเลข 221 ผ่านทางแยกเข้าอำเภอ
กันทรลักษณ์ลงไปทางใต้ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 80 กิโลเมตร และห่างจากอำเภอกันทรลักษณ์ประมาณ
34 กิโลเมตร เป็นทางเดียวกับทางขึ้นเขาพระวิหารซึ่งค่อนข้างสูงชัน เมื่อถึงเชิงเขาต้องเดินเท้าต่อไปอีก
ประมาณ 200 เมตร ผามออีแดงเป็นจุดชมทัศนียภาพเขาพระวิหารที่ใกล้ที่สุด จะมองเห็นยอดเขาพระวิหารใน
ระยะห่างประมาณ 1 กิโลเมตร นอกจากนี้ในบริเวณผามออีแดงทางด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นหน้าผาที่อยู่ต่ำลงไป พบ
ภาพสลักหินนูนต่ำ ซึ่งสันนิษฐานว่าเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยมีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 15 ระหว่าง พ.ศ.
1465-1490 ขณะนี้ผามออีแดงอยู่ในความดูแลของทหารพรานกรมที่ 23 )

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 05:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ผมไม่สนใจ..หรอกครับ..ผู้อื่น นะ..ทุกวันนี้..พอมาดูที่ความเดือดร้อนของตัวเองแล้วก็เห็นแต่ตัวเองเป็นต้นเหตุทั้งนั้น ๆ เลย..คิดว่าถ้าตัวเองดับความเดือดร้อนของตัวเองได้แล้วเมื่อไร..จะนำวิธีการนี้ไปบอกกับผู้อื่นต่อ..เอาแบบจากประสบการณ์ตรง..จริง ๆ

พอคิดอย่างนี้แล้ว ก็เกิดอาการอย่างที่คุณชาติสยามว่านั้นแหละครับ..ชั่วชั่งชี ดีชั่งสงฆ์..



:b17: แบบนี้ต้อง...ถูกต้องแล้ว..........ค้า :b4:
ถ้าหาวิธีเจอกระซิบบอกด้วยนะคะ ขอใช้ด้วยคนค่ะ :b34:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 07:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 16:38
โพสต์: 81

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากท่านผิดเราก็ไม่ส่งเสริม และช่วยหาทางแก้ไข เท่าที่ทำได้
แต่ไม่จำเป็นต้องใช้คำให้รุนแรงไป

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใด พวกภิกษุเลวทรามมีกำลัง
สมัยนั้น พวกภิกษุที่มีศีลเป็นที่รักย่อมถอยกำลัง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสมัยเช่นนั้น ภิกษุพวกที่มีศีลเป็นที่รัก เป็นผู้นิ่งเงียบทีเดียว
นั่งในท่ามกลางสงฆ์ หรือคบชนบทชายแดน

ข้อนี้ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ของชนมาก เพื่อมิใช่สุขของชนมาก เพื่อความฉิบหาย
เพื่อมิใช่ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

:b8: กับการแสดงความคิดเห็นของทุกท่านค่ะ แต่ท่านบัวศกลและท่านชาติสยามคะ ที่ดิฉันตั้งกระทู้ขึ้นก็ไม่ได้ว่าจะพูดเองนะคะ เป็นคำตรัสของพระพุทธองค์ต่างหากค่ะ ดังอ้างถึงข้างบนค่ะ และในกระทู้นั้นก็ไม่ได้กล่าวคำว่า"สงฆ์" ดิฉันหมายถึงภิกษุ หรือพระ ที่เป็นตัวบุคคลค่ะ :b8:


อ้างคำพูด:
อ้อ อาจเดือดร้อนประเด็นนี้ได้ เช่น ชาวบ้านจะทำบุญ แล้วหาพระไม่ได้ :b32: เดือดร้อนต้องวิ่งไปทั้งจังหวัดกว่าจะครบ ๙ รูป
เวลามีคนตายที หาพระสวดศพกว่าจะครบ ๔ รูป ขับรถไปรับพระ ถึง ๔ วัด แล้วแต่ละวัด ห่างกัน ๒๐ โล :b9: :b32:
[/quote]

ท่านกรัชกายค่ะ จะว่าเดือดร้อนก็ใช่ค่ะ เพราะทำบุญกับพระทุศีลอุทิศให้ญาติในโลกทิพย์พวกเขาร้องด่าว่าพระทุศีลปล้นสมบัติของเขาค่ะ เขารับบุญไม่ได้ค่ะ เทียบเคียงกันได้กับพระสูตรนี้ค่ะ

เล่ม 23 หน้า 409

ได้ยินว่า นายพรานนั้นเมื่อให้ทักขิณา ( ของทำบุญ ) อุทิศถึงผู้ตายได้ให้แก่ภิกษุผู้ทุศีล
( ละเมิดศีล ) รูปหนึ่งนั้นแล ถึง 3 ครั้ง ในครั้งที่ 3 อมนุษย์ (ผู้ตาย) ร้องขึ้นว่า ผู้ทุศีลปล้นฉัน
ในเวลาที่พรานนั้นถวายแก่ภิกษุผู้มีศีลรูปหนึ่งที่มาถึง ผลของทักษิิณา ( ของทำบุญ ) ก็ถึงแก่เขา

แต่ก็ไม่เดือดร้อนอย่างที่ท่านกรัชกายกล่าวว่าถ้าตายจะต้องหาพระให้ครบ 4 รูป หรอกนะคะ เหตุผลนี้ไม่รู้ว่าเขาเริ่มกันตั้งแต่สมัยไหนค่ะ ท่านกรัชกายช่วยหาคำตอบให้ด้วยนะคะ อยากทราบพิธีงานศพที่จัดกันหรูหราวุ่นวาน แต่งเติมจนไม่รู้ว่าเป็นงานศพ ก็เลยไม่ได้เห็นศพที่แท้จริงเพื่อปลงสังเวชค่ะ.. และร่างกายนี้ของตัวเองบอกตรง ๆ ไม่อยากให้ทำอย่างประเพณีพิธีกรรมนั้นเลยค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบการนี้อยู่แล้ว แต่ญาติเขาคงไม่ยอมหรอกเพราะเขาไม่ได้เรียนพุทธศานา...แบบตั้งใจเขานับถือศาสนาที่ตามประเพณี....แต่ดิฉันเองก็ไม่กังวลหรือเดือดร้อนอะไร ในเมื่อวันนั้นร่างกับสภาวะธรรมชาติคงอยู่คนละทางแล้วค่ะ .... :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ท่านกรัชกายค่ะ จะว่าเดือดร้อนก็ใช่ค่ะ เพราะทำบุญกับพระทุศีลอุทิศให้ญาติในโลกทิพย์
พวกเขาร้องด่าว่า พระทุศีลปล้นสมบัติของเขาค่ะ เขารับบุญไม่ได้ค่ะ เทียบเคียงกันได้กับพระสูตรนี้ค่ะ


อ้อ เทวดาเดือดร้อนแบบนั้น :b12:
แต่เคยเรียนมาว่า เทวดามีอาหารทิพย์ แค่นึกก็อิ่มแล้ว นี่คุณไม่สายเกินไป ยังมีอีกว่า เทพบุตร กับ เทพธิดา เวลามีไรกัน ไม่เหมือนโลกมนุษย์นะ แค่สบตากันก็สำเร็จแล้ว :b16: เทียบได้กับปลากัด

แล้วผู้ที่จะได้รับส่วนบุญที่อุทิศให้ได้ มีเปรตจำพวกหนึ่งจำพวกเดียวเท่านั้น เพราะเทวดาเขามีอาหารของเขาเอง เหมือนวัวควายมีอาหารคือหญ้า จึงกินหญ้าเป็นอาหารเออ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระสงฆ์ ควรอนุเคราะห์คฤหัสถ์ตามหลักปฏิบัติในฐานะที่ตนเป็นเสมือนทิศเบื้องบน ดังนี้

1.ห้ามปรามสอนให้เว้นจากความชั่ว
2.แนะนำสั่งสอนให้ตั้งอยู่ในความดี
3.อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี
4.ให้ได้ฟังได้รู้สิ่งที่ยังไม่เคยรู้ไม่เคยฟัง
5.ชี้แจงอธิบายทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้เข้าใจแจ่มแจ้ง
6.บอกทางสวรรค์ สอนวิธีดำเนินชีวิตให้ประสบความสุขความเจริญ

ภิกษุ(ที่แท้จริง) ทั้งในอดีตและปัจจุบันจึงไม่เป็นต้นเหตุของความเดือดร้อน ภิกษุรูปใดทำให้คฤหัถ์เดือดร้อนไม่ใช่ภิกษุศิษย์ตถาคตผู้สืบทอดพระศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 09:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ไม่เดือดร้อนอย่างที่ท่านกรัชกายกล่าวว่าถ้าตายจะต้องหาพระให้ครบ 4 รูป หรอกนะคะ เหตุผลนี้ไม่รู้ว่าเขาเริ่มกันตั้งแต่สมัยไหนค่ะ ท่านกรัชกายช่วยหาคำตอบให้ด้วยนะคะ อยากทราบพิธีงานศพที่จัดกันหรูหราวุ่นวาน แต่งเติมจนไม่รู้ว่าเป็นงานศพ ก็เลยไม่ได้เห็นศพที่แท้จริงเพื่อปลงสังเวชค่ะ.. และร่างกายนี้ของตัวเองบอกตรง ๆ ไม่อยากให้ทำอย่างประเพณีพิธีกรรมนั้นเลยค่ะ เพราะโดยส่วนตัวแล้วไม่ชอบการนี้อยู่แล้ว แต่ญาติเขาคงไม่ยอมหรอกเพราะเขาไม่ได้เรียนพุทธศานา...แบบตั้งใจเขานับถือศาสนาที่ตามประเพณี....แต่ดิฉันเองก็ไม่กังวลหรือเดือดร้อนอะไร ในเมื่อวันนั้นร่างกับสภาวะธรรมชาติคงอยู่คนละทางแล้วค่ะ



อ่านความในใจ คุณไม่สายเกินไป นันแล้ว ให้น้ำหนักมาทางสำนัก (งานใหญ่) แถวๆบึงกุ่ม
แต่มีสาขากระจายอยู่หลายๆจังหวัดแถบภาคอีสาน ภาคเหนือบางจังหวัด

เคยได้ยินคนพูดเหมือนกันว่า ลัทธิกลุ่มนี้ เมื่อมีคนในกลุ่มเสียชีวิต จะเผาอย่างที่ ไม่สายเกินไป
พูดมานั่นแหละ
ก็ไม่ผิดนะ เชื่อแบบนั้นก็เผาแบบนั้น เหมือนพวกมือปืนยิงคนตายจับเผานั่งยางง่ายๆ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เอ้าผ่อนคลายกันหน่อย


...........วันใดขาดพระแล้วโยมจะรู้ลึก................


...........วันไหนสำนึกแล้วโยมจะเสียยใจ...............




ว่าแต่ผิดงานหรือเปล่าไม่รู้นะเรา

:b8: :b8: :b8:

อโหสิเด้อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ mes พระพุทธศาสนาหากไม่ศึกษาให้ถ่องแท้ ไม่ศึกษาให้เข้าใจรอบด้านแล้ว จะสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งเสมอ

๑.กามสุชัลลิกานุโยค การหมกมุ่นอยู่ด้วยกามสุข
(The extreme of sensual indulgence หรือ extreme hedonism)

๒.อัตตกิลมถานุโยค การประกอบความลำบากเดือดร้อนแก่ตนเอง
(The extreme of self-mortification หรือ extreme asceticism)

บางทีปฏิเสธทางสายแรก แต่ไปติดทางที่สองแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 15 ก.ค. 2009, 10:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ค. 2009, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
เอ้าผ่อนคลายกันหน่อย

...........วันใดขาดพระแล้วโยมจะรู้ลึก................

...........วันไหนสำนึกแล้วโยมจะเสียยใจ...............


ว่าแต่ผิดงานหรือเปล่าไม่รู้นะเรา

:b8: :b8: :b8:

อโหสิเด้อ


:b32: :b32: :b32:

คุณกรัชกาย พอมีเพลงไหนในคลังสินค้าของคุณ ที่เข้ากับบรรยากาศบ้างคะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 72 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 31 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร