วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 07:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2009, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเป็นปัญญาจริงๆ ก็จะไม่หนีไปไม่ให้รู้นิมิต เพราะตามเป็นจริง หลังเห็น ก็จะต้อง

รู้นิมิตของสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นปกติ เป็นธรรมดา เพียงแต่จะต้องอาศัยความเข้าใจ

ถูก เห็นถูกที่เจริญขึ้น ที่จะสามารถรู้ได้ว่า ...เพราะมีนามธรรมที่รู้นิมิต การรู้นิมิตจึงมีได้

เป็นสิ่งที่สติสัมปชัญญะ ควรจะระลึกได้ว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมประเภทหนึ่ง เป็นแต่

เพียงเครื่องอาศัยระลึกชั่วขณะที่สภาพธรรมนั้นปรากฏอยู่เท่านั้น บ่อยๆ เนืองๆ จนกว่า

จะรู้ถูกต้องเพิ่มขึ้นตามลำดับ ...ที่สำคัญคือรู้แล้วละ..เบื้องแรกคือละความไม่รู้ในสภาพ

ธรรมที่ปรากฏ ละความติดข้อง ยินดีในความเห็นผิด ...ที่ยึดถือสภาพธรรมที่ปรากฏว่า

เป็นเรา เป็นตัวตน
ลำดับของพระสาวกที่ได้เข้ามาเฝ้าฟังพระธรรมและได้บรรลุเป็นพระอรหันต์

ในอรรถกถาท่านเรียงเป็นลำดับตั้งแต่พระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นต้นมา เช่น
ข้อความในอรรถกถาว่า
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา เล่ม ๒ ภาค ๓ ตอน ๔ - หน้าที่ 560

พระสาวกมี ๓ อย่าง คืออัครสาวก มหาสาวก ปกติสาวก.

บรรดาพระสาวก ๓ พวกนั้น พระสาวกเหล่านี้ คือท่านพระ-

อัญญาโกณฑัญญะ พระวัปปะ พระภัททิยะ พระมหานามะ พระอัสสชิ

พระนาลกะ พระยสะ...

สัตว์บุคคลที่มีชีวิต มีใจครองเมื่อต้องการสื่อความหมายด้วยกาย
จิตจะเป็นสมุฏฐานให้รูปชนิดหนึ่งเกิดเคลื่อนไหวกายให้สื่อความหมาย
เรียกว่ากายวิญญัติรูป เกิดขึ้นในการเคลื่อนไหวที่เป็นหน้าตาหรือท่าทาง
เมื่อแยกเป็นกลาปที่เล็กสุด เมื่อจิตต้องการสื่อความหมาย
รูปจะประกอบด้วยอวินิพโภครูป 8 กับกายวิญญัติรูป 1
และเมื่อร่างกายเคลื่อนไหวเป็นกิริยาท่าทาง
รูปก็จะประกอบด้วย อวินิพโภครูป 8 กายวิญญัติรูป 1 และวิการรูป 3
แต่ถ้าการเคลื่อนไหวไม่ต้องการสื่อความหมายอะไร
รูปจะมีแต่อวินิพโภครูป 8กับวิการรูป 3เกิดร่วม ไม่มีกายวิญญัติรูปเกิดในกลาปนั้นๆ
รูป เป็นสภาพที่ไม่รู้อะไร
การเคลื่อนไหวเกิดขึ้นเพราะจิตเกิดมีวาโยธาตุทำให้กายไหวแล้วก็ดับไป
แล้วก็มีจิตเกิดดับ มีรูปเกิดดับไปตามปัจจัยอย่างรวดเร็ว ไม่สามารถบังคับบัญชาได้
สัตว์ บุคคล จึงไม่มีจริง
เพราะเป็นเพียงสภาวะของนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น

ขณะทีเป็นกุศลต่างจากขณะที่เป็นอกุศล ปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ได้ กุศล / อกุศล /

ธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดเพราะเหตุปัจจัย เป็นอนัตตา แม้ไม่ทำอย่างอื่น นั่งฟังอย่าง

ตั้งใจ ก็มีโอกาสที่อกุศลจิตจะเกิดแทรกคั่น สลับ กับกุศลที่เข้าใจพระธรรมได้ ถ้าเป็น

ผู้ที่มีปัญญา รู้ตัวเองตามเป็นจริงว่า มีกิเลสมาก และรู้ว่าขณะที่ไม่ฟัง จิตเป็นอกุศลเป็น

ส่วนใหญ่ ก็จะเห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรม เพราะรู้ว่าโอกาสของการฟังพระธรรม

มีน้อยกว่าโอกาสของการงานที่ทำด้วยอกุศล และรู้ว่าการอบรมเจริญปัญญาก็เป็นสิ่งที่

ประเสริฐกว่าการไปทำอย่างอื่นด้วยอำนาจของอกุศล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 23:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความคุณสำหรับความรุ้ดีๆนะค่ะ
มีประโยชน์มากมาย :b20: :b20: :b20:

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ :b8: :b8: :b8:

:b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48: :b48:
ปฎิบัติ มีธรรมะ มาข่มจิต
ค่อยๆคิด หาทางออก จนเห็นแสง
มันมาจาก ปัญญา อันแข็งแรง
ที่เราแปลง มาได้จาก ปฎิบัติธรรม :b29: :b29:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 32 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร