วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=8



กลับไปยังกระทู้  [ 124 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2009, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

“บ้าน” ที่พำนักพักพิงที่เดียวที่อบอุ่นและปลอดภัย
“บ้าน” จะน่าอยู่เพราะสมาชิกภายในบ้านมีความรัก เอื้ออาทรมอบให้แก่กัน
“บ้าน” จะมั่นคงแข็งแรง ทนแดด ทนฝน ทนต่อพายุร้ายที่โหมกระหน่ำทำลาย ได้
เพราะคนในบ้านรู้รักสามัคคี คอยระแวดระวัง ดูแลปกป้องซึ่งกันและกัน
“บ้าน” หลังใหญ่จะมั่นคงแข็งแรงได้อย่างไร หากลูกบ้านยังคงวุ่นวายกันอยู่อย่างนี้
ยามมีภัยนอกบ้าน เราสามารถวิ่งหลบเข้ามาภายในบ้านได้ แต่หากภัยนั้นลุกล้ำเข้ามา
ภายในบ้าน และเริ่มแผ่ขยายออกไป เราจะไปหลบหลีกซุกซ่อนตัวอยู่ ณ ที่แห่งใด
กว่าจะมีบ้านมาได้สักหลัง ยากลำบากสักแค่ไหน ใครไม่ได้ดิ้นรนจัดหาเองคงไม่รู้ซึ้ง
บ้านจะหลังเล็กหลังใหญ่ แต่ก็เป็นความภาคภูมิใจของเขา เราต้องเคารพสิทธิของเพื่อน
บ้าน เกรงใจซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่ต้องทำเมื่ออยู่ร่วมกันในสังคม
กลับบ้านกันเถอะ
ขอให้ทุกคนมีความสุขเมื่อได้อยู่ในบ้านของตน

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




00015_12.jpg
00015_12.jpg [ 119.35 KiB | เปิดดู 7426 ครั้ง ]
ดอกไม้เดียวดาย
เพื่อนฝูงหนีหายไม่ได้เจอหน้า
อยู่แสนเหงาท่ามกลางป่าพนา
รอวันว่าเพื่อนเพื่อนจะกลับมาหากัน

รอไปวันแล้ววันเล่า
เจ้าดอกไม้ก็ไม่ได้เจอะเจอเพื่อนเหล่านั้น
พวกเขาหายไปกับแสงสีที่เจอะกัน
เขาเหล่านั้นหลงลืม ลืมบ้านป่า

ดอกไม้รอคอยด้วยใจเงียบเหงา
หัวใจที่เฝ้าคอยแสนเหว่ว้า
แต่ไม่เคยคิดละทิ้งบ้านป่า
ขอมีคุณค่า ณ ป่าบ้านตน

ดีใจนะค่ะที่แวะมาค่ะ... tongue

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 16 ก.ย. 2009, 18:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2009, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




photo-5107-16-01-06-15-59-05.jpg
photo-5107-16-01-06-15-59-05.jpg [ 116.39 KiB | เปิดดู 7308 ครั้ง ]
คิดถึงเส้นทางสายรุ้งตามรอยฝัน
ในเรียวแสงตะวันวันฟ้าใส
ลมหอบพัดกลิ่นดอกไม้ป่ามารำไร
หอมเอยหอมในหัวใจใดปาน

ป่านนี้ดวงดอกคูนคงควงฟ้อน
คงออดอ้อนรอรับขวัญสู่วันหวาน
ตะแบกคงแบกรักบานตระการ
สู่วิมานบ้านไร่ริมสายธารา

ข้าวกล้านาทองผ่องพรรณราย
เหลืองพรายสุกปลั่งระย้า
แลจรดทิวทุ่งทิพย์ละลิบตา
งามเกินกว่าหาคำใดเพียงใจซึ้ง

ดวงตะวันสีไพลยามฟ้าพลบ
พบสงบสงัดในใจดวงหนึ่ง
เห็นงามเงียบเรียบง่ายให้ตราตรึง
สอนลึกซึ้งรู้วางว่างณ กลางใจ...!

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 22:11
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




G665334.jpg
G665334.jpg [ 253.28 KiB | เปิดดู 7294 ครั้ง ]
ปลายฝนต้นหนาว

แสงยามเช้าที่ผมเห็น..
วันนี้ออกเดินทางตั้งแต่เช้า น่าแปลกใจเหลือเกิน
แต่วันนี้ลมหนาวกลับพัดมาแผ่ว ๆ ไม่หนาวนักหรอกนะ
เพียงรู้สึกว่ามันเย็นว่าทุกวันที่ผ่านมา นี้ลมหนาวกำลังจะมาแล้วหรือ..
ความหนาวกำลังจะกลับมาปลายฝนนี้..ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เนี้ยแหละ..ปลายฝน..ต้นหนาว

เช้าของการเดินทางจุดหมายอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆ ระยะทาง 70 กิโลเมตรจากตัวเมือง
ซึ่งแน่นอนว่าที่นั่นอากาศดีกว่าที่นี่หลายเท่านัก

เช้านี้อากาศดี หมอกบาง ๆ ปกคลุมเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้
หากไม่สังเกตหรือนิ่งมองมันก็จะไม่รู้สึกเลยว่ามีหมอกบาง ๆ โอบกอดเมืองเอาไว้
การเดินทางเช้านี้สวนทางกับผู้อื่นแลเห็นผู้คนวุ่นวาย
การจราจรที่คับคั่ง นายตำรวจจราจรทำงานอย่างแข็งขัน
เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้คนที่ฝากชีวิตไว้กับเส้นทางจราจร

“แค่เมืองเล็ก ๆ ยังดูวุ่นวายเพียงนี้ ผมได้แต่ยิ้มเย้ยกับผู้คนเหล่านั้น...”
รถที่ผมนั่งเคลื่อนล้อสวนทางกับผู้อื่นสู่จุดหมายของวันนี้ ที่อยู่ข้างหน้า

แม้ว่าเสียงเพลงชาติในวิทยุจะบอกเวลา 08.00 น.
แต่ผมกลับยังไม่เห็นแสงแดดแผดจ้าเหมือนกับทุก ๆ วันที่ผ่านมา ช่างเป็นวันพิเศษจริง ๆ
วันนี้ผมรู้สึก..ขอบคุณแสงแดดวันนี้ที่ไม่ร้อนอย่างที่คิดไว้ ทำให้การเดินทางของผมงดงามยิ่งขึ้น
เมฆก้อนใหญ่ห่มไปทั่วท้องฟ้าเหมือนดั่งว่ามือประสานกันไว้ เพื่อไม่ให้แสงแดดลัดลอดมาทักทายผม
ผมนั่งยิ้มให้เมฆบนท้องฟ้าผ่านหน้าต่างรถสีเขียว…

เพียงแค่ก้มลงหยิบสุดบันทึกขึ้นมา เมื่อเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง ผมได้พบกับแสงของพระอาทิตย์ได้เบียดผ่านก้อนเมฆใหญ่ลงมา คล้ายกับที่เราได้เอาตาข่ายตาถี่ ๆ มากั้นไว้ ทำให้มองเห็นแสงที่ลอดผ่านลงมาเป็นเส้นทางลำแสงเล็ก ๆ ผ่านก้อนเมฆ ซึ่งตอนนี้ก้อนเมฆก็ยอมเสียสละแต่โดยดี ให้เส้นทางแสงพระอาทิตย์ได้มาทักทาย ผมได้แต่ตื่นเต้นที่มองเห็นความงามของธรรมชาติยามเช้า ครั้นจะสะกิดให้พี่คนขับรถที่นั่งข้าง ๆ ได้สัมผัสกับความงามบ้าง แกก็สาละวนกับการขับรถลูกเดียว

แต่พอจะหยิบกล้องมาบันทึกภาพไว้ ต้นไม้ข้างทางก็พร้อมใจกันขวางความงดงามของเส้นแสงนั้น ผมได้แต่เสียดายทำได้แค่หยิบปากกามาบันทึกไว้ ว่าวันนี้ได้พบเรื่องตื่นเต้นของวันอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่า..ใครจะเป็นบ้าเหมือนฉันไหม ที่วันนี้ที่แอบเก็บความงามของแสงพระอาทิตย์แล้วก็ตื่นเต้น ๆ รู้สึกอยากให้ใคร ๆ ได้สัมผัสความงามของมันบ้าง ความจริงแค่ความตื่นเต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้แต่ละวันของเรามีความสุขขึ้น

“แสงยามเช้าที่ฉันเห็นเธอเห็นบ้างไหม
มันเบียดเมฆผ่านมาทักทายเธอยามเช้า
เส้นทางเล็ก ๆ ที่ส่องเป็นทางงดงามนัก
หากเธอจะมองสิ่งเล็กนั้นอย่างดงามและมีความหมาย”

ขอบคุณการเดินทางเช้านี้ .. ที่ทำให้การเดินทางมีความหมายยิ่งขึ้น
เพียงแค่แสดงยามเช้ามาเบียดส่องลงมา...เช้านี้คุณเห็นเหมือนผมบ้างไหม?

.....................................................
"ขอมีสติเข้มแข็งดั่งขุนเขา..แต่ขอมีจิตใจอ่อนโอนดั่งขนนก"รูปภาพ


แก้ไขล่าสุดโดย เพลิง. เมื่อ 18 ก.ย. 2009, 20:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2009, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Y8174560-25.jpg
Y8174560-25.jpg [ 21.37 KiB | เปิดดู 7288 ครั้ง ]
................................

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2009, 21:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.5.bmp
.5.bmp [ 260.68 KiB | เปิดดู 7282 ครั้ง ]

ผ่อนคลาย สบาย สบาย ...

วางทุกอย่างทิ้งไป สบาย สบาย ....

หลับตาลง อมยิ้ม เบาสบาย ....

พักจิต พักใจ สบาย สบาย ....

ร่างกายผ่อนคลาย จิตใจเบาสบาย

หลับตาลง อมยิ้ม อย่างมีความสุข

หายใจ สบาย สบาย ...

พร้อมกับภาวนาว่า ....

ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข ....

ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข .....

ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข .....

ใจเราน้อมรับความสุขด้วยรอยยิ้ม

กายเรายิ้ม .... ใจเรายิ้ม .....

ใจเราเต็มเปี่ยมไปด้วย .... รอยยิ้มแห่งความสุข ...

นำรอยยิ้มแห่งความสุข ....

เผื่อแผ่ให้กับคนที่เรารักและเคารพ ....

ขอให้คนที่เรารักและเคารพมีความสุข ....

นำรอยยิ้มแห่งความสุข ....

เผื่อแผ่ให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ....

ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีความสุข ...

ทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้เอิบอิ่ม ....

ไปด้วยรอยยิ้มความสุข ....

ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข ...

ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข ...

ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุข ...

http://www.imeem.com/horayoga/music/cJ1 ... ion/?rel=1

นำความสุขมาฝากทุกบ้านเลยจ้ะ cool

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




024.gif
024.gif [ 44.9 KiB | เปิดดู 7202 ครั้ง ]
... กับบางเรื่องมันก็เหมือนความฝันที่เราไม่อาจจับต้องได้
แต่มันกลับทำให้เรามีความสุขมากมาย
ที่สุขเกินความพอดีไปหรือเปล่าก็ไม่รู้
และเป็นความสุขซึ่งห่างไกลความจริงเหลือเกิน
เหมือนเป็นเพียงความฝันยามหลับตาเท่านั้น ยากเกินที่จะเป็นจริง
แม้การอยู่ในความฝันที่มีแต่ความสุขมันจะแค่ไหน แต่คงอยู่ได้ไม่ตลอดไป
แล้ววันนั้นก็มาถึงวันที่เลือกก้าวเดินออกจากความฝันนั้น
อย่างสับสน เพื่ออยู่กับความเป็นจริง ที่มีทั้งรอยยิ้ม
หยดน้ำตา เรื่องราวที่ต้องพบเจอ
และก้าวผ่านไม่เว้นวันความเป็นจริงที่ไม่ได้สวยหรู
เหมือนดังฝัน แต่มันก็จับต้องได้และเรารู้ว่ามันมีอยู่จริง

กลอนบทเก่า…เหมือนม่านเงาแห่งความหลัง…ห้วงภวังค์แห่งฝันอันบางเบา
จากวันหนึ่งที่เธอเดินเข้ามา หยดน้ำตาที่มีก็พลันจางหาย
เหมือนเธอมาทำให้ฉันเป็นคนใหม่ ที่สดใส เธอคือหัวใจของฉัน
แม้ไม่ได้รักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แต่เธอก็คือคนสำคัญจากวันนี้ไป
ที่จะคอยดูแลห่วงใยไม่ขาดหาย แม้ไกลเกินกว่าจะเคียงข้างกาย
แต่ไม่สำคัญมากมาย เมื่อใจ….เราอยู่ใกล้กัน

ความรู้สึกสื่อถึงใจไม่เคยเว้น เหมือนสายลมเย็นพัดมาให้สดชื่น
ทุกค่ำคืนวัน อบอุ่นมุนละไม คือความเข้าใจในกันและกัน

โลกนี้ไม่เหงาเหมือนเคย ไม่มีเลยความเศร้าจืดจางหาย
มีแต่สิ่งที่ดีมีความหมาย ให้ค้นหามากมายในหัวใจ
คือความรักที่เข้ามาเติมอุ่นไอ คือเธอคนของใจให้สุขล้น

เสียงบทเพลงบรรเลงรัก สำเนียงทอถักถ้อยคำหวาน
ขับขานลานรักตราบเท่านาน ดังก้องกังวานในใจสองเรา

ลมโชยแผ่วแว่วเสียงกระซิบไป ถักทอความห่วงใย อาทร
ฝากหมู่ภมรบินว่อนร่อนไปมา เอ่ยสำเนียง เสียงเพรียกหา
แทนถ้อยคำวาจา…ภาษาใจ

ขอบคุณที่เคียงข้างกันในวันที่หม่นใจ
พาให้ก้าวผ่านพานพบสิ่งใหม่
ลบไปความปวดร้าวไม่เหลือเลย
เปิดใจให้สดใสไม่เป็นอย่างเคย
ก่อนนั้นหัวใจเคยจมกับน้ำตา
ด้วยความรัก…จากเธอ
ฉุดดึงขึ้นมาพาพบเจอความสดใส
ช่วยใจให้พ้นความหม่นจนหนทาง
ไร้ความอ้างว้าง บนทางสายเดิม
กับวันเวลาช่วยเติมเพิ่มรอยยิ้ม

มองสายฝนผ่านบานหน้าต่างใส
พาใจลอยไปถึงใครที่ห่างไกล
ด้วยความห่วงใยอยากถามไถ่ว่าเหนื่อยไหม
อยากอยู่ใกล้คอยให้กำลังใจ
เดินเคียงไปในทุกที่ที่มีเธอ
จับมือกันเสมอ ทุกก้าวเดิน
จะร่วมเผชิญด้วยใจไม่ไหวหวั่น
แค่มีเธออยู่ข้างกันก็เพียงพอ

กลอนบทเก่า…เล่าความรู้สึก…ผนึกอักษร
ถึงห่างไกลไม่ห่างไปใจใกล้กัน
ในความฝันยังมีเธอทุกค่ำคืน
ยังยืนอยู่ข้างเธอกับรักที่เปี่ยมใจ
เสียงกระซิบรักทักดังแว่วไม่จางหาย
ความอบอุ่นกลิ่นไอยังล้อมรอบกาย
เหนื่อยแค่ไหนก็หายด้วยกำลังใจจากเธอ

ดนตรีแห่งความเหงาเศร้าจบลงแล้ว
แววตาหม่นสิ้นสุด ฉุดให้เจอกับความหวัง
ก่อพลังเริ่มต้น บทเพลงใหม่
ดนตรีขับร้องเสียงสั่นพ้องจากหัวใจ
แววตาวูบไหว ด้วยรอยยิ้ม
ความสุขหลั่งรินล้นหัวใจ
คือบทเพลงบรรเลงจากหัวใจ
ทางที่เคยเดินลำพังในวันก่อน
ในวันนี้กลับล้อมหลอมด้วยไออุ่น
ที่นับวันยิ่งเคยคุ้น คุ้นใจ
จากความรักที่รักมากยิ่งขึ้นไป
ต่อให้ห่างไกล ก็ไม่กลัวเลย

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"


แก้ไขล่าสุดโดย บุหลัน..เลื่อนลอย เมื่อ 24 ก.ย. 2009, 19:20, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 15:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสุขหาได้ทุกที่


ไม่จำเป็นต้องหรูหรา

บ้านเราจะน่าอยู่เพราะมีคนที่รัก และห่วงใยเรา รอเราอยู่..

อนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ย. 2009, 19:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




11-40m44.gif
11-40m44.gif [ 297.38 KiB | เปิดดู 7257 ครั้ง ]
เพียงผู้หญิงคนหนึ่ง…
ที่ใจลึกซึ้งตรึงมั่นในความรัก
ไม่แปรปักเปลี่ยนไปเพราะไหวหวั่น
มีเพียงหนึ่งใจเพียงเท่านั้น
พื้นที่ข้างในฉันเก็บไว้ให้เพียงเธอ

เธอคือต้นไม้ใหญ่
ให้ร่มห่มใจใครคนหนึ่ง
เติมใจให้คำว่ารักลึกซึ้ง
เป็นหนึ่งคนพิเศษในกล่องใจ
ที่มอบให้ได้เพียงหนึ่ง คือเธอคนเดียว
ที่มีรักผูกเกลียวรอยยิ้มหวาน
สุขเบิกบานเติมเต็มทั่วทั้งใจ
คำหวานไหวตราตรึงในห้วงรัก
ที่ประจักษ์จักเจนเกินบรรยาย
ช่างสุขมากมายเมื่อใจได้รักเธอ

นั่งมองดาวพร่างพราวที่รายล้อม
ที่พร้อมใจส่องแสงเคียงข้างเดือน
จนฟ้าเลือนลาลับดับแสงทอง
เสียงหวีดแว่วเร่งร้องเริ่มวันใหม่
ท่องฟ้าสว่างกระจ่างสดใส
เปลี่ยนสีผันไปตามช่วงคืนและวัน
แต่หัวใจฉันก็ยังคิดถึงแต่เธอ
ยังพร่ำเพ้อเหม่อมองเฝ้ารอหา
รอเวลาที่จะนำพาเราได้พบกัน

ไม่ว่าตอนนี้เธอจะอยู่ตรงที่ใด
จะห่างไกลอย่างไรก็ส่งใจไปถึง
ทุกห้วงคำนึงมีถ้อยคำความคิดถึง
อยากตะโกนบอกเธอให้ก้องฟ้า
ให้ได้รู้ว่าฉันคิดถึงมากเหลือเกิน

ฝนเทมาจากฟ้ากว้างใหญ่
ต้นไม้ไหวโอนเอนอ่อนลู่ลมฝน
เธอรู้ไหมคนทางนี้เหม่อหา
นั่งมองฟ้าหม่นริมขอบหน้าต่าง
มองหยดน้ำค้างเกาะราวพราวพร่าง
ผ้าม่านบางพัดพลิ้วปลิวตามลม
กลิ่นไอดินและกลิ่นหญ้าฟุ้งตลบ
เสียงสายฝนมิอาจกลบเสียงใจ
ที่เต้นร้องอยู่ข้างใน ในทุกวัน

โมบายสั่นไหวตามแรงลมแผ่วเบา
เหมือนเป็นเสียงแห่งความเหงาดังแว่วมา
หรือว่าแท้จริงคือเสียงก้องร้องบอก
จากความสุขที่ร้องปลุกให้ได้รับรู้
หมู่ดอกไม้สะพรั่งกลิ่นอบอวล
ข้างในสวนหลากสีสันแย้มรับรุ่งอรุณ
ละอองฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศ
ท้องฟ้าดาดทาบทาสีฟ้าขาว
กลุ่มเมฆโปร่งโล่งแสนสดใส
คือสัญญาณส่งมาจากฟ้าไกล
ถึงความสุขในวันใหม่ใช่ไหมเอย

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ย. 2009, 01:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 17:51
โพสต์: 189

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
สิ่งที่ชื่นชอบ: วรรณกรรม
ชื่อเล่น: ป้าโคม่า
อายุ: 54

 ข้อมูลส่วนตัว




005-2.jpg
005-2.jpg [ 15.56 KiB | เปิดดู 7240 ครั้ง ]
เริ่มต้นวันใหม่ ... วันนี้ ... เป็นวันที่ฉันอารมณ์ดีอีก 1 วัน
เพราะเริ่มต้นวันใหม่ด้วยยิ้มแบบวิธี "จิ๋วนิด" อีกครั้งหลังจากที่ลืม
อารมณ์นี้มานานแสนนาน ... นานจริงๆ

ถือว่าเป็นฤกษ์งามยามดี เพราะบางสิ่งบางอย่างได้ถูกปลดปล่อย
ออกมาบ้างแล้ว

ไม่เก็บ....ไม่บ่น....ไม่ว่า...ไม่เก็บทุกข์..เราก็พบสุข

เพราะทุกอย่างมันผ่านมา ผ่านไป ... เหมือนดั่งเช่น
เจ้ากระรอกตัวน้อยๆ ที่มองเห็นมันวิ่งเล่นผ่านทางสายด่วน
"สายไฟฟ้า" หน้าบ้าน มันวิ่งๆ แบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ประหนึ่งว่า
มันจะวิ่งมาราธอนหวังเวลาที่ดีที่สุดเพื่อเข้าแข่งขัน
โอลิมปิก ... ฉันนั่งมองมัน
มองไป มองมา ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่

แต่ใครจะสนล่ะ เพราะว่ามองแล้วสุขใจไม่ทำความเดือดร้อนใคร
และเจ้ากระรอกมันก็ไม่ได้เหนื่อยเพิ่มด้วย

เพราะฉะนั้นเช้าวันนี้ หรือวันไหน ๆ จึงเป็นวันที่สดใสเสมอ
มองเห็นอะไรหลายๆ อย่าง แล้วเห็นว่า

" เออ หนอ ความสุข กับรอยยิ้มมันก็ไม่ได้หายากสักหน่อยหนิ
เรายังยิ้มได้ เรายังสุขได้ แล้วจะหวังอะไรกับสิ่งอื่นๆ ล่ะ"

ว่าแล้ว .. ก็ปล่อยมันไปดีกว่า เจ้าความคิดที่นำบางสิ่งบางอย่างที่ทำเอาทุกข์
ปรับคนอื่นไมได้ ประสิ่งแวดล้อมไม่ได้ เราก็ปรับแต่จิตใจตัวเองแล้วกัน
เพราะเราทุกข์กับตัวเอง และสิ่งที่เราอยากให้มันเป็นไม่ได้
มันก็ต้องทำใจและเข้าใจ (เน๊าะ)

ฝนตก ... มันก็ต้องเปียก เป็นเรื่องธรรมดา
อยู่ใต้ฟ้า...จะกลัวอะไรกับฝน...
แต่เมื่อมีฝนมา ฟ้าก็ต้องเปิด ...
แล้วเรา..ก็อย่าลืมเปิดใจ..ยอมรับกับบางสิ่งที่ดี ๆ เข้ามา
แม้เรื่องบางเรื่องจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ผ่านเข้ามากระทบจิต
แม้แต่..แค่เพียงรอยยิ้มเล็กๆ แต่มันก็เป็นอะไรที่วิเศษที่สุดแล้วนะ
ยิ้มให้กันไว้ ... แล้วใจจะได้หายเหนื่อยนะค่ะ

.....................................................
รูปภาพ
"จิตที่ให้ย่อมเป็นจิตที่ดี ... จิตที่มีแต่ประชดประชันนั้น ... หาควรแก่การอบอรมสั่งสอนธรรมผู้ใดไม่"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว




.12.bmp
.12.bmp [ 215.54 KiB | เปิดดู 7211 ครั้ง ]

เธอ… เป็นดั่งสายน้ำ
แค่พบก็รู้สึกเย็น แค่เห็นก็เป็นสุขใจ
ซับเหงื่อให้ใจที่ล้า เพียงเห็นแววตายิ้มให้
ขอทรุดกายนั่งใกล้ ริมฝั่งใจได้ไหมคนดี

มี… พื้นที่พอไหม
ถ้ารักจะขอหลบภัย ถ้าใจขอใกล้อย่างนี้
เพียงเศษละอองสายน้ำ พรมใจคนช้ำเหลือที่
ให้พอได้รู้สึกดี จากที่รอนแรมมาไกล

ทั้งๆ ที่ใจรู้ว่า สายน้ำไม่เคยหยุดไหล
ทั้งๆ ที่ยังหวั่นไหว แต่ใจก็รอความหวัง

ทาง… ที่เคยฝันไว้
ให้สายน้ำพาล่องไป ให้ไหลนำใจสู่ทาง
ถ้าหากไม่เป็นภาระ จะขอร่วมเดินเคียงข้าง
เป็นสายน้ำเย็นชุ่มหวัง หล่อเลี้ยงพลังให้ใจ

ทั้งๆ ที่ใจรู้ว่า สายน้ำไม่เคยหยุดไหล
ทั้งๆ ที่ยังหวั่นไหว แต่ใจก็รอความหวัง

ทาง… ที่เคยฝันไว้
ให้สายน้ำพาล่องไป ให้ไหลนำใจสู่ทาง
ถ้าหากไม่เป็นภาระ จะขอร่วมเดินเคียงข้าง
เป็นสายน้ำเย็นชุ่มหวัง หล่อเลี้ยงพลังให้ใจ


http://www.youtube.com/watch?v=63-Pyk2mX3c


จงเป็นดั่งสายน้ำ .....

สายน้ำ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 20:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

" กว่าง "

กว่างคืออะไร ?
กว่าง หรือบางทีเรียกว่า "แมงคาม" เป็นชื่อเรียกของด้วงปีกแข็งชนิดหนึ่ง มี 6 ขา ตัวผู้จะมีเขายื่นไปข้างหน้าและโค้งเข้า ตอนปลายแยกเป็นสองแฉก ซึ่งมีตั้งแต่ 2 เขา 3 เขา และ 5 เขา ส่วนตัวเมียไม่มีเขา เกิดจากไข่ของแม่กว่างที่ฟักตัวในดิน มีชื่อเรียกตามรูปร่าง ตามขนาด และเรียกตามแหล่งที่เกิด เช่น กว่างโซ้ง กว่างแซม กว่างกิ กว่างอีลุ้ม บางชนิดไม่นิยมนำมาเลี้ยง

กว่าง ตัวเมียซึ่งเป็นเหยื่อล่อตามธรรมชาติ กว่างตัวเมียนี้จะมีทั้งชนิดตัวเล็กและตัวใหญ่มีทั้งสีน้ำตาลและสีดำ กินจุกว่ากว่างตัวผู้ ไม่มีเขา ปากมีลักษณะเป็นฝาสำหรับขุด ซึ่งจะขุดอ้อยให้เป็นแอ่งเห็นได้ชัด ปกติจะใช้กว่างแม่นี้เป็นตัวล่อให้กว่างตัวผู้ชนกัน กว่างตัวเมียนี้เมื่อผสมพันธุ์แล้ว จะขุดรูลงดินเพื่อวางไข่แล้วจึงตาย

วงจรชีวิตของกว่าง
กว่าง มีวงจรชีวิตประมาณ 1 ปี คือช่วงต้นฤดูฝน ในระยะที่เป็นตัวหนอนหรือ ตัวด้วงจะมีสีขาว ตัวโต มีความยาวประมาณ 5 - 6 เซนติเมตร และเส้นรอบวง ประมาณ 1 นิ้ว ในช่วงนี้จะอยู่ในดินชอบกินเศษใบไม้ผุ ตอไม้ หรือต้นไม้ที่ผุ เป็นการช่วยธรรมชาติใ นการย่อยสลายใบไม้ ต้นไม้ ให้กลายเป็นปุ๋ยแก่ดินได้เป็นอย่างดี

ต่อมากลายเป็นดักแด้ และตัวเต็มวัยเป็นวัยเจริญพันธุ์พร้อมสืบเผ่าพันธุ์ได้ ในช่วงที่เป็นตัวหนอนถึงตัวเต็มวัยใช้เวลาประมาณ 1 - 2 เดือน ก่อนที่จะถึงฤดูฝน เมื่อฝนตกลงมาทำให้ดินอ่อน ด้วงกว่างที่เจริญเติบโตเต็มที่ก็จะดันดินออกมาสู่โลกภายนอก เพื่อหาแหล่งอาหารใหม่ และเพื่อการผสมพันธุ์ กว่าง ตัวผู้ที่แข็งแรงเท่านั้นที่มีโอกาสรอดเพื่อการผสมพันธุ์ โดยกว่างจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงตัวเมีย และฝ่ายที่ชนะก็จะได้รับรางวัลได้ผสมพันธุ์กับตัวเมีย เป็นการคัดเลือกสายพันธ์ที่ดีตามธรรมชาติ ใช้วงจรชีวิตช่วงนี้ประมาณ 4 เดือน พอเข้าในฤดูหนาว กว่างตัวเมียหลังจากผสมพันธุ์ ก็จะขุดดินแล้ววางไข่ ส่วนตัวเองก็จะตาย ไข่ก็ฟักเป็นตัวหนอน เป็นดักแด้อาศัยอยู่ใต้ผิวดิน จนถึงต้นฤดูฝนก็จะขุดดินขึ้นมาผสมพันธุ์ดำรงชีวิตสืบลูกหลานต่อไป

ประเพณีชนกว่าง
เป็น การละเล่นพื้นบ้านของชาวล้านนาที่นิยมเล่นมานานจนกลายเป็นประเพณี ปัจจุบันยังมีการเล่นกันอยู่ แม้ไม่มากเท่ากับในอดีต แต่ก็ยังเป็นที่นิยมกันในหมู่ผู้ชายทั้งเด็กและผู้ใหญ่โดยจะเล่นในช่วงฤดูฝน ประมาณเดือนสิงหาคม ถึงเดือนตุลาคม เพราะนอกจากจะเป็นช่วงที่กว่างออกมาจากดินแล้ว ยังเป็นช่วงที่ชาวบ้านสมัยก่อนว่างจากการทำงาน เพราะข้าวที่ปลูกไว้กำลังตั้งท้อง แต่พอออกพรรษาแล้วก็เลิกชนกว่าง ปล่อยกว่างกลับคืนสู่ธรรมชาติ เพื่อสืบลูกสืบหลานในปีหน้าตามวัฎจักร

จะว่าไปแล้ว..ผมกับกว่างอาจจะไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเท่าไหร่ เนื่องด้วยเหตุว่าสมัยเด็กๆ เคยเจอที่แบบว่ากว่างบินมาเกาะแขนแบบหน้าตาเฉย .. ด้วยเพราะว่าขาของมันเห็นหนามแหลม เกาะเกี่ยวกันทีเจ็บแสนเก็บฉันเลยขยาดมาตั้งแต่ตอนนั้น เวลาเห็นแล้วไม่กล้าจะอยู่ใกล้ๆ แต่ว่ามาตอนนี้ดีหน่อยคือ แค่ไม่ไปหยิบจับส่วนไหนด้วยมือตรงๆ เพราะกลัวเหลือเกินว่ามันจะเล่นกายกรรมพลิกตัวแล้วมาเกาะมืออีก อันนี้คงได้กรี๊ดเป็นแต๋วแตกแน่นอน

ช่วงนี้จะเห็นชาวบ้านเอามาวางขาย ผมขับรถกลับมาก็จะเห็นเค้าเอากว่างมาวางขายกัน ราคาก็เห็นไม่ใช่น้อยๆ เลยคะ ตัวโตหน่อย แข็งแรงและรูปลักษณ์สวยหน่อยก็ราคาสูงพอใช้ได้ แต่แย่หน่อยค่ะที่ว่าเมื่อก่อนเค้าชนเอาสนุกกัน เฮฮากันตามประสา แต่ว่ามันก็มีคนประยุกต์เอาการชนกว่างซึ่งเป็นประเพณีดีๆ มาทำเป็นการพนันซะได้ เชียร์กันเฮๆๆๆๆ แต่ก็ดันมีเงินรางวัลเอาไว้ล่อใจ ... เฮ้อ คนเราล่ะหนอ

พฤติกรรม ของการชน และสาเหตุของการชนกว่างของตัวผู้เพื่อแย่งตัวแม่ ใครดีใครได้ .. ใครดีก็ได้ผสมพันธุ์กันไป ว่าไปแล้วมันก็เป็นธรรมชาติจริงๆ เพราะว่าคนเรามันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ สัญชาตญาณของการแก่งแย่งใครดีใครได้ ธรรมชาติสอนสั่งมันก็มีส่วนในการหล่อหลอมให้เราเป็นไปตามนั้น แต่มันก็มีส่วนอื่นๆ บ้างอย่างการเลี้ยงดู การให้ความรู้ การศึกษา ทำให้คนมีความแตกต่างกัน คิดดี คิดไม่ดี ก็คงจะเป็นเรื่องของบุคคลจริงๆ ...

เอ๊า..คุยเรื่องกว่างแต่ก็ดันมาแขวะเรื่องของคน อย่างนี้ล่ะครับ
ธรรมชาติเน๊าะพูดเรื่องอะไรก็สามารถวกเข้ามาคุยเรื่องอื่นๆ ได้เหมือนกัน

นั่นเพราะว่าผมก็แอบเนียนเป็นธรรมชาติกะเค้าบ้าง ... เรื่องของเรื่องแอบติติงไปเรื่อย... :b29: :b29:

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม..jewnid.

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2009, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เอารูปท้องนาสีเขียวฟ้าใสใสมาฝากนะคะ...ทุกท่าน
ดูแล้วงดงาม ผ่อนคลายดีค่ะ

สบายดีทุกท่านนะคะ...ระลึกถึงค่ะ


:b48: ธรรมะสวัสดีวันพระค่ะ :b48:


แก้ไขล่าสุดโดย ลูกโป่ง เมื่อ 30 ก.ย. 2009, 12:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ย. 2009, 22:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ส.ค. 2009, 01:54
โพสต์: 124

อายุ: 44
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว




DSCF5660.jpg
DSCF5660.jpg [ 97.3 KiB | เปิดดู 7220 ครั้ง ]
เมื่ออาทิตย์สาดส่องบนท้องทะเล เมื่อนั้นฉันคิดถึงเธอ
เมือจันทราสาดแสงบนแผ่นฟ้า เมื่อนั้นฉันคิดถึงเธอ
เมือสายรุ้งพาดผ่านท้องทุ่งนา เมื่อนั้นฉันคิดถึงเธอ
เมื่อสายลมพัดผ่านโขดหินผา เมื่อนั้นฉันคิดถึงเธอ

วันเวลาผ่านไปไม่หวนกลับ
สายลมพัดผ่านโขดผาไม่พาหวน
ชีวิตผ่านพลาดพลั้งไม่กลับทวน
แต่ใจจวนจะขาดหายเมื่อไกลเธอ

สายนทีไหลหลั่งธารน้ำหลาก
สายฟ้าฟาดพายุพัดสะบัดไหว
ลมกันโชคโฮกฮากมาแต่ไกล
แต่ทำไมเธอเงียบหายไม่กลับมา

กระแสน้ำพาดพัดผ่านสะท้านฝั่ง
แผ่นดินลั่นสั่นสะเทือนเขื่อนหวั่นไหว
แต่ใจฉันกลับเงียบงมระทมใจ
เหมือนอยู่ใต้สมุทรคว้างเมื่อห่างเธอ

เมื่อสิ้นแสงสุริยนบนขอบฟ้า
ท้องนภาเงียบเหงาเศร้าสุดแสน
จะมีใครสักคนไหมทั่วถิ่นแดน
มาเทียบแทนเธอที่รักผู้จากไป

อยากจะมีใครสักคนไว้ห่วงหา
เจรจาหยอกเย้าเฝ้าคิดถึง
ปลอบประโลมยามเงียบเหงาเฝ้าคำนึง
เป็นที่พึ่งยามทุกข์ยากลำบากกาย

ชีวิตดั่งน้ำค้างหาว กรรมสิ้น เวรหมด ใจหลุดพ้น

.....................................................
"อักษรพาใจให้สดชื่น..มิต้องการคำตอบหรือวิจารย์..ดอกหนาเยาว์มาลย์"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ต.ค. 2009, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 22:11
โพสต์: 111

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข่าวคราว..เงียบหายไป 2-3 สัปดาห์.... :b41:

เค้าจะรู้มั้ยหนา...ใครๆ เค้าเป็นห่วง.... :b38:

.....................................................
"ขอมีสติเข้มแข็งดั่งขุนเขา..แต่ขอมีจิตใจอ่อนโอนดั่งขนนก"รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 124 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร