วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 23:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2019, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
ในภาพ...นางวิสาขามหาอุบาสิกา พร้อมหมู่เพื่อนหญิงบริวาร
ได้ขอสมาทานถวาย “ผ้าอาบน้ำฝน” ที่เรียกสั้นๆ ว่า ผ้าอาบ
หรือ “ผ้าวัสสิกสาฎก” (อ่านว่า วัด-สิ-กะ-สา-ดก)
แด่พระพุทธเจ้าและพระภิกษุสงฆ์จนตลอดชีวิต
ซึ่งสมัยนั้นยังมิได้มีพุทธบัญญัติการถือครองผ้าเกิน ๓ ผืน


:b8: :b8: :b8:

ผ้าอาบน้ำฝน หรือ ผ้าวัสสิกสาฎก (อ่านว่า วัด-สิ-กะ-สา-ดก)
คือผ้าที่พระสงฆ์ใช้ผัดเปลี่ยนเวลาสรงน้ำ มีคติเหมือนผ้าขาวม้า
เป็นผ้าที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระสงฆ์ใช้ได้เป็นผืนที่ ๔
นอกเหนือจากผ้าไตรจีวร
และทรงอนุญาตให้พระสงฆ์รับถวายได้ก่อนเข้าพรรษา ๑ เดือน
ที่เรียกว่า ผ้าอาบน้ำฝน เพราะเป็นผ้าที่ถวายกันในต้นฤดูฝน
โดยมี “นางวิสาขามหาอุบาสิกา” เป็นคนแรก
ที่ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระสงฆ์ในสมัยพุทธกาล
จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน


:b39:

สำหรับต้นเหตุการถวายผ้าอาบน้ำฝนนั้น
สมัยก่อน พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุ
ใช้ผ้าเพียงสามผืนเท่านั้น คือ จีวร (ผ้าห่ม เรียกว่า อุตราสงค์)
สบง (ผ้านุ่ง เรียกว่า อัตราวาสก) สังฆาฏิ (ผ้าห่มซ้อน)
เฉพาะผ้าสังฆาฏินั้น ปัจจุบันนี้พระสงฆ์ไทยเอามาพาดบ่า
เป็นสายสะพายไปเสียแล้ว
สมัยพุทธกาลใช้ห่มซ้อนเวลาอากาศหนาวมาก
ในพุทธประวัติปรากฏว่า พระพุทธองค์ทรงใช้ปูลาดสำหรับบรรทมด้วย
ดังพระอานนท์ได้ลาดผ้าสังฆาฏิถวายให้พระพุทธองค์บรรทม
ขณะเสด็จถึงแม่น้ำกกุธานที
ก่อนที่จะเสด็จไปดับขันธปรินิพพานที่กรุงกุสินารา

พระสงฆ์สมัยพุทธกาลนั้น เวลาอาบน้ำ
ก็เปลือยกายอาบน้ำกันเพราะไม่มีผ้านุ่งอาบน้ำ
จนนางวิสาขาเห็นความลำบากของพระสงฆ์
จึงขอพรจากพระพุทธเจ้า ขอถวายผ้าสำหรับอาบน้ำแก่พระสงฆ์

เรื่องมีว่า วันหนึ่งนางวิสาขาทูลอาราธนาพระพุทธองค์
พร้อมภิกษุสงฆ์ไปเสวยภัตตาหารที่บ้านของตนในวันรุ่งขึ้น
พระพุทธองค์ทรงรับด้วยดุษณีภาพ (คือรับด้วยอาการนิ่ง)
นางกลับถึงบ้าน ก็สั่งเตรียมอาหารไว้สำหรับถวายพระในวันรุ่งขึ้น
บังเอิญว่าตอนเช้ามืดฝนตกหนัก
ภิกษุทั้งหลายก็พากันอาบน้ำก่อนที่จะไปฉันข้าว
นางวิสาขาสั่งให้สาวใช้ไปนิมนต์พระ
หลังจากตระเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว
สาวใช้ไปที่วัดพระเชตวัน
บังเอิญพระคุณเจ้าบางรูปยังอาบน้ำไม่เสร็จ
สาวใช้แลไปเห็นพระคุณเจ้าเปลือยกายล่อนจ้อนอาบน้ำอยู่
ก็รีบกลับไปรายงานนายหญิงว่า

“ไม่มีพระสงฆ์อยู่เลยเจ้าค่ะ”

“ไม่มีได้อย่างไร
ฉันนิมนต์พระพุทธองค์พร้อมภิกษุสงฆ์ไว้แล้ว เมื่อวานนี้”
นางวิสาขาสงสัย

“ไม่มีจริงๆ เจ้าค่ะ เห็นแต่พวกชีเปลือยเต็มวัดไปหมดเลย”
สาวใช้ยืนยัน


สาวใช้เข้าใจอย่างนั้นจริงๆ เพราะในอินเดียสมัยนั้น (สมัยนี้ก็ยังมีอยู่)
นักบวชประเภทไม่นุ่งผ้ามีเป็นจำนวนมาก
อย่าง
พระเชน (ศิษย์ของศาสดามหาวีระ หรือนิครนถนาฏบุตร)
และพวกอเจลกะก็ไม่นุ่งผ้า
ท่านเหล่านี้ได้รับความนับถือบูชาจากชาวชมพูทวีป
ไม่น้อยไปกว่าพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา

นางวิสาขาเป็นคนฉลาด พอได้ยินสาวใช้รายงานเช่นนั้น
ก็รู้ทันทีว่าอะไรเป็นอะไร
เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์เสวยภัตตาหารเสร็จ
นางวิสาขาจึงกราบทูลขอพรจากพระพุทธองค์

“เราตถาคตเลิกให้พรแล้ว วิสาขา” พระพุทธองค์ตรัส

“ได้โปรดเถิด หม่อมฉันทูลขอพรที่เหมาะสม ไม่มีโทษพระพุทธเจ้าข้า”

“จงบอกมาเถิด วิสาขา”


หม่อมฉันปรารถนาจะถวายผ้าวัสสิกสาฎก (ผ้าอาบน้ำฝน) สำหรับภิกษุ
ถวายภัตเพื่อพระอาคันตุกะ ถวายภัตเพื่อพระที่เตรียมจะเดินทาง
ถวายภัตเพื่อพระอาพาธ ถวายภัตเพื่อพระที่พยาบาลพระอาพาธ
ถวายเภสัชแก่ภิกษุอาพาธ ถวายข้าวยาคูประจำสำหรับภิกษุ
ถวายผ้าอุทกสาฏิกา (ผ้าผลัดอาบน้ำของนางภิกษุณี)
จนตลอดชีวิตพระเจ้าข้า


“เธอเห็นประโยชน์อะไร จึงปรารถนาจะถวายสิ่งเหล่านี้”
พระพุทธองค์ตรัสถาม


นางวิสาขากราบทูลว่า...
วันนี้หม่อมฉันสั่งให้สาวใช้ไปนิมนต์พระ
นางไปเห็นพระสงฆ์กำลังอาบน้ำอยู่ นึกว่าเป็นพวกชีเปลือย
หม่อมฉันจึงคิดว่า พระภิกษุเปลือยกายอาบน้ำไม่งาม
และไม่เป็นที่เลื่อมใสของคนทั้งหลาย
และคนเขาจะไม่เห็นความแตกต่างระหว่าง
ชีเปลือยนอกศาสนากับพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา
และเห็นว่ามีสิ่งจำเป็นอื่นๆ อีกที่พระสงฆ์ต้องการ
จึงอยากถวายทั้ง ๘ ประการ พร้อมกราบทูลเหตุผลให้ทรงทราบ


เมื่อนางวิสาขากราบทูลเหตุผลจบสิ้นลง
พระพุทธองค์จึงตรัสว่า วิสาขา เธอเห็นอานิสงส์ ๘ ประการนี้
จึงขอพรจากเราตถาคต
เราตถาคตอนุญาตพรทั้ง ๘ ประการนี้ แล้วตรัสอนุโมทนาว่า

“สตรีใดให้ข้าวให้น้ำ มีใจเบิกบานแล้ว สมบูรณ์ด้วยศีล
เป็นสาวิกาของพระสุคต ครอบงำความตระหนี่ได้แล้ว
บริจาคทาน อันเป็นเหตุแห่งสวรรค์
เป็นเครื่องบรรเทาความโศก นำมาซึ่งความสุข
สตรีนั้นอาศัยมรรคปฏิบัติ ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องยั่วใจปราศจากธุลี
ย่อมได้กำลังและอายุเป็นทิพย์

สตรีผู้ประสงค์บุญนั้น เป็นคนมีความสุขสมบูรณ์ด้วยพลานามัย
ย่อมปลื้มใจในสวรรค์สิ้นกาลนาน”


นางวิสาขาจึงเป็นคนแรกที่ได้ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระสงฆ์
พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสอนุญาตให้ชาวบ้าน
ถวายผ้าอาบน้ำฝนแก่พระสงฆ์ได้ตั้งแต่บัดนั้นมา


------------

ที่มา >>> :b49: ประวัติ “นางวิสาขามหาอุบาสิกา”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=57225
>>> :b49: “ภาพพุทธประวัติ” อันงดงามมาก ๘๑ ภาพ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=39272

:b50: ประเพณีการถวายผ้าอาบน้ำฝน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=38930

:b50: เบญจกัลยาณีนางวิสาขา
http://www.dhammajak.net/book/anon/anon13.php
http://www.dhammajak.net/book/anon/anon14.php

:b50: • รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ “วันเข้าพรรษา”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45498

:b47: :b44: :b47:

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร