มนุษย์ กับสัตว์ มีวิญญาณแน่นอน
แล้วพืชมีวิญญาณหรือเปล่าค่ะ


ทำไมพืชบางชนิด ถึงสามารถจับแมลงกินได้
ทำไมดอกทานตะวัน ถึงต้องหันตามหาแสงพระอาทิตย์
และอื่นๆ อีกมากมาย
สรุปว่าพืช มีวิญญาณหรือเปล่าค่ะ
อยากรู้จังเลย



ใครรู้กรุณาให้คำตอบด้วยนะค่ะ
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

คุณเป็นผู้ที่สงสัยได้น่ารักดีนะ
ผมก็อยากรอฟังความเห็นท่านอื่น ๆ เช่นกัน

งั๊นผมขอสงสัยต่อ
แม่เหล็กมีวิญญาณมั๊ยครับ...
เพราะมันมีอาการหันเข้าหา กับ พลักออก
เหมือนมันก็เลือกที่รักมักที่ชังยังไงก็ม่ายรู้...

ทุกสิ่งอย่างในมหาจักรวาลนี้ ท่านแบ่งไว้เป็น ๕ กลุ่มคือ

อุตุ = พลังงาน สสาร ทั้งหมดทั้งมวลที่ไม่มีชีวิต
พีชะ = พืช สัตว์ชั้นต่ำ คนที่ตายแล้วแต่หมอยังช่วยให้ร่างกายดำเนินไปอยู่
ซึ่งมีชีวิต แต่ไม่มีวิญญาณ ไม่มีเวทนารับรู้สุขทุกข์ ก่อกรรมไม่ได้
จิต = เดรัจฉาน- มนุษย์- เทวดา มาร พรหม ผี เปรต สัตว์นรก
อุปาทินกสังขาร สังขาร ที่มีวิญญาณครอง สามารถก่อกรรมได้
กรรม = การกระทำของจิต พาให้เกิด วจีกรรม กายกรรมด้วย ซึ่งทำให้เกิด
เรื่องราวหลากหลาย ตั้งแต่เกิดจนตาย เกิดใหม่เวียนว่าย ไม่รู้จบจนกว่าจะพบ..
ธรรมะ = โปรดติดตาม ใน"นิยามแห่งชีวิต" ของกลุ่มสุดฝั่งฝัน เล่มต่อไป

สองร้อยยี่สิบหน้า ย่อเหลือ เก้าบรรทัด อยากรู้รายละเอียด ตามไปอ่านได้

พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวิญญาณ ถ้าจะให้ดีควรทำความเข้าใจเรื่องขันธ์ ๕ ก่อน
จะเข้าใจและแยกประเด็นนี้ได้ดี

อนึ่งการที่ต้นไม้บางชนิดจับแมลงกินได้ หรือการที่ดอกทานตะวันหันรับพระอาทิตย์เสมอ
นั่นเพราะปฏิกิริยาของธาตุ ในโลกนี้เมื่อสรุปรวมทุกอย่างที่เป็นวัตถุ จัดเป็นธาตุต่างๆ เช่น
ดิน น้ำ ไฟ ลม แบ่งตามลักษณะและคุณพิเศษของแต่ละธาตุไป
การที่ต้นไม้บางอย่างทำได้อย่างนั้น เป็นปฏิกิริยาธาตุกระทบ ลองนำน้ำไปราดไฟ ก็เกิด
ปฏิกิริยา ในกรณีต้นไม้ เป็นธรรมชาติที่ต้นไม้ต้องการสารอาหารบางอย่าง คล้ายกับว่าธาตุ
ที่อยู่ในแมลงหนุนธาตุที่อยู่ต้นไม้ ดอกทานตะวันถูกต้องกับแสงเพื่อเหตุผลบางอย่างของธาตุ ก็
ทำปฏิกิริยาต่างๆไปตามลักษณาการของธาตุ
อธิบายไม่เก่งเลย หาคำมาอธิบายอยากจริงๆ

มีแต่รูป และเวทนา จ๊ะ

และเพราะไม่มีจิต จึงไม่มีสังขาร
ไม่มีสังขาร จึงไม่มีวิญญาน

สาธุสำหรับคำตอบของทุกท่านค่ะ
กระชับและเข้าใจได้ง่ายดีจัง จะจำเอาไปอธิบายต่อนะคะ

พืชไม่มีวิญญาณครับ

ในพระอภิธรรมนั้น ท่านแสดงเรื่องรูปไว้ มีทั้งรูปที่มีวิญญาณครอง และรูปที่ไม่มีวิญญาณครอง กล่าวง่ายๆอย่างนี้

รูปของสัตว์โลกทั่วไปโดยมาก ย่อมเกิดขึ้นด้วยสมุฏฐานทั้ง สี่ ได้แก่
๑.กรรมสมุฏฐาน ได้แก่ กัมชรูป ที่เป็นผลของกรรม หากเกิดเป็นมนุษย์ ก็ต้องเกิดด้วยผลของกรรมดี หากเกิดเป็นสัตว์ในอบายทั้ง สี่ คือ สัตว์นรก เปรต อสูรกาย และสัตว์เดรัจฉาร รูปของสัตว์เหล่านั้น ย่อมเกิดจากผลของกรรมชั่ว กรรมใดกรรมหนึ่ง และกรรมนั้นย่อมผลิตสร้างรูปของสัตว์ให้สืบเนื่องเป็นไปตลอดเวลาเช่นกัน หมดกรรมก็หมดชีวิตในภพหนึ่งๆ

๒.จิตสมุฏฐาน ได้แก่วิบากจิตที่นำปฏิสนธิ และจิตชนิดเดียวกันนี้ก็เป็นจิตที่รักษาภพชาติสืบต่อไปจนกว่าจะหมดอายุในภพ หนึ่งๆ ตลอดจนจิตที่เกิดขึ้นมารับผลของกรรมเก่าในระหว่างกาลเวลาที่มีชีวิต และจิตที่เกิดขึ้นมาเพื่อทำกรรม ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว แล้วแต่โอกาสและบุคคล และในขณะที่จิตเกิดขึ้นมารับรู้อารมณ์ทั้งเก่าและใหม่นั้น ก็สร้างรูปที่เรียกว่า จิตชรูป เป็นรูปที่เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐานด้วยมากมาย

๓.อุตุสมุฏฐาน คือ ความเย็นร้อนทั้งรูปภายใน อันเกิดจากอาหารหรือจิตก็เกี่ยวข้องกับอุตุภายในด้วย อุตุทั้งภายในและภายนอกนั้น หากเกินหรือพร่องเกินระดับก็ไม่อาจจะรักษาชีวิตไว้ได้ เช่นเป็นไข้สูงจัด เย็นจัดก็ตาย หรืออากาศภายนอกเย็นจัดร้อนจัด ก็ตายได้

๔.อาหารสมุฏฐาน คือ ข้าวปลาอาหาร น้ำ เครื่องดื่ม ยา ทั้งหลายเป็นปัจจัยที่เป็นไปด้วยอาหาร หากขาดอาหารก็ตาย หรือทานอาหารผิดก็ตายได้

ส่วนต้นไม้นั้นก็เป็นรูป แต่ไม่ใช่สัตว์...ไม่มีจิตหรือวิญญาน... เพราะรูปของต้นไม้นั้นเกิดจากอุตุสมุฏฐานเท่านั้น เรียกอวินิโภครูป ๘ ได้แก่ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ สี กลิ่น รส และอาหาร เท่านั้น เห็นได้ว่า ไม่มีจิตสมุฏฐานเลย ไม่มีกรรมสมุฏฐานเลย

กองรูป รูป
นาม วิญญาณ(จิต)
เจตสิก เวทนา สัญญา สังขาร

ฉนั้น มีแต่รูป ไม่มีนาม ย่อมไม่มี เวทนา สัญญา สังขาร
เช่น เมื่อมีรูป มีการกระทบกันของรูป ไม่มีจิตหรือวิญญาณเข้าไปรู้อารมณ์ เวทนา สัญญา สังขาร
ก็มีไม่ได้ เพราะเหล่านี้เกิดพร้อมจิต ดับพร้อมจิต

ต้นไม้ เป็นรูป ไม่มีจิต ก็ตัดปัญหาไปว่าจะมีสิ่งอื่นตามมา คุณ -dd- อธิบายไว้ ชอบแล้วครับ

คนถามสงสัย ผมคิดว่านะถามเกี่ยวกับ พวกนางไม้เป็นต้น

ต้นไม้มีงับ มี รุกขเทวดา