ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

เรื่องดีดีมีไว้แบ่งปัน ตอน มองแต่แง่ดี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=8&t=32989
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  เสียงธรรม [ 04 ก.ค. 2010, 11:19 ]
หัวข้อกระทู้:  เรื่องดีดีมีไว้แบ่งปัน ตอน มองแต่แง่ดี

บทกลอนทุกบทของหลวงพ่อพุทธทาส เป็นบทกลอนที่ผมมีความศรัทธามาก ทุกๆบทกลอนมีความหมายลึกซึ้งและจับใจ จึงอยากนำมาลงไว้สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยได้ยิน ได้ฟัง ได้รู้ ให้ ได้ยิน ได้ฟัง ได้รู้จัก กันครับ สำหรับคนที่รู้จักแล้วก็ขออนุโมทนา และจำเริญๆยิ่งๆขึ้นไป แล้วอย่าลืมนำมาแบ่งปันกันในโอกาสต่อๆไปนะครับ

มองแต่แง่ดี

เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่าไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเลย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง ฯ


(แก้ไข)
ที่มา:หลวงพ่อพุทธทาสภิกขุ

คำอธิบาย

เขามีส่วนเลวบ้างแต่จงมองแต่ส่วนที่ดีของเขา แม้เขาจะมีความดีเพียงน้อยนิดแต่ก็ยังมีอยู่บ้าง
อย่างน้องก็ยังพอเป็นประโยชน์ต่อโลกได้บ้าง อย่าไปมองแต่ส่วนที่ไม่ดีของเขาเพียงอย่างเดียว
ในโลกนี้จะหาคนที่มีแต่ด้านดีคงจะยาก เปรียบเสมือนการงมหาหนวดเต่า(เต่าไม่มีหนวดจ้ะ)
งมหาไปก็เสียเวลาเปล่าๆ คนเรานั้นมีหลายด้าน หลายแง่มุม บางครั้งเราเห็นคนที่นิสัยดี แต่เขาก็
ย่อมมีด้านไม่ดีแฝงอยู่ซึ่งเขาอาจจะแสดงออกมาให้เราเห็นหรืออาจไม่แสดงออกมาเท่านั้นเอง
แต่บางครั้งคนที่ไม่ดีก็อาจทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อคนอยู่อื่นบ้าง เพราะฉนั้นการฝึกมองคนในด้านดี
จะทำให้ชีวิตมีแต่ความดีงาม จิตใจมีแต่ความเบิกบาน มีความสุข

หมายเหตุ:แก้ไขที่มา

เจ้าของ:  สิริมงคล [ 04 ก.ค. 2010, 15:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องดีดีมีไว้แงปัน ตอน มองแต่แง่ดี

ขออนุโมทนาจ้า แต่ขอชี้แจงนิดหนึ่ง
(ในฐานะศิษย์รุ่นสุดท้ายที่ทันฟังคำสอนขณะท่านมีชีวิตอยู่)
เพื่อความกระจ่างเพราะคนส่วนมากจะสับสนระหว่าง
พระมหาเถระสองรูป คือ หลวงพ่อพุทธทาส กับหลวงพ่อปัญญา
ซึ่งท่านพระมหาเถระทั้งสองท่านเป็นสหายธรรมต่างวัยที่ร่วมทำงาน
เผยแผ่พระศาสนากันมาตั้งแต่รุ่นหนุ่มจนถึงวัยอำลาพาจาก นับว่าเป็น
บุคคลากรที่มีค่ายิ่งของพระพุทธศาสนาโลกในยุครัตนโกสิทร์นี้

หลวงพ่อพุทธทาส ท่านมักใช้นามปากกาในการเขียนว่า
"พุทธทาสภิกฺขุ" แต่ถ้า เป็นนามฉายาของท่านก็จะเป็น
"อินฺทปญฺโญ" ต่อท้ายนามของท่าน คือ เงื่อม
หรือที่เราเห็นบ่อย ๆ จนคุ้น คือ พุทธทาส อินทฺปญฺโญ
ซึ่งเป็นลายเซ็นของท่าน ต่อจากงานเขียนทุกชิ้น

ส่วนพระมหาเถระอีกรูปที่เราพึ่งสูญเสียไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้
คือหลวงพ่อปัญญานันทะ หรือนามเดิมของท่าน คือ"ปั่น"
เมื่ออุปสมบทแล้ว มีนามฉายาว่า "ปญฺญานนฺโท" หรือ
เรียกอีกในนามหนึ่งว่า "ปญฺญานนฺทภิกฺขุ" ซึ่งเป็นลายเซ็น
ของท่าน ตามนามฉายาเช่นกัน

เจ้าของ:  เสียงธรรม [ 04 ก.ค. 2010, 15:35 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องดีดีมีไว้แงปัน ตอน มองแต่แง่ดี

สิริมงคล เขียน:
หลวงพ่อพุทธทาส ท่านมักใช้นามปากกาในการเขียนว่า
"พุทธทาสภิกฺขุ" แต่ถ้า เป็นนามฉายาของท่านก็จะเป็น
"อินฺทปญฺโญ" ต่อท้ายนามของท่าน คือ เงื่อม
หรือที่เราเห็นบ่อย ๆ จนคุ้น คือ พุทธทาส อินทฺปญฺโญ
ซึ่งเป็นลายเซ็นของท่าน ต่อจากงานเขียนทุกชิ้น

ส่วนพระมหาเถระอีกรูปที่เราพึ่งสูญเสียไปเมื่อไม่กี่ปีมานี้
คือหลวงพ่อปัญญานันทะ หรือนามเดิมของท่าน คือ"ปั่น"
เมื่ออุปสมบทแล้ว มีนามฉายาว่า "ปญฺญานนฺโท" หรือ
เรียกอีกในนามหนึ่งว่า "ปญฺญานนฺทภิกฺขุ" ซึ่งเป็นลายเซ็น
ของท่าน ตามนามฉายาเช่นกัน


ขอบคุณครับ เป็นคำแนะนำที่น่าสนใจครับ

ในหนังสือเรียน ส่วนมากผมมักจะคุ้นกับคำว่า "พุทธทาสปัญญาภิกขุ" เลยนึกว่าเป็นพระรูปเดียวกัน
ซะอีก แต่ขอบคุณ สิริมงคลมากครับ ที่ช่วยให้ความกระจ่าง แต่อยากขอรบกวนให้แนะนำว่าจะใช้
นามปากกาของท่านว่าอะไรดีครับ เพื่อที่คราวหน้าจะได้นำมาลงไว้ครับ

ขออนุโมทนาครับ....สาธุ

เจ้าของ:  สิริมงคล [ 04 ก.ค. 2010, 15:54 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องดีดีมีไว้แงปัน ตอน มองแต่แง่ดี

smiley สาธุ ใช้คำว่า หลวงปู่พุทธทาส หรือ หลวงพ่อพุทธทาส
ก็ได้ครับ คนรู้จักดีทั่วโลก :b41:

เจ้าของ:  วรานนท์ [ 04 ก.ค. 2010, 22:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องดีดีมีไว้แบ่งปัน ตอน มองแต่แง่ดี

:b8: :b8: :b8:

อนุโมทนา..สาธุ..ด้วยครับ smiley smiley smiley

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  เสียงธรรม [ 04 ก.ค. 2010, 23:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องดีดีมีไว้แงปัน ตอน มองแต่แง่ดี

สิริมงคล เขียน:
smiley สาธุ ใช้คำว่า หลวงปู่พุทธทาส หรือ หลวงพ่อพุทธทาส
ก็ได้ครับ คนรู้จักดีทั่วโลก :b41:


พอดีเข้าไปแก้ไขนามปากกาของหลวงพ่อพุทธทาสมาครับ อะไรๆจะได้ถูกต้องครับ
ว่าแต่ผมพึ่งเข้าไปแก้ไขมาในภายหลังคงไม่ว่ากันนะครับ และขอขอบคุณ
สิริมงคล
อีกครั้งสำหรับเกร็ดความรู้ที่นำมาร่วมแบ่งปันกันครับ

ขออนุโมทนา..สาธุ และขอให้พุทธคุณคุ้มครองนะครับ :b9: :b9: :b9:

เจ้าของ:  ฟ้าใสใส [ 01 มี.ค. 2011, 13:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องดีดีมีไว้แงปัน ตอน มองแต่แง่ดี

มองแต่แง่ดี

********************************

....... มองแต่แง่ดี หมายความว่า ทุกสิ่งในโลกนี้ ไม่ว่ารูปธรรมหรือนามธรรม ทั้งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต ย่อมจะมีแง่ให้เรามองได้สองแง่เสอม คือทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย หรือในแง่คุณและแง่โทษ

....... แม้ในแง่ที่ว่าดี หรือในแง่คุณนั้น ก็ยังอาจจะมองได้อีกว่า ดีมากดีน้อย หรือมีคุณมากมีคุณน้อยแค่ไหน ? ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับระดับของสติและปัญญาของผู้ที่มองนั้นด้วย

....... แม้ในส่วนที่คนทั่วไป มองว่าร้ายหรือเป็นโทษนั้น ผู้มีความคิดประกอบด้วยปัญญา ก็อาจจะถือเอามาใช้ให้เกิดเป็นคุณได้

....... เป็นอันว่า โลกหรือชีวิตนี้ เกิดขึ้นจากการมอง และการมองที่ถือว่าถูกจุด หรือตรงเป้าอย่างแท้จริงนั้น จะต้องประกอบพร้อมด้วยปัญญา มิใช่ว่าจะมีแต่ความคิดเพียงประการเดียว

....... เพื่อให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน จึงขอนำเอา "โลกธรรม 8" ในแง่ที่ดีมาเสนอเพื่อเป็นตัวอย่างการมอง ดังนี้

- มีลาภ ปุถุชนคนทั่วไป ย่อมต้องการและแสวงหาแต่ในตัวลาภทั้งหลายนั่นแหละ ถ้าเราหา, ใช้ และเก็บไม่เป็นแล้ว มันก็จะนำมาซึ่งทุกข์ ภัย และโทษมากมาย จนกลายเป็นศัตรูของความสุขไป

- มียศ คนทั่วไปย่อมปรารถนา ใฝ่แสวงหา แต่ถ้ามุ่งความสงบสุขทางจิตแล้ว ยศนั้นมันก็จะกลายเป็นศัตรูเพราะมันจะนำความวุ่นวาย แอบแฝงมากับยศนั้นด้วย

- มีสรรเสริญ คนเราทำอะไร เป็นที่พอใจเขา หรือทำประโยชน์ให้เขา เขาก็ย่อมจะสรรเสริฐเยินยอ มีคนอยากรู้จัก จะอยู่ที่ไหน ? จะไปที่ไหนแต่ละที่ก็ไม่สะดวก ไม่สบายและไม่สงบ

- มีสุข ถ้าเป็นความสุขฝ่ายวัตถุ ก็ยิ่งจะเป็นสื่อของความทุกข์ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และมีโรคมาก เพราะไม่ได้ออกกำลังกาย อีกทั้งเป็นเหตุให้หลงติดสุข ต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่รู้จักจบสิ้น

....... ขอแทรกทัศนะความสุขตรงนี้นิดเถอะว่า โดยชีวิตจริง ๆ ของคนเรานั้น ไม่มีใครจะได้เสวยสุขโดยส่วนเดียวหรอก จะต้องมีทั้งสุข ๆ ทุกข์ ๆ คละเคล้ากันไป และที่ว่าสุข ๆ แบบชาวโลกนั้น ก็ล้วนแต่เป็นสุขแบบจอมปลอมและหลอกลวงทั้งนั้นแหละ

....... เพราะถ้าการอยู่ในโลกนี้ มีความสุขอย่างแท้จริงแล้วเจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนที่จะเสด็จออกผนวช กษัตริย์ และเศรษฐีอีกมากมาย ก็คงไม่สละวังและปราสาท ออกไปนอนกลางดิน กินกลางป่ากันหรอก นี่เป็นการหลงติดสุข ที่ควรแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง

....... ตรงข้ามกับความเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทาและทุกข์เสียอีก กลับจะเป็นผลดี เพราะทำให้คนเรากลัวจึงไม่ประมาท ไม่หลงติด มีความเพียรและอดทนต่อสู้ เพื่อให้พ้นไปจากทุกข์ทั้งปวง เป็นเหตุให้ภพชาติสั้นเข้า

....... รวมความว่า ในแง่ของความสุขทางจิตใจ หรือยอดของความสุขอันแท้จริงแล้ว ต้องอย่ามองอะไรในแง่ร้ายและว่ากันที่จริงแล้วมันก็ไม่มีอะไรร้าย เพราะทุกสิ่งในโลกก็ล้วนแต่นำมาเป็น "บทเรียนชีวิต" ได้ทั้งสิ้น

....... ดังนั้น ถ้าเราไม่ยอมปรับใจ มองสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี ชีวิตนี้ทั้งชีวิต ก็จะหาความสุขได้ยาก เพราะโลกธรรมมันมีอยู่ทั่วไป และไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ? และมีฐานะอะไร ? เราก็ต้องพบกับมัน การยอมรับความจริง และมองอะไรในแง่ดี ย่อมจะทำให้เราเป็นคนโชคดี และเป็นความสุข.

*************************************************************************

"สู่ความสุข"
เรียบเรียงโดย ธรรมรักษา


กราบอนุโมทนาบุญกับผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านค่ะ tongue tongue tongue

ไฟล์แนป:
Lotus6.jpg
Lotus6.jpg [ 2.67 KiB | เปิดดู 9140 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/