วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 84 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2009, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 00:13
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


อินทรีย์5 เขียน:
(1)ที่เล่ามาน้องทำดีและทำถูกต้องแล้วครับ ทุกครั้งที่ใส่บาตร หรือกรวดน้ำ ก็ให้นึกถึงพี่สาวและเจ้ากรรมนายเวรพี่สาวด้วย และทุกครั้งที่สวดมนต์เสร็จก็ให้แผ่เมตตาให้พี่สาวและเจ้ากรรมนายเวรของพี่สาวด้วยนะ
:b39:
(2) ว่าแต่ทางคุณแม่ และคุณLookwhy ทำบุญตักบาตร สวดมนตร์ แผ่เมตตา อย่างนี้มานานกี่เดือนแล้ว
ครับ หรือว่าเพิ่งทำ.......... ตั้งแต่ที่พี่สาวเป็นโรคนี้ :b40:

(3) ต้องมีกัลยาณมิตรที่ดีไว้คอยดูแลใกล้ชิดพี่สาวนะ โรคนี้ต้องมีคนดูแลและให้กำลังใจให้คำแนะนำซึ่งก็
คือคุณแม่ของเรานั่นเอง .".ซึ่งท่านเก่งมากที่ปล่อยวางเรื่องนี้และใจเย็นต่อเหตุการณ์ได้." ก้ทำให้แบบนี้
แหละ จะดีที่สุด และน้องเองก็ช่วยแม่อีกแรงหนึ่ง ให้กำลังใจคุณแม่เยอะๆ คิดว่าต้องใช้เวลาหลายเดือน
ถึงจะค่อยเห็นผลจนถึงดีขึ้น :b40:

ขอให้พี่สาวหายเร็วๆ เอาชนะโรคนี้ให้ได้เร็วๆนะครับ พี่จะมาโพสท์ ถาม-ตอบ ในกระทู้เราอยู่เรื่อยๆและกัน จนกว่าครอบครัวเราจะหายห่วง และเป็นกัลยาณมิตรคนนึงที่คอยตอบคำถามเราอย่างดีที่สุด
ขอเพียงแต่น้องLookwhy เข้มแข็งเหมือนคุณแม่ก้ถือว่าเยี่ยมและเก่งแล้วนะ

:b39:


คุณแม่ โดยปกติแล้วท่านก็ใส่บาตร ทำบุญ อยู่บ้างแล้ว ทุกครั้งที่มีโอกาสแต่เพราะที่บ้านเปิดร้านค้าจึงไม่ค่อยได้ตื่นเช้ามาตักบาตร ทุกวัน (เมื่อก่อนยุ่งมากต้องเป็นทั้งแม่ค้าและแม่บ้าน)แต่ พอ ช่วงหลัง ๆ ตั้งแต่คุณพ่อเสีย แม่จะใส่บาตรเกือบทุกวัน อาจเป็นเพราะมีปัญหาเข้ามาในชีวิตท่านมากมาย ทำแล้วท่านคงสบายใจ ท่านเคยพูดว่าเจอกันชาติเดียวพอแล้วเจ้ากรรม
ส่วนดิฉันเอง ก็เริ่มใส่บาตรในตอนเช้ามานาน พอสมควรแล้ว ทุกครั้งที่ประสบปัญหา การทำบุญใส่บาตร ก็ช่วยได้เยอะ บ้างครั้งก็คิดว่าเอ้อ ทำทำไมเนี้ย ทำเผื่ออะไร คิดไปคิดมาก็ได้คำตอบ ว่า ทำให้เรารู้จักคำว่าให้ เสียสละ และ ระลึกถึงผู้อื่น ก็ไม่รู้ว่าตอบถูกหรือเปล่า รวม ๆ แล้วทำแล้วร้สึกดีค่ะ
เรื่องสวดมนต์ ดิฉันไม่ค่อยถนัดนัก แต่ไม่ยากเกินความสามารถ ก็ขอบคุณคุณอินทรีย์ 5 และ ผู้ที่มีจิตเมตตาทุกท่านที่แนะนำ บทสวดและ คำแนะนำให้ดิฉันและครอบครัว อย่างน้อยก็ทำให้ดิฉันทราบว่า ปัญหาของดิฉันไม่ใช่ปัญหาที่เลวร้ายที่สุดในโลก และมีคนดี ๆ อีกมากมาย ที่ให้กำลังใจ เสมอ
ขอบคุณค่ะ หากสถานะการณ์ทางบ้านดีขึ้นเมื่อไร ดิฉันจะกลับมาเล่าให้ทุกท่าน ทราบนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2009, 22:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 00:13
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


"ใบไม้ในกำมือ" คำนี้ ตอนแรก อ่านแล้วก็ งง แต่ ก็ พอเข้าใจ แล้วค่ะ ว่าหมายความว่าอย่างไร...
และตอนนี้ดิฉันเชื่อว่า หลักคำสอนของศาสนาพุทธเป็นสิ่งที่ทำให้ยึดมั่นป้องกันไม่ให้ข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ขอบคุณนะค่ะที่ให้ความกระจ่าง แล้วจริง ๆ แล้ว พระพุทธองค์ ห้ามมิให้พระข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้หรือเปล่าค่ะ (อันนี้ถามด้วยความไม่ทราบ)

และขอขอบคุณที่คุณชาติสยามแนะนำให้วิธีการให้ดิฉันรู้จักตนเอง
ต้องยอมรับค่ะ ว่าบ้างครั้งก็ จิตหลุดเหมือนกัน ... หากถามว่าระหว่างเปลี่ยนเขากับเปลี่ยนเราอย่างไหนง่ายกว่า ก็ต้องยอมรับว่า ตนเองจะง่ายกว่า ดังนั้น ตอนนี้ ทุกคนที่บ้าน ยอมรับมานานแล้วว่าเขาป่วย ยอมทนและตามใจทุกอย่าง ไม่ว่า การที่เขา เข้าไปยึดครองห้องนอนของแม่และพ่อ (ท่านนอนด้วยไม่ได้เพราะตกกลางคืนมักจะไม่ได้นอน) และการที่เขาไม่ไว้ใจใคร บังคับทุกคนในบ้านให้ทำตามเขาในพฤติกรรมแปลก ๆ ทุกคนก็ทำตาม หลีกเหลียง การปะทะอารมาณ์กัน แต่ก็ต้อง ยอมรับว่าเจอแบบนี้บ่อย ๆ เข้า มันก็มีบ้างที่ มีความโกรธ ไม่พอใจ เข้ามา
ตอนนี้ดิฉัน แม่ และ น้องชายก็ใจเย็นเยอะมากเหมือนกัน ทำทุกอย่างก็เผื่อไม่ให้แม่คิดและเครียดมากไปกว่านี้ ดิฉันยังจำเหตุการณ์ตอนที่ มีเรื่องกัน ถึงขั้นทำร้ายร่างกายกัน(คร่าวนั้นเป็นอารมณ์และต้องป้องกันตัวจริง ๆ) ดิฉันรู้สึกผิดและเสียใจที่สุดจนทุกวันนี้ ที่ร้องไห้ ไม่ได้เจ็บปวด แต่เจ็บใจ ที่เป็นลูกแต่ทะเละกัน พ่อก็เสียไปแล้ว แต่ยังทำร้ายกันทำร้ายจิตใจแม่ (เกิดเรื่องคร่าวนั้นต้องกราบเท้าขอโทษแม่จริง ๆ) คงเป็นดังที่คุณพูดละค่ะ ว่าด้วยความโง่เขล่า ไม่มีสติ แต่ดิฉันคงจะไม่ทำอีกหากไม่ได้เป็นการปกป้องแม่
และคงจะจริงอย่างที่คุณว่าเราควรที่จะรักษาตัวเราเอง ให้หาย ก่อน ซึ่งคงลำบากอยู่บ้าง แต่ดิฉันก็พร้อมจะปฎิบัติตามคำแนะนำค่ะ

ดิฉัน ทราบดีค่ะว่า การนำตัวพี่ไปรักษาที่โรงพยาบาล อาจเป็นทางออกที่ไม่ดีนัก การรักษาที่ดีที่สุดควรเป็นการรักษาจากคนในบ้าน ซึ่งขอนี้คุณแม่ดิฉันคงทราบดีเป็นที่สุด ท่านจึงคัดค้าน และไม่เต็มใจนัก
เมื่อก่อนคุณ พ่อบอกให้ดิฉันรีบเรียนให้จบ เพื่อนที่จะออกไปทำงานที่อื่น ไม่ต้องยุ่งวุ่นวายกับปัญหาในครอบครัว แต่ดิฉันคงไม่ทำอย่างนั้นแน่ จะทิ้งให้พ่อกับแม่ รับปัญหาเพียงผู้เดียวได้อย่างไร
ทุกวันนี้ ทำได้เพียง โทรศัพท์ เพื่อไปคุยกับแม่รับรู้ปัญหาและความทุกข์ ของท่าน เพื่อที่จะทำให้ท่านรู้ว่าไม่ได้ทุกข์หรือรับปัญหาเพียงคนเดียว และก็ต้องยอมรับว่า การระลึก ถึงคำว่าปล่อยวาง ช่วยให้คลายทุกข์ไปได้บ้าง (คุณแม่และดิฉันใช้คำนี้กันบ่อย ๆค่ะ) ทุกคนในครอบครัวก็ได้แต่หวังว่า เขาจะมีอาการดีขึ้น ดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ

คำว่า เวรไม่ระงับ
ถ้าหากเราระงับการจองเวร แล้วถ้าเวรไม่ระงับ กัน เมื่อไรเราจะหลุดพ้นจากกรรม กันละค่ะ เราต้องทำอย่างไร จึงจะเลิกจองเวรกรรมกัน
ทุกวันนี้ก็น่าเป็นห่วงอยู่ว่า พี่เขา จะบ่น ด่า สาป แช่งใครก็ไม่ทราบ อยู่ทุกวัน ทั้งๆ ที่แม่เองก็พยายามบอกให้ เลิก แต่ก็ไม่ได้ฟัง ไม่รู้จะทำวิธีไหน ให้รู้สึกตัวเพราะไม่สามารถพูดหรือบอกมากได้ เขาจะอารมณ์เสีย

อย่างไร ก็ขอขอบคุณคุณสยามชาติมากนะค่ะที่ให้คำแนะนำข้อคิด หนทางการเกิดสติและปัญญากับดิฉันและครอบครัว จะนำไปปฏิบัติตามค่ะ ขอบคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2009, 20:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กลัวคุณจะเข้าใจไปในทางว่า

หลังคามันรั่ว ก็ปล่อยให้รั่วเถอะ ยอมรับความจริงซะ อะไรทำนองนี้มันก็ไม่ถูกนะ
ต้องหาความพอดีให้เจอ

หลังคารั่วต้องปะ ต้องซ่อม
ถ้าซ่อมแล้วแต่ซ่อมไมไ่ด้ค่อยหาวิธีอยู่กับหลังคาที่ผุ
พี่สาวก็สมควรจะได้รับการดูแลที่เหมาะสม
แต่อย่าให้ถึงกับพาไปทำอะไรที่มัน"บู้"ขนาดนั้น

ผมกำลังพูดถึงวิธี"วางใจ" ว่าทำยังไงในเมื่อเราต้องได้ยิน ได้เห็น ได้ฟังอยู่ทุกวัน
ทำยังไงให้มัน"ทุกข์ใจน้อยลง" นะครับ

ส่วนเรื่องการบริหารจัดการคนป่วยทางจิตเวช ก็ต้องพึ่งคำแนะนำของทางมืออาชีพเค้า
เช่นโรงพยาบาล อะไรพวกนี้
การจะมาเป็นหมอเป็นพยาบาล เขาคัดคนที่จะมาเรียน
วิชาที่เรียนก็ไม่ใช่ของง่าย ใครไม่รักจริง ไม่แน่จริง ไม่เอาจริง ไม่มีปณิธานจริง มันเรียนกันไม่จบหรอก
พวกเขารู้ว่าอาชีพเขาคือมีชีวิตคนเป็นเดิมพัน
เขาเรียนมาเพื่อรับผิดชอบชีวิตคนอื่นอย่างปราณีต

ไม่เหมือนพวกไสยศาสตร์หมอผี ใจมันไม่มีความเสียสละเท่าวิชาชีพพวกนี้หรอก
เจ็บปวดหรือเป็นตายมันก็ไม่มาสนใจอยู่แล้ว เอาอะไรมารักษาก็ไม่รู้
เวลาหายมันก็จะรีบแอ่นอกมารับชอบ แต่เลาตายมันก็จะปัดสวะว่ามันไม่ได้ทำ ไม่รับผิด
เวลารักษาหาย มันก็บอกว่าของของมันมีจริง พิสูจน์ได้
แต่ถ้าไม่หายแล้วมาดันตายไป มันก้จะบอกว่ามันไม่รับ พิสูจน์ไม่ได้ว่ามันทำ

เรารักพี่สาวจริงก็ควรจะวางใจตรงนี้ รักษาในสิ่งที่ควร
ถ้ามันไปได้สุดแค่นี้ก็คือแค่นี้ ยอมรับความจริงว่าได้แค้่นี้ เราทำดีที่สุด ใจเราก็สบาย เพราะว่าเรารู้อยู่แก่ใจว่าดีที่สุด
เรามีเมตตาแล้ว เราลงมือกรุณาแล้ว แต่ในเมื่อมันสุดวิสัย เราก้ต้องอุเบกขา
ถ้าไม่อุเบกขา(ปล่อยวาง ยอมรับความจริง) เราก้จะดิ้นรนไปหาวิธีอื่นๆที่ไม่สมควร
กลายเป็นว่าเพราะฉันเมตตาจึงฆ่าเธอ เพราะฉันกรุณาจึงทรมานเธอ

ขอแสดงความอนุโมทนากับคุณที่ไม่ทิ้งปัญหานะ ไม่ทิ้งพี่สาว
ฟังแล้วก็ชื่นใจ คาราบาวแดงมาก (คนไทยไม่ทิ้งกัน)
คุณทำบุญอย่างนี้ ไม่ต้องกลัวว่าเสียเปล่า ยังไงบุญก็หนุน
ถ้าบุญไม่มีจริง ผลบุญไม่มีจริง พระพุทธเจ้าท่านไม่พูดหรอก
เรื่องบุญและบาปนี่ท่านพูดตั้งครึ่งค่อนพระไตรปิฏก
ถ้าไว้ใจท่าน ให้เชื่อท่านตรงนี้ มีศรัทธา แล้วเดี๋ยวเรื่องดีๆจะตามมาเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2009, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 00:13
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม ขอขอบคุณอีกครั้งนะค่ะที่แนะนำเพิ่ม
ตอนนี้ดิฉันและครอบครัวกำลังช่วยกันคิดหาทางออกที่ดีที่สุดอยู่ค่ะ โจทย์ข้อใหญ่ที่สุดก็คือ จะให้เขาลองไปพบแพทย์ ดู แต่นั่นก็ยากเพราะยังไม่ยอมรับว่าตนเองป่วย และการบังคับให้ไปอย่างที่มีคนอื่นแนะนำคงไม่ทำแน่ จะหลอกไปก็คงไม่ได้ทำได้ก็คงครั้งเดียว ก็ เลยคงต้องรอเวลาและโอกาส ที่จะค่อย ๆ พูด กันไป แต่นั้นก็ยาก มาก ๆ
คำแนะนำจากสมาชิกทุกท่าน ก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับดิฉันมาก อย่างน้อยก็ช่วยให้สติ กับดิฉันให้ค่อย ๆ คิดแก้ปัญหา บางครั้ง คนเราก็ไม่รู้จักต้วเองว่าควรคิดทำอย่างไร ต้องขอขอบคุณทุกท่านมาก ๆค่ะดิฉันก็หวังว่าการทำบุญกุศล ผลบุญจะช่วยให้นำไปในทางที่ดีขึ้นมาบาง

ปล.ขอบคุณคุณชาติสยามนะค่ะที่ให้โอกาสดิฉันได้เป็นสาวบาวแดง ใฝ่ฝ้นมานานแล้วค่ะ 555+++


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นยังไงบ้างน้องlookwhy ไม่เห็นมาโพสต์เลย ดีขึ้นไหมที่บ้านน่ะ :b40:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 00:13
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


อินทรีย์5 เขียน:
เป็นยังไงบ้างน้องlookwhy ไม่เห็นมาโพสต์เลย ดีขึ้นไหมที่บ้านน่ะ :b40:


สวัสดีค่ะคุณอินทรีย์ 5
ขออภัยที่ไม่ได้ติดต่อเลย ช่วงนี้ ดิฉันไม่ได้กลับบ้าน ค่ะ ส่วนกับคุณแม่โทรหากันทุกวัน ท่านก็เล่าว่าไม่มีอาการอาละวาด อะไรมากมายนัก อาจจะ บ่น ๆ ด่า ๆ กันไปคนเดียวตามเรื่อง ...เหมือนเดิม กันทุกวันเขาอยู่กับแม่บางครั้งเขาก็หวาดระแวงแม่บาง แต่เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งตอนนี้ คุณแม่ก็ทำให้เป็นเสมือนเรื่องปกติ นาน ๆ ทีถึงจะนึกตะโกน หาเรื่องคนที่ไม่มีตัวตนขึ้นมา
ส่วนดิฉันหากได้มีโอกาสกลับบ้าน ก็คงต้องทำใจให้สงบให้เย็นลงเยอะ ๆ เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะระแวงดิฉันเรื่องอะไร ส่วนเรื่องที่หวาดระแวงนั้น ก็เป็นเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆ ถึงไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็สร้างความรำคราญใจบางไม่น้อย แต่ทุกคนในบ้าน ก็เข้าใจ นะค่ะ
ส่วนต้นเดือนที่ผ่านมาที่บ้านทำบุญ 100 วันให้คุณพ่อ มาค่ะ ผ่านไปได้ด้วยดี เขาเองอยู่ที่วัดก็สงบสเงี่ยม ดี ไม่แสดงอาการอะไรมาก นอกจากพรึมพร่ำอยู่คนเดียวอาจจะมีออกมาระเบิดอารมาณ์บางเวลาที่ น้องชายและดิฉันอยู่กับแม่ แต่น้องชายดิฉันเขาก็ ใจเย็นมากขึ้น อาจเป็นเพราะทุกคนในบ้านเริ่มปรับตัวได้และรู้วิธีรับมือกับปัญหามากขึ้น
ตั้งแต่ดิฉันได้ มาโพสตเรื่องราว ณ บรอด์แห่งนี้ทำให้ดิฉันสบายใจ และใจเย็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากขึ้น ช่วงนี้ กำลังจัดการกับปัญหาการเรียนของตนเองอยู่ค่ะ อยากให้จบในเทอมนี้ จะได้ ไม่ต้องเป็นภาระคุณแม่อีก ถ้าพ้นช่วงนี้ไปได้คง โผล่มาทักทายทุกท่านบ่อย ขึ้นนะ ขอบคุณ ณที่แห่งนี้ทำให้ดิฉันมีกำลังใจและเข้าใจความทุกข์ของปัญหามากขี้น และขอบคุณคุณอินทรีย์ 5 มากค่ะที่เป็นห่วงหวังว่าทุกท่านจะมีความสุขสบายกายสบายใจกันดีทุกท่านนะค่ะขอบคุณอีกครั้งค่ะ

ลูกหวาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:อ่านคำตอบของแต่ละท่านแล้ว หนูlookwhy คงมีกำลังใจเกิน 100 แล้วนะคะ
ขอเล่านิดหนึ่งนะคะ
:b40: จากประสบการณ์คนอื่นร่วมและตนเองที่เคยมีญาติที่เป็นคนป่วยไปรักษาหลายคนที่กลับมา จากโรงพยาบาลจะไม่มีอาการคุมคลั่ง แต่จะเลื่อนลอย คิดทำอะไรเองไม่ได้ และพร้อมจะกลับมาอะลาวาด อีกทุกครั้งที่มีการกดดัน หรือไม่ทานยา
นี่คืออาการของคนที่เริ่มต้นรักษา ระยะแรกเมื่อกลับบ้านจะเป็นแบบนี้ค่ะ
แต่ถ้าเรารักษาอย่างต่อเนื่องตามคุณหมอสั่งจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ
และหนูทำใจเลยค่ะ ว่าเราต้องรักษาเค้าไปตลอดชีวิต เพื่อพี่เราไงคะ
:b48: น้ามีประสบการณ์เองค่ะ เพราะน้องชายเป็นแบบนี้ มาตั้งแต่อายุสัก14-15 ปี
แรกๆพ่อก็รับไม่ได้ ทำทุกอย่างรดน้ำมนต์ เสกไข่ ถูกของ ทั้งหาพระ บวชเณร ไสยศาสตร์
สุดท้ายก็จบที่ส่งตัวเข้าโรงพยาบาลศรีธัญญา
:b48: แต่เวลาเราไปพบหมอ เค้าน่าจะมีจิตแพทย์คุยกับญาติๆก่อนไม่ใช่หรือคะ
เพราะน้าจำได้ว่า เค้าต้องสอบประวัติพ่อ แม่ พี่ น้องกับนักจิตวิทยาก่อนลงมือรักษา
ยิ่งตอนรักษาใหม่ๆ คนป่วยจะดื้อมาก อาละวาด เรื่องว่าตัวเองไม่บ้า ไม่เป็นอะไร เป็นกับทุกๆคน
:b2: ที่เค้ามีอาการน่ะค่ะ แต่หมอเค้าจะมีวิธีของเค้าที่จะเกลี้ยกล่มคนไข้ และจะมีนักจิตวิทยา
คอยพูดคุยให้คนไข้ได้ผ่อนคลาย แล้วเค้าก็จะเริ่มไว้ใจหมอมากขึ้น และสักพักเค้าจะเริ่มติดหมอค่ะ
:b12: แล้วถ้าเราหมั่นดูแลรักษา ต่อเนื่องเค้าก็จะกลับมาเป็นปรกติค่ะ
แต่ว่าต้องทานยาตลอดไปนะคะ เพราะโรคนี้เกิดจากการหลั่งสาร ในสมองของเราผิดปรกติ
(จำชื่อสารไม่ได้ ต้องขอโทษนะคะ) แล้วเค้าก็จะมีชีวิตเหมือนหนูได้
อย่าไปโกรธ หรือโทษ เค้าที่ทำให้พ่อหนูตาย ทำให้ใจเรามีอคติกับพี่เค้า เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็น
เรื่องธรรมดา เราสู้เอาใจมาสงสารพี่เรา ช่วยเค้าให้มีชีวิตต่อๆไป พี่ น้องเราก็ตัดกันไม่ได้นะคะ

น้องชายน้าป่วยขนาดไปนอนกลางถนนให้รถทับ ทุบรถ กระจกที่บ้านฟังเป็นแถบๆๆ :b32:
หยุดเรียน แบบปีเว้นปีเลยค่ะ แต่ปัจจุบันจนปริญญาโทด้านกฏหมายด้วยค่ะ [size=150]
ที่สำคัญกำลังใจ+ความเข้าใจ+ความเอื้ออาทร ของคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ[/size]
คิดเสียว่าเป็นกรรมเก่าของเค้าที่ต้องมาเป็นแบบนี้
พอเค้าเริ่มปรกติดี เราก็ค่อยๆดึงเค้าเข้ามาปฏิบัติธรรม แล้วเค้าจะรู้ได้เองเลยค่ะ
ถ้าเค้ายังแรงอยู่เรา เค้าไม่สนใจธรรมะหรอกค่ะ แต่ถ้าทุกอย่างในตัวเค้าสงบแล้วเค้าจะดีขึ้นเอง
อย่างตอนนี้เค้าก็สนใจธรรมะ ระดับหนึ่ง สวดมนต์ ไหว้พระ ใส่บาตร ทำบุญ เตรียมเสบียงไว้ค่ะ
:b13: ตอนนี้น้องชายน้า อายุ 44 ปี ยังหาหมออยู่ ทุก 2 เดือน แรกๆเรารักษาร.พ รัฐ ก่อนจะดี
เพราะจะมีหมอ+นักจิตวิทยา รักษาคู่กันไป แต่หลายปีมานี้ ก็เปลี่ยนมารักษา ร.พ.เอกชนค่ะ
เพราะแค่ไปคุยกับหมอปรกติ แล้วท่านก็จะจัดยามาให้ ยิ่งถ้ารักษากันนานๆ แบบน้องชาย คุณหมอก็
อนุญาติให้ไปซื้อยาเอง เพราะจะถูกกว่าตามโรงพยาบาล ถ้าเอกชนค่าหมอก็ครั้งละ 600 บาทเองค่ะ
ไม่ต้องไปเข้าคิวของรัฐให้เสียเวลา ทุกวันนี้น้องชายก็ไม่ถึง 100%นะคะ แค่99 % :b32: :b32:
:b40: ประมาณ 30 ปีมานี่ที่น้า+พี่ๆน้อง และยังมีพ่ออีกคนที่ช่วยเค้า อยู่ด้วยความรัก+สงสาร
เพราะยังไงเค้าก็เป็นน้องเรา พยายามสู้ๆนะคะ น้าเข้าใจแม่หนูนะคะ เพราะพ่อน้าก็เคยเป็นไม่ยอมรับ
กลัวลูกเสียประวัติ มีลูกชายคนเดียว อยากให้เป็นทหาร ส่วนน้องชายอยากเป็นผู้พิพากษา
:b40: ทุกวันนี้เค้าก็ไม่ได้ทำงานบริษัทที่ไหน แค่ที่บ้านมีกิจการเล็กๆ ให้เค้าดูแลเลี้ยงตัว+ครอบครัว
อยู่ในสังคมได้ แค่นี้พวกเราพี่ๆน้องๆก็คุ้มค่า ที่ต้องเหนื่อยกับเค้ามานานมากๆๆๆๆค่ะ
:b4: :b31: :b4: :b31: :b4: :b31: ต่อนะคะ น้าขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 00:13
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณในคำแนะนำ คุณ O.wan นะค่ะ
ดิฉันได้รับความรู้จากประสบการณ์ที่กรุณาถ่ายทอดให้ฟัง มากเลย ค่ะ น่าชื่นชมที่สามารถผ่านวิกฤต ปัญหามาได้ อยากให้ที่บ้านผ่านไปได้ด้วยดี อย่างที่คุณ O.wan เล่าให้ฟังจัง เลย ค่ะ
โรงพยาบาลที่ เคย พาไปรักษาเป็นโรงพยาบาลที่เชียงใหม่นะค่ะ เพราะใกล้บ้านมากกว่า ส่วนคุณหมอก็ ให้คำแนะนำเดิมๆ ซึ่งบางทีคุณแม่อาจจะใจร้อน ไม่เข้าใจวิธีการรักษาของหมอเท่าไรส่วนในความคิดดิฉันและน้องอยากให้เขาได้ เข้าไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลสักพักเหมือนกัน เพียงแต่ คนไข้ไม่ยอม

ดิฉันกับแม่เคยคิดเหมือนกันว่า โรงพยาบาล จะรักษาเหมือนกันทุกโรงพยาบาลไหม ...
คุณ O.wan ทำอย่างไร น้องชายคุณถึงได้ยอมไปรักษาที่โรงพยาบาล ละค่ะ ... ดิฉันนึกไม่ออก เท่าที่เคยเห็น เกือบทุกคน ต้องใช่กำลังบังคับ ซึ่งแม่ ก็ไม่อยากทำ

ทุกวันนี้ ก็ยัง ดีนะ ค่ะ เขา ก็ยังคุยรู้เรื่องอยู่อย่างน้อย ก็อยู่กับแม่ได้ เพียงแต่ไม่ยอมรับเท่านั้น ว่าป่วย ก็เลย มีปัญหากับการเรียนและคนรอบข้าง

ขอบคุณสำหรับกำลังใจและคำแนะนำ ขอบคุณค่ะ



O.wan เขียน:
:b12:อ่านคำตอบของแต่ละท่านแล้ว หนูlookwhy คงมีกำลังใจเกิน 100 แล้วนะคะ
ขอเล่านิดหนึ่งนะคะ
:b40: จากประสบการณ์คนอื่นร่วมและตนเองที่เคยมีญาติที่เป็นคนป่วยไปรักษาหลายคนที่กลับมา จากโรงพยาบาลจะไม่มีอาการคุมคลั่ง แต่จะเลื่อนลอย คิดทำอะไรเองไม่ได้ และพร้อมจะกลับมาอะลาวาด อีกทุกครั้งที่มีการกดดัน หรือไม่ทานยา
นี่คืออาการของคนที่เริ่มต้นรักษา ระยะแรกเมื่อกลับบ้านจะเป็นแบบนี้ค่ะ
แต่ถ้าเรารักษาอย่างต่อเนื่องตามคุณหมอสั่งจะค่อยๆดีขึ้นค่ะ
และหนูทำใจเลยค่ะ ว่าเราต้องรักษาเค้าไปตลอดชีวิต เพื่อพี่เราไงคะ
:b48: น้ามีประสบการณ์เองค่ะ เพราะน้องชายเป็นแบบนี้ มาตั้งแต่อายุสัก14-15 ปี
แรกๆพ่อก็รับไม่ได้ ทำทุกอย่างรดน้ำมนต์ เสกไข่ ถูกของ ทั้งหาพระ บวชเณร ไสยศาสตร์
สุดท้ายก็จบที่ส่งตัวเข้าโรงพยาบาลศรีธัญญา
:b48: แต่เวลาเราไปพบหมอ เค้าน่าจะมีจิตแพทย์คุยกับญาติๆก่อนไม่ใช่หรือคะ
เพราะน้าจำได้ว่า เค้าต้องสอบประวัติพ่อ แม่ พี่ น้องกับนักจิตวิทยาก่อนลงมือรักษา
ยิ่งตอนรักษาใหม่ๆ คนป่วยจะดื้อมาก อาละวาด เรื่องว่าตัวเองไม่บ้า ไม่เป็นอะไร เป็นกับทุกๆคน
:b2: ที่เค้ามีอาการน่ะค่ะ แต่หมอเค้าจะมีวิธีของเค้าที่จะเกลี้ยกล่มคนไข้ และจะมีนักจิตวิทยา
คอยพูดคุยให้คนไข้ได้ผ่อนคลาย แล้วเค้าก็จะเริ่มไว้ใจหมอมากขึ้น และสักพักเค้าจะเริ่มติดหมอค่ะ
:b12: แล้วถ้าเราหมั่นดูแลรักษา ต่อเนื่องเค้าก็จะกลับมาเป็นปรกติค่ะ
แต่ว่าต้องทานยาตลอดไปนะคะ เพราะโรคนี้เกิดจากการหลั่งสาร ในสมองของเราผิดปรกติ
(จำชื่อสารไม่ได้ ต้องขอโทษนะคะ) แล้วเค้าก็จะมีชีวิตเหมือนหนูได้
อย่าไปโกรธ หรือโทษ เค้าที่ทำให้พ่อหนูตาย ทำให้ใจเรามีอคติกับพี่เค้า เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันเป็น
เรื่องธรรมดา เราสู้เอาใจมาสงสารพี่เรา ช่วยเค้าให้มีชีวิตต่อๆไป พี่ น้องเราก็ตัดกันไม่ได้นะคะ

น้องชายน้าป่วยขนาดไปนอนกลางถนนให้รถทับ ทุบรถ กระจกที่บ้านฟังเป็นแถบๆๆ :b32:
หยุดเรียน แบบปีเว้นปีเลยค่ะ แต่ปัจจุบันจนปริญญาโทด้านกฏหมายด้วยค่ะ [size=150]
ที่สำคัญกำลังใจ+ความเข้าใจ+ความเอื้ออาทร ของคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดค่ะ[/size]
คิดเสียว่าเป็นกรรมเก่าของเค้าที่ต้องมาเป็นแบบนี้
พอเค้าเริ่มปรกติดี เราก็ค่อยๆดึงเค้าเข้ามาปฏิบัติธรรม แล้วเค้าจะรู้ได้เองเลยค่ะ
ถ้าเค้ายังแรงอยู่เรา เค้าไม่สนใจธรรมะหรอกค่ะ แต่ถ้าทุกอย่างในตัวเค้าสงบแล้วเค้าจะดีขึ้นเอง
อย่างตอนนี้เค้าก็สนใจธรรมะ ระดับหนึ่ง สวดมนต์ ไหว้พระ ใส่บาตร ทำบุญ เตรียมเสบียงไว้ค่ะ
:b13: ตอนนี้น้องชายน้า อายุ 44 ปี ยังหาหมออยู่ ทุก 2 เดือน แรกๆเรารักษาร.พ รัฐ ก่อนจะดี
เพราะจะมีหมอ+นักจิตวิทยา รักษาคู่กันไป แต่หลายปีมานี้ ก็เปลี่ยนมารักษา ร.พ.เอกชนค่ะ
เพราะแค่ไปคุยกับหมอปรกติ แล้วท่านก็จะจัดยามาให้ ยิ่งถ้ารักษากันนานๆ แบบน้องชาย คุณหมอก็
อนุญาติให้ไปซื้อยาเอง เพราะจะถูกกว่าตามโรงพยาบาล ถ้าเอกชนค่าหมอก็ครั้งละ 600 บาทเองค่ะ
ไม่ต้องไปเข้าคิวของรัฐให้เสียเวลา ทุกวันนี้น้องชายก็ไม่ถึง 100%นะคะ แค่99 % :b32: :b32:
:b40: ประมาณ 30 ปีมานี่ที่น้า+พี่ๆน้อง และยังมีพ่ออีกคนที่ช่วยเค้า อยู่ด้วยความรัก+สงสาร
เพราะยังไงเค้าก็เป็นน้องเรา พยายามสู้ๆนะคะ น้าเข้าใจแม่หนูนะคะ เพราะพ่อน้าก็เคยเป็นไม่ยอมรับ
กลัวลูกเสียประวัติ มีลูกชายคนเดียว อยากให้เป็นทหาร ส่วนน้องชายอยากเป็นผู้พิพากษา
:b40: ทุกวันนี้เค้าก็ไม่ได้ทำงานบริษัทที่ไหน แค่ที่บ้านมีกิจการเล็กๆ ให้เค้าดูแลเลี้ยงตัว+ครอบครัว
อยู่ในสังคมได้ แค่นี้พวกเราพี่ๆน้องๆก็คุ้มค่า ที่ต้องเหนื่อยกับเค้ามานานมากๆๆๆๆค่ะ
:b4: :b31: :b4: :b31: :b4: :b31: ต่อนะคะ น้าขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 17:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ขอบคุณค่ะ ที่คำอธิบายพอจะเป็นประโยชน์สำหรับหนู
แรกๆเค้าก็ไม่ยอมรับ+พ่อก็ไม่ยอม ค่ะอายคน แต่ที่สุดเราห่วงชีวิตเค้า เพราะดูมันจะยิ่งแรงขึ้นๆ
เลยใช้วิธี จับส่งแล้วหันหลังกลับเลย ปล่อยให้หมอเค้าจัดการ
ต้องใจแข็งมากๆ ค่ะ จำได้ว่า พอน้องร้องไห้เรา.. ร้องยิ่งกว่า เพราะเราเป็นพี่
ไม่รู้เค้าจะทำอย่างไรกับน้อง....จะกินข้าวไม๊.....จะถูกจับมัดกับเตียงไม๊.....
นี่คือปัญหา ที่พ่อแม่ทนไม่ได้ :b2: :b2: :b2:
น้าจำได้แม่นค่ะ เพราะพวกเราไม่มีแม่ พ่อก็ไม่ยอมทนดูไม่ได้
แต่น้องอยู่บ้านเราก็จะกลัวเค้าด้วย เพราะเวลาเค้าเครียด ทุกอย่างมันพังอย่างเดียว :b5:
เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล อยู่หลายปี เปลี่ยนหมอมาหลายคน
เพราะเราจะไม่เข้าใจในครั้งแรก จะคิดว่าหมอรักษาไม่ดี :b21:
:b48: แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็แนวเดียวกันหมดค่ะ ต้องใจเย็น+อาศัยเวลา เป็นบทสรุปค่ะ
:b48: ทุกวันนี้เวลาไหว้พระ สวดมนต์ ก็จะสวดเผื่อเค้าด้วย ได้ผลหรือไม่ก็ต้องทำค่ะ
เวลาเค้าโมโหเค้าจะทำแบบขาดสติ ทำให้พ่อร้องไห้ แต่พอเค้าสงบ เค้าจะคิดได้เอง
พ่อก็ยกโทษเวลาเค้าขอขมา พ่อรักเค้ามากเลย พ่อบอกว่ายังไม่อยากตายตอนนี้
เพราะรักแเละสงสารเค้า อยากอยู่กับเค้าไปนานๆ
:b40: บอกครอบครัวนะคะ ว่าต้องตัดใจเพราะเราไม่สามารถอยู่กับเค้าได้ตลอดไป
พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรไม่รู้ เราต้องให้เค้ากลับมาอยู่ได้ด้วยตัวเอง ในเวลาที่เราทำได้
ให้เค้าได้รักษาที่ถูกวิธีนะคะ เป็นกำลังใจให้อีกครั้งหนึ่งค่ะ :b4: :b4: :b4:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 00:13
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ ที่เล่าประสบการณ์ให้ฟัง
รบกวนถามอีกค่ะ
กรณีว่า เปลี่ยน หมอ เนี้ย หมายความว่าอย่างไรค่ะ
เข้าโรงพยาบาลออกมาแล้ว ไม่ดีเลยต้องเปลี่ยนหมอ หรือว่า เห็นว่ารักษาไม่ดีเลยเปลี่ยน หมอ ค่ะ
ดิฉันเองไม่อยากกดดันคุณแม่ค่ะพยายามพูดให้แม่เข้าใจ แต่ก็เหมือนว่าจะไม่อยากให้ไปอยู่ดี แต่คิดไว้เหมือนกันว่า....
ถ้าวันหนึ่งที่คุณแม่เองไม่สามารถที่จะดูแลพี่เขาได้ คงต้องให้ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ถึงอย่างไร ก็ขอบคุณนะค่ะ คุณทำให้ดิฉันเชื่อว่าสามารถที่จะช่วยแม่ ให้พ้นทุกข์ได้ ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

O.wan เขียน:
:b1: ขอบคุณค่ะ ที่คำอธิบายพอจะเป็นประโยชน์สำหรับหนู
แรกๆเค้าก็ไม่ยอมรับ+พ่อก็ไม่ยอม ค่ะอายคน แต่ที่สุดเราห่วงชีวิตเค้า เพราะดูมันจะยิ่งแรงขึ้นๆ
เลยใช้วิธี จับส่งแล้วหันหลังกลับเลย ปล่อยให้หมอเค้าจัดการ
ต้องใจแข็งมากๆ ค่ะ จำได้ว่า พอน้องร้องไห้เรา.. ร้องยิ่งกว่า เพราะเราเป็นพี่
ไม่รู้เค้าจะทำอย่างไรกับน้อง....จะกินข้าวไม๊.....จะถูกจับมัดกับเตียงไม๊.....
นี่คือปัญหา ที่พ่อแม่ทนไม่ได้ :b2: :b2: :b2:
น้าจำได้แม่นค่ะ เพราะพวกเราไม่มีแม่ พ่อก็ไม่ยอมทนดูไม่ได้
แต่น้องอยู่บ้านเราก็จะกลัวเค้าด้วย เพราะเวลาเค้าเครียด ทุกอย่างมันพังอย่างเดียว :b5:
เข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาล อยู่หลายปี เปลี่ยนหมอมาหลายคน
เพราะเราจะไม่เข้าใจในครั้งแรก จะคิดว่าหมอรักษาไม่ดี :b21:
:b48: แต่ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็แนวเดียวกันหมดค่ะ ต้องใจเย็น+อาศัยเวลา เป็นบทสรุปค่ะ
:b48: ทุกวันนี้เวลาไหว้พระ สวดมนต์ ก็จะสวดเผื่อเค้าด้วย ได้ผลหรือไม่ก็ต้องทำค่ะ
เวลาเค้าโมโหเค้าจะทำแบบขาดสติ ทำให้พ่อร้องไห้ แต่พอเค้าสงบ เค้าจะคิดได้เอง
พ่อก็ยกโทษเวลาเค้าขอขมา พ่อรักเค้ามากเลย พ่อบอกว่ายังไม่อยากตายตอนนี้
เพราะรักแเละสงสารเค้า อยากอยู่กับเค้าไปนานๆ
:b40: บอกครอบครัวนะคะ ว่าต้องตัดใจเพราะเราไม่สามารถอยู่กับเค้าได้ตลอดไป
พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรไม่รู้ เราต้องให้เค้ากลับมาอยู่ได้ด้วยตัวเอง ในเวลาที่เราทำได้
ให้เค้าได้รักษาที่ถูกวิธีนะคะ เป็นกำลังใจให้อีกครั้งหนึ่งค่ะ :b4: :b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


น้องลูกหวาย ก้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆนั่นแหละ ดีแล้ว คงไม่ใช่ว่าปุ๊บปั๊บ แล้วครอบครัวที่บ้านจะเปลี่ยนแปลง
ไปในทางที่ดีได้ทันที เหมือนจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยก้อาจจะไม่ใช่ คงค่อยๆดีขึ้น ซึ่งบางครั้งตัวเราเอง
ก้ยังอาจมองไม่ออกหรอก ก้ค่อยๆพิจารณาไป หัดปล่อยวางไป หัดดูแลจิตใจตัวเองไป แล้วก็หัด ถามคิด
ช่างสังเกต ต่อๆไป เพราะหากประคองตัวเองผ่านช่วงที่ตัวเองกำลังเรียนใกล้จะจบเทอมนี้ไปได้ โดยไม่
คิดมาก ไม่กังวลกับเรื่องพี่สาวมากไป ก้อาจทำให้ :b40:

1. สามารถประคับประคองการเรียนในเืทอมนี้ให้จบในเทอมนี้ได้ เพราะจิตเรามีสมาธิและไม่ทอดทิ้งการเรียน ร้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างในตอนนี้
2. กำลังใจที่มีอยู่ในการเรียนหว้งจะให้จบ กับความเชื่อมั่นที่ต้องการรักษาให้หาย ถึงแม้ไม่หายก็อาการ
เหล่านี้น้อยลง จนสามารถมายิ้มแย้มแล้วมีกำลังใจกันทั้งหมดในครอบครัวย่อมจะเกิดขึ้นตามมาได้ในที่สุด
นี่คือเหตุผลประการหลัง :b40:

บางครั้ง หรือในหลายๆครั้ง ก็มีบ้างที่ชีวิตจะล้มลุกคลุกคลาน จนแทบจะเอาตัวไม่รอด ว้าวุ่น กังวลหรือเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อปัญหาที่เราไม่ชอบมันเกิด และเกิดกับคนสนิท หรือเกิดกับเรา การที่ไม่ร้จักยอมแพ้ง่าย
และหัดแก้ไขแบบง่ายๆธรรมดา ไปเรื่อยๆ ไม่หนีปัญหา ไม่ทอดทิ้งปัญหา มันจะเป็นการดีที่สุดในการที่จะแก้ปัญหาที่ยากที่สุดของเราในตอนนี้ให้ค่อยๆอ่อนกำลังลง ให้ค่อยคลี่คลาย น้องอาจจะสงสัยสวดมนต์ไปทำไม ตักบาตรไปเพื่ออะไร ถึงตอนนี้อาจจะหายสงสัยมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อไรที่่น้องลูกหวายแก้ปัญหาที่ยากนี้ได้ และผ่านไปด้วยดี เราจะรู้สึกขอบคุณคุณความดีที่เราและแม่เราได้ช่วยกันพากันทำต่างๆนาๆที่แล้วมา สามารถยืนยันคำตอบในคำถามด้วยตัวเอง ว่าคือที่พึ่งยามยากและช่วยเราได้จริงๆ
ปล.. เมื่อคืนนี้พี่สวดมนต์ภาวนา แล้วนึกถึงเรา แล้วอวยพรใ้ห้เธอโชคดีมีชัย กลางวันพี่ก้เลยมาโพสทต์ถามไว้ คิดว่าถ้าเธอได้อ่านก็ร้สึกดีขึ้น และมีคนมาช่วยให้แง่คิด และทักทายสิ่งดีๆเพิ่มเติมเข้ามาอีก ซึ่งมันก็จริงๆด้วย [หากไม่โพสต์ ก็อ่านจะไม่ได้เห็นลูกหวายมาตอบ] :b16:
:จึงจะเรียกได้เลยว่า ..."ชีวิตไม่สิ้นหวัง"

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 19:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว





http://www.youtube.com/watch?v=S5JAVk3Qwi8


:b48: ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Lookwhy นะคะ :b48:
นำบทแผ่เมตตา(ภาษาบาลี) มาฝากค่ะ ลองเข้าไปเลือกฟังดูนะคะ
:b44: จะทำให้จิตใจสงบขึ้นค่ะ :b44:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 10:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 00:13
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณคุณอินทรีย์ 5 อีกครั้งนะค่ะที่ให้กำลังใจและความปราถนาดี กับดิฉัน และครอบครัว
ดิฉันและคุณแม่ จะพยายามทำตามคำแนะนำของทุกท่านค่ะ ปัญหาย่อมแก้ไปที่ละอย่าง
ขอบคุณสำหรับคำสวดมนต์ภาวนา คำอวย พร ขอให้บุญกุศลในครั้งนี้ส่งผลให้คุณอินทรีย์ 5 มีความสุขกาย สุขใจ ด้วยนะค่ะ


อินทรีย์5 เขียน:
น้องลูกหวาย ก้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆนั่นแหละ ดีแล้ว คงไม่ใช่ว่าปุ๊บปั๊บ แล้วครอบครัวที่บ้านจะเปลี่ยนแปลง
ไปในทางที่ดีได้ทันที เหมือนจากหลังมือเป็นหน้ามือเลยก้อาจจะไม่ใช่ คงค่อยๆดีขึ้น ซึ่งบางครั้งตัวเราเอง
ก้ยังอาจมองไม่ออกหรอก ก้ค่อยๆพิจารณาไป หัดปล่อยวางไป หัดดูแลจิตใจตัวเองไป แล้วก็หัด ถามคิด
ช่างสังเกต ต่อๆไป เพราะหากประคองตัวเองผ่านช่วงที่ตัวเองกำลังเรียนใกล้จะจบเทอมนี้ไปได้ โดยไม่
คิดมาก ไม่กังวลกับเรื่องพี่สาวมากไป ก้อาจทำให้ :b40:

1. สามารถประคับประคองการเรียนในเืทอมนี้ให้จบในเทอมนี้ได้ เพราะจิตเรามีสมาธิและไม่ทอดทิ้งการเรียน ร้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างในตอนนี้
2. กำลังใจที่มีอยู่ในการเรียนหว้งจะให้จบ กับความเชื่อมั่นที่ต้องการรักษาให้หาย ถึงแม้ไม่หายก็อาการ
เหล่านี้น้อยลง จนสามารถมายิ้มแย้มแล้วมีกำลังใจกันทั้งหมดในครอบครัวย่อมจะเกิดขึ้นตามมาได้ในที่สุด
นี่คือเหตุผลประการหลัง :b40:

บางครั้ง หรือในหลายๆครั้ง ก็มีบ้างที่ชีวิตจะล้มลุกคลุกคลาน จนแทบจะเอาตัวไม่รอด ว้าวุ่น กังวลหรือเป็นอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อปัญหาที่เราไม่ชอบมันเกิด และเกิดกับคนสนิท หรือเกิดกับเรา การที่ไม่ร้จักยอมแพ้ง่าย
และหัดแก้ไขแบบง่ายๆธรรมดา ไปเรื่อยๆ ไม่หนีปัญหา ไม่ทอดทิ้งปัญหา มันจะเป็นการดีที่สุดในการที่จะแก้ปัญหาที่ยากที่สุดของเราในตอนนี้ให้ค่อยๆอ่อนกำลังลง ให้ค่อยคลี่คลาย น้องอาจจะสงสัยสวดมนต์ไปทำไม ตักบาตรไปเพื่ออะไร ถึงตอนนี้อาจจะหายสงสัยมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เมื่อไรที่่น้องลูกหวายแก้ปัญหาที่ยากนี้ได้ และผ่านไปด้วยดี เราจะรู้สึกขอบคุณคุณความดีที่เราและแม่เราได้ช่วยกันพากันทำต่างๆนาๆที่แล้วมา สามารถยืนยันคำตอบในคำถามด้วยตัวเอง ว่าคือที่พึ่งยามยากและช่วยเราได้จริงๆ
ปล.. เมื่อคืนนี้พี่สวดมนต์ภาวนา แล้วนึกถึงเรา แล้วอวยพรใ้ห้เธอโชคดีมีชัย กลางวันพี่ก้เลยมาโพสทต์ถามไว้ คิดว่าถ้าเธอได้อ่านก็ร้สึกดีขึ้น และมีคนมาช่วยให้แง่คิด และทักทายสิ่งดีๆเพิ่มเติมเข้ามาอีก ซึ่งมันก็จริงๆด้วย [หากไม่โพสต์ ก็อ่านจะไม่ได้เห็นลูกหวายมาตอบ] :b16:
:จึงจะเรียกได้เลยว่า ..."ชีวิตไม่สิ้นหวัง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 10:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 00:13
โพสต์: 36


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ค่ะ
ตอนนี้ดิฉันสบายใจขึ้นบางแล้วค่ะ แม้ ว่าปัญหาจะไม่ถูกแก้หมดทุกอย่าง อย่างน้อยผู้คนในเว็บบอรด์นี้ก็ทำให้ดิฉัน ยิ้ม ได้บาง ขอบคุณสำหรับบทแผ่เมตตา และ กำลังใจ ค่ะ ขอบคุณค่ะ

Bwitch เขียน:



http://www.youtube.com/watch?v=S5JAVk3Qwi8


:b48: ขอเป็นกำลังใจให้คุณ Lookwhy นะคะ :b48:
นำบทแผ่เมตตา(ภาษาบาลี) มาฝากค่ะ ลองเข้าไปเลือกฟังดูนะคะ
:b44: จะทำให้จิตใจสงบขึ้นค่ะ :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2009, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: คะหนู lookwhy ขออธิบายต่อ
ที่บอกว่าเปลี่ยนหมอเพราะ ความรู้สึกของพี่น้องเราก็จะตั้งเป้าว่า หลังจากที่หาหมอมาเค้าจะดีขึ้นทันที
แต่มันไม่ใช่น่ะค่ะ
:b48: ครั้งแรกเค้าจะซึมเบลอๆ หรือไม่ก็จะจำเราไม่ได้เลยหรือจำได้แล้วก็อยากจะกลับบ้าน
ไม่อยากทำกลุ่ม
(หมายถึงการรักษาที่เอาคนไข้อาการดีขึ้น มาทำกิจกรรมร่วมกัน แบ่งปันความคิด ร้องเพลง ฯ)
:b48: เค้าจะไม่อยากอยู่กับคนอื่นที่ดูเหมือนที่มีอาการมากๆ เพราะเค้าคิดว่าไม่ได้เป็นอะไร
คนที่บ้านไม่เข้าใจ ทั้งขู่เรา ด่าว่า สารพัด ซึ่งที่จริงแล้วเป็นวิธีการของหมอน่ะค่ะ
:b48: ถ้าอยู่ร.พ.เวลาญาติคุยกับหมอจะ ไม่ให้เวลามาก เหมือนวันแรกๆที่เราเอาเค้าไปรักษา
แล้วเหมือนน้องเราก็ไม่ดีขึ้น (เพราะเราจะใจร้อน) เลยอยากเอาเค้ากลับ เอาไปรักษาร.พ.อื่นๆ
เพราะกรุงเทพมีหลายร.พ.ไงคะ
:b48: เป็นความคิดที่ผิดเลยค่ะ เพราะเราไปที่ใหม่ก็เหมือนไปเริ่มต้นใหม่ ครั้งแล้วครั้งเล่า
การรักษาก็ไม่ต่อเนื่อง เคยเอาเข้าร.พเอกชน ที่หนึ่งนะคะ หมอเสนอวิธี ช๊อตด้วยไฟฟ้า รับรองผล
แต่น้ากลัวแค่ฟังก็น่ากลัวแล้ว ก็ไม่ยอม สุดท้ายก็ต้องกลับมารักษาหมอรัฐที่เดิมค่ะ
:b48: เชื่อวิธีการของหมอให้มากที่สุด+เวลา+ยา สำคัญมากค่ะ
:b48: อย่าลืมว่า ถ้าเค้าหายดีเหมือนปรกติ อย่าหยุดหาหมอ+ยา เป็นอันขาดค่ะ
ทำตามที่หมอสั่ง เราต้องคอยสังเกตนะคะ พอเค้าดีขึ้นเค้าจะแอบไม่กินยา หมออาจจะนัด 6 เดือน
หรือหนึ่งปีก็ต้องไปนะคะ และยาบางตัวจะทำให้ตัวบวม(บางชนิดนะคะ) เหมือนอ้วนเค้าก็จะไม่ทาน
กำลังใจสำคัญมากๆนะคะ
ที่สำคัญอีกอย่างเค้าจะคิดมาก ถ้ามีคนรู้ว่าเค้าป่วย ต้องให้คนภายนอกรู้น้อยที่สุดนะคะ ถ้าหนูมีอะไรสงสัยก็ถามมาได้เลยนะคะ เพราะตลอด 30 ปีมาครอบครัวผ่านมาได้ คิดว่าตัวเอง
มีประสบการณ์มากๆค่ะ
ขอเป็นกำลังใจให้มากๆค่ะ และรู้ว่าหนู+ครอบครัวจะผ่านมันไปได้ค่ะ

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 84 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร