วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ *
พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร


:b8: :b8: :b8:

นะมัตถุ สุคะตัสสะ ปัญจะ ธรรมะขันธานิ

ข้าพเจ้าขอนอบน้อมซึ่งพระสุคต
บรมศาสดาสักยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้า
และพระนวโลกุตตรธรรม ๙ ประการ แลพระอริยสงฆ์สาวก

บัดนี้ ข้าพเจ้าจักกล่าวซึ่งพระธรรมขันธ์โดยสังเขปตามสติปัญญา


:b8: :b8: :b8:

หมายเหตุ *

คณะผู้จัดทำ (๒๕๓๖), ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ , พิมพ์ครั้งที่ ๑, หน้า ๒๔-๓๓

ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ

หมายถึงธรรมะที่ทำให้ใจประจำอยู่กับที่
ไม่มีอาการไป ไม่มีอาการมา
สภาวธรรมที่เป็นจริงสิ่งเดียวเท่านั้นและไม่มีเรื่องจะแวะเวียน


เป็นคำสอนของจอมปราชญ์สมัยรัตนโกสินทร์ที่หาอ่านได้ยาก
เป็นบทประพันธ์ที่เต็มไปด้วยสารธรรมอันแหลมคมสุดที่จะพรรณนา
แสดงภาคปฏิบัติจิตภานาล้วนๆที่มีค่ายิ่ง
ที่พระอาจารย์มั่นได้จาิรึกด้วยลายมือท่านเองเพียงชิ้นเดียว


ซึ่ง อดีตพระอริยะคุณธาร (มหาเส็ง ปุสโส) เป็นผู้พบที่วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ
คาดว่าท่านพระอาจารย์มั่นได้ประพันธ์ขึ้นราวปี พ.ศ. ๒๔๗๑
ก่อนจะเดินทางไปเชียงใหม่
ต้นฉบับเดิมเก็บไว้ที่พิพิํธภัณฑ์บริขารของท่าน
ณ วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร

คณะผู้จัดทำเมื่อ ๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๖
ได้คัดลอกพิมพ์ตามความเข้าใจของผู้จัดทำเอง
เพื่อกราบสักการะบูชาสูงสุดถึงพระคุณของท่าน
ที่เต็มเปี่ยมด้วยความเมตตา จารึกหลักภาวนาที่ลึกซึ้ง
เพื่อให้แสงสว่างแห่งธรรมแก่อนุชนรุ่นหลัง


:b8: :b8: :b8:

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 14:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ผู้รู้ธรรมจริงอยู่อย่างสงบ :b42:

ยังมีท่านหนึ่งรักตัวคิดกลัวทุกข์

อยากได้สุขพ้นภัยเที่ยวผายผัน

เขาบอกว่าสุขมีที่ไหนก็อยากไป

แต่เที่ยวหมั่น ไปมาอยู่ช้านาน

นิสัยท่านนั้นรักตัวกลัวตายมาก

อยากจะพ้นแท้ ๆ เรื่องแก่ตาย

วันหนึ่งท่านรู้จริงทิ้งสมุทัยพวกสังขาร

ท่านก็ปะถ้ำสนุกสุขไม่หาย

เปรียบเหมือนดังกายนี้เอง

ชะโงกดูถ้ำสนุกทุกข์กลาย

แสนสบายรู้ตัวเรื่องกลัวนั้นเบา

ทำเมิน (เมิน = มอง) ไปเมินมาอยู่หน้าเขา

จะกลับไปป่าวร้องซึ่งพวกพ้องเล่า

ก็กลัวเขาเหมาว่าเป็นบ้าบอ

สู้อยู่ผู้เดียวหาเรื่องเครื่องสงบ

เป็นอันจบเรื่องคิดไม่ติดต่อ

ดีกว่าเที่ยวรุ่มร่ามทำสอพลอ

เดี๋ยวถูกยอถูกติเป็นเรื่องเครื่องรำคาญฯ


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 14:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ผู้สนใจธรรมต้องสมัครใจเองว่าจะฝึกภาวนาถึงขั้นใด :b42:

ยังมีบุรุษคนหนึ่งอีกกลัวตายน้ำใจฝ่อ

มาหาแล้วพูดตรง ๆ น่าสงสาร

ถามว่าท่านพากเพียรมาก็ช้านาน

เห็นธรรมที่จริงแล้วหรือยังที่ใจหวัง

เอ๊ะทำไมจึงรู้ใจฉัน

บุรุษนั้นก็อยากอยู่อาศัย

ท่านว่าดี ๆ ฉันอนุโมทนา

จะพาดูเขาใหญ่ถ้ำสนุกทุกข์ไม่มี

คือกายคตาสติภาวนา

ชมเล่นให้เย็นใจหายเดือดร้อน

หนทางจรอริยวงศ์

จะไปหรือไม่ไปฉันไม่เกณฑ์

ใช่หลอกเล่นบอกความให้ตามจริง


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 14:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ใจไม่เที่ี่ยงเมื่อสัญญาหลอกลวงจิต :b42:

แล้วกล่าวปฤษณาท้าให้ตอบ

ปฤษณานั้นว่า ระวึง คืออะไร

ตอบว่าวิ่งเร็ว คือวิญญาณอาการไว

เดินเป็นแถวตามแนวกัน

สัญญาตรงไม่สงสัย

ใจอยู่ในวิ่งไปมา

สัญญาเหนี่ยวภายนอกหลอกลวงจิต

ทำให้คิดวุ่นวายเที่ยวส่ายหา

หลอกเป็นธรรมต่าง ๆ อย่างมายา

ถามว่าห้าขันธ์ใครพ้นจนทั้งปวง

แก้ว่าใจซิพ้นอยู่คนเดียว

ไม่เกาะเกี่ยวพัวพันติดสิ้นพิษหวง

หมดที่หลงอยู่เดียวดวง

สัญญาลวงไม่ได้หมายหลงตามไป


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: แม้นได้สมบัติทิพย์สักสิบแสน ก็ไม่เหมือนรู้จริงทิ้งสังขาร :b42:


ถามว่าที่ว่าตายใครเขาตายที่ไหนกัน

แก้ว่าสังขารเขาตายทำลายผล

ถามว่าสิ่งใดก่อให้ต่อวน

แก้ว่ากลสัญญาพาให้เวียน

เชื่อสัญญาจึงผิดติดยินดี

ออกจากภพนี้ไปภพนั้นเที่ยวหันเหียน

เลยลืมจิตจำปิดสนิทเนียน

ถึงจะเพียรหาธรรมก็ไม่เห็น

ถามว่าใครกำหนดใครหมายเป็นธรรม

แก้ว่าใจกำหนดใจหมายเรื่องหาเจ้าสัญญานั้นเอง

คือว่าดีคว้าชั่วผลักติดรักชัง

ถามว่ากินหนเดียวไม่เที่ยวกิน

แก้ว่าสิ้นอยากดูรู้ไม่หวัง

ในเรื่องเห็นต่อไปหายรุงรัง

ใจก็นั่งแท่นนิ่งทิ้งอาลัย

ถามว่าสระสี่เหลี่ยมเปี่ยมด้วยน้ำ

แก้ว่าธรรมสิ้นอยากจากสงสัย

สะอาดหมดราคีไม่มีภัย

สัญญาในนั้นพรากสังขารขันธ์นั้นไม่กวน

ใจจึงเปี่ยมเต็มที่ไม่มีพร่อง

เงียบระงับดวงจิตไม่คิดครวญ

เป็นของควรชมชื่นทุกคืนวัน

แม้ได้สมบัติทิพย์สักสิบแสน

ก็ไม่เหมือนรู้จริงทิ้งสังขาร

หมดความอยากเป็นยิ่งสิ่งสำคัญ

จำอยู่ส่วนจำไม่ก้ำเกิน

ใจไม่เพลินทั้งสิ้นหายดิ้นรน

เหมือนดังว่ากระจกส่องเงาหน้าแล้วอย่าคิด ติดสัญญา

เพราะว่าสัญญานั้นเหมือนดังเงา

อย่าได้เมาไปตามเรื่องเครื่องสังขาร

ใจขยับจับใจที่ไม่ปน

ไหวส่วนตนรู้แน่เพราะแปรไป

ใจไม่เที่ยงของใจใช่ต้องว่า

รู้ขันธ์ห้าต่างชนิดเมื่อจิตไหว

แต่ก่อนนั้นหลงสัญญาว่าเป็นใจ

สำคัญว่าในว่านอกจึงหลอกลวง

คราวนี้ใจเป็นใหญ่ไม่หมายพึ่ง

สัญญาหนึ่งสัญญาใดมิได้หวง

เกิดก็ตามดับก็ตามสิ่งทั้งปวง

ไม่ต้องหวงไม่ต้องกันหมู่สัญญา

เปรียบเหมือนขึ้นยอดเขาสูงแท้แลเห็นดิน

แลเห็นสิ้นทุกตัวสัตว์

แก้ว่า สูงยิ่งนัก

แลเห็นเรื่องของตนแต่ต้นมา

เป็นมรรคาทั้งนั้นเช่นบันได

ถามว่าน้ำขึ้นลงตรงสัจจังนั้นหรือ

ตอบว่าสังขารแปรแก้ไม่ได้

ธรรมดากรรมแต่งไม่แกล้งใคร

ขืนผลักไสจับต้องก็หมองมัวชั่วในจิต

ไม่ต้องคิดขัดธรรมดาสภาวะสิ่งเป็นจริงฯ

ดีชั่วตามแต่เรื่องของเรื่องเปลื้องแต่ตัว

ไม่พัวพันสังขารเป็นการเย็น

รู้จักจริงต้องทิ้งสังขารที่ผันแปรเมื่อแลเห็น

เบื่อแล้วปล่อยได้คล่องไม่ต้องเกณฑ์

ธรรมก็เย็นใจระงับรับอาการ


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ใจที่รู้ธรรมดาทั้งห้าขันธ์ ใจนั้นก็ขาวสะอาดหมดมลทิน :b42:

ถามว่าห้าหน้าที่มีครบกัน

ตอบว่าขันธ์แบ่งแจกแยกห้าฐานเรื่องสังขาร

ต่างกองรับหน้าที่มีกิจการ

จะรับงานอื่นไม่ได้เต็มในตัว

แม้ลาภยศสรรเสริญเจริญสุข

นินทาทุกข์เสื่อมยศหมดลาภทั่ว

รวมลงตามสภาพตามเป็นจริง

ทั้งแปดอย่างใจไม่หันไปพันพัว

เพราะว่ารูปขันธ์ก็ทำแก่ไข้มิได้เว้น

นามก็มิได้พักเหมือนจักรยนต์

เพราะรับผลของกรรมที่ทำมา

เรื่องดีพาเพลิดเพลินเจริญใจ

เรื่องชั่วขุ่นวุ่นจิตคิดไม่หยุด

เหมือนไฟจุดจิตหมองไม่ผ่องใส

นึกขึ้นเองทั้งรักทั้งโกรธไปโทษใคร

อยากไม่แก่ไม่ตายได้หรือคน

เป็นของพ้นวิสัยจะได้เชย

เช่นไม่อยากให้จิตเที่ยวคิดรู้

อยากให้อยู่เป็นหนึ่งหวังพึ่งเฉย

จิตเป็นของผันแปรไม่แน่เลย

สัญญาเคยอยู่ได้บ้างเป็นครั้งคราว

ถ้ารู้เท่าธรรมดาทั้งห้าขันธ์

ใจนั้นก็ขาวสะอาดหมดมลทินสิ้นเรื่องราว

ถ้ารู้ได้อย่างนี้จึงดียิ่ง

เพราะเห็นจริงถอนหลุดสุดวิถี

ไม่ฝ่าฝืนธรรมดาตามเป็นจริง

จะจนจะมีตามเรื่องเครื่องนอกใน

ดีหรือชั่วต้องดับเลื่อนลับไป

ยึดสิ่งใดไม่ได้ตามใจหมาย

ใจไม่เที่ยงของใจไหววิบวับ

สังเกตจับรู้ได้สบายยิ่ง

เล็กบังใหญ่รู้ไม่ทันขันธ์บังธรรมมิดผิดที่นี่

มัวดูขันธ์ธรรมไม่เห็นเป็นธุลีไป

ส่วนธรรมมีใหญ่กว่าขันธ์นั้นไม่แล


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 15:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: มีเกิดย่อมมีดับ ไม่มีสังขารย่อมมีธรรมที่มั่นคง :b42:

ถามว่ามีไม่มี ไม่มีมีนี้คืออะไร

ทีนี้ติดหมดคิดแก้ไม่ไหว

เชิญชี้ให้ชัดทั้งอรรถแปล โปรดแก้เถิด ที่ว่า

เกิดมีต่าง ๆ ทั้งเหตุผล

แล้วดับไม่มีชัดใช่สัตว์คน

นี้ข้อต้นมีไม่มีอย่างนี้ตรงข้อปลายไม่มี

มีนี้เป็นธรรม

ที่ลึกล้ำใครพบจบประสงค์

ไม่มีสังขารมีธรรมที่มั่นคง

นั้นแลองค์ธรรมเอกวิเวกจริง

ธรรมเป็นหนึ่งไม่แปรผัน

เลิศภพสงบยิ่ง

เป็นอารมณ์ของใจไม่ไหวติง

ระงับนิ่งเงียบสงัดชัดกับใจ

ใจก็สร่างจากเมาหายเร่าร้อน

ความอยากถอนได้หมดปลดสงสัย

เรื่องพัวพันธ์ขันธ์ ๕ ซาสิ้นไป

เครื่องหมุนในไตรจักรก็หักลง

ความอยากใหญ่ยิ่งก็ทิ้งหลุด

ความรักหยุดหายสนิทสิ้นพิษหวง

ร้อนทั้งปวงก็หายหมดดังใจจงฯ


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 15:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ให้มีสติรู้ทันอาการสังขารที่ไม่เที่ยงอยู่เสมอจนใจเคย
จึงจะละขันธ์ห้าได้จริง :b42:


เชิญโปรดชี้อีกอย่างหนทางใจ

สมุทัยของจิตที่ปิดธรรม

แก้ว่าสมุทัยกว้างใหญ่นัก

ย่อลงก็คือความรักบีบใจอาลัยขันธ์

ถ้าธรรมมีกับจิตเป็นนิจนิรันดร์

เป็นเลิกกันสมุทัยมิได้มี

จงจำไว้อย่างนี้วิถีจิต

ไม่ต้องคิดเวียนวนจนป่นปี้

ธรรมไม่มีอยู่เป็นนิจติดยินดี

ใจตกที่สมุทัยอาลัยตัว

ว่าอย่างย่อทุกข์กับธรรมประจำจิต

เอาจนคิดรู้เห็นจริงจึงเย็นทั่ว

จะสุขทุกข์เท่าไรมิได้กลัว

สร้างจากเครื่องมัวคือสมุทัยไปที่ดี

รู้เท่านี้ก็คลายหายร้อน

พอพักผ่อนเสาะแสวงหาทางหนี

จิตรู้ธรรมลืมจิตที่ติดธุลี

ใจรู้ธรรมที่เป็นสุขขันธ์ทุกข์แท้แน่ประจำ

ธรรมคงธรรม ขันธ์คงขันธ์เท่านั้น

และคำว่าเย็นสบายหายเดือดร้อน

หมายจิตถอนจากผิดที่ติดแท้

แต่ส่วนสังขาระขันธ์ปราศจากสุขเป็นทุกข์แท้

เพราะต้องแก่ไข้ตายไม่วายวัน

จิตรู้ธรรมที่ล้ำเลิศ

จิตก็ถอนจากผิดเครื่องเศร้าหมองของแสลง

ผิดเป็นโทษของใจอย่างร้ายแรง

เห็นธรรมแจ้งถอนผิดหมดพิษใจ

จิตเห็นธรรมดีล้นที่พนผิด

พบปะธรรมเปลื้องเครื่องกระสัน

มีสติอยู่ในตัวไม่พัวพัน

เรื่องรักขันธ์ขาดสิ้นหายยินดี

สิ้นธุลีทั้งปวงหมดห่วงใย

ถึงจะคิดก็ไม่ห้ามตามนิสัย

เมื่อไม่ห้ามกลับไม่ฟุ้งพ้นยุ่งไป

พึงรู้ได้ว่าบาปมีขึ้นเพราะขืนจริง

ตอบว่าบาปเกิดได้เพราะไม่รู้

ถ้าปิดประตูเขลาได้สบายยิ่ง

ชั่วทั้งปวงเงียบหายไม่ไหวติง

ขันธ์ทุกสิ่งย่อมทุกข์ไม่สุขเลย

แต่ก่อนข้าพเจ้ามืดเขลาเหมือนเข้าถ้ำ

อยากเห็นธรรมยึดใจจะให้เฉย

ยึดความจำว่าเป็นใจหมายจนเคย

เลยเพลินเชยชมจำทำมานาน

ความจำผิดปิดไว้ไม่ให้เห็น

จึงหลงเล่นขันธ์ห้าน่าสงสาร

ให้ยกตัวอวดตนพ้นประมาณ

เที่ยวระรานติคนอื่นเป็นพื้นไปไม่เป็นผล

เที่ยวดูโทษคนอื่นนั้นขื่นใจ

เหมือนก่อไฟเผาตัวต้องมัวมอม

ใครผิดถูกดีชั่วก็ตัวเขา

ใจของเราเพียรระวังตั้งถนอม

อย่าให้อกุศลวนมาตอม

ควรถึงพร้อมบุญกุศลผลสบาย

เห็นคนอื่นเขาชั่วตัวก็ดี

เป็นราคียึดขันธ์ที่มั่นหมาย

ยึดขันธ์ต้องร้อนแท้เพราะแก่ตาย

เลยซ้ำร้ายกิเลสกลุ้มเข้ารุมกวน

เต็มทั้งรักทั้งโกรธโทษประจักษ์

ทั้งกลัวนักหนักจิตคิดโหยหวน

ซ้ำอารมณ์กามห้าก็มาชวน

ยกกระบวนทุกอย่างต่าง ๆ ไป

เพราะยึดขันธ์ทั้ง ๕ ว่าของตน

จึงไม่พ้นทุกข์ภัยไปได้นา

ถ้ารู้โทษของตัวแล้วอย่าชาเฉย

ดูอาการสังขารที่ไม่เที่ยงร่ำไปให้ใจเคย

คงได้เชยชมธรรมะอันเอกวิเวกจิต

ไม่เที่ยงนั้นหมายใจไหวจากจำ

เห็นแล้วซ้ำดู ๆ อยู่ที่ไหว

พออารมณ์นอกดับระงับไปหมดปรากฏธรรม

เห็นธรรมแล้วย่อมหายวุ่นวายจิต ๆ นั้นไม่ติดคู่

จริงเท่านี้หมดประตู

รู้ไม่รู้อย่างนี้วิถีใจ

รู้เท่าที่ไม่เที่ยง

จิตต้นพ้นริเริ่ม

คงจิตเดิมอย่างเที่ยงแท้

รู้ต้นจิตพ้นจากผิดทั้งปวงไม่ห่วง

ถ้าออกไปปลายจิตผิดทันที

คำที่ว่ามืดนั้นเพราะจิตคิดหวงดี

จิตหวงนี้ปลายจิตคิดออกไป

จิตต้นดีเมื่อธรรมะปรากฏหมดสงสัย

เห็นธรรมะอันเลิศล้ำโลกา

เรื่องคิดค้นวุ่นหามาแต่ก่อน

ก็เลิกถอนเปลื้องปลดได้หมดสิ้น

ยังมีทุกข์ต้องหลับนอนกับกินไปตามเรื่อง

ใจเชื่องชิดต้นจิตคิดไม่ครวญ


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ระวังวิปัสสนูกิเลส
จิตต้องแยกแยะรูปนามว่าไม่เที่ยงได้จนคุ้นเคย :b42:


ธรรมดาของจิตก็ต้องคิดนึก

พอรู้สึกจิตต้นพ้นโหยหวน

เงียบสงัดจากเรื่องเครื่องรบกวน

ธรรมดาสังขารปรากฏหมดด้วยกัน

เสื่อมทั้งนั้นคงที่ไม่มีเลย

ระวังใจเมื่อจำทำละเอียด

มักจะเบียดให้จิตไปติดเฉย

ใจไม่เที่ยงของใจซ้ำให้เคย

เมื่อถึงเอยหากรู้เองเพลงของใจ

เหมือนดังมายาที่หลอกลวง

ท่านว่าวิปัสสนูปกิเลส

จำแลงเพศเหมือนดังจริงที่แท้ไม่ใช่จริง

รู้ขึ้นเองหมายนามว่าความเห็น

ไม่ใช่เช่นฟังเข้าใจชั้นไต่ถาม

ทั้งตรึกตรองแยกแยะแกะรูปนาม

ก็ใช่ความเห็นเองจงเล็งดู

รู้ขึ้นเองใช่เพลงคิด

รู้ต้นจิต ๆ จิตต้นพ้นโหยหวน

ต้นจิตรู้ตัวแน่ว่าสังขารเรื่องแปรปรวน

ใช่กระบวนไปดูหรือรู้อะไร

รู้อยู่เพราะหมายคู่ก็ไม่ใช่

จิตคงรู้จิตเองเพราะเพลงไหว

จิตรู้ไหว ๆ ก็จิตติดกันไป

แยกไม่ได้ตามจริงสิ่งเดียวกัน

จิตเป็นสองอาการเรียกว่าสัญญาพาพัวพัน

ไม่เที่ยงนั้นก็ตัวเองไปเล็งใคร

ใจรู้เสื่อมของตัวก็พ้นมัวมืด

ใจก็จืดสิ้นรสหมดสงสัย

ขาดค้นคว้าหาเรื่องเครื่องนอก

ในความอาลัยทั้งปวงก็ร่วงโรย

ทั้งโกรธรักเครื่องหนักใจก็ไปจาก

เรื่องใจอยากก็หยุดได้หายหวนโหย

พ้นหนักใจทั้งหลายโอดโอย

เหมือนฝนโปรยใจ ใจเย็นเห็นด้วยใจ

ใจเย็นเพราะไม่ต้องเที่ยวมองคน

รู้จิตต้น – ปัจจุบันพ้นหวั่นไหว

ดีหรือชั่วทั้งปวงไม่ห่วงใย

ต้องดับไปทั้งเรื่องเครื่องรุงรัง

อยู่เงียบ ๆ ต้นจิตไม่คิดอ่าน

ตามแต่การของจิตสิ้นคิดหวัง

ไม่ต้องวุ่นต้องวายหายระวัง

นอนหรือนั่งนึกพ้นอยู่ต้นจิต

ท่านชี้มรรคฟังหลักแหลม

ช่างต่อแต้มกว้างขวางสว่างไสว


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 15:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ความอยากดีแลไม่ดีเป็นพิษของจิตนัก ต้องละเพื่อเห็นธรรม :b42:


ยังอีกอย่างทางใจไม่หลุดสมุทัย

ขอจงโปรดชี้ให้พิสดารเป็นการดี

ตอบว่าสมุทัยคืออาลัยรัก

เพลินยิ่งนักทำภพใหม่ไม่หน่ายหนี

ว่าอย่างต่ำกามะคุณห้าเป็นราคี

อย่างสูงชี้สมุทัยอาลัยฌาน

ถ้าจะจับตามวิถีมีในจิต

ก็เรื่องคิดเพลินไปในสังขาร

เพลินทั้งปวงเคยมาเสียช้านาน

กลับเป็นการดีไปให้เจริญจิต

ไปในส่วนที่ผิดก็เลยแตกกิ่งก้านฟุ้งซ่านใหญ่

เที่ยวเพลินไปในผิดไม่คิดเขิน

สิ่งได้ชอบอารมณ์ก็ชมเพลิน

เพลินจนเกินลืมตัวไม่กลัวภัย

เพลินดูโทษคนอื่นดื่นด้วยชั่ว

โทษของตัวไม่เห็นเป็นไฉน

โทษคนอื่นเขามากสักเท่าไร

ไม่ทำให้เราตกนรกเลย ฯ

โทษของเราเศร้าหมองไม่ต้องมาก

ส่งวิบากไปตกนรกแสนสาหัส

หมั่นดูโทษตนไว้ให้ใจเคยเว้นเสียซึ่งโทษนั้น

คงได้เชยชมสุขพ้นทุกข์ภัย

เมื่อเห็นโทษตนชัดรีบตัดทิ้ง

ทำอ้อยอิ่งคิดมากจากไม่ได้

เรื่องอยากดีไม่หยุดคือตัวสมุทัย

เป็นโทษใหญ่กลัวจะไม่ดีนี้ก็แรง

ดีแลไม่ดีนี้เป็นพิษของจิตนัก

เหมือนไข้หนักถูกต้องของแสลง

กำเริบโรคด้วยพิษผิดสำแลง

ธรรมไม่แจ้งเพราะอยากดีนี้เป็นเดิม

ความอยากดีมีมากมักลากจิต

ให้เที่ยวคิดวุ่นไปจนใจเหิม

สรรพชั่วมัวหมองก็ต้องเติม

ผิดยิ่งเพิ่มร่ำไปไกลจากธรรม

ที่จริงชี้สมุทัยนี้ใจฉันคร้าม

ฟังเนื้อความไปข้างนุงทางยิ่งยิ่ง

เมื่อชี้มรรคฟังใจไม่ไหวติง

ระงับนิ่งใจสงบจบกันที ฯ

อันนี้ชื่อว่า ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะประจำอยู่กับที่

ไม่มีอาการไปไม่มีอาการมา

สภาวธรรมที่เป็นจริงสิ่งเดียวเท่านั้น

และไม่มีเรื่องจะแวะเวียน สิ้นเนื้อความแต่เพียงเท่านี้ ฯ

(ผิดหรือถูกจงใช้ปัญญาตรองดูให้รู้เถิด ฯ)


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : "ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ" โดย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ใน “จิตตภาวนา มรดกล้ำค่าทางพุทธศาสนา : รวมพระธรรมเทศนาภาคปฏิบัติของพระสุปฏิปันโน”
เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ในโอกาสมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ ๖ รอบ ในวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒,
รวบรวมโดย มูลนิธิหลวงปู่มั่น และชมรมคุณภาพชีวิต
พิมพ์ครั้งที่ ๑, ๕ ธันวาคม ๒๕๔๓ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลและเผยแพร่เป็น ธรรมทาน, หน้า ๑๒๔-๑๒๙)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 17:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

:b48: ธรรมรักษาค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2010, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

:b8: อนุโมทนา..สาธุ..ครับ..คุณโรส :b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2010, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2007, 21:52
โพสต์: 348

ที่อยู่: บุรีรัมย์

 ข้อมูลส่วนตัว


กราบวันทาอาจารย์ใหญ่ด้วยใจมั่น
เพราะมั่นใจในนามงามขานไข
เพราะมั่นคงในธรรมนามวิลัย
ใจไม่มาใจไม่ไปได้มั่นคง

ขันธะวิมุตติสมังคีธรรม
ควรน้อมนำคำไขไปเสริมส่ง
ให้ทุกคนประพฤติธรรมตามจำนง
พุทธองค์ทรงสอนบวรกาล

ให้รู้แจ้งรู้จักอริยสัจจ์
ถางป่าชัฏกิเลสครอบรอบสังขาร
ให้เตียนโล่งโปร่งแจ้งจากบ่วงมาร
เข้ากระแสแห่งนิพพานมินานนา

น้อมวันทาคำสอนสุนทรถ้อย
หลวงปู่ร้อยกรองคำอันล้ำค่า
เป็นแนวทางทางหนึ่งพึงบูชา
ด้วยยาตราตามรอยอย่าถอยเทอญ ฯ


สาธุอนุโมทนา ท่านกุหลาบสีชา
ที่นำคำล้ำค่าของปรามาจารย์
นักปฏิบัติ มาเผยแผ่ ให้สาธุชน
ทั่วไปได้รับทราบ

สิริมงคล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2010, 18:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาสาธุ

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2011, 13:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2011, 22:33
โพสต์: 16


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาด้วยนะค่ะ สาธุ..สาธุ.... :b8:


......................................
อย่าประมาทในชีวิต อย่าคิดและทำสิ่งที่ไร้ค่า
อย่ามัวมาเสียเวลา จงรีบเร่งภาวนาบำเพ็ญเพียร...

สาธุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร