วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2011, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


โอวาทธรรม
ของ
พระวิสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์
(พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร)

วัดอโศการาม อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

รูปภาพ

:b41: :b42: :b41:

การตายนั้น...นักปราชญ์บัณฑิตท่านเห็นเหมือนกับว่า
เป็นการแก้ผ้าขี้ริ้วออกโยนทิ้งไปจากตัวเท่านั้น
จิตก็เหมือนกับตัวคน กายก็เหมือนกับเสื้อผ้า
ไม่เห็นว่าเป็นการสลักสำคัญอะไรเลย


แต่พวกเรานี่สิกลัวนัก พอเห็นเสื้อผ้าขาดนิดขาดหน่อย
ก็รีบหาอะไรมาปะมาเย็บให้มันติดต่อเข้าไปใหม่
ยิ่งปะยิ่งเย็บ มันก็ยิ่งหนา ยิ่งหนาก็ยิ่งอุ่น
ยิ่งอุ่นก็ยิ่งติด ยิ่งติดก็ยิ่งหลง ผลที่สุดเลยไปไหนไม่รอด

นักปราชญ์บัณฑิตนั้น
ท่านเห็นว่าการอยู่การตายไม่สำคัญเท่ากับการทำประโยชน์

ถ้าการอยู่ของท่านมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นแล้ว
ถึงผ้ามันจะเก่า เสื้อมันจะขาดจนเป็นผ้าขี้ริ้ว ท่านก็ทนใส่มันได้
แต่ถ้าเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรแก่ใครแล้ว ท่านก็แก้มันโยนทิ้งไปเลย

ผิดกับคนธรรมดาสามัญอย่างเราที่ไม่มีใครอยากตาย
พอพูดถึงตาย ก็กลัวเสียแล้ว ถึงร่างกายมันจะตายก็ยังอยากจะให้มันอยู่
บางคนร่างกายมันจะอยู่ ก็อยากจะให้มันตาย
ตายไม่ทันใจเอามีดมาเชือดคอให้มันตายเร็วเข้า เอาปืนมายิงให้มันตายบ้าง
กระโดดให้รถไฟทับตายบ้าง กระโดดลงแม่น้ำให้มันจมตายบ้าง ฯลฯ
อย่างนี้นี่เป็นเพราะอะไร ?
เพราะอวิชชา ความไม่รู้เท่าความเป็นจริงในสังขาร
หลงผิด คิดผิดทั้งหมด

อย่างนี้มันก็จะต้องตายไปตกนรกหมกไหม้ ไม่รู้จักผุดจักเกิด

ทุกคนย่อมรักตัวของตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใดทั้งหมด
แต่การรักตัวนั้น มี ๒ สถาน คือ
รักอย่างลืมตัว เผลอตัวและหลงตัว นั้นอย่างหนึ่ง

การรักเช่นนี้ไม่เรียกว่า การรักตัว เพราะไม่กล้าจะทำความดีให้แก่ตัวเอง
จะทำความดีก็กลัวอย่างนั้นกลัวอย่างนี้
กลัวว่าตัวเองจะได้รับทุกข์ยากลำบากต่างๆ
เช่น อยากไปวัด ก็กลัวไกล กลัวลำบาก กลัวแดดกลัวฝน
จะถือศีลอดข้าวเย็นก็กลัวหิวกลัวตาย จะให้ทานก็กลัวยากกลัวจน
จะนั่งภาวนาก็กลัวปวดกลัวเมื่อย เช่นนี้เท่ากับคนนั้นตัดมือ
ตัดเท้า ตัดปาก ตัดจมูก ตัดหู ฯลฯ ของตัวเอง
ผลดีที่จะได้อันเกิดจากตัวก็เลยเสียไป นี่เป็นการรักตัวในทางที่ผิด

การรักอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า เมตตาตัว
คือ หมั่นประกอบบุญกุศลและคุณความดีให้มีขึ้นในตน

ขณะใดที่จะเกิดประโยชน์จากตา หู จมูก ปาก มือ เท้า ฯลฯ ของตนเองแล้ว
ก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้เสียไป
มือของเราที่จะให้ทานก็ไม่ถูกตัด เท้าของเราที่จะก้าวเดินไปวัดก็ไม่ถูกตัด
หูของเราที่จะได้ฟังเทศน์ก็ไม่ถูกตัด ตาที่จะได้พบเห็นของดีๆ ก็ไม่ถูกปิดมืด
เราก็จะได้รับผลได้อันดีจากตัวของเราอย่างเต็มที่
อย่างนี้เรียกว่า เมตตาตัว เป็นการรักที่ถูกทาง ผู้นั้นจะมีแต่ความสุข

คนใดที่ขาดเมตตาตัวเองเท่ากับฆ่าตัวเอง เรียกว่า เป็นคนใจร้าย
เมื่อฆ่าตัวเองได้ ก็ย่อมฆ่าคนอื่นได้ด้วย

เช่น เขาจะไป ห้ามไม่ให้เขาไป เขาจะดู ห้ามไม่ให้เขาดู
เขาจะฟัง ห้ามไม่ให้เขาฟัง ฯลฯ
ทำให้ผลประโยชน์ของคนอื่นที่ควรจะได้พลอยเสียไปด้วย
นี่แหล่ะเป็นการฆ่าตัวเองและฆ่าคนอื่นให้ตายไปจากคุณความดี

:b46: :b46:

คัดลอกมาจาก : แนวทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน.
พิมพ์ครั้งที่ ๑. โดยชมรมกัลยาณธรรม. ปี ๒๕๕๒, หน้า ๖๕-๖๗.


:: รวมคำสอน “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38679

:: ประวัติและปฏิปทา “ท่านพ่อลี ธมฺมธโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=21381

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร