วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 14:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2013, 08:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
หลวงปู่มี ญาณมุนี วัดญาณโศภิตวนาราม (วัดป่าสูงเนิน)

รูปภาพ
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด


หลวงปู่มี โคราช

พระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๔๔
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี


(ชาวอำเภอสูงเนิน จ.นครราชสีมา มานิมนต์รับผ้าป่าช่วยชาติ) อยู่ที่สูงเนิน รู้จักท่านอาจารย์มีไหม (รู้จักครับ) โห ท่านเมตตาเรามากนะ ท่านอาจารย์มีน่ะ เรารักเราเคารพท่านมาก นั่นละท่านเข้าในขั้นเพชรน้ำหนึ่งนะ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น (หลวงปู่เสาร์ด้วยครับ) เออ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น เราเคยไปกราบนมัสการท่าน โอ๋ย ท่านดีใจ เมตตามากมาย ท่านมหาด้นดั้นมายังไง คึกคักเลยเหมือนอายุยังหนุ่มเลยนะ เราก็ว่าครูบาอาจารย์อยู่ที่ไหนก็มาที่นั่นแหละ พ่อแม่ญาติพี่น้องเราอยู่ที่ไหนเราก็ต้องไปหาพ่อแม่ญาติพี่น้องของเรา อันนี้ครูบาอาจารย์อยู่นี้ก็ต้องมา เหอๆ อู๊ย คึกคักๆ อยู่ในถ้ำนะ เราจำไม่ได้ว่าเป็นมวกเหล็กหรือเป็นอะไรหากเป็นแถวนั้น ท่านเคยไปพักอยู่เป็นประจำ

หลวงปู่มีเราเรียกครูจารย์ๆ เลยแหละ เราไปพักกับท่านอยู่ที่สูงเนินก็ไป (วัดป่าสูงเนิน) นั่นแล้ว พักวัดป่าสูงเนินเราก็ไป ท่านอยู่แถวมวกเหล็กหรืออะไรเราจำไม่ได้ แต่ว่าแถวนั้น ท่านมาอยู่เป็นประจำ เราไปเราก็บุกเข้าไปหาเลย อู๊ย ท่านดีใจเมตตามากจริงๆ หือ ท่านมหามาได้ยังไง โอ๋ ครูบาอาจารย์อยู่ไหนมาได้ทั้งนั้นแหละ รู้สึกท่านเมตตามากจริงๆ นะ เป็นพิเศษเลย คึกคัก วัยท่านแก่ๆ โอ๋ย กิริยาท่าทางไม่แก่เลย คึกคักๆ ก็นานๆ จะเจอกันทีหนึ่ง เรากับท่านเจอกันมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่นู้นน่ะ ท่านก็เรียนหนังสือ คุ้นกันสนิทสนมกันกับท่านมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ พอเรียนแล้วก็ออกปฏิบัติ พอหลังจากนั้นก็มาพบกับท่านเรื่อยๆ

เพราะการที่เคยพบกันอยู่เสมอๆ เรานานๆ ทีหนึ่งคราวนี้ที่ไปหาท่าน บุกเข้าไปในป่า ท่านถึงยิ่งเมตตาดีใจมาก อู๊ย เราไม่ได้พบกันเลย คุยกันนานนะ นี่ละลูกศิษย์หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ องค์นี้องค์หนึ่ง ที่ท่านเล่าให้ฟังเราจำได้หมดนั่นแหละ องค์ไหนชื่อว่ายังไงสมัยนั้นนะ เวลานี้ท่านก็ล่วงลับไปหมด แม้แต่พ่อแม่ครูจารย์มั่นเรายังล่วงลับไป ท่านบอกลูกศิษย์ของท่านฝ่ายมหานิกายที่ท่านบอกเองไม่ให้ญัตติ อาจารย์มีนี้ท่านห้ามไม่ให้ญัตติ ท่านพูดเองนี่ เมื่อท่านพูดเองแล้วแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ๆ ท่านพูดด้วยความเมตตาสงสารมากนะ

อาจารย์ทองรัตน์ อาจารย์กินรี อาจารย์มี เท่าที่เราจำชื่อได้นะ แล้วอาจารย์ไหนบ้าง ท่านเล่าไปหมดนั่นแหละแต่เราจำไม่ได้ ท่านแนะนำสั่งสอนตลอดมา ท่านก็เลยกระจายออกมาว่า เมื่อไม่ให้ท่านเหล่านี้ญัตติแล้ว เพื่อนฝูงก็ได้มาก ทำประโยชน์ได้มากมายก่ายกอง ท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านเห็นประโยชน์ส่วนรวม ท่านพูดจี้ลงอย่างหนักๆ ประสาชื่อ ตั้งแต่ไก่มันก็มี มาหาพูดอะไรธรรมยุตมหานิกายวะ ท่านว่าอย่างนี้นะ ตั้งแต่ไก่มันก็มีชื่อนี่นะ ตั้งไว้อย่างนั้นแหละ ความที่ถูกต้องโดยอรรถโดยธรรมนี้ อยู่ไหนๆ เข้ากันได้สนิทเลยท่านว่า เพราะฉะนั้นจึงไม่อยากให้ท่านเหล่านี้ญัตติ


เพราะธรรมดาโลกเราต้องถือสมมุติ คณะนั้นคณะนี้ เมื่อท่านเหล่านี้มาญัตติเสียแล้ว บรรดาเพื่อนฝูงที่เป็นสายเดียวกันก็จะเข้าหาลำบาก เพราะฉะนั้นจึงไม่ให้ญัตติ เพื่อจะเปิดทางให้บรรดาเพื่อนฝูงทั้งหลายเข้ามาแล้วได้เป็นประโยชน์อันกว้างขวาง ท่านว่าอย่างนั้น ก็เป็นจริงๆ เห็นไหม สายอาจารย์ชากว้างขนาดไหน อาจารย์ชาก็เคยไปอยู่วัดหนองผือด้วยกันนี่นะ ตอนที่ท่านไปศึกษาอบรมเราก็อยู่ที่นั่น ถึงคุ้นกันมาตั้งแต่โน้นละกับอาจารย์ชานะ ที่นี่ท่านก็มา..อาจารย์ชา ที่หนองป่าพงเราก็ไป ไปเวลาไหนเราไปพักหนองป่าพง เราไม่พักที่อื่นนะ ไปทีไรเราไปพักหนองป่าพง วัดอาจารย์ชานั่นแหละ เป็นอย่างนั้นตลอดมา

ทางอุบลฯ ไปหมดแหละสายกรรมฐานอยู่ที่ไหนๆ เราไปหมด จนกระทั่งถึงเขื่อนสิรินธรที่ไหนๆ วัดป่าเป็นสายของหนองป่าพง เราไปพักหนองป่าพงแล้วก็ให้พระที่วัดหนองป่าพงพาไป สำนักไหนๆ ไปๆ พอแนะยังไงเราก็แนะๆ เพราะเราสงวนกรรมฐานมาก คือกรรมฐานนี้ละเราแน่ใจ จะเป็นผู้ทรงมรรคทรงผลแทนองค์ศาสดาและสาวกทั้งหลายเรื่อยมา ด้วยภาคปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพราะฉะนั้นเราจึงสงวนมาก พระกรรมฐานอยู่ที่ไหนนี้คือกองแห่งธรรมจะอยู่ที่นี่ ธรรมจะงอกเงยขึ้นที่นี่ เพราะฉะนั้นเราถึงไป ถ้าเป็นกรรมฐานอยู่ที่ไหน อย่างไปทางกรุงเทพก็เหมือนกัน อยู่ทางด้านตะวันออกทางเมืองชลก็เหมือนกัน เราไปเรื่อยนะ พอไปถึงกรุงเทพฯ แล้วเราก็ไปเขาฉลาก แล้วก็แถวนั้น เขาเขียวเขาอะไร

พอเราบอกข่าวไป โทรศัพท์ไปบอกว่าเราจะไป ทางโน้นก็นัดแนะกันมารวมๆ อยู่ที่วัดเขาฉลาก เราก็ไปให้โอวาทสั่งสอนที่ตรงนั้น เพราะขาดครูขาดอาจารย์ เหมือนลูกเต้ามีหลายคนพ่อแม่ไม่มี โหย อะไรจะเป็นกองทุกข์ยิ่งกว่าลูกแตกกับพ่อกับแม่ใช่ไหมล่ะ แตกกระสานซ่านเซ็นไปก็มี อันนี้เราก็ไป เวลาว่างๆ ไปเราก็จี้เลย เทศน์ธรรมะล้วนๆ ให้ฟังเลย ถ้าเป็นสำนักกรรมฐานอยู่ที่ไหนเราจะเข้าถึงทันทีเลย ไม่สนใจว่าธรรมยุตมหานิกาย เราไม่สนใจจริงๆ นะ มันเรื่องชื่อเฉยๆ ธรรมต่างหากว่างั้น อยู่คณะเดียวกันก็ลองดูซิอย่างวัดป่าบ้านตาด ใครมาปฏิบัติขัดข้องหรือขัดขวางต่อหลักธรรมหลักวินัยเราไล่หนีทันที ถ้า เฮ่อๆ หนหนึ่งสองหนไม่ฟังนะ มากกว่านั้นไล่เลย อย่างหนึ่งไล่ทันทีก็มี หลายแบบนะ ควรจะไล่ทันที-ไล่ทันที ควรจะ เฮ่อๆ ขู่เสียก่อนก็มี มันหลายแบบ


ตั้งแต่วัดเดียวกันชื่อเดียวกันธรรมยุตเดียวกันก็ตาม เราไม่ได้เอาอันนั้น เราเอาหลักธรรมวินัยเป็นตัวตั้งใช่ไหม ทีนี้เมื่อธรรมวินัยตั้งอยู่ที่ไหนๆ เข้ากันได้หมด นั่นเราเอาตรงนั้น พูดถึงอาจารย์มี เรารักเราเคารพท่านมากนะ ตั้งแต่เรียนหนังสือ โอ๋ย ท่านเป็นพระที่สุขุมละเอียดมาก สมชื่อสมนามว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นจริงๆ แต่ก่อนเรายังไม่เคยไปเห็นหลวงปู่มั่น ท่านไปเห็นมาก่อนแล้ว อยู่มาก่อนแล้ว ทีนี้พอไปอยู่กับหลวงปู่มั่นกลับมาแล้วจึงได้เข้ามาหาท่าน คราวนี้ยิ่งสนิทกันใหญ่โตเลยเทียวนะ เรียกว่าลูกพ่อแม่เดียวกันไปเลยทีเดียว กลมกลืนทันทีเลยนะ ท่านก็ เหอ ท่านมหามาเหรอ คึกคักเลย ทั้งๆ ที่แก่ๆ นะ คึกคักด้วยกัน มาได้ยังไง โหย ครูบาอาจารย์อยู่ที่ไหนมาได้ทั้งนั้นแหละ

(ตอนที่ละสังขารอายุ ๗๖ ปี ๑๔ ครับ) ปี ๑๔ เราไม่ได้ไปงานศพท่าน ตอนนั้นเรามีอะไรนั่นแหละที่ไปไม่ได้ ที่ไหนก็เหมือนกัน เช่นอย่างศพอาจารย์ใช่อยู่ที่เขาฉลากก็เหมือนกัน อันนั้นจะมานิมนต์มาวันเดียวกันอีกแหละ ทางนี้ก็รับนิมนต์เขาแล้วจะไปเทศน์ที่วัดถ้ำผาปู่ อาจารย์สีทน อันนั้นก็วันเดียวกัน ตกลงก็อย่างนี้แหละ รับนิมนต์ทางนี้ก่อน เลยตกลงก็ต้องไปทางนี้ ถ้ารับทางโน้นก่อนทางโน้นต้องมีความหมายทันที อันนี้ปัดทันทีเลย คือก่อนหลังนั่นละ

นี่พูดถึงเรื่องอาจารย์มี โอ๋ย เราดีใจนะพูดถึงเรื่องอาจารย์มี สูงเนินเราเคยไปพักแล้วนี่ ไปพักกับท่านนั่นแหละ ถ้าไม่มีท่านอาจจะไม่ได้พักก็ได้ เพราะท่านเป็นแม่เหล็กใหญ่อยู่นั้น พอทราบว่าท่านอยู่ที่นั่นก็บึ่งเข้าหาเลย พักกับท่าน นั่นอย่างนั้นแล้ว โอ๊ย ท่านเมตตามากจริงๆ กับหลวงตานะ รู้สึกเมตตามากจริงๆ เหมือนหนึ่งว่าเป็นกรณีพิเศษนะ มาเห็นบอกพระเณร นี่ท่านมหาบัวนะ ลูกศิษย์ผู้โปรดท่านอาจารย์มั่น อู๊ย อย่าพูดอย่างนั้นเถอะ ขอพูดบ้างเถอะนานๆ ได้พบกันท่านว่าอย่างนั้นนะ ท่านว่าลูกศิษย์ผู้โปรดหลวงปู่มั่นท่านว่างั้นนะ อู๊ย อย่าพูดอย่างนั้น ขอให้พูดบ้างเถอะมันไม่ได้พูดสักทีท่านว่า แล้วท่านก็พูดเอาอย่างเต็มปากของท่านเลย เราก็หมดท่า ท่านก็พูดกับพระกับเณรนั่นละ คุยกัน โฮ้ สนุกสนาน


ที่ท่านพักอยู่สูงเนินก็ดี วัดป่า ท่านอยู่วัดป่าของท่าน เรารักเราเคารพท่านมากจริงๆ นะ เรียกท่านเรียกว่าครูจารย์เลยแหละ คือมันติดปากมาแต่ดั้งเดิม เรียกแต่ครูจารย์ๆ สนิทติดปาก ไปหาท่าน ท่านอยู่ในเขานะ ท่านแก่ๆ อย่างนั้น อู๊ย คึกคักๆ คุยกันตั้งนานกว่าจะได้กลับเพราะไม่ได้ค้าง เราไปเราทราบว่าท่านอยู่ที่นั่นเราก็เข้าแวะเลย เข้าไปหาท่าน เสร็จเรียบร้อยแล้วเราถึงออกมาแล้วก็ไปกรุงเทพฯ เป็นอย่างนั้นละท่านอยู่ที่ไหนเราไปหา อยู่ที่สูงเนินเราก็ตั้งไปพักกับท่านเลย มาจากกรุงเทพฯ ก็เข้าไปพักกับท่าน ไม่ได้มากน้อยก็เอา นานๆ ได้พบท่านทีหนึ่งได้กราบท่านพอแล้ว เพราะฉะนั้นวัดสูงเนินถึงได้ไปพักที่นั่น

(ท่านเคยไปพักทางเชียงใหม่ด้วยครับ) ทางเชียงใหม่เราก็ไปมากแต่จำไม่ได้ว่าไปที่ไหนต่อที่ไหนบ้าง ตั้งแต่เรียนหนังสืออยู่เชียงใหม่เราก็ซอกแซก เพราะนิสัยเรากับกรรมฐานนี้มันเป็นแต่ไหนแต่ไรมา เรียนก็เรียนเพื่อจะออกปฏิบัติอย่างเดียว เราไม่ได้เรียนเพื่ออื่น เรียนเพื่อปฏิบัติ เพราะฉะนั้นพอว่างเมื่อไรปั๊บจึงเข้าหาสำนักกรรมฐาน วัดไหนอยู่แถวนั้นเราไปหมดนั่นแหละ ไปภาวนา พอถึงเวลาโรงเรียนจะเปิดเราก็มาเข้าโรงเรียนเสีย พอว่างเมื่อไรก็ปั๊บเลยไปแต่วัดกรรมฐาน เพราะฉะนั้นเชียงใหม่จึงไปหลายแห่งนะ ไปสำนักนั้นสำนักนี้ ส่วนมากก็มีแต่สำนักลูกศิษย์หลวงปู่มั่นทั้งนั้น

แต่ที่เราไปนั้นเป็นเวลาที่พอดีกับท่านจะมาอุดรฯ เสีย คือเราไปถึงไม่กี่วันท่านก็ออกมาจากภูเขา มาพักที่วัดเจดีย์หลวง จากนั้นท่านก็กลับมาอุดรฯ เราก็อยู่ที่นั่น ทีนี้เราก็เที่ยวตอนที่หลังจากท่านมาแล้ว เที่ยวซอกแซกไปสำนักนั้นสำนักนี้ จึงได้เห็นหลายแห่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้เห็นหลายแห่งเหมือนกัน โคราชนี้หลวงตาก็อยู่ได้ ๕ ปีนะ อยู่โคราชได้ ๕ ปี อยู่จักราชปีหนึ่ง ท่าช้างปีหนึ่ง แล้วก็วัดสุทธจินดาในโคราชเองสองปี วัดศาลาทองปีหนึ่ง ส่วนวัดป่าแถวนั้นไปหมดนั่นแหละ ขึ้นชื่อว่าวัดป่าอยู่ที่ไหนหลวงตานี้ต้องถึงหมดเลย มันเป็นอย่างนั้นนิสัยกรรมฐานมีอยู่เป็นประจำตลอดเลยนะ รักกรรมฐานมาก

นี่ที่โต้กับพวกปริยัติได้เต็มปากเต็มคอก็คือเราก็เป็นปริยัตินั่นซิ แต่เขาไม่รู้ความหนักแน่นของเราว่าหนักไปทางไหน เรียนปริยัติเป็นเพียงทางผ่านของเราเท่านั้น ที่จะอยู่จะกินจะพึ่งเป็นพึ่งตายจริงๆ คือภาคปฏิบัติใช่ไหม จิตเราอยู่ภาคปฏิบัติ เวลาเราไปเรียนหนังสือก็เป็นลิงเป็นค่างกับเขาไป ใครมาตำหนิกรรมฐานไม่ได้นะ มาตำหนิกรรมฐานนี้ได้ใส่กันเลยกับเรา ทีนี้เขาจะว่าอะไร แขนซ้ายแขนขวาตีกัน ใครจะแพ้ใครจะชนะก็แขนซ้ายแขนขวาใช่ไหม มันปริยัติด้วยกัน มันลิงด้วยกันเถียงกัน ก็ไม่มีใครผิดใครถูกแหละมันพวกปริยัติด้วยกัน ตอนนั้นเรียนหนังสืออยู่นี่


ใครมาพูดตำหนิกรรมฐานไม่ได้นะ ตำหนิไม่มีเหตุมีผลนี้ใส่ทันทีเลย ฟัดกันเลยเทียว ทีนี้จะมาว่าเรา เราก็ลิงเหมือนกัน แขนซ้ายแขนขวานี่ ถ้าหนึ่งเป็นฝ่ายกรรมฐานเป็นฝ่ายปริยัติมันทะเลาะกันได้ใช่ไหม มันเหมือนคนละก๊กไป อันนี้มันพวกปริยัติด้วยกัน เขาไม่รู้ความหนักแน่นของเราไปทางไหน เขาไม่รู้ซี เราเรียนหนังสือเวลาเขาพูดถึงเรื่องตำหนิกรรมฐานอะไรขึ้นมานี้ มันถึงใส่กันเปรี้ยงเลย ซัดกันเลยๆ ส่วนมากสู้เราไม่ได้นะ คือสำคัญๆ เราถึงโต้ ถ้าเขาพูดอะไรๆ เราก็ฟังไปๆ ถ้าอันไหนมันขัดต่ออรรถต่อธรรม เอากันตรงนั้นละ เพราะแขนซ้ายแขนขวามันตีกันได้ถนัด พวกลิงต่อลิงกัดกัน เราไปไหนเป็นอย่างนั้น เรียนหนังสือก็เรียนแต่จิตใจไม่ได้อยู่ที่เรียน มันอยู่ที่ภาคปฏิบัติ พอหยุดแล้วก็ออกเลยทันทีจนกระทั่งป่านนี้ละ

จดหมายนี่เอาให้พระไปพิจารณากันเสียก่อน แล้วจะตอบรับไปที่นี่หรือที่ไหน (ที่โรงพิมพ์ก็ได้ครับ) เออ เอาสองแห่งนี้ อันนี้ให้เอาไปพิจารณากันเสียก่อน กว่าจะถึงมิถุนาอีกยังนาน อาจจะเป็นช่วงที่เราไปกรุงเทพฯ เพราะตั้งแต่เดือนมิถุนากลางเดือนไปแล้ว อาจจะได้ลงกรุงเทพฯ พอจวนเข้าพรรษาก็กลับมาพอดี ช่วงนี้จะได้ไปกรุงเทพอีกครั้งหนึ่ง เกี่ยวกับชาติบ้านเมืองนี่แหละไม่ใช่อะไร ก็คิดว่านี้ยังเวลานานอยู่ วันที่ ๒๔ มิถุนา (จะได้มีโอกาสไปเตรียมงานก่อนไว้ก็ดีครับหลวงตา) เตรียมไว้เลยก็ได้ คงเป็นช่วงนั้น เพราะงานเรามันมากต่อมาก ไม่นานจะทราบ นี่ก็พึ่งวันที่ ๑๖ วันนี้ พฤษภา (ไม่ได้วันที่ ๒๔ ก็ขอแต่เป็นวันอาทิตย์ก็แล้วกันครับ เพราะโรงงานมากมีคนเป็นหมื่น) คงจะเป็นวันนี้แหละ ไว้ให้เราพิจารณาเสียก่อนเพราะงานมันเกี่ยวข้องกันไปหมด ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ก็ต้องลงจุดนี้ละ ถ้าจำเป็นถึงจะผ่านอันนี้ไปได้ ถ้าไม่จำเป็นผ่านไม่ได้ ก็ต้องเป็นอันนี้อันดับหนึ่งในช่วงเดือนนั้นนะ

สรุปทองคำ ดอลลาร์ วันที่ ๑๕ พฤษภา ๔๔ ทองคำได้ ๒ กิโล ๑๘ บาท ๗ สตางค์ ดอลลาร์ได้ ๖๘๑ ดอลล์ ได้เยอะนะเมื่อวาน ทองคำที่ต้องการมอบเข้าคลังหลวงเวลานี้ ๔ พันกิโล ตายตัวเลยขาดไม่ได้ พี่น้องทั้งหลายจำไว้อย่างถึงใจทุกคน ทองคำที่มอบเข้าคลังหลวงไว้แล้วเวลานี้ ๒,๐๖๒ กิโลครึ่ง ทองคำที่ได้หลังจากที่มอบเรียบร้อยแล้วนั้นแต่ยังไม่ได้หลอม เวลานี้มีจำนวน ๔๐๕ กิโล ๕๕ บาท ๑๖ สตางค์ จำนวนทองคำนี้ปกติตั้งแต่ ๔๐๐ ขึ้นไปแล้วก็จะหลอมทีหนึ่งๆ นี่ก็เริ่ม ๔๐๐ กว่าแล้ว บางทีเราไปกรุงเทพฯ คราวต่อไปนี้อาจจะได้หลอมก็ได้ แล้วแต่โอกาสนะ นี่มันเข้าขั้นจะหลอมได้แล้ว ๔๐๕ กิโลแล้ว

รวมทองคำทั้งหมด ทั้งที่ฝากแล้วและยังไม่ได้หลอมเป็น ๒,๔๖๘ กิโล ยังขาดทองคำอีก ๑,๕๓๒ กิโลจะครบจำนวน ๔ พันกิโล นี่ได้ประกาศแทบทุกวัน ๔ พันกิโลนี้ตายตัวเลยไม่ให้ขาดแม้สตางค์หนึ่ง คือใน ๔ พันกิโลนี้จะไปหาเฉือนเอาตรงนั้นเฉือนเอาตรงนี้ ไม่ว่าเฉือนแข้งเฉือนขาเฉือนที่ไหนพอเฉือนคอก็จะเฉือน ได้ทองคำมาให้เต็ม สมมุติว่าขาดอยู่หนึ่งสตางค์ ทองคำขาด ๔ พันกิโลหนึ่งสตางค์ หนึ่งสตางค์นี้ระวังให้ดีนะ คอใครระวังให้ดีนะ ตัวนี้ตัวจะเป็นภัยมาก เฉือนได้หมดนะ เฉือนแข้งเฉือนขาเฉือนคอเฉือนตัดไปหมดเลย ได้มาหนึ่งสตางค์มาเต็ม ๔ พันกิโลแล้วพอ คอใครขาดเราไม่สนใจไปต่อเอาก็แล้วกัน


นี่เป็นหมัดเด็ดของผู้นำของพี่น้องทั้งหลายในชาวไทยเรานะ อันนี้หมายถึงว่าทองคำ ๔ พันกิโลนี้เรารวมกันทั้งหมด อย่างน้อยในชาติไทยของเรานี้ทั้งหมดให้ได้ ๔ พันกิโล นี้เป็นอวัยวะทุกส่วนๆ รวมกันเป็นแข้งเป็นขาอะไร แล้วก็มารวมเป็นอวัยวะเป็น ๔ พันกิโล ทีนี้อีก ๘๐๖ ล้านเงินสดนั้น เราจะเอาเข้าซื้อทองคำ จะได้ทองคำมากน้อยเพียงไรนี้จะมาต่อยอดนะ คืออวัยวะเป็นของพี่น้องชาวไทยทั้งหมด ทีนี้ต่อยอดก็เอาหัวเอาแข้งเอาขาของพี่น้องชาวไทยนั่นแหละมาต่อ แต่ไม่ได้บอกว่าเอา คอขาดก็ไม่บอก จะเอาเฉพาะทองคำ จำนวนนี้ก็จะได้จาก ๘๐๖ ล้านนี้ ถ้าคิดอย่างทุกวันนี้ก็ไม่ต่ำกว่า ๒ ตันนะ คิดว่าจะถึง ๒ ตัน อันนี้จะต่อยอด ให้พี่น้องทั้งหลายทราบก็แล้วกัน

เพราะว่าจำนวนนี้ยังไงเราจะไม่ให้บกพร่อง คือให้แหลมปี๊ดเลย ยอดทองแหลมปี๊ดอวัยวะของเราก็เต็มตัว ยอดทองเราก็แหลมปี๊ดไม่มีที่ตำหนิ ถ้าใครมาตำหนิหลวงตาบัวจะออกหน้าทันทีเลย ตำหนิอะไรว่ามา ตำหนิปั๊บคว้าเอามั๊บเลย ให้เอามาเพิ่มให้เรา ถ้าตำหนิปั๊บเราจะคว้าเอามาเพิ่มทันที ให้เราไปหามาใส่ใหม่ไม่เอา เอาผู้ตำหนินั่นแหละเอาเลยทันที กรุณาเข้าใจตามนี้นะ นี้ก็ ๘๐๖ ล้านนั้นเราได้ประกาศเรียบร้อยแล้ว คือรอแต่เวลาที่จะนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองคำเท่านั้น แล้วรอเวลาก็มอบให้ลูกศิษย์พิจารณาเอง

คือทองคำอันนี้ กับเงินไทยกับเงินดอลลาร์นี้มันกำลังฟัดเหวี่ยงกันขนาดไหนพอดี ที่จะเอาเงินนี้เข้าซื้อทองคำได้พอประมาณ ถ้าหากว่ามันจะลดมากนี้เราก็ต้องพิจารณาอีกทีหนึ่ง เดี๋ยวนี้มอบให้บรรดาลูกศิษย์พิจารณา เมื่อทางนี้เห็นพร้อมเมื่อไรจะเข้าแล้ว เงินเราพร้อมแล้วอยู่ในบัญชีถอนทันทีออกซื้อเลย เพียงแต่รอบรรดาลูกศิษย์ทางกรุงเทพฯ ถ้าทางนู้นพร้อมเมื่อไรให้บอก เงินจำนวน ๘๐๖ ล้านนี้จะไม่เป็นอื่นเราบอก เพราะเราประกาศเรียบร้อยแล้ว แม้เราตายแล้วก็ตามเงินจำนวนนี้จะไม่เป็นอื่นเหมือนกัน เท่ากับเรามีชีวิตอยู่ เงินจำนวนนี้จะปฏิบัติตามที่เราสั่งเสียไว้เรียบร้อยแล้ว เข้าคลังหลวงหมดคือซื้อทองคำเข้าหมดเลย


ส่วนที่เศษเหลือนั้นก็ดังที่เคยเรียนพี่น้องทั้งหลายทราบ เวลานี้เท่าที่เราพอจำได้บ้างก็ประมาณ ๕๐ ล้านนะเพราะเราไม่ค่อยได้ดูบัญชี บัญชีก็อยู่กับเราแหละไม่มีใครไปถอนได้ มีเราคนเดียวเท่านั้นถอน เพราะฉะนั้นเราถึงแน่ใจว่ามีเท่าไรมันก็อยู่ในนั้นแหละว่างั้นเลย ใน ๘๕๐ ล้านนี้เรายังแยกส่วนแบ่งส่วนอยู่นะ แต่น้ำหนักมันจะมาอยู่ทองคำตลอดนะ ส่วน ๕๐ ล้านนี้เราจะออกช่วยชาติบ้านเมืองของเราสถานที่ต่างๆ ที่จำเป็นเช่น โรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาล ที่ราชการต่างๆ ไม่ว่าที่ไหนๆ เราจะแยกเงินจำนวน ๕๐ ล้านนี้ออกไปช่วย ถ้าหากว่ามันมีมากเราจะหักเงินจำนวนนี้เข้ามาหาทองคำๆ เรื่อยๆ นะ อันนี้เป็นน้ำหนักมากอยู่ตลอดเวลา

แต่เราได้ประกาศแล้วตั้งแต่ต้นว่า สำหรับเงินสดนั้นทั้งหมดเราบอกอย่างนี้นะประกาศทีแรก คือเบื้องต้นจริงๆ เราบอกว่า ทองคำและดอลลาร์ทั้งหมดเราจะเอาเข้าคลังหลวงให้หมดเลย ส่วนเงินสดนั้นทั้งหมดนี่เราจะออกช่วยพี่น้องชาวไทยทั่วประเทศไทย ด้วยการก่อสร้างสงเคราะห์สงหา เช่น คนทุกข์คนจนสมควรที่จะได้รับการสงเคราะห์ ตลอดสถานสงเคราะห์ ที่ราชการต่างๆ โรงร่ำโรงเรียน โรงพยาบาลเหล่านี้จะเอาเงินจำนวนนี้ออกช่วยเราว่างั้นนะ แต่ครั้นแล้วมันก็หักมา ๘๐๐ ล้านจนได้นั่นแหละเอาคืนมานี้นะ ก็ยังเหลืออยู่นี้เพียง ๕๐ ล้าน ห้าสิบล้านเราก็พูดไว้อย่างนั้นแหละ ถ้าควรจะแยกมานี้เมื่อไรเราจะแยกทันที เพราะน้ำหนักของเราอยู่ที่ทองคำมากกว่าอย่างอื่น อันนั้นก็ช่วยกันไปอย่างนั้น ช่วยกันไปถูกไถกันไป แต่หลักใหญ่ของชาติไทยเราคืออะไร หัวใจของชาติคืออะไร ทองคำ นี่ละเราจึงหายใจมาลงจุดนี้ๆ อยู่ตลอด เอาละพี่น้องทั้งหลายทราบตามนี้นะ

เมื่อวานนี้ได้เกี่ยวกับทางโรงพยาบาลโนนสัง อันนั้นเขามาขอตึกคลอด เราก็เลยให้เขามาดูตึกที่หนองวัวซอ คืออันนี้ดูเหมือนเป็นตึกคลอดด้วยกัน แล้วขนาดอะไรก็ให้เขามาดูนี้ คือตึกนี้เราได้กำหนดให้เรียบร้อยตั้งแต่ต้น คือเบื้องต้นจริงๆ นั้นเขาทำแปลนมาเล็กเขาเกรงใจเรา เรามาดูแล้วแปลนนี้มันเล็กเราเลยขยายให้ใหม่ ถ้าขยายให้เต็มส่วนของมันเป็นตึกใหญ่ ก็จะกลายเป็นเรื่องระดับจังหวัดไป อันนี้เพียงอำเภอเราเลยย่นลงมาเป็นระดับกลาง ให้เป็นแปลนระดับกลาง เพราะฉะนั้นจึงให้เขามาดูอันนี้ไป ทางนู้นก็เป็นอันว่าให้ละ ทางโนนสัง

วันนี้ทางโรงพยาบาลเขาหยุดหรือเปล่านะ วันนี้เป็นวันพืชมงคล ถามงั้นแหละคือส่วนมากเราก็เอาของไปให้โรงพยาบาล อย่างเมื่อวานนี้ไปโนนสัง เมื่อวานซืนนี้ไปอากาศอำนวย นั้นสร้างตึกใหญ่หลังหนึ่ง ๓๐ เตียงแล้วอุปกรณ์ให้หมดเลย เมื่อวานนี้ไปโนนสัง รับตึกมาพิจารณาตึกก็อย่างนั้นแล้ว เพราะฉะนั้นเงินมันถึงไม่มี นี่ที่ว่าเงิน ๕๐ ล้าน นี่มันออกไปอย่างนี้แหละ ออกไปเรื่อยๆ อย่างนี้ เอาละทีนี้ให้พร..

ลูกศิษย์ แมวมันเดินผ่านที่กุฏิค่ะ ๓ ทุ่มครึ่งลูกเดินจงกรมอยู่

หลวงตา สีดำไหม

ลูกศิษย์ ขาวหลังดำเจ้าค่ะ

หลวงตา เออ ใช่ตัวนี้แหละ คือมันออกไปอยู่ข้างนอก แมวตัวนี้ฉลาดมากนะ กลางคืนเข้ามา มันปีนเข้ามาแล้วก็มากินสัตว์ที่นี้เสร็จแล้วออกไป เวลานี้กำลังทำสังกะสีตี

ลูกศิษย์ มันอยู่ข้างในค่ะ


หลวงตา มันอยู่ข้างในเหรอ นั่นแล้วกลางคืนมันมาเที่ยวมันก็อยู่ข้างในซี เวลาออกจากนั้นมันไปอยู่ข้างนอก ใครเห็นไหมเดี๋ยวนี้มันอยู่ไหน ถ้าอยู่ เห็นมันมาบอกเราเดี๋ยวนี้เราจะไปจับมันนี่ ก็ไปพูดเวลามันมา มันเข้ามาข้างในมันก็อยู่ข้างในละซี พอเสร็จแล้วมันออก อย่างนั้นเป็นประจำ จึงไม่ได้มัน เราถึงต้องหาวิธีใหม่ นี้เอาสังกะสีมาตีรอบต้นเสาที่มันขึ้นได้ๆ นะ เวลานี้ทั้งพระทั้งฆราวาสช่วยกันตีสังกะสี ต่อจากนี้ก็จะต่อไปเรื่อยๆ จะให้มันรอบ จะไม่ให้มันเข้ามาได้นะ ถ้าแมวนี้เข้ามาได้สัตว์หมดไม่มีเหลือ โอ๊ย เราสงสารสัตว์นะ กระแตกำลังงอกเงยขึ้นบ้างแล้ว มีอยู่ทั่วๆ ไป ถ้าลงแมวนี้เข้ามากระแต กระต่าย หนู ส่วนกระรอกไม่ค่อยเป็นไปแหละ เหล่านี้ฉิบหายเป็นลำดับๆ จนกระทั่งจะไม่มีสัตว์เหล่านี้ค้างวัด เราจึงรีบจัดการไว้เสียก่อน

ทีนี้พอเราทำสังกะสีตีปิดไว้เรียบร้อยแล้วมันขึ้นไม่ได้ สัตว์เหล่านี้ก็ผาสุก หายกังวลมันขึ้นไม่ได้แล้ว เราจึงต้องรีบทำเสีย โฮ้ น่าสงสารสัตว์นะ เมื่อเช้านี้ก็มีกระต่ายตั้ง ๓ ตัว เราเดินจงกรมอยู่นี้มันก็มาเล่นอยู่กับเรา ตัวหนึ่งสีหมอกๆ ๒ ตัวนี้ขาว มาเล่นยุ่งอยู่ เราเดินจงกรมมันก็วิ่งอยู่กับเรา จากนั้นก็วิ่งไปโน้นไปนี้โรงครัว สักเดี๋ยวโผล่มาอีกแล้ว อู๊ย มันสนุกนะมันวิ่งเล่นเมื่อเช้านี้ เราจะกันไว้ให้หมดให้สัตว์ทั้งหลายได้อยู่สะดวกสบาย ถ้ามีแมวแล้วไม่สบายละ แมวที่เราเอาไปปล่อยไม่ใช่น้อยนะ เป็นร้อยนี่ไม่ใช่ธรรมดานะ แมวที่จับไปปล่อยๆ นี่ เป็นร้อยขึ้นไปเลยตั้งแต่สร้างวัด เราดักเอา จับด้วยวิธีไหนจับได้จับเอาๆ แล้วก็ไปปล่อย สำหรับตัวที่เอาไปปล่อยนั้นมันไม่มีทางคืนมาได้แหละ แต่ตัวใหม่นั่นซิมันเข้ามาเรื่อย

คือตัวเก่าไม่มีทางมาได้ จะมาได้ยังไง ตัวนี้เอาไปปล่อยอย่างน้อยจังหวัดหนองคาย มากเข้าไปกว่านั้นจังหวัดเลยบ้าง บางทีพิษณุโลกก็มี บางทีสกลนครก็มี อุบลฯ ก็มี ศรีสะเกษก็มี โคราชก็มี เพราะอะไร เพราะเขามาวัดเวลาเขาไปก็ฝากเขาไปล่ะซิ ใส่ถุงกระสอบป่านไป พอไปถึงนั้นก็ปล่อย ปล่อยจังหวัดไหนมันก็อยู่จังหวัดนั้น จึงว่าไม่มีทางจะกลับมาได้ แต่ตัวใหม่ละซิมา ปล่อยไปน้อยเมื่อไร ฟังซิพิษณุโลก อุบลฯ ศรีสะเกษ สุรินทร์ สกลนคร นครพนมไปหมด ก็ลูกศิษย์มาก็ฝากเขาไป ไปหมดนั่นแหละ อย่างน้อยหนองคาย ไปต่างจังหวัด แถวนี้ไม่ปล่อยมันจะกลับมา แล้วก็ตัวใหม่มาเรื่อย

ตัวสีดำสีขาวตัวนี้มันเข้ามานานแล้วจับมันไม่ได้นะ พอกลางคืนมันมาหากิน ลูกกระต่ายตัวเท่านี้ๆ แทบจะไม่มีแล้วเดี๋ยวนี้ ไปดูกุฏิพระ แต่ก่อนกระต่ายเล็กๆ นี้มี ๗ ตัว ๘ ตัว ยั้วเยี้ยๆ อยู่กับแม่ เดี๋ยวนี้เห็นตัวเดียว คือแมวตัวนี้มาเอาไปกินวันละตัว หรือ ๒ ตัวก็อาจเป็นได้นะ กินแล้วออกๆ เราไปเห็นตัวเดียววันนั้น แล้วก็ไปเห็นซากกระต่ายที่แมวกิน มันเศษเหลืออยู่บ้างเราจับมาดู นี่ลูกกระต่ายเรานี่หว่า นั่นละต้นเหตุที่ทำสังกะสีกั้นนะ หมดลูกกระต่ายอยู่นั้น ยั้วเยี้ยๆ อยู่กับแม่หมด แมวตัวนี้เอาไปกินหมด ยังเหลือตัวเดี๋ยว เราไม่ได้ไปดูนะวันนี้ หรือตัวนี้มันเอาไปกินแล้วก็ไม่รู้นะ ก็มันหมดขนาดนั้น

มันมากินจริงๆ ตั้งใจจะมากินจริงๆ กินแล้วไปเลยๆ มันฉลาด มึงฉลาดขนาดไหนกูก็ฉลาดยิ่งกว่ามึงนี่วะว่างั้น เพราะฉะนั้นเราถึงต้องหาสังกะสีมากัน มึงเก่งให้มา ยกทั้งโคตรมึงมาซัดกับกูนี้ โคตรไหนเก่งโคตรไหนฉลาด ถ้าโคตรแมวมันเก่งกว่าเรา-เราจะหมอบ ถือดอกไม้ธูปเทียนไปขอขมามันแล้วแก้ลำกันใหม่ใช่ไหม เวลานี้กำลังเอาสังกะสีไปกันทดลองดู ฝีไม้ฝีมือของแมวกับเรามันจะเก่งขนาดไหน สุดท้ายก็เอาหลวงตากับแมวมาแข่งกัน ใครฉลาดกว่ากัน

ไปคำนวณดูเวลากำหนดเรียบร้อยแล้วไม่นานก็บอกกันเลยนะ พอกำหนดเวลาที่จะไปกรุงเทพฯ เราจะไประยะไหนๆ นี้ก็อีกอันหนึ่ง แล้วงานการที่เกี่ยวข้องกับเรางานไหนๆ ควรจะตบเข้าไปหาพวกไหนๆ มันมีอีกนะ คืองานนี้ควรจะตบเข้าไปในช่วงนั้นช่วงนี้เสียเราต้องพิจารณาแล้วสั่งเสียเขาๆ นี่ที่ขอเวลาไว้เข้าใจไหม ถ้างานไหนควรจะตีเอาไว้ก่อนที่จะไปกรุงเทพฯ ก็ตีคืนมาทางนี้เสีย ถ้าควรจะไปกรุงเทพฯ แล้วตีเข้าไปทางกรุงเทพฯ แล้วเราก็แยกทางโน้นได้ความก็บอกไปเลยเข้าใจไหม เท่านั้นแหละ เรื่องราวมันเป็นอย่างนั้นแหละ

ลูกศิษย์ท่านอาจารย์มี ศิลป์สยามนี่เราก็คิด ทำให้คิด เราคิดอยู่นะ ไม่พูดหากคิดอยู่ มาเกี่ยวข้องกับสวนแสงธรรม มาเกี่ยวข้องกับทางนี้ กำหนดพิจารณาอยู่ มันเป็นยังไงมานะ พอดีว่าอยู่สูงเนินแล้วอาจารย์มีเท่านั้นแล้วผึงทันที โถ ก็ลูกศิษย์อาจารย์มีเท่านั้นพอ พวกนี้พวกหูสูง มันเป็นหูโยมแม่ไปหมดแหละ หูโยมแม่เข้าใจหรือเปล่า เราเล่านิทานย่อๆ ให้ฟัง คือเวลามีแขกคนมา แต่ก่อนคนยังไม่มากนะ เวลาแขกคนมามากเราก็เข้าไปในครัว ไปเทศน์ที่ครัวเลยแหละ พวกนั้นก็รอรวมฟังที่นั่น โยมแม่ก็มีโอกาสมาฟังเทศน์ของเราทุกคืนๆ ที่เราไป ทีนี้เวลาพวกนั้นไม่มาโยมแม่ก็นิมนต์เราให้ไปเทศน์ ถึงไม่มีแขกคนก็ตามขอให้อาจารย์มาเทศน์สอนอบรมแม่ แม่จิตรวมลงได้ทุกวันๆ ถ้าฟังเทศน์อาจารย์ ฟังเทศน์คนอื่นแม่ไม่ฟังว่างี้นะ ขึ้นเลยคนอื่นแม่ไม่ฟัง ฟังแต่เทศน์อาจารย์เท่านั้น

สักเดี๋ยวก็ขึ้นอีกแล้ว เดี๋ยวนี้แม่หูสูงแล้วนะว่างั้น พอว่าหูสูงเท่านั้นลูกกับแม่ก็ใส่กันละซิ ระวังนะหูสูงเดี๋ยวมันเป็นหูหมานะ เท่านั้นแหละแวดออกมาเลย มันจะเป็นหูหมายังไงล่ะลูก หูคนทั้งคน มันก็เป็นตรงที่สูงๆ นั่นแหละ โยมแม่เลยเงียบเลย ทีนี้สุดท้ายถ้าไม่ใช่ลูกเจ้าของเทศน์ไม่ยอมฟัง อันนี้ก็ไม่ใช่อาจารย์มีจะไม่ฟัง ไม่ใช่สายอาจารย์มีจะไม่ฟังเข้าใจไหม มันสูงกว่าโยมแม่นะนี่ ระวังให้ดี เอาละไป พอ เราพูดสนุกกันทีนึง ความจริงท่านอาจารย์มีท่านก็ได้ยินชื่อเรามาเป็นลำดับลำดาเหมือนกัน แล้วก็บวกกับที่ว่าคุ้นกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว พอถึงกันปั๊บพันกันเลย เพราะฉะนั้นท่านถึงพูดล่ะซิ นี่ลูกศิษย์ผู้โปรดของท่านอาจารย์มั่น เราว่า อู๊ย อย่าพูดอย่างนั้น ขอพูดสักหน่อยน่ะ ท่านก็ไปใหญ่เลย ขอพูดสักหน่อยเถอะท่านว่า พูดอย่างผึงๆ เลยนะ

ที่ถามถึงโรงพยาบาลก็คือว่าเราเคยเอาของไปให้โรงพยาบาล วันนี้ถ้าเขาหยุดแล้วเราก็ไม่อยากเอาไป คือต้องอยู่ครบครันกัน เพราะของเราเอาไปให้มากต่อมาก เมื่อเข้าไปแล้วต้องให้ถึงจุดที่เราต้องการ ไม่ใช่พอได้ไปแล้วคนนั้นหยิบไปผู้นี้หยิบไปใช้ไม่ได้ เราจึงไม่ยอมให้นะ คือเราให้จุดศูนย์กลาง ให้ทางโรงพยาบาล เช่นหมอเช่นทางโรงพยาบาลเขารับผิดชอบหมด เอาไปไหนเราไม่ว่าเข้าใจไหม ถ้าเอาไปอย่างนั้น เช่นวันเช่นนี้เขาหยุดราชการ มีแต่คนเฝ้านั้นเขาเอาไปที่ไหนก็ไม่ได้เรื่อง เพราะฉะนั้นเราจึงไม่เอาไปให้ ความหมายว่างั้น ไปให้เป็นประโยชน์จริงๆ นี่เมื่อวานก็เต็มรถเลย เต็มเอี๊ยด เราไปที่ไหนต้องเต็มเอี๊ยดๆ ทุกที


รูปภาพ
พระอาจารย์ทองรัตน์ กันตสีโล วัดป่ามณีรัตน์ (วัดป่าบ้านคุ้ม)

รูปภาพ
พระอาจารย์กินรี จันทิโย วัดกัณตะศิลาวาส

รูปภาพ
พระอาจารย์ชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง

รูปภาพ
พระอาจารย์ใช่ สุชีโว วัดปาลิไลยวัน (วัดเขาฉลาก)

รูปภาพ
พระอาจารย์สีทน สีลธโน วัดถ้ำผาปู่


:b8: :b8: :b8: http://www.luangta.com

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2013, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้กล่าวถึงปฏิปทาของหลวงปู่มี ญาณมุนี ว่า

“ท่านอาจารย์มี ญาณมุนี แห่งวัดป่าสูงเนิน โคราช ท่านเป็นผู้ที่เราเคารพเลื่อมใสมาก ท่านเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ท่านไม่ได้ญัตติเป็นฝ่ายธรรมยุต มรรคผลนิพพานไม่ได้อยู่ที่ญัตติหรือไม่ญัตติ มรรคผลนิพพานไม่ได้อยู่ที่ธรรมยุตหรือมหานิกาย แต่อยู่ที่หัวใจของผู้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยไม่ลดละความพากเพียร จะธรรมยุตหรือมหานิกาย ก็เป็นพระกรรมฐานด้วยกัน ท่านอาจารย์ทาก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มี หลวงปู่มีก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นก็เป็นอาจารย์ของเรา”

“ท่านเป็นพระที่สุขุมและละเอียดมาก สมชื่อสมนามว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นจริงๆ”

นอกจากนี้แล้ว หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ท่านเคยกล่าวเทิดทูนหลวงปู่มี ญาณมุนี ไว้ในหนังสือสังฆรัตนะ หัวข้อเพชรน้ำหนึ่งฝ่ายมหานิกาย หน้า ๑๒ ว่า

“ท่านอาจารย์มี (พระครูญาณโสภิต) น่ะ เรารักเคารพท่านมาก นั่นละท่านเข้าในขั้นเพชรน้ำหนึ่งนะ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่น เออ หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น”



:b8: คัดมาจาก : ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่มี ญาณมุนี”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=42792

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2013, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

รูปภาพ

หลวงปู่มี ญาณมุนี
วัดป่าสูงเนิน อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา


“ท่านอยู่สูงเนิน อันนี้ก็สำคัญ
เพชรน้ำหนึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นเรา”

:b49: :b47: :b49:

หลวงปู่มี ญาณมุนี วัดถ้ำซับมืด จ.นครราชสีมา อยู่ทางสูงเนิน ที่แถวนั้นเป็นทำเลที่ท่านอยู่สะดวกสบาย เป็นป่าเป็นเขา เราไปบุกไปหาท่านถึงท่านเลยละ เอะอะมาได้อย่างไร ท่านรู้สึกว่าเมตตามากนะ กุลีกุจอทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านวิ่งเองนะ ทำไมท่านมหามาได้อย่างนี้ละ ครูบาอาจารย์อยู่ที่ไหนผมมาได้อย่างไรละ คุยกันสนุกนะ อาจารย์มีนี้เป็นคนสูงเนิน เป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นมาอยู่ทางนี้ ตั้งแต่ท่านศึกษาปฏิบัติอยู่ทางสามผงหนุ่มน้อยทางนี้ละ อยู่หลายองค์พร้อมๆ กันกับหลวงปู่ฝั้น พร้อมๆ กัน หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่มีคือองค์นี้ละ ท่านอยู่สูงเนิน อันนี้ก็สาคัญเพชรน้ำหนึ่ง เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่นเรา คราวนั้นมีหลายองค์อยู่เราจำไม่ได้หมดละ คือรุ่นราวคราวเดียวกันก็คือหลวงปู่มี หลวงปู่อะไรน้า โอ้หลายองค์เราจำไม่ได้ ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นทั้งหมด

พระธรรมเทศนาหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒
ปฏิบัติแบบพระสมบูรณ์แบบ

หนังสือ ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า ชาติสุดท้าย
หน้า ๓๐-๓๑

:b44: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่มี ญาณมุนี”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=42792

:b44: ประมวลภาพ “หลวงปู่มี ญาณมุนี” วัดป่าสูงเนิน
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=38&t=45436

:b44: วาทะธรรมที่ครูอาจารย์กล่าวถึง “หลวงปู่มี ญาณมุนี”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=52634

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2013, 08:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร