วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 16:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2008, 13:37
โพสต์: 13

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

กิจกรรมหลังความตาย

กรณีที่มีผู้เสียชีวิตในบ้าน : หากเสียชีวิตด้วยโรคปัจจุบันทันด่วน อาทิ โรคลม โรคชรา เจ้าบ้านซึ่งมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตเทศบาล จะต้องเข้าแจ้งแก่นายทะเบียนเทศบาล และหากอาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล ให้แจ้งแก่ที่ว่าการอำเภอหรือผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล ภายใน 24 ชั่วโมง

สำหรับในกรณีเสียชีวิตด้วยสาเหตุ 5 ประการ ได้แก่ การฆ่าตัวตาย, การถูกคนทำให้ตาย, อุบัติเหตุ, สัตว์ทำให้ตาย และการตายโดยไม่ทราบสาเหตุ การเสียชีวิตในลักษณะดังกล่าว จะต้องแจ้งตำรวจท้องที่ให้รับทราบ เพื่อส่งศพไปผ่าพิสูจน์ ณ สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ หรือโรงพยาบาลของรัฐเมื่อสถาบันนิติเวชออกหนังสือรับรองสาเหตุของการตายแล้ว เจ้าบ้านซึ่งมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตเทศบาล จะต้องเข้าแจ้งแก่นายทะเบียนเทศบาล และหากอาศัยอยู่นอกเขตเทศบาล ให้แจ้งแก่ที่ว่าการอำเภอหรือผู้ใหญ่บ้านประจำตำบล ภายใน 24 ชั่วโมง

กรณีที่เสียชีวิตที่โรงพยาบาล : เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลหรือญาติผู้ตาย จะแจ้งต่อนายทะเบียนเทศบาลหากโรงพยาบาลตั้งอยู่ในเขตเทศบาล สำหรับกรณีอยู่นอกเขตเทศบาลให้แจ้งแก่ที่ว่าการอำเภอ ภายใน 24 ชั่วโมง

รูปภาพ

สวดศพวัดไหน?

การตัดสินใจเคลื่อนย้ายศพไปตั้งสวดพระอภิธรรมที่วัดใด จึงจะเหมาะสม ประเด็นหลักสำคัญ ที่ญาติผู้เสียชีวิตมักพิจารณา ได้แก่
1. วัดหลวง สำหรับผู้ที่ประกอบคุณงามความดี เมื่อสิ้นชีวิตลงและหากได้รับ "พระราชทานเพลิงศพ" ญาติมิตรของผู้เสียชีวิตมักจะเคลื่อนย้ายศพ
ผู้ตายไปประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ วัดหลวงเป็นส่วนใหญ่
2. วัดใกล้บ้าน เป็นวัดทั่วๆ ไป การเลือกวัดที่ไม่ไกลจากที่พักอาศัย จะช่วยร่นระยะเวลาการเดินทางของเจ้าภาพได้ ทำให้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยมาก
3. วัดในสังกัด ผู้เสียชีวิตบางราย รับราชการเป็นตำรวจหรือทหาร เมื่อสิ้นชีวิตลง ญาติๆก็จะนำศพไปตั้งสวดอภิธรรมที่วัดในสังกัด เช่น ฌาปนกิจสถานของตำรวจอยู่ที่วัดตรีทศเทพฯ ย่านวิสุทธิกษัตริย์

ค่าใช้จ่ายเท่าไร ?

จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ประจำวัดขนาดใหญ่และขนาดกลางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สรุปค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพในวัด ซึ่งประกอบด้วยค่าใช้จ่ายสำคัญ 2 ส่วน ได้แก่ ค่าบำรุงในการสวดพระอภิธรรม และค่าบำรุงในการเผาศพ มีรายละเอียดดังนี้...

1. ค่าบำรุงในการสวดพระอภิธรรม : วัดขนาดเล็กทั่วไปมักจะกำหนด อัตราค่าศาลา 500 บาท/คืน ส่วนวัดขนาดใหญ่มักจะเรียกเก็บค่าบำรุงเพิ่มขึ้นเท่าตัวคือ 1,000 บาท/คืน และค่าบำรุงจะสูงถึง 2,500 บาท/คืน สำหรับศาลาที่ติดเครื่องปรับอากาศ

2. ค่าบำรุงในการเผาศพ ในขั้นตอนการเผาศพ มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ดังนี้
• ค่าเมรุ : ส่วนใหญ่จะเก็บค่าบำรุงประมาณ 500 - 1,000 บาท
• ค่าเผาศพ : การเผาแบบเตาถ่านทางวัดจะเรียกค่าบำรุงจากเจ้าภาพประมาณ 250 - 300 บาท ส่วนการเผาด้วยน้ำมันจะมีราคาแพงกว่า คือ 500 - 1,000 บาท
• ค่าบริการ : สัปเหร่อวัดมักจะได้รับจากเจ้าภาพ คิดเฉลี่ยวันละ 50 บาท ส่วนในวันเผา ผู้ที่ทำหน้าที่ในการเผาศพ จะมีรายได้ประมาณ 300 บาท
• ค่าธรณีสงฆ์ : วัดส่วนใหญ่จะมีบริการ “โกดังเก็บศพ” ภายในบริเวณวัด โดยเสียค่าบำรุงวัด 500 - 1,000 บาท

รูปภาพ

นอกจากค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวกับวัดแล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ แยกพิจารณาออกเป็น 4 รายการ หลักๆ คือ

1. ค่าโลงศพ : ราคาค่าโลงศพจะแตกต่างกันออกไป โดยมีราคาต่ำสุดประมาณ 3,000 บาท และสูงสุดถึง 200,000 บาท
2. ค่าดอกไม้ประดับหีบศพและเมรุ : ค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันตามประเภทของดอกไม้ ซึ่งมีราคาประมาณ 1,500 - 5,000 บาท
3. ค่าอาหาร : ค่าใช้จ่ายมักจะตกอยู่ในวงเงินประมาณ 1,000 - 3,000บาทต่อคืน
4. ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด : ได้แก่ ค่าสายสิญจน์ ผ้าขาว ค่าปัจจัยถวายพระในแต่ละคืนที่สวดอภิธรรม ค่าดอกไม้จันทน์ รวมทั้งค่าของระลึกในงานเผาศพ รวมเบ็ดเสร็จเฉลี่ยประมาณ 1,000 - 5,000 บาท

โดยสรุป ค่าใช้จ่ายในการประกอบพิธีศพ 1 ราย ในวัดไทย (สวดพระอภิธรรมและเผาศพ) มีประมาณค่าใช้จ่ายในอัตรา ดังนี้

* การตั้งสวดพระอภิธรรม 3 วัน... ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำประมาณ 12,000 - 15,000 บาท
* การตั้งสวดพระอภิธรรม 5 วัน ... ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำประมาณ 16,000 - 20,000 บาท
* การตั้งสวดพระอภิธรรม 7 วัน ... ค่าใช้จ่ายอย่างต่ำประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป

สัปเหร่อ

สัปเหร่อในอดีต มักจะตั้งมั่นอยู่ในศีล ยึดถือธรรมะเป็นหลักในการดำเนินชีวิต โดยเชื่อกันว่าสัปเหร่อมักมี “คาถา” พิเศษสำหรับป้องกันตัว หรือสยบวิญญาณร้าย สำหรับด้านรายได้ของสัปเหร่อนั้น สัปเหร่อวัดเล็กๆ จะมีรายได้ประมาณ 1,500 -3,000 บาทต่อเดือน แตกต่างจากสัปเหร่อวัดกลางกรุงที่มีราย
ได้ค่อนข้างดี เช่น วัดขนาดใหญ่ในเขตกรุงเทพฯ ย่านหัวลำโพง หากมีญาติผู้ตายตั้งสวดพระอภิธรรมเป็นระยะเวลา 2 วัน สัปเหร่อจะมีรายได้ถึง 1,200 บาท/งาน และถ้าตั้งสวดพระอภิธรรม 3 วัน สัปเหร่อจะมีรายได้ 1,500 บาท/งาน ถ้าเดือนไหนงานชุก สัปเหร่อตามวัดขนาดใหญ่ในกรุง อาจมีรายได้ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน

หน้าที่ของสัปเหร่อนั้น เริ่มต้นตั้งแต่การเคลื่อนย้ายศพเข้าไปในบริเวณวัด จนกระทั่งส่งศพขึ้นบนเตาเผา เผา และเก็บกระดูกและเถ้า ซึ่งเป็นงานบริการที่ค่อนข้างหนักและเหนื่อย.

รูปภาพ

ปริศนาธรรมในงานศพ

1. มัดตราสังข์สามเปราะ มัดที่คอ หมายถึง บ่วงรักลูก มัดที่มือ หมายถึง บ่วงรักสามี - ภรรยา มัดตรงข้อเท้า หมายถึง บ่วงรักทรัพย์สมบัติ ติดอยู่สามบ่วงนี้ ไปนิพพานไม่ได้ ต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏไม่มีจบสิ้น

2. เคาะโลงรับศีล ไม่ใช่ให้คนตายมารับศีล แต่เพื่อเป็นการบอกคนที่มาร่วมงานว่า อย่าเอาแต่มัวประมาทขาดสติ ไม่สนใจในหลักธรรมคำสอน เมื่อตายไปหมดโอกาสทำความดี จะเคาะจนโลงแตกก็ลุกขึ้นมาไม่ได้

3. สวดอภิธรรม มักสวดเป็นภาษาบาลี คนเป็นฟังไม่รู้เรื่อง จึงนึกว่าสวดให้คนตาย แต่จริงๆ แล้วเป็นการสวด เพื่อสอนคนที่ยังมีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้นำหลักธรรม ไปปฏิบัติให้เกิดผลดีในชีวิตประจำวัน ดังนั้นแม้จะฟังไม่เข้าใจแต่เพื่อให้การฟังสวดอภิธรรมเกิดผล ควรสำรวมส่งจิตไปอยู่กับเสียงพระสวด ให้จิตสงบนิ่งอยู่กับเสียงพระสวดก็จะเกิดสมาธิจิตได้

4. บวชหน้าไฟ มักเข้าใจกันว่า เป็นการบวชจูงผู้ตายขึ้นสวรรค์ ความจริงนั้น ไม่ใช่ เพราะการบวชหน้าไฟ เป็นการปลงธรรมสังเวชต่อการเกิด แก่ เจ็บ และตายในที่สุด มนุษย์ก็มีเท่านี้ ทำให้เกิดการเบื่อหน่ายต่อชีวิตในโลกียวิสัย ไม่ประสงค์จะอยู่ในเพศฆราวาส แล้วพอใจในสมณเพศ มุ่งปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น เข้าสู่มรรคผลนิพพาน

5. การนิมนต์พระจูงออกหน้าศพ เพื่อจะสอนคนที่ยังอยู่ให้ได้สำนึกว่าตอนที่ยังอยู่ ต้องเดินตามหลังพระ หมายความว่าให้ดำเนินชีวิตตามพระธรรมคำสั่งสอนพระพุทธเจ้านั่นเอง จึงจะอยู่ดีมีสุข มีความเจริญก้าวหน้า

6. การเวียนซ้าย 3 รอบ หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้งสามอันมี กามภพ รูปภพ อรูปภพ ด้วยอำนาจกิเลส ตัณหาอุปทาน ก็จะเป็นทุกข์ไม่จบสิ้น ฉะนั้นต้องทวนกระแสกิเลส เป็นการสอนธรรมชั้นสูง จึงได้พาศพเวียนซ้าย

7. การใช้น้ำมะพร้าวล้างหน้าศพ เพื่อชี้ให้เห็นว่า น้ำมะพร้าวเป็นน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ผู้เข้าสู่มรรคผลนิพพาน ต้องชำระจิตให้สะอาดด้วยน้ำทิพย์จากพระธรรม

8. การแปรรูป หลังจากเผาแล้ว มีการเก็บอัฐิและมีการเขี่ยขี้เถ้าผู้ตายให้เป็นรูปร่างกลับไปกลับมา เพื่อจะบอกว่าได้กลับชาติใหม่แล้วตามวิบากของกรรมต่อไป

ทีนี้มาเข้าเรื่องที่ผมต้องการจะสื่อถึงทุกท่านก็คือ ตายแล้วไปไหน
ถ้าท่านต้องการทราบว่า ตายแล้วไปไหน กดลิงค์ที่ข้างล่างเลยครับ

http://www.thaisquare.com/Dhamma/afterd ... retogo.htm

----------------------------------------------------------

เจริญในธรรมครับ
hs6kjg

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2009, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ม.ค. 2009, 11:09
โพสต์: 41


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขออนุโมทนา

.....................................................
ทุกข์เท่านั้นที่เกิดทุกข์เท่านั้นที่คงอยู่ทุกข์เท่านั้นที่ดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1855

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: คิดว่า ตายไปแล้วจะหมดห่วง ไม่ยุ่งยากซะอีก
กลายเป็น คนที่ยุ่งยากคือ ผู้ยังมีชีวิตอยู่

:b8: อนิจจัง วัฏสังขารา สาธุ..

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 15:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 15:32
โพสต์: 109

แนวปฏิบัติ: พุทโธ
งานอดิเรก: ฟังเพลง ดูหนัง ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ณ มรณา
ชื่อเล่น: ไอช์
อายุ: 22

 ข้อมูลส่วนตัว


อนิจจัง วัฏสังขารา สาธุ..
:b8: :b8: :b8:

:b53: ทุกสิ่งล้วนมีการดับสูญ :b53:

.....................................................
การไม่ทำบาปทั้งปวง...
การยังกุศลให้ถึงพร้อม...
การทำจิตของตนให้สะอาดผ่องใส...


>>>สิ่งใดๆในโลกนี้ล้วนอนิจจัง<<<


แก้ไขล่าสุดโดย admin เมื่อ 02 พ.ย. 2009, 15:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.ค. 2009, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2009, 20:12
โพสต์: 791

แนวปฏิบัติ: พุทโธและสัมมาอรหัง
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ใต้ร่มโพธิญาณ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความพลัดพราก เป็นทุกข์

.....................................................
ข้าพเจ้าขออาราธนาพระบารมี 30 ทัศ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เสด็จนิพพานไปแล้ว มากยิ่งกว่าเม็ดกรวดเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง 4 ด้วยเดชะพระพุทธานุภาพ พระธรรมมานุภาพ พระสังฆานุภาพ พระบารมีพระโพธิสัตว์ พระปัจเจกโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์ทั้งหลายและพระบารมีขององค์พระสมณะโคดมบรมครู ขอได้ส่งพลังมายังตัวข้าพเจ้า จงดลบันดาลให้ข้าพเจ้าหายจากโรคภัยไข้เจ็บและสรรพเคราะห์ทั้งหลายในกายของข้าพเจ้า จงหายไปสิ้นทั้งหมดขอให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ชนะต่ออุปสรรคและมารทั้งหลาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ค. 2009, 20:44
โพสต์: 341

ที่อยู่: ภาคตระวันออก

 ข้อมูลส่วนตัว


[size=150]กามาวจรโสภณจิต คือ จิตที่ดีงามเป็นไปในกามภูมิ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
1 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหากุสลจิต มี 8 ดวง
2 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหาวิปากจิต มี 8 ดวง
3 :b8: กามาวจรโสภณกุศลจิต :b42: หรือเรียกว่า มหากิริยาจิต มี 8 ดวง


:b8: [size=150]มหากุศลจิต คือ จิตที่เป็นความดี มีจำนวนมากที่ใหญ่กว่ากุศลทั้งหลาย ยิ่งทำยิ่งเพิ่มพูนขึ้น มีธรรมชาติประหานอกุศล มีประโยชน์มาก กว่ากุศลอื่นๆ เพราะพระอริยเจ้าเหล่าใด ได้มีแล้วในอดีตกาล และจะมีในอนาคตกาล และปรากฎอยู่ในปัจจุบันนี้ ย่อมอาศัยมหากุศลจิต 8 ดวง นี้เป็นมูลเป็นบันใด แล้วเข้าสู่พระนิพพาน[ ดังจะแสดงชื่อดังต่อไปนี้

ดวงที่ 1 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณสมฺปยุตํ อสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง/size]/size] ดวงที่ 2 ชื่อว่า โสมมนสฺสสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยดีใจ ประกอบด้วย ปัญญา โดยชักนำ 1 ดวง
ดวงที่ 3 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ
แปลว่า ชื่อว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 4 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความดีใจ ไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 5 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความเฉยๆ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 6 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า
จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมความเฉยๆ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 7 ชื่อว่า โสมนสฺสสหตํ ญาณวิปฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความวางเฉยๆไม่ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 7 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความวางเฉยๆไม่ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง ดวงที่ 8 ชื่อว่า อุเปกฺขาสหคตํ ญาณสมฺปยุตฺตํ สสงฺขาริกเมกํ แปลว่า จิตมหากุศลที่เกิดพร้อมด้วยความวางเฉยๆไม่ ประกอบด้วย ปัญญา โดยไม่มีการชักนำ 1 ดวง

:b42: :b42: เทพบุตร :b43: :b25:

:b8: ขอทุกท่านมีดวงตาเห็นธรรมทุกท่านเทอญ :b42:

.....................................................
การให้ธรรมะเป็นทานชนะการให้ท้งปวง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โอ้โห!!


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2007, 13:41
โพสต์: 51

อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุคับ เป็นประโยชน์ต่อผู้อยู่ข้างหลังที่ไม่รู้ เป็นอย่างมากเลยคับ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 11:03
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


มีความพอเพียง ก้น่าจะเป้นสุขได้นะ
ตามมีตามเกิดน่ะ สมฐานานุรูป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2009, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


cool

ได้เหตุผลที่ดีในการ"บริจาค"ร่างกายแล้วครับ..

tongue smiley :b46: :b47: :b48:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2010, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร