วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=8



กลับไปยังกระทู้  [ 124 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2009, 03:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




001-01-01.jpg
001-01-01.jpg [ 188.4 KiB | เปิดดู 5423 ครั้ง ]
หริ่งหรีดกรีดร้องระงมน่าชม
ฝูงกาบินตามลมร่อนลงจิกกิน
กระรอกกระแตคานลงมาสู่ดิน
เคียงคู่ถวิลนกกอดฉอดฉอน

หยาดน้ำค้างพร่างพราวเย็นยะเยียบ
กลิ่นอายเงียบวังเวงเว้าวอน
สุขสงบกลางขุนเขาลำเนาป่าดอน
ไร้แสงนีออนไกลเมืองฟ้าธานี

มีเพียงแสงจันทร์ในยามค่ำคืน
แสงดาวกลมกลืนทั่วผืนฟ้าราตรี
จั๊กจั่นเรไรร่ำร้องพาที
หิ่งห้อยสีนวลชักชวนให้จดจำ

พระธุดงค์เพ่งใจใสสะอาด
เข้าสู่อำนาจของสัจจธรรม
ศีล สมาธิ ปัญญา ชักพาชี้นำ
ดับบ่วงแห่งกรรม สุขล้ำ นฤพาน ฯ

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ส.ค. 2009, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลายฟ้า...ค่ะ เขียน:
หริ่งหรีดกรีดร้องระงมน่าชม
ฝูงกาบินตามลมร่อนลงจิกกิน
กระรอกกระแตคานลงมาสู่ดิน
เคียงคู่ถวิลนกกอดฉอดฉอน

หยาดน้ำค้างพร่างพราวเย็นยะเยียบ
กลิ่นอายเงียบวังเวงเว้าวอน
สุขสงบกลางขุนเขาลำเนาป่าดอน
ไร้แสงนีออนไกลเมืองฟ้าธานี

มีเพียงแสงจันทร์ในยามค่ำคืน
แสงดาวกลมกลืนทั่วผืนฟ้าราตรี
จั๊กจั่นเรไรร่ำร้องพาที
หิ่งห้อยสีนวลชักชวนให้จดจำ

พระธุดงค์เพ่งใจใสสะอาด
เข้าสู่อำนาจของสัจจธรรม
ศีล สมาธิ ปัญญา ชักพาชี้นำ
ดับบ่วงแห่งกรรม สุขล้ำ นฤพาน ฯ




ฟ้าจ๊ะ cool
ขออนุญาตินำไปไว้ที่บล็อกของพี่นะคะ
อ่านแล้วโดนใจดีจังเลยค่ะ :b20:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 01:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




23kiuyyt1.gif
23kiuyyt1.gif [ 32.67 KiB | เปิดดู 5187 ครั้ง ]
อ้อนวอนสายลม../..แสงเพชร

วอนลมพัดผ่านไปให้ถึงฝัน
ด้วยคิดถึงซึ่งเปี่ยมเทียมฟ้าใส
บอกเค้าว่าเรายังคงห่วงใย
อยากจะให้หวนคืนความรักมา

เจ้าคงสุขสบายทั้งกายใจ
เจ้ารู้ไหมใครกันมั่นห่วงหา
เฝ้ารอคอยความรักกักน้ำตา
ปวดอุราระทมทรมาน

มองรอยไถในนามาแปรผัน
ความรักนั้นมันเป็นเส้นขนาน
ให้เราสองต้องพรากจากกันนาน
ข้าซมซานสิ้นดีเจ้าโบยบิน

วอนลมพัดฝากไปให้ถึงดาว
คนไกลห่างทางนี้เฝ้าถวิล
ลอยละล่องท่องไกลในนภา
คืนถิ่นฐานบ้านนาตั้งตารอ

มุ่งคอยรอนับดาวหลับไม่ลง
เฝ้าพะวงว่าหลงทิศใดหนอ
ทุกคืนค่ำเคยเคียงเคล้าเคลียคลอ
จะไม่ท้อรอนับดาวดวงต่อไป

ฝากสายลมพาใจเพื่อนคนเศร้า
ที่คอยเฝ้าข่าวคราวดาวอยู่ไหน
ทิ้งให้ฟ้าห่วงหาและอาลัย
รู้หรือไม่..ฟ้าไร้ดาว..มันมืดมล

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 27 ส.ค. 2009, 01:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 01:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




f961f600ea599fc9267fb514.jpg
f961f600ea599fc9267fb514.jpg [ 68.93 KiB | เปิดดู 5253 ครั้ง ]
http://www.youtube.com/watch?v=FxB-ggYSa1w

หยาดน้ำฝน หยดน้ำตา

หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
หลั่งความขื่นขมที่ถมอยู่ใน ใจตน
หยาดย้อยจากปรางสวรรค์เบื้องบน
สู่กลางแก้มดินในฐานถิ่นคน
นั้นคือหยาดฝน ฉ่ำใจ
สาดสายพร่างพรายพรมผืนไร่นา แนวเนิน
ป่าดอนโขดเขินคลองขลุงทุ่งหนอง นองไป
หล่อเลี้ยงพืชพันธ์ มีผลดอกใบ
โลกเคยหลับไหล พลันฝืนตื่นใจ
สวยงามสดใส จริงเอย

ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน

หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ

ทอแสงทองอาทิตย์ทาบทา
พลันน้ำตานางฟ้าระเหย
เป็นละอองไอน้ำอย่างเคย
ถูกลมรำเพย พัดเลยลอยวน

หยาดน้ำจากตา นางฟ้าที่ตรมอารมณ์
ฝากมากับลมเป็นฝนพร่างพรม ใจคน
แต่น้ำจากตาตอนช้ำกมล
ที่เราหลั่งลอย ระเหยกี่หน
ถึงกลายเป็นฝน ฉ่ำใจ...

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 27 ส.ค. 2009, 01:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 02:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




20080131-0343352.jpg
20080131-0343352.jpg [ 141.22 KiB | เปิดดู 5316 ครั้ง ]

ภาพประกอบสวยมากๆเลยค่ะ ...

รู้สึกคำที่เน้นนี่ ผิดคนป่ะคะ แม๊!!!!!! .. มุขนี่กระจายเลยจริงๆ :b32:

เป็นคาราโอเกะนี่คะ

ลองฟังเวอร์ชั่นนี้นะคะ

http://www.youtube.com/watch?v=RJP-fyZ7ubs

คิดถึงค่ะ :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 27 ส.ค. 2009, 02:56, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1841542ei03.gif
1841542ei03.gif [ 203.34 KiB | เปิดดู 5177 ครั้ง ]
ขณะฉันนั่ง...เดียวดายดูสายลม

ปีกหักยับกลับมาเจ็บสาหัส
ลมแผ่วพัดลูบไล้ปลอบใจฉัน
ไอแดดอุ่นละมุนแสงแต้มแต่งวัน
ร่วมปลอบขวัญบรรเลงเพลงแห่งกาล

มีดวงดาวเป็นดวงตานำพาจิต
แทนเพลิงพิษร้อนเร่าที่เผาผลาญ
...อีกเมื่อใดบุปผาจะผลิบาน
เต็มสุสานความรักที่ปรักพัง...

เสียงลมแผ่วพลิ้วผ่านข้ามม่านหมอก
ไหลซอนซอกแผ่ซ่านผ่านเนื้อหนัง
ปลุกวิญญาณที่หลับไหลในภวังค์
ขณะฉันนั่ง...เดียวดายรับสายลม

dark side of mind...

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ส.ค. 2009, 23:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




4ac4d4d492a7.jpg
4ac4d4d492a7.jpg [ 402.04 KiB | เปิดดู 5181 ครั้ง ]
กาลครั้งหนึ่งที่แห่งนั้น
จุดเริ่มต้นของความฝันอันอ่อนไหว
จินตนาการฟุ้งซ่านโลดแล่นไป
เฝ้ารอคอยเพียงใครที่จากลา
ท้องทุ่งหญ้าโบกสบัดพริ้วไหว
วันที่เราโบกมือลาไกลหัวใจห่วงหา
วันที่ต่างคนต่างก็ต่างมีหยดน้ำตา
วันที่ฟ้ากำหนดมาให้ต้องลาไกล
อยากย้อนเวลากลับไปที่ตรงนั้น
อาจเป็นช่วงเวลาสั้นๆไม่นานเท่าไหร่
แต่สร้างสิ่งสำคัญมากกว่าเวลาใด
แม้เรื่องราวเหล่านั้นผ่านพ้นไป
ฉันยังเก็บบันทึกไว้ในความทรงจำ

daydream~แมงหวี่น้อย~

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 28 ส.ค. 2009, 00:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 02:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1418057i7h2go0ck5.gif
1418057i7h2go0ck5.gif [ 239.28 KiB | เปิดดู 5151 ครั้ง ]
ควาามทรงจำ...

ค่ำนี้ฝนตก
กลิ่นดินยังชื่นหอมเช่นที่เคยเป็น
แหละความคิดถึงที่คุ้นเคย ก็ย้อนกลับมาสวัสดีอีกหน

ฉันชอบความรู้สึกเช่นนี้จัง
“ความรู้สึกที่แม้ไม่มีใคร แต่รู้สึกเหมือนมีคุณให้อุ่นใจ”
“ถึงหนาวฟ้า แต่ก็อุ่นดิน”

ขอบคุณ ฤดูใจที่แสนรัก...........อุ่นจังหากได้ฟังจากคนใกล้ใจ.........

ฤดูฝน ทำให้คนเรารู้สึกอยากจะเหลียวมองโลกรอบข้าง

มองใบไม้ใบหญ้าเวลาสัมผัสกับสายฝน...บางใบก็สามารถเก็บกักหยดน้ำเอาไว้ได้....

บ้างก็ซึมซับเมื่อกระทบกับผืนดินเกิดเป็นกลิ่นที่น่าหลงใหล
ชอบ กลิ่นไอดินไอหญ้าเวลาเคล้าไอฝน

จนกลายเป็นสิ่งคุ้นชินสำหรับเราไปซะแล้ว

ฤดูฝนมักมีคนเพ้อบ่อยๆ แต่ในจินตภาพสำหรับใครบางคนเพี้ยนได้ทุกฤดูกาล

เวลาฝนตกฉันมักออกไปนั่งทอดอารมณ์ไปไกลๆ บางคนว่าชื้นแฉะจนน่าเบื่อ

แต่สำหรับแนไม่รู้สึกเช่นนั้นสักนิด
สดชื่นและนำทางอารมณ์ล่องลอยไปในปรารถนาบางอย่างไกลๆเสมอๆ

อุ่นใจเมื่อได้ยล
มีแต่ความสุขที่ปรารถนา

เวลา ฝนตก ความรู้สึกบางอย่างออกมาจากข้างในจริงๆ
บางคนเคยถามเมื่อได้ยินเสียงบ่นถึงอยากให้ฝนตกว่า "ฝนตกมีอะไรดีนักหนา"
ก็ไม่เคยได้อธิบายความพวกเขามากนัก
เพราะรู้ดีว่ายิ่งอธิบายยิ่ง ทำให้ขบขันในรู้สึกของคนที่จริตไม่ตรงกัน

สำหรับ สายฝน เป็นเหมือนความหลัง
ความรักแท้ครั้งแรก รู้สึกว่านี่แหละคือบางใครที่รอ
เมื่อเธอคนนั้นยินดีเดินออกฝ่าความหนาวเยือกไปด้วยกันกลางสายฝน

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เมื่อฝนตก ในจินตภาพจะเห็นเงาลางของวันเวลานั้นเสมอๆ
แม้วันเวลาหมุนไปนานนักแล้ว แต่รู้สึกยังเป็นอยู่ทุกบ่อยเมื่อฝนมา
ความรู้สึกข้างในก็มาล้นอออยู่ที่ปลายหัวใจด้วยคิดถึง

สายฝนจึงมิได้เป็นเพียงแค่มนต์แห่งธรรมชาติสำหรับ
แต่เป็นมนต์แห่งบุพเพที่ไมมีวันลืม ตลอดไป นิรันดร์

คิดถึงจัง! สายฝนที่แสนรัก

หนึ่ง คนที่เห็นแล้วมีรอยยิ้มคำว่าเบื่อ
สำหรับฉันคงกล่าวแก่คุณทั้งหลายไม่เหมาะเป็นแน่
แค่มิตรภาพที่มาเยือนและอยากกล่าวอะไรมากแค่ไหนก็หาคำที่ว่าไม่เจอ
จึงได้แต่บอกว่า "ขอบคุณนะ" อย่าด่วนเบื่อมิตรภาพเช่นที่ว่ากันซะก่อนล่ะ

มีแต่ความงดงาม และความสุขทั้งนั้น

"ถึงหนาวฟ้า แต่อุ่นดิน" จับปรารถนานี้มาจากมิตรภาพหนึ่ง
แม้โดยเนื้อกายเราไม่อาจอุ่นกันได้
แต่ในจริตสัมพันธ์แค่นึกถึงกันก็อุ่นถึงกันเสมอ

วัน ก่อน มิตรภาพที่แสนรักเอ่ยบางคำที่เร้าคะนึงให้ผมคิดถึงบางจริต
ถ้าเธอเปิดหัวใจอยู่ เธอคงทราบได้บ้างว่า
มีบางใครวางเธอไว้เสมอบางใครที่จารึกอยู่ในใจอันแสนรัก
แม้ว่าโดยสัมพันธภาพจะแตกต่าง แต่โดยจิตรนิมิตรถึงมิได้ต่างอะไรกันนักเลย

ขอบคุณที่แวะมา ขอให้ความรักทำให้คุณอุ่นในสิเน่หานะหวังใจ

คืน ที่อากาศร้อนอ้าว ตั้งใจวาถ้าฝนตกจะมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ
แต่พอฝนมาจริง กลับลืมที่ตั้งใจ ออกไปเหม่อมองท้องฟ้า ทุ่งดินอยู่อย่างนั้น นิจนาน

หลับฝันดีท่ามกลางฝนพรำขอให้คุณ สุขทุกปรารถนาหวังนะ

ถ้าทุกปรารถนาหากได้ชื่นใจแม้เพียงครึ่งก็วาสนานักแล้ว

เมื่อคืนฝนพรำทั้งคืน ไม่รู้คุณชอบหรือรังเกียจฝนกันแน่

สำหรับฉันรักสายฝนยิ่งนัก พบสายฝนเหมือนได้พบคนรัก
จึงพูดคุยและหยิบถ้อยรสมาอธิบายความเสมอๆ

แหละทุกบทกวีที่จดจาร จะนำความสบายใจมาบรรณาการเมื่อจบถ้อยเสมอมา

หัวใจคุณคงมีส่วนที่ละมุนและเป็นวาสนาของใครบ้าง
ในชีวิตที่ได้สัมผัสความเป็นคุณเป็นแน่ๆ
มีความสุขมากๆ เป็นความทรงจำที่งดงาม

ความทรงจำจากสายฝน
เป็นสมัยเด็กๆ ซะมากกว่าที่ออกไปวิ่งฝ่าฝน ไถลไปตามดินที่เหนียว
พอเจอน้ำก็จะลื่นจนตัวเปื้อนโคลนมะล่อกมะแล่ก
ฟ้าแล่บ แปล๊บปล๊าบ ก็ไม่กลัวจะโดนซักเปรี้ยง...

แต่ตอนนี้สิ่งเหล่านั้น
เป็นแค่ความทรงจำที่ได้ถูกเก็บไว้ในความทรงจำเรียบร้อย...
ไม่มีวันที่จะ delete เป็นแน่

กลับมาอีกรอบ...ขอให้มีความสุขกับวันหยุด

ที่ว่าไปก่อหน้าเป็นความทรงจำ ในความรักแรกที่จะจำมาถึงปัจจุบันใจนี้
ที่วันนี้มิได้กลายกล้ำไป ทำให้บางความเป็นไปของเธอขุ่นมัวแต่อย่างใด

ความรู้สึกดีดี ยิ่งเก็บยิ่งดี เราเชื่อเช่นนั้น

เสมือน การสอนใจ ว่าสิ่งที่พบที่เห็น
ถ้าได้ "มองอย่างเมตตาและปรารถนาอย่างกรุณา"
อาจทำให้หัวใจที่หม่นทุกข์ ในบางวันมีความงอกงามในพื้นที่หัวใจเพิ่มขึ้น

นึกถึงสมัยเด็กเล็กๆเช่นกัน วัยเด็กโตมากับท้องนาที่เขียวขจีไปทั้งทุ่ง
วันที่ฝนตกหนักๆในหน้านา น้ำเอ่อล้นขึ้นมาเกือบถึงพื้นบ้านแหนะค่ะ
เสียงกบเสียงเขียดระงมไปทั่วทุ่ง และบางคืนที่ฝนไม่พรำหนักนัก
จะกระโดดลงเรือพายที่จอดไว้ใต้ถุนบ้าน
อ้อนวอนขอออกไปเก็บอวนที่ดักปลาไว้ในนากับพ่อ

เราอยู่กับธรรมชาติ ที่รอบด้านไร้ซึ่งความเจริญ
ทั้งทุ่งนา คุ้งคลอง กอข้าว กอจาก มาแต่เยาว์
จึงอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง เมื่อพบธรรมชาติจึ่งเหมือนได้พบเพื่อนรัก
ที่แม้จากกันนานแค่ไหน ก็สนิทใจที่จะเรียกกันว่าเพื่อนเมื่อพบกันอีกครั้ง

"ไม่ว่าฤดูใดรักเสมอ" เพียงแต่อนาคตไม่อาจคาดหมายได้
ทำได้เพียงสอนปรารถนาให้คิดหวังในทางที่คิดว่าจะดีกว่า

ฤดูฝนก็ฉ่ำฝน ฤดูหนาวก็เยือกหนาว ฤดูร้อนก็อ้าวร้อน
แต่ฤดูใจนี้ซิ "ให้คิดถึงคะนึงหาและปรารถนาล้น"
มีแต่ความสุขทุกคิดหมาย

เพียงขอเอ่ยในนามของความรัก
ให้ประจักษ์สักครั้งถึงความหมาย
การรอคอยบางใครใกล้ชิดกาย
ปรารถนาไ ม่คลายหายน้อยลง

ร้อยเหตุผลดลให้ใจมาหา
เพียงจริตนิมิตรมาพาลุ่มหลง
ปลดปล่อยเปลื้องดวงใจให้ดำรง
เคียงคู่คงรักนี้นิรันดร์กาล

หากเพียงพบแต่ชื่อ ฤา วาสนา
บุพเพพาคล้องสร้อยร้อยประสาน
ขอจมมิดจิตรภาพตราบสิ้นปราณ
ความสุขทุกฝนริน...ฟื้นความทรงจำ...

ขอบคุณ..http://www.thaipoem.com

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 02:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Wallpaper.jpg
Wallpaper.jpg [ 50.59 KiB | เปิดดู 5167 ครั้ง ]
วังบัวบาน

ดอกบัวบานบ้านป่าพาใจฝัน รับตะวันวันใหม่สดใสเหลือ
ไร้จริตจริยามาปนเปือ ช่างงามเหลือเมื่อชม้ายมองมา
ไม่เคยบูดไม่เคยบึ้งมืนตึงให้ ยิ้มละไมแสนละมุลอุ่นนักหนา

เพียงคิดถึงยังซึ้งตรึงอุรา ใจคงบ้าถ้าวันใดไม่ได้เจอ
คำทักทายถามไถ่จากใจซื่อ ซึ่งก็คือมีห่วงใยให้เสมอ
คือทุกสิ่งจริงใจที่ได้เจอ ใช่พล่ามเพ้อหากจริงจังจากขั้วใจ

เปรียบเสน่ห์ความงามคนบ้านป่า ซึ้งอุราเย้ายวนชวนหลงใหล
มิเคยคิดเคลือบแคลงแฝงเลศนัย หากจิตใจพิศุทธิ์ดุจเพชรพราว
เธอดั่งเพชรน้ำหนึ่งแห่งบึงกว้าง งามเพลินพิศเบ่งบานระรานใจ

เนตรสดใสดุจเดือนเพ็ญที่เด่นพราว กังวานราวกังสดาลหวานเสียงนวล
ไร้ที่จะเปรียบประดุจสุดเอ่ยอ้าง งามทุกอย่างเพริศพริ้งเจ้ามิ่งขวัญ
ให้เป็นหนึ่งซึ้งใจใคร่คร่ำครวญ แสนรัญจวนหัวใจใฝ่คะนึง
ดอกบัวบานวังนี้มีค่าเหลือ ทุกคราเมื่อห่างไกลให้คิดถึง
ห่างเพียงกายหากอุรายังตราตรึง ยังแอบซึ้งตรึงใจไม่ลืมเลือน

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 01:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




12942.jpg
12942.jpg [ 31.76 KiB | เปิดดู 5208 ครั้ง ]
ดอกไม้งามยามตะวันเริ่มผันสี
ดุจมณีเปล่งประกายให้วาบหวาน
ดอกไม้เฉาด้วยลำแสงสุรีย์ราน
ดุจดวงมานแหลกลงตรง....ปุถุชน

ต่างกับพระอริยะผู้ละหลง
และปลดปลงไม่รู้สู่มรรคผล
แม้นดอกไม้เฉาลับกับตาตน
กลับงามล้นยิ่งงามยามเพ่งมอง

เพราะรับรู้ดูสิ่งที่จริงแท้
ความเปลี่ยนแปรดับไปในธรรมผอง
มีดวงตาดุจแก้วอันเรืองรอง
ที่เพ่งมองทะลุผ่านม่านบังทรวง

ความอับโชคโศกศัลย์อันทุลักษณ์
ได้ประจักษ์เข้าใจใช่ใหญ่หลวง
พบชีวิตไร้สิทธิ์สิ่งทั้งปวง
มิอาจทวงถามคืนคราวชื่นบาน

เห็นดอกไม้อับเฉาทุกคราวดอก
คือการบอกชีวิตไร้แก่นสาร
มีไตรลักษณ์ครอบครองนิรันดร์กาล
ดอกไม้ธรรมจึงบานในหัวใจ

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 31 ส.ค. 2009, 12:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




113240.jpg
113240.jpg [ 38.65 KiB | เปิดดู 5370 ครั้ง ]
"ดั่งสายน้ำร้อยสายไหลสู่ทะเลทิศตะวันออก
เมื่อใดจะหวนคืนสู่ทิศตะวันตกเล่า
เหมือนเมื่อยังเยาว์วัยไม่มุมานะ
ถึงยามแก่ชราก็ได้แต่เศร้าเสียใจ
โดยเปล่าประโยชน์"
จงอย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า ไปตามอายุขัยของเราเลย
จงเร่งรีบทำในสิ่งที่ควรทำด้วยความมานะพยายามเถิด
จงกระทำดี โดยอย่าสงสัย ว่าจะได้อะไรตอบแทนมั้ย
เอาเวลาที่ค้าหา ลองปฏิบัติเอง จะคุ้มค่ากว่า การนั่งรอคำตอบก่อนปฏิบัติเสียอีก

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"


แก้ไขล่าสุดโดย COMA! เมื่อ 30 ส.ค. 2009, 19:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1004116755dcad382d59mqm8.jpg
1004116755dcad382d59mqm8.jpg [ 36.72 KiB | เปิดดู 5171 ครั้ง ]
ในยามเช้า

ระหว่างที่ก้มหน้าคราโศกเศร้า
และนั่งเฝ้ามองดินสิ้นความหวัง
ใช้เวลากับเรื่องเปลืองภวังค์
อดีตฝังรากเหง้าเข้าบังตา

มิเงยสบแสงฉายในยามเช้า
อรุณร้าวจวบค่ำเมฆดำหนา
ความรู้สึกสร้างลมร้ายให้พัดพา
ความคิดย้ำนำมาแต่สีเทา

ในยามเช้าคราวแสงแจ้งส่องหล้า
พวงผกาแย้มงามตามเลื้อยเถา
นกแมลงเริงร่อนฟ้อนลมเบา
บ้างคลอเคล้ารื่มรมณ์ชมแสงทอง

คนชอบเหงาชอบเฝ้าแต่ความทุกข์
และเจ่าจุกพิงหลังนั่งหม่นหมอง
ทุกนาทีมีแต่ภาพไม่น่ามอง
สวนครรลองเวลาไร้ค่าควร

กาลเวลาพาเรื่องใหม่มาให้พบ
ต้องรู้จบอดีตกรีดกำสรวล
จงปลดทิ้งเรื่องร้ายคล้ายโซ่ตรวน
มองดูสวนดอกไม้ให้ชื่นบาน

โดย ดอกแก้ว [6 ก.ค. 2548 , 14:22:32 น.]

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 30 ส.ค. 2009, 22:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 02:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




1211162039-8.gif
1211162039-8.gif [ 45.24 KiB | เปิดดู 5179 ครั้ง ]
:b27: :b27: :b27:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 00:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




tt414.jpg
tt414.jpg [ 39.19 KiB | เปิดดู 5291 ครั้ง ]
หมู่ดาว..กับ..ฝนสีน้ำเงิน

...ทอดกายนอนหลับลงตรงลานหญ้า
ฝันลอดไม้ชายคาของป่ากว้าง
ดาริกาแวมวับประดับราง
ทางช้างเผือกเวิ้งว้างวางตำแหน่งดาว

...โน่นดาวสุกสนุกสนานกันคึกคัก
นั่นดาวรักพร่ำพรอดกอดฟ้าหนาว
นี่ดาวโกรธดาวแค้นในแดนดาว
นี่ดาวคาวฉาวกลิ่นถิ่นจักรวาล

...ดาวคาดหวังยังตั้งหวังสุกปลั่งฉาย
ดาวดวงร้ายเรี่ยรายทุกหย่อมย่าน
ดาวดีดีมาด่วนดับไปกับกาล
เป็นตำนานซ้อนตำนานทุกด้านดวง

...ดาวเมืองเรืองดวงช่วงดื่นดึก
ทำให้นึกหวั่นไหวด้วยใจหวง
แตกสะเก็ดเผ็ดร้อนปล้อนปลิ้นลวง
เป็นวงกลวงกว้างไกลไหม้ลงดิน

...ดาวดินซับกลิ่นไม้ไม่สิ้นสร่าง
บนช่องว่างอับชื้อกลืนหนี้สิน
สัมภาระหนักอิ่มซึ่งยลยิน
เก็บดาวทุกข์มากัดกินแทนข้าวปลา

...ดาวกระดาษเคลื่อนไหวในใจกระดาษ
ยังคงวาดรูปดาวฝันสู่วันหน้า
สะดุ้งใจรุ่งราวสว่างตา
ดาวมายาเกลื่อนกระจายรายรอบตัว

...ตื่นขึ้นจากภวังค์นั่งดาวโลก
ดวงเดิมเดิมที่ไกวโยกสะเทือนทั่ว
กระทบกายกระแทกใจไหวระรัว
โยกโย้เย้หยอกยั่วอยู่อย่างเคย


ขอบคุณค่ะคุณไร้สาระ..และกัลยาณมิตรทุกท่าน

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 02 ก.ย. 2009, 00:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 07:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2007, 21:52
โพสต์: 348

ที่อยู่: บุรีรัมย์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สาธุครับ ท่าน ปลายฟ้า ..คะ ชอบภาพ ทุกภาพครับ
วันหลังขอใช้บ้างสิ
สิริมงคล


แก้ไขล่าสุดโดย สิริมงคล เมื่อ 02 ก.ย. 2009, 07:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 124 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร