วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 16:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ส.ค. 2010, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ทำดีต้องมีมาร

คติของการสร้างความดี

พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
วัดอัมพวัน ต.บ้านแป้ง อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี


ที่มา... http://jarun.org

:b48: :b8: :b48:

พุทธบริษัททั้งหลาย ทั้งอุบาสก อุบาสิกา ทุกท่าน
วันนี้เป็นวันธรรมสวนะ เป็นวันพระ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๗
เป็นวันหมดวาระของเดือนนี้ คิดแล้วน่าใจหาย
วันเดือนปีหมดไปรวดเร็วมาก
แต่ก็ขอให้หมดไปแต่วันเดือนปี
ความดีของเราอย่างให้หมด...อย่าให้ลด


พฤติกรรมของคนในโลกมนุษย์


เศรษฐกิจไม่ดีก็ไม่เป็นไร
ก็ขอให้ใช้หลักของพระพุทธเจ้ามาสอน
อย่าให้ชีวิตตก อย่าให้จิตใจมันตก
อย่าให้ล้มเหลว ขออย่าให้ราคาชีวิตของเราตก
ขอให้พยุงราคาของชีวิตโดยเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่

ในวันนี้จะชี้แจงถึงเรื่อง พฤติกรรมของคนในโลกมนุษย์นี้
มันเปลี่ยนแปลงภาวะไปอย่างน่าเสียดาย
เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ชั่ว
เอาตัวไม่รอด...อันนี้น่าเสียใจยิ่ง
แต่บางท่านผู้มีบุญวาสนา
จะเปลี่ยนแปลงภาวะไปในทางดีทั้งหมด
ในครอบครัว...ทั้งสามีภรรยาทั้งบุตรธิดาก็ได้ดิบได้ดี
เปลี่ยนแปลงไปในทางดีหมด

นี่เขาเรียกว่า ผันผวน แปรผัน
จะเปลี่ยนแปลงไปตามพฤติกรรมของตนทุกประการ


ทุกชีวิตพึงตั้งใจในการสร้างความดี


อันนี้ทุกคนไม่ทราบไม่เข้าใจ
ในการเปลี่ยนแปลงของสภาวธรรมและการเปลี่ยนแปลงของชีวิต
ตัวของอาตมาตั้งแต่เป็นเด็กไม่ชอบทำบุญ
ชอบทำแต่บาปทำแต่กรรมตลอดรายการ
ก็คิดได้ตอนหลังว่า คิดไว้...เราหนอคงไม่สิ้นหวัง
ชีวิตเรา...จะต้องสร้างความดีให้จงได้
ในเมื่อถึงโอกาส และเราก็เปลี่ยนแปลงในทางดีตลอดต้นจนปลาย
จนยุคใหม่ปัจจุบัน จนมีอายุเหยียบย่างมาถึงจนเจ็ดสิบขวบแล้ว
จะใกล้เจ็ดสิบขวบเต็มที่แล้ว

ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย
อาตมาเสียใจกับบางท่านที่เปลี่ยนแปลงไปในทางชั่ว...เอาตัวไม่รอด


ความเปลี่ยนแปลงกับพฤติกรรมของชีวิต


เมื่อวานนี้ไปมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
ไปบรรยายที่กองวิชาการ ไปบรรยายเรื่อง
“การดำเนินชีวิตวิถีชีวิตให้เกิดความสุขสนุกสบายในโลกมนุษย์เรา”
ใช้เวลาสองชั่วโมงเต็ม
ท่านสาธุชนทั้งหลาย เราจะเปลี่ยนแปลงภาวะไปทางไหนดีเล่า
คิดให้ได้ในวันนี้ เราควรจะเปลี่ยนแปลงภาวะ
ควรจะช่วยกันแผลงฤทธิ์ให้กลายเป็นเศรษฐีให้จงได้
ให้มีประโยชน์ในชีวิตของท่านมากเท่าที่จะเป็นไปได้
ในขณะนี้ไม่มีคนอื่นใดที่จะทำให้เราได้
“เศรษฐกิจตก เงินตราตก...อย่าให้ชีวิตเราตกฯ

ท่านศาสตราจารย์ด๊อกเตอร์สุโขทัยจบจากสหรัฐอเมริกา
...เป็นศาสตราจารย์ บอกว่า “ผมไม่เคยจนเงินทอง
แต่มีปีนี้ตั้งแต่ต้นปีมา ไม่มีติดกระเป๋าเลย จะพกสักหมื่นหายาก”
เขาพูดให้ฟัง แต่เราไม่เชื่อ
เขาคงมีอีก อย่าลืมว่าพกเงินพกทองของนอกตัว


เปลี่ยนภาวะร้ายให้กลายเป็นดี


เรามาสร้างคุณค่าของชีวิต ทำชีวิตให้มีค่าเถิด
เวลาของท่านจะมานั่งที่นี่จะมีประโยชน์ต่อชีวิต
และคุณค่าของเวลาที่มันหมดไปแล้ว เอาคืนได้ไหม?
ก็น่าจะเห็นใจท่านทั้งหลาย อาตมาก็ขอกล่าวในที่นี้
ตั้งแต่อาตมาอยู่มานี่...ดูชีวิตของอาตมาบ้าง
ดำเนินชีวิตมาด้วยความแร้นแค้น
ยากลำบากตลอดรายการ
ข้าพเจ้ามาเปลี่ยนแปลงภาวะให้กลับร้ายกลายดีถึงขณะนี้

บางคนไม่เข้าใจในชีวิต บางคน...ก็เสียใจ
พ่อแม่เป็นเศรษฐีมีเงินเป็นพันล้าน
มาถึงขั้นลูกหลานเปลี่ยนภาวะเป็นจน
เมื่อวานเล่าให้ฟังที่มหาวิทยาลัยสุโขทัย
เขาบอกว่าเป็นความจริง อยู่ข้างบ้าน
เปลี่ยนแปลงได้ภาวะไม่แน่นอน
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา...หาความแน่นอนในชีวิตไม่ได้
ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะมีบุญวาสนาแค่ไหน?

ท่านรู้ไหมจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมประการใด?
จะมีบุตรธิดาอย่างไร? ขนาดขอทานแท้ ๆ
มีลูกห้าคนเป็นเศรษฐีหมด เคยเล่าให้เขาฟัง
ขอทานใจบุญ...มาขอทานอยู่ที่หน้าบ้านเรา
อาตมาเป็นเด็กสังเกตการณ์
ขอทานเอาเงินทำบุญอีกครึ่งหนึ่งไปส่งลูกเรียน
ปรากฏนานมาเปลี่ยนไปทางดี
ถึงพ่อแม่เราจะเป็นขอทาน
แต่ก็หาเงินกินโดยสุจริตธรรม ไม่เคยไปฉ้อโกงใคร
ขอทานมาถึงหน้าบ้านเราก็ขอตังค์
เทศน์มหาชาติจนกว่าจะจบ ให้ข้าวสารแล้วก็ไม่ไป
ขอทานขอฟังเทศน์
ไปค้างที่วัดใหม่...เอาข้าวสารขายแล้วทำบุญ
อีกครึ่งหนึ่งไว้ส่งลูกเรียนหนังสือ
เหตุการณ์จะผันผวนไปทางใดก็ดูกันต่อไป
ในที่สุดลูกห้าคนเป็นใหญ่เป็นโต เป็นเศรษฐีหมด
แต่เขาได้ตายไปซะแล้ว...พ่อแม่
แต่ว่าบางบ้านพ่อแม่รวยที่สุด...มีเงินมีทอง
ดูถูกคนยากจน
ถึงขั้นลูกขั้นหลานไม่มีแม้ตังค์เดียว
ยากจนข้นแค้นตลอดรายการ
นี่...มันเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมแผนการของชีวิตไปได้

ท่านทั้งหลาย อย่าดูถูกคนจนข้นแค้น...ไม้ล้มค่อยข้าม
คนล้มอย่าข้าม กระดกขึ้นมาเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี
เป็นหนึ่งในตองอูก็ได้

เช่นโยมจังหวัดตรังมานั่งกรรมฐาน
ก็มีเยอะ...ที่เป็นพี่น้องกับชวน หลีกภัย
ก็เล่าประวัติชวนให้เราฟัง เขาเป็นคนจีนที่จังหวัดตรัง
เป็นคนแหลมลึกมาตั้งแต่เด็ก ๆ
ในชีวิตเขาจึงเป็นรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี
นี้มันผันผวนและเปลี่ยนแปลงไปในทางดีหมด
ถึงขณะนี้เขาก็ยังดีอยู่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


มืดทางชั่ว สว่างทางดี

แต่เราท่านทั้งหลายโปรดพิจารณา
ในวันเดือนดับลับแล และข้างขึ้นเดือนหงาย
ข้างแรมเดือนมืด โปรดตีความว่า...

ให้มันมืดตรงไหน? ให้มันสว่างตรงไหน?
ให้มันมืดทางชั่ว...ให้สว่างทางดี จะได้มีปัญญา
เราจะได้แก้ปัญหาชีวิตอันแน่นอนและถูกต้อง


พฤติกรรมกับการสร้างความดี

อย่าทำสับสนเลยพี่น้องที่รัก...ชีวิตสับสนเหมือนพระอาทิตย์
พระจันทร์ ผลัดกันลง ผลัดกันขึ้น เดี๋ยวก็คืน เดี๋ยวก็วัน
แล้วเราก็หมดวันไป แล้ววันนี้ก็หมดไปอีกแล้ว

เสียดายเวลาเหลือเกินว่า...เวลาที่ผ่านมานี่ชั่วโมง
ตั้งแต่เช้ามา เราทำความดีอะไรกันบ้าง?

ชีวิตนี้คือความดี หรือความชั่วประการใด?

ตั้งแต่เช้ามาจนบัดนี้ ยุคปัจจุบันนี้ เราคิดอะไรไปบ้าง?
แก้ไขอะไรไปบ้าง? จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอะไรบ้าง?

และเป็นประโยชน์ต่อบุตรธิดาประการใด?
จะเป็นประโยชน์ต่อคุณบิดรมารดา
ปู่ย่าตายาย ครูบาอาจารย์อย่างไร?

จะเป็นประโยชน์ต่อกับพื้นที่ดิน
ที่เราอาศัยอยู่ทำมาหากินอะไรบ้าง?
จะมีประโยชน์แก่แม่พระคงคา แก่แม่พระพายประการใด?


กรรมฐานเปลี่ยนพฤติกรรมได้แน่นอน


ฉะนั้น ผู้มาเจริญกรรมฐานจึงเปลี่ยนพฤติกรรมได้
กรรมฐานเปลี่ยนพฤติกรรมได้แน่นอน
แต่ท่านที่จะมาเปลี่ยนทางไหนรีบจัดการด่วน
ถ้าท่านปฏิบัติโดยตั้งใจปฏิบัติแล้ว
ท่านสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ในปัจจุบัน
เพราะอดีตที่ผ่านมานั้นเป็นความฝันเหลือเกิน
จึงได้แต่เขียนกฎบทความนี้ว่า
เรื่องเก่าอย่ารื้อฟื้น เรื่องอื่นอย่าคิดอีก จริงไหมท่านทั้งหลาย?
...ได้ฟังกันมาทุกวันพระไปไหน
“ปาก อย่าใหญ่ ใจอย่าเบา เรื่องเก่าอย่ารื้อฟื้น”


ทำดีต้องมีมาร


เรื่องอื่นสิ่งที่ชอบทำ...ไม่ไปทำ
ไปทำสิ่งที่ไม่ควรจะทำ
ซ้ำร้ายสร้างเติมเสริมส่งขณะทำ
เหมือนอย่างเราไปทำ ความชั่ว...มันหวานเหลือเกิน
น่ากินน่าใช้ แต่มันยังไม่ซึมซาบเข้ามาถึงภายใน
จึงเป็นพิษเป็นภัย ความดีมันขื่นขมเหลือเกิน
มีอุปสรรคขัดขวางตลอดรายการ

ความดีไม่มีคนอยากจะกิน
ไม่มีคนอยากจะทำเหมือนโบราณว่าเอาไว้
ขมเป็นยา...หวานเป็นลม
ขมเป็นยา...ไม่มีใครอยากกิน
มันขมมันขื่น ความดีมันก็ขื่นอย่างนี้
ทุกคนจึงไม่สนใจจะสร้างความดี
เปลี่ยนพฤติกรรมไปในทางดี
จึงสร้างแต่ความไม่ดีเป็นขนมหวานย้อมใจเรา
ให้หลั่งไหลไปอยู่ที่ต่ำ
จิตใจที่เลวร้ายในสังคมต่อไป
เขาจึงเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้

อาตมาสังเกตเด็กที่มาที่วัด ขนาดตัวนิดเดียว
เป็นเวลาสามสิบกว่าปี...มันเป็นใหญ่เป็นโต
เมื่อก่อนร้องขอตังค์ให้แม่ใส่ตู้
ขอตังค์ทำบุญ...ตัวนิดเดียว
แต่พี่น้องสามคนไม่เคยทำบุญ
ตอนเป็นหนุ่มเป็นสาวก็ไม่เคยทำบุญ
แต่เด็กคนนี้ทำไมร้องขอทำบุญ
เจอพระ...ธุจ้า...ธุจ้า อายุประมาณสามสี่ขวบ

อาตมาขอประวัติเด็กคนนี้ไว้ อยู่ที่ไหน?
พ่อแม่ชื่อเรียงเสียงไร? โตขึ้นไปจะเป็นอะไร?
หนามแหลมใครเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงใครไปกลึง
ดูหน้าเนื้อนี้ต้องเป็นใหญ่เป็นโต...มีแวว
มีแววตั้งแต่เล็ก ๆ
บางคนมีแววกระทั่งแก่จะตายก็เอาดีไม่ได้...ไม่ได้แววอะไร?

บางคนไม่เอาแววอะไร นกยูงมีแววที่หาง
คนมีแววที่ตา ตาเราทาเป็นแวว
แต่แววตามันจะลึก มันสลับซับซ้อน
ยิ่งมองยิ่งเห็น ยิ่งเห็นยิ่งไกล ยิ่งดูยิ่งดี ยิ่งดียิ่งดู
เอาตาชั่งขึ้นมาดู เอาตะปูขึ้นมาชั่ง
เป็นใหญ่เป็นโตแน่...ไม่เคยพลาด

คนมาเจริญกรรมฐาน เห็นหนอ...เห็นหนอ
เห็นหนออะไรกัน เห็นหนอ...ปากยื่นปากยาว
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปทางโน้นหมด
เห็นหนอ...แฟนมาแล้ว
สวยหนอ...มาอยู่วัดเสียเจ็ดวันแล้ว
คิดหนอ...แฟนจะนอกใจไหมหนอ
เขาจะเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างนี้
คอยระแวงว่าสามีหรือแฟนหรือภรรยาจะนอกใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พึงสร้างความดีด้วยตนเอง

คิดถึงตัวเราว่า เรานอกใจตัวเองไหม?
เรานอกใจตัวเองหรือเปล่า? นอกใจสามี นอกใจภรรยา
อย่างนั้นไม่มีความหมายอะไรหรอก
นอกใจตัวเองมีความหมายที่เลวที่สุด เข้าใจคำนี้ไหม?
จำข้อนี้ไว้ให้ได้ อย่านอกใจตัวเอง
จงใช้ความสามารถของตัวเอง ต้องใช้ฝีมือของตนเอง
อย่าไปพึ่งคนอื่นเลย...อย่าเอาจมูกคนอื่นมาหายใจ...ไร้สาระ
นี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่ของอาตมา

พระพุทธเจ้าเสด็จบรรพชา ตังค์เดียวไม่เคยขอ
พระเจ้าสุทโธทนะพระราชบิดาพระชนก...ตังค์เดียวท่านไม่เคยขอ
พระองค์ไปแต่ตัว ครองผ้าผืนเดียว แล้วไม่มีจะทำอย่างไร?
เจ้าชายสิทธัตถะนั้นเมื่ออยู่ในปราสาทราชวัง
จะเสวยพระกระยาหารอย่างไรก็ได้หมด
มีหมด...ครบท้องพระคลังแสง
ในพระคลังมีทั้งเงินทอง ห้องพระองค์มีทั้งเพชรนิลจินดา
จะประสงค์สิ่งใดได้ทุกประการ
แต่มาบัดนี้เจ้าชายต้องมาพึ่งตนเอง
เป็นนักบวชจะไปเอาที่ไหนเล่า เราบวชแล้วเป็นฤาษีชีไพร
หรือเป็นนักบวชจะเป็นศาสนาใดยังไม่ปรากฏชัด
เราจะไปเอาตรงไหน? ปลอบใจตนเอง...อย่านอกใจตนเอง

เดี๋ยวนี้คนเรานอกใจผัว...ไม่เป็นไร
นอกใจเมีย...ไม่เป็นไร
ขอฝากไว้ มีเมียผัวกี่คนก็ได้ เปลี่ยนผัวก็ได้ เปลี่ยนเมียก็ได้
แต่เราจะเปลี่ยนแม่ได้ไหม? เปลี่ยนพ่อได้ไหม?
ตรงนี้น่าคิดเหลือเกิน
แต่คนไม่คิดเถียงพ่อเถียงแม่คำไม่ตกฟาก บางคนพูดไม่ฟัง...


นอกใจตัวเอง ก็เอาชนะตัวเองไม่ได้


“อย่านอกใจตัวเอง” มีเหตุผลที่น่าฟัง ฟังให้มันลึกหน่อย
เสียดายเวลาที่มีคุณค่าที่หมดไปแล้ว เราก็ต้องหมด...หมดไป
ถ้าเราไม่สร้างความดีมายันไว้ เราจะต้องเสียใจ
เมื่อเราจะต้องตายจะไม่มีอะไรติดตัวไปเลย อย่างนี้เป็นต้น
เราจะเปลี่ยนสามีกี่คนก็ได้ จะเปลี่ยนภรรยากี่คนก็ได้...ไม่มีใครว่า
สามีนอกใจภรรยา ภรรยานอกใจสามีก็ไม่มีความหมายเท่าไรนัก
แต่อย่านอกใจตัวเอง อย่าโกหกตัวเองได้มั้ย
“ชนะใจคนทั้งหลาย ก็ยังสู้ชนะใจตนเองไม่ได้ฯ "
อย่าโกหก อย่านอกใจตัวเอง

คนเราเดี๋ยวนี้นอกใจตัวเองมากเสียใจด้วย
ถ้าไม่ได้รักษาคำพูดแต่ประการใดตรงนี้ชัดเจนแล้วนี่
คุณจะเปลี่ยนพฤติกรรมก็เปลี่ยนในทางชั่ว
เอาตัวไม่รอดโกหกตัวเองเสมอ


เหตุแห่งการสร้างความดี


อาตมาต้องขออนุญาตกล่าว ขอเจริญพรอีกครั้งวันนี้
วันเดือนดับ ข้างขึ้นเดือนหงาย ข้างแรมเดือนมืด
แล้วเดี๋ยวนี้ไปหาหมอดูกัน
จะแต่งงานลูกสาวต้องเอาข้างขึ้น ข้างแรมกัน
ไม่ได้...ว่าไม่ดี ต้องเอาเดือนนั้นเดือนนี้
ว่ากันไปตามหมอดู
ข้อเท็จจริงน่ะหมอดูเขาดูเก่ง...ข้างแรมไม่ทำงาน ข้างขึ้นให้ทำงาน

แต่ข้อเท็จจริงมิใช่ เมื่อสมัยโบราณมานี่เราไม่มีไฟฟ้า
...เข้าใจไหมคุณทุกคนไม่มีไฟฟ้า ไม่มีความเจริญ
ต้องอาศัยเดือนดาวพระจันทร์สอดส่องลงมาโลก
ซึ่งเกิดแสงสว่างจากพระจันทร์
จึงต้องทำนายเดือนและงานจะไปบ้านเหนือบ้านใต้ก็ไม่มีไฟฟ้า
ก็ต้องเดินไปเวลาเดือนหงายนี่
ก็จะได้ดูว่าคอกควายมันอยู่รึเปล่า
...เห็นชัดนา ข้างแรมน่ะเดือนมันมืด...
ไปทำนาขอแรงใครเขามาช่วยงานเขาก็ไม่มาเพราะมันมืด
แต่บัดนี้ไฟฟ้ามันเยอะแล้ว ไปจัดงานเดือนขึ้นทำไม่ล่ะ
จะแต่งลูกสาวข้างขึ้นหรือข้างแรมก็แต่งได้ เพราะมีไฟฟ้า
ถ้าไม่มีไฟฟ้าก็ควรจะอาศัยพระจันทร์
ถ้าไม่อาศัยพระจันทร์...ไปอยู่โน้นเลย
แต่งงานได้ทุกฤดู โคจรของพระอาทิตย์ มันเป็นอย่างนี้
อย่างนี้มันจังไม่มืด ที่เราเรียกกลางคืน
พระอาทิตย์กลางคืนอยู่ภายเหนือของนอร์เวย์
เรารู้จักเนื่องจากว่ามีคนเคยมาบวชที่นี่ เป็นชาวนอร์เวย์
เมื่อชาติก่อนเคยเป็นฮอลันดา
มาค้าขายกับสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
แวะที่วัดอัมพวัน มีเชื้อสายอยู่ที่นี่ เขาไปเกิดเป็นนอร์เวย์
จึงได้มาบวชวัดนี้อีกเช่นเดียวกัน
ขอฝากไว้สั้น ๆ นี่เปลี่ยนพฤติกรรมทางดีตลอดมา
คนเราต้นเหตุมันไม่ดี จะเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ดีตลอด
จะไปเกิดชาติไหนมันก็ไม่ดีอยู่เช่นนั้น


คติของการสร้างความดี

พฤติกรรมต้นเหตุเป็นถ้วย มันจะเป็นแก้วไหม?
เหตุดี...ผลต้องดี เราปลูกต้นมะม่วงอกร่องไว้ต้นหนึ่ง
มันจะกลายเป็นขนุนให้มันรู้ไป ไปปลูกเอาดินกรวดดินทราย
ดินไม่มีปุ๋ย มะม่วงอกร่องมันก็ไม่กลายเป็นขนุนได้
และก็ไม่หวานเหมือนต้นเดิม
ไม่หวานเหมือนต้นเดิม เข้าใจคำนี้ไหม?
ขอฝากเอาไว้...ที่ดินนั้นควรจะปลูกที่ดินแบบไหน?
สร้างความดีแบบไหนอย่างไร? อันนี้ขอฝากไว้

คติสมบัติสร้างความดีต้องถูกสถานที่
ปลูกต้นหมากรากไม้ดูสถานที่หรือเปล่า?
บางคนปลูกบ้านปลูกบนยอดเขาได้
หว่านทิ้งที่ไหน...หว่านกับหินกับทรายมันจะขึ้นหรือ?
คติสมบัติสร้างความดีถูกสถานที่

สร้างความดีสร้างถูกตัวบุคคล
คนนี้ไม่ได้มาสร้าง ไปหาคนโน้นมาจะถูกหรือ?

สร้างความดีต้องถูกกาลเวลาด้วย
อย่าให้มันผิดกาลเวลา ผิดกาลเวลาไม่ถูกต้องมันจะดีไม่ได้

สร้างความดีเสมอต้นเสมอปลาย
อย่าให้มันมีกระพร่องกระแพร่ง
เหมือนน้ำไหลไม่ขาดสาย...ขาดได้อย่างไร?

ท่านผู้มาบวช ทั้งท่านหญิงและท่านชาย
ไม่ใช่มาบวชชีพราหมณ์นะ
บางคนว่าหลวงพ่อพูดผิด...มาบวชชีพราหมณ์
ที่นี้ไม่ใช่พราหมณ์ แต่บวชชีพราหมณ์ก็ต้องไปวัดอีกวัดหนึ่ง
มีวิทยากร มีพระมาบรรยายกันวันหนึ่งตั้งหลายองค์
แล้วก็นอนเบียดกันทั้งศาลา
แล้วก็คอยดูป้ายว่าองค์ไหนมาบรรยาย
ตอนไหนองค์ไหนบรรยาย
องค์นี้กูไม่ชอบ...ไม่มาฟัง กูนอนดีกว่า
องค์นี้พูดดี...กูจะมาฟัง
ว่าชีพราหมณ์ก็ดีแต่ฟังกับพูด มาฟังกับพูดคุยกันว่ากัน
จะหาความสงบ...ธรรมะปฏิบัติอย่างนี้ไม่มีเลยนะ
ปากท่านอย่าพูด จิตท่านอย่ากัด ท่านถึงจะเป็นภาวนาได้

ปากยังพูดความหลังกันอยู่
รื้อฟื้นของเก่าแล้วมาพูดกันแล้วก็จิตจะคิดฟุ้งซ่านนานาประการ
ท่านไม่มีโอกาสที่จะพบเนกขัมมะ
จะปฏิบัติอยู่ด้วยความเงียบสงัดไม่ได้เลย

ความดีอยู่ที่ตัวสงบ ถ้าความดีอยู่ที่ตัวปัญญาที่จะแก้ไขปัญญา
ต้องมีความสงบเรียบร้อย เหมือนน้ำย้อยลงกระบอกทีละหยด ๆ
ก็สามารถเต็มกระบอกได้
ทำไมอาตมารู้ ก็รู้ไหมว่าทำไมยอดตาลจึงมีหยดน้ำตาล
ตรงนี้รู้แน่อย่าเถียง เพราะอะไร?
...เคยไปลักน้ำตาลเขากิน ตอนเย็นเขาเอากระบอกไปแขวน
เขาไปแล้วเราขึ้นไปดูตาลว่าที่กระบอกแขวนว่ามันมีน้ำมาจากไหน
เอามาพิสูจน์แต่ไม่ใช่การใช้พระนะ อย่าไปพูดให้เสียนะ
ว่าหลวงพ่อวานให้ไปลักน้ำตาลเขากินนะ...ไม่ใช่ ขึ้นไป
อ๋อ! มันมีดวงหยดแหมะ
นาน ๆ แหมะ ๆ นึกในใจเดี๋ยวตีสี่กูจะมาลัก
มันจะเต็มกระบอกได้ยังไง?

...สี่ห้ากระบอกเต็มหมดเลย ตีสี่ขึ้นไปเจ้าของยังไม่มา
เจ้าของมาขึ้นเช้า เราไปดูอยู่สามวัน
แล้วสังเกตเหตุการณ์ถึงได้รู้ว่า น้ำตาลมันหยดทีละหยด
นึกว่ามันโจ๊กเต็มกระบอกก็ไม่ใช่
เหมือนบุญกุศลและคุณงามความดี ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทำดีอย่างไรให้ได้ดี

การจะเอาสตางค์มาทำบุญ ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป
ไม่ใช่เทกระเป๋าเอามาถวายพระ
จะไปทำแบบทำบุญเอาหน้า มีศรัทธาหรือเปล่า?
...ไม่มีศรัทธาท่านก็อาจจะไม่ได้อะไรเลย

ทำบุญต้องตัดสินใจก่อน...เจตนาให้ซึ้ง
เจตนาเป็นตัวทำจากการกระทำของตน
ไม่ใช่นึกจะทำ...พอใครบอกบุญก็จะทำ
ทำห้าบาทสิบบาทก็ทำตะพึด
พอตายไปแล้วไปเกิดเป็นเศรษฐีหน้าโง่ ไม่มีปัญญาเลย
ต้องไปจ้างเขามาเป็นผู้จัดการในบ้านอยู่ตลอดไป
จนทรัพย์สินเงินทองหมดไป
นี่ละเศรษฐีหน้าโง่ที่ทำบุญโดยไม่ใช้สติปัญญา
ไม่เคยใช้สติปัญญาเลย นึกแต่ว่าจะทำ...ใครบอกบุญก็ทำ

ส่วนมากโยมผู้หญิงชอบทำบุญ โยมผู้ชายไม่ชอบทำบุญ
เดี๋ยวฟังก่อนอย่าพึ่งตึงนะ โยมผู้ชายเขามีแต่ว่าอาตมา
แหม...ว่าผมผู้ชายไม่ชอบทำบุญ
เดี๋ยวฟังตอนหลัง...ลิเกอย่าพึ่งไปติงตอนนอกฉาก
ต้องลาโรงก่อนถึงจะรู้ว่าตัวโกงมันเป็นอย่างไร
ที่อาตมาพูดว่าโยมผู้ชายไม่ชอบทำบุญ
โยมผู้ชายบางคนก็ติงแล้วติงเลย...สู้เลย
หาว่าหลวงพ่อวันนี้พูดไม่เป็นเรื่อง
ผมเป็นผู้ชายชอบทำบุญ
เมียผมสิไม่ชอบทำบุญ ก็ต้องค้าน...อย่าพึ่งค้าน

พวกผู้หญิงก็ชอบทำบุญทั้งนั้น...ใครมาก็ทำ
ถ้าไม่มาเอง ก็บาทนึง ไม่มากหรอกบาทเดียว
บางคนมาเต็มกุฏิ จบเป็นชั่วโมง
เราก็มือสั่นเอาผ้ารับ เมื่อไหร่จะถวายสักที...จบอยู่ตั้งนาน จึงถวาย
โยมอธิษฐานอะไร? ให้รวยเป็นร้อยล้าน
โน้นอธิษฐานให้ได้นี่ ให้ได้นั่น เป็นชั่วโมงแล้ว...หมุบหมิบ ๆ อยู่ตั้งนาน
พอเจ้าของลับตา อาตมาแก้ดู อะไรรู้ไหม?... บาทเดียวนี่แหละ
บาปนักแหละ ขอพระเต็มโควต้า โยมค้ากำไรเกินควร
ทำบุญบาทเดียวจะให้ได้ร้อยได้ล้าน
นี่แหละพวกนี้เป็นอย่างนี้ ขอเจริญพร

โยมผู้ชายทำบุญแต่ละครั้ง ๆ มาก
นี่มีที่วัดนี้เป็นตัวอย่าง สองคนผัวเมียนี้มา ผัวไม่ทำเลย...เฉย
ดูตลอดแต่ไม่ทำ เมียทำ
หลวงพ่อ...นี่ทำเยอะนะ ศาลานี่ทำห้าบาท
อันโน้นสองบาท อันนี้บาทหนึ่ง ทำเยอะ ๆ เข้า
มูลนิธิมันหมดซะพอดี เอาแค่สองสลึงก่อน
เอาถวายส่วนตัวหลวงพ่อบาทหนึ่ง แต่โยมผู้ชายไม่ทำ
เราดู...เห็นหนอ...ผัวทำเยอะกว่าเมีย เมียไม่ค่อยทำ
เมียทำใครบอกว่าทำ...ใจบุญสุนทาน
แต่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมเพราะไม่เคยเจริญกรรมฐาน
ไม่เคยสวดมนต์ไหว้พระ ชอบทำบุญ ใครบอกว่าทำ...ไม่รู้จริง

กาลเวลาผ่านมา โยมผู้ชายสามีมาคนเดียว...กระเป๋าตุงมา
แล้วมากราบหลวงพ่อ
ถึงเวลาแล้ว...ผมดูหลวงพ่อมานานแล้วหลายปี
ผมมีศรัทธาแล้วครับ อันนี้ผมได้มาห้าแสน ผมจะถวายหนึ่งแสน
ไม่ได้เอาภรรยามาเดี๋ยวมาทะเลาะกัน
ผู้ชายทำ...จะทำก็ทำมาก เขาเป็นพ่อบ้านมีเหตุผล
ไม่ใช่อาตมาจะว่าโยมผู้หญิงนะ...ไม่ได้ว่านะ
เรื่องที่วัดนี้เป็นอย่างนี้ โยมผู้หญิงที่นี่ดีจะตาย


การทำบุญที่ให้ผลสูงสุด

อยากจะให้โยมทำบุญให้มาก ๆ
ทั้งโยมผู้หญิงผู้ชายโดยไม่ต้องใช้สตางค์เลย
ต้องการให้โยมทำบุญตรงนี้ เอาบุญมาใส่ตนเองบ้าง
อย่าทรยศกฎบัญญัติของตัวเอง อย่านอกใจตัวเองได้ไหม?
ตรงนี้ขอฝากคำจำไว้ด้วย

ถ้าโยมไม่คิด...จะไม่เข้าใจคำนี้
โยมไปสงเคราะห์ผู้คนอื่น สงเคราะห์วัดโน้นวัดนี้ก็ดี
ไม่ใช่ว่าปฏิเสธดี แต่ยังดีไม่มากเท่ากับสงเคราะห์ตัวเอง
ทำบุญให้แก่ตัวเอง ให้เกิดความสุข
ด้วยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เจริญสติปัฏฐาน ๔ อย่างนี้
ขอให้ทำด้วยความตั้งใจ

ถ้าโยมมีลูกหลาน โยมเป็นคุณตาเขา คุณปู่เขา คุณย่าเขา
รับรองเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นทางดี
ปู่ย่าตายายให้กับลูกให้กับหลานถึงแน่
ไม่ต้องอธิษฐานด้วย ถ้าโยมเป็นคุณตา คุณยาย

สมัยก่อนอาตมารู้จักตายายคู่หนึ่ง
ยกตัวอย่างได้เลย ชอบกินเหล้า ชอบเล่นการพนัน
มีเงินมีทอง มีที่ดินตั้งห้าร้อยกว่าไร่ ชอบอย่างนี้หมด
แต่ไม่สนใจเรื่องวัด ทำบุญ ทำกฐิน ผ้าป่า
แค่จะสวดมนต์ไหว้พระ หรือเจริญกรรมฐาน...ไม่สนใจ
ลูกหลานไม่เอาไหนเลย เกเรกันหมดทั้งบ้าน
พฤติกรรมไม่ดีเลย...เปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้ เรียนหนังสือแล้วก็เลิก

ขอให้กำหนดระยะ...คนที่สติปัญญาไม่ดี
คนหายใจสั้น หายใจไม่ยาว
คือมักจะคิดอะไรสั้น ๆ คิดแต่หัวบันได
ไม่ได้คิดออกไปยืดยาวนอกประเด็น นี้เป็นความจริงอย่างนี้แน่นอน

ขอฝากไว้ถ้าเราเป็นญาติ มีลูกมีหลานไม่เอาไหน
ไม่ต้องไปตีไปด่า ไม่ต้องถวายสังฆทานให้หรอก
ตัวเรามาปฏิบัติธรรมเปลี่ยนพฤติกรรมให้ดี
จะถึงลูกถึงหลานเจ็ดชั่วโคตร
จะย้อนไปถึงปู่ย่าตายายที่ทำบาป
บางทีปู่ย่าตายายกินเหล้าเมายา เล่นการพนัน
แต่หลานมาปฏิบัติธรรมที่วัดนี้
เดินหน้าไปหาลูกหลานของเขาในอนาคต
เขายังเป็นหนุ่มสาวอยู่ถอยหลังมาหาพ่อแม่ปู่ย่าตายาย
ปู่กับย่า...ตากับยาย ชอบเล่นการพนัน
ชอบกินเหล้า...เลิกเลยทันทีเห็นไหม?
ไม่ต้องอธิษฐาน และไม่ต้องแผ่เมตตาด้วย
เลือดสายโลหิตอันเดียวถึงเจ็ดชั่วโคตร
พระพุทธเจ้าสอนชัดเจนมาก ไม่ต้องอธิษฐานหรอก

สมมติว่าลูกจะเข้างาน หลานจะเข้างาน
หรือจะไปเรียนต่อต่างประเทศอะไร
...ไม่ได้ มันขัดข้องไปหมด
ไม่ต้องไปอธิษฐานขอเทวดาแต่ประการใด
ปฏิบัติธรรมดีที่สุด สวดพุทธคุณ ธรรมคุณ พาหุงคาถา
สวดพุทธคุณ เท่าอายุกัณฑ์หนึ่ง...


ทำไมต้องเกินอายุ? เพิ่มพูน สำคัญมาก

ยกตัวอย่างให้เห็น เราหนัก ๘๐ กิโลกรัม
น้ำหนักเราอย่าไปแบกของ ๑๐๐ กิโลกรัมนะ
จะไปไม่รอดจะบอกให้ จะเดือดร้อนภายหลัง
อย่างดีก็แบกของให้มันพอ ๘๐ กิโลกรัม
แต่เราสวดเกิน ๑ หรือสวดเกิน ๑๐ หรือ ๑๐๘
เหมือนเพิ่มพละเพิ่มพลังให้เราสูงขึ้น
จะได้มีพลังต่อไป อย่างนี้ต่างหาก ถ้าสวดได้ ๑๐๘ ก็ดี

สำหรับผู้มีเวลาน้อย จะต้องรีบออกนอกบ้าน
หรืออยู่ในรถติดในกรุงเทพฯ สวดดีมาก
สวดในรถอย่าไปหลับตานะ...รถชน เสาไฟฟ้า
เมื่อ ๒ วัน หลับตาสวดตอนตี ๓...ชนเสาไฟฟ้า
โทรศัพท์ถามทำไม?...หลับตาขับรถ
ผมลืมถามหลวงพ่อว่าเวลาสวดมนต์ ในรถต้องหลับตาหรือเปล่า
เพราะมันเป็นโชเฟอร์...ขับรถหลับตา
สวดมนต์อย่าหลับตา ถ้าเราสวดที่บ้านเราไม่ได้ทำอะไรก็หลับตาได้

บางทีเดินจงกรม ระวังนะ! ขวาย่างหนอ...ซ้ายย่างหนอ
หลับตาปี๋ชนโป๊กหนอ
ต่างคนต่างหลับอะไรกัน...หลับตาเฉพาะยืนหนอ ๕ ครั้ง
ยืนหนอให้ยาว ๆ ตั้งสติตัว ตั้งสติตัว...รู้ตัว

หลักนี้คือตัวธรรมะ ถ้าขาดสติแล้วมันจะฝืนใจ
คนไม่มีสติจะปล่อยไปตามอารมณ์ตามใจตนตลอด
คนที่มีสติสัมปชัญญะได้นั้นมันจะฝืนใจมาทางดี
คนที่สำเร็จเป้าหมายแห่งวัตถุประสงค์ ไม่ต้องฝืนใจ
ปล่อยไปตามอารมณ์ ตามใจตัวเอง...ก็หลั่งไหลไปสู่ที่ต่ำชั่วตรงนี้
ไม่ใช่ธรรมะอยู่ที่หนังสือ ไม่ใช่ธรรมะอยู่ที่อื่น...ตัวกำหนดชะตากรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ปัญญาที่ได้จากธรรมะ

โกรธหนอ...กำหนดหายใจยาว ๆ โกรธหายทันที
สติดีขึ้นปัญญาก็เกิด ปัญญาจะบอกกับตัวเองว่า
ไปโกรธเขาทำไมให้เสียสมอง
ไปผูกใจโกรธ ผูกใจพยาบาทเขาทำไม จะทำมาหากินไม่ขึ้น
ลูกเต้าจะเรียนหนังสือไม่เก่ง งานการจะขัดข้องทางเทคนิค
...ปัญญาจะบอก ปัญญาอยู่กับตัวเราจะบอกตัวเราเอง
มิใช่คนอื่นบอก คนอื่นมาบอกเล่ามันไม่ใช่ปัญญาที่เราได้จากธรรมะ


ศีล สมาธิ ปัญญา : ธรรมะที่แท้


ถ้า ไม่มีศีล...ขาดสมาธิ

ไม่มีสมาธิ...ก็ขาดปัญญา

มันต้องคล้องจองกัน ศีล สมาธิ ปัญญา
ศีลคือตัวสติ มีสติถึงจะมีสมาธิ
คนขาดสติ คนไม่มีสติ จะไม่มีสมาธิ ไม่มีสมาธิเพราะไม่มีสติ
แล้วคนเมาขาดสติไปจะมีสมาธิไหม? ไม่มี ตรงนี้พูดกันให้ชัดเจน

คนที่มีสติสัมปชัญญะ สมาธิมั่นคงจะมีแต่ปัญญาแก้ไขปัญหาได้
นี่คือตัวธรรมะ...ธรรมะคือตัวแก้ปัญหา


จุดหมายของการเจริญกรรมฐาน

มานั่งเจริญกรรมฐานไม่ใช่ไปสวรรค์นิพพานนะ
ญาติโยม...ไม่ใช่มานั่งไปสวรรค์นิพพาน ญาณ ๑๖
บางคนยังไม่ทันนั่งเลย หลวงพ่อ...มาต่อญาณ
ได้ญาณ ๑๖ มาหลายวัด จะมาเอาวัดอัมพวันบ้าง
วัดอัมพวันมีกี่ญาณ โยมได้มากี่ญาณ?
ฉันได้มา ๑๖ ญาณ ได้มา ๒ วัด...๓๒ ญาณ
ยายคนนั้นแกได้ ๓๒ ญาณ เก่งกว่าอาตมามาก
อาตมายังไม่ได้สักญาณ ทำมาจนอายุป่านนี้แล้ว ๔๐ กว่าปีแล้ว
ยังไม่ได้สักญาณ โยมเก่งมากได้ ๓๒ ญาณ
วัดละ ๑๖...๓๒ ญาณแล้ว
วันนี้ไม่ต้องนั่งแล้ว ระลึกชาติได้ไหม?
รู้กฎแห่งกรรมไหม? แก้ปัญหาได้ไหม?
เอาแค่นี้ก่อนแล้วค่อยพูด
ถ้าจะเอาญาณต่อต้องไปหาหลวงพ่อคูณโน้น
รู้จักหลวงพ่อคูณไหม? อยู่วัดนั้นแหละญาณดี ไปขอท่าน

หลวงพ่อคูณ...นายโชคทวีนั่นยังจำท่านเลย
ใครบอกว่ากูมีญาณวะ? ใครบอกว่ากูมีญาณ?
...ได้ข่าวมา เขาว่ารู้ล่วงหน้าได้ แล้วก็มีญาณนี่นา
กูไม่มีญาณกะเขาเว้ย ก็ญาณแบบมึง
แต่ผมไม่มีญาณหรอก...มีซินา มีญาณอะไร?
มึงมีนะแบบกู กูมีญาณเดียว
ก็ไม่มีญาณก็ไม่ได้ไปเจริญกรรมฐาน
กูไปอยู่ในป่ามา กูเดินธุดงค์มาแล้ว
กูมีญาณของกู กูก็เหมือนมึง...เหมือนกับมึง
ไม่ต้องมาพูดโว้ย ถามไปถามมา มีญาณ ๑๖ ชั้น?
เปล่า...ยานโตงเตง โตงเตงที่โน้น โตงเตงที่นี่ จะมีปัญญาได้หรือ?
ขอฝากญาติโยมไว้ ทำกรรมฐาน
ทำให้มันได้ผล...จะเปลี่ยนพฤติกรรมได้แน่นอน


โยมมีลูกหลาน มีสามีเจ้าชู้ เล่นการพนัน
อย่าไปว่าอย่าไปกล่าวได้ไหม?...ไม่ต้องไปแผ่เมตตา
ไปนั่งกรรมฐาน สัพเพสัตตา...กูมานั่งกรรมฐานเสร็จ
ขอให้บุญกุศลช่วยกูหน่อย ให้ผัวกูกลับมาให้ได้
ผัวกูไปชอบกับนางวาสนาให้มันเลิกกันให้ได้ด้วยอำนาจกรรมฐาน
เพี้ยง! สาธุ สาธุ สาธุ กราบพระ...มีหลายคน
แต่ที่นี้ไม่มีหรอก เห็นหนอแล้ว
...ไม่มี ที่นี้มานั่งเอาบุญ ถ้าอย่างนี้ไม่ได้ผล

แต่หากนั่งกรรมฐาน...โยมผู้หญิงแม่การเรือนเคหศาสตร์ มันจะครึ้มใจ
จะเป็นแม่แบบแม่แผน แม่ผิงที่ดีกว่านี้
มีแม่แบบแม่บท จะได้หมดจดเหมาะเจาะทุกประการ จะเข้าหลักนี้
โยมผู้ชายจะเป็นพ่อบ้านที่ดีให้กับลูกหลานในอนาคตกาลล่วงหน้าต่อไป

นี้คือจุดมุ่งหมายการนั่ง นั่งกรรมฐานต้องการให้มีปัญญาไปแก้ไขปัญหา
ไม่ใช่มานั่งกรรมฐานให้ได้ญาณ
จะได้เหาะได้ เหาะไปที่ไหน...ไม่ใช่อย่างนั้น

ถ้าหากคนมานั่งกรรมฐาน บางคนมาว่าได้ยินเลยวัดนี้แปลกโว้ย
กูก็นั่งมาหลายวัดแล้ว เขามีพระดี ๆ มาพูดกันเยอะ
วันหนึ่ง ๔ องค์ บางแห่งกูก็ไปน่ะ เขาพูดดีจัง
ยายคนนี้ก็บ้าบอ...ได้ญาณบ้าบอ
แต่วัดนี้ไม่ต้องการให้โยมติดกัณฑ์เทศน์
ไม่ต้องการให้เอาตังค์มาถวายอาตมาหรอก
...ต้องการให้ถวายตัวเองก่อน
บุญกุศลจะดลบันดาลให้ญาติโยมมีความสุขความเจริญก่อน
ขอฝากไว้...ฝากไว้ ทุกคนกลับไปแล้วให้โชคชัยดี
สามีภรรยาเคยทะเลาะกันก็ขอให้เปลี่ยนพฤติกรรม
ให้เป็นไม่ทะเลาะกัน รักกันดี มีปัญญา จะเข้าหลักว่า
ดอกเอ๋ยดอกมะม่วง รักกันจริงไม่ทิ้งขว้าง จะไม่เหินห่างกัน
เช่นดังที่ได้กล่าวมาจะออกมารูปแบบไหน
ไม่ใช่มานั่งกรรมฐาน ๆ แล้วกลับไปไม่มองหน้าสามี
สามีก็ไม่มองหน้าภรรยา เธออย่ามายุ่งนะ
ตั้งแต่ฉันไปวัดมา...ฉันได้ญาณ ฉันไม่อยากมองหน้าเธอ
ฉันอยากอยู่คนเดียว...นั่นไม่เอา
ถ้านั่งกรรมฐานปฏิบัติได้
สามีภรรยาที่เคยทะเลาะกัน ก็เลยอโหสิกรรมแก่กัน


ให้อะไรใครดีที่สุด?

คนเราให้ของที่ดีที่สุด ถ้านั่งกรรมฐานน่าจะตอบได้
ให้ของที่ดีที่สุดที่คนอื่นให้ไม่ได้
แต่พ่อแม่ให้ลูกได้ทุกอย่าง พ่อแม่ให้เราได้ทุกอย่าง
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเราให้พ่อแม่ได้ทุกอย่างไหม?
เราไม่เคยให้พ่อแม่ทุกอย่าง เหมือนกับพ่อแม่ให้เราเลย
ถ้ามีลูกจะรู้ได้ว่าเราอยากให้ลูกเราทุกอย่าง
แต่ลูกนั้นจะให้เราอย่างที่เราให้ลูกนั้นไม่ได้เลยแน่นอน ออกมาชัดเจน

แต่เราท่านทั้งหลาย ขอให้ตั้งใจนั่งกรรมฐาน
จะให้อะไรใครที่ดีที่สุด? มีสองประเด็นเท่านั้น
โยมจะเถียงอาตมาไม่ขึ้น
ไม่ใช่สามีภรรยาหรือพ่อแม่เท่านั้น...ทั่วไปเลย
ทั้งสามีภรรยาก็ได้ พ่อแม่ก็ได้ สองข้อนี้ใครให้ได้?
...คือนั่งกรรมฐานได้ จะให้กันเอง
ให้ของคนเหล่านั้นโดยที่เขาไม่รังเกียจอะไรเลย
และตั้งใจรับด้วย ให้เงินให้ทองเดี๋ยวก็ใช้หมด
ให้ขนมนมเนย หรือให้สุรานารีพาชี กีฬาบัตรก็ใช้หมด
ไม่มีอะไรดี ให้ตังค์ไปเดี๋ยวก็หมด ให้เสื้อผ้าก็ใช้หมด ให้อะไรหนอ?

ถ้าญาติโยมมีปัญญารอบรู้ในสังขาร
อ่านตัวออกบอกตัวได้จะรู้เอง
หนึ่ง...ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
และสอง...ให้อภัยกันหนักนิดเบาหน่อย ให้อภัยกันได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อานิสงส์ของการเจริญกรรมฐาน

ใครเจริญกรรมฐานจะให้หลักนี้ได้
ภรรยาไม่ให้เกียรติสามี เคยเปลี่ยนหน้าสามี
เคยรู้ไหมเปลี่ยนหน้าสามีได้ เคยรู้ไหม? อาตมาได้ตำรา ที่นี่เยอะ

ภรรยาเขามานั่งกรรมฐานเกิดปัญญา
หน้าสามีเขาไม่สวย เขาเปลี่ยนหน้าเลย...เปลี่ยนหน้าสามี
แล้วเปลี่ยนบ่อยเสียด้วย ถ้าโมโหขึ้นมา...เปลี่ยนหน้าเลย
ถ้ามาเจริญกรรมฐานได้ชั่งใจแล้ว จะมีแต่ให้เกียรติสามี
จะไม่มีบ่นว่าสามี แล้วก็ให้เกียรติยังไม่พอ
มีอะไรหนักนิดเบาหน่อย ทั้งที่สามีตนไปแล้วที่ผ่านมาก็ให้อภัยได้
เห็นด้วยไหมข้อนี้...ไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร
สามีก็ควรจะให้เกียรติภรรยาบ้าง
บางแห่งนี่อาตมาเห็นเลย เมามาไปตบภรรยาต่อหน้าอาตมา
ไม่ได้ให้เกียรติภรรยาเลยล่ะ...ต่อหน้าพระ
กำลังขึ้นดีชั่วประการใดก็เก็บไว้ก่อน ไม่ได้ให้เกียรติกันเลยละ

บางทีลูกเป็นหนุ่มสาวแล้วแม่เขามา
นี่ หลวงพ่อช่วยอบรมมันหน่อย นี่ลูกสาว นี่ลูกชาย...มันไม่เอาไหน
ลูกสาวก็ไม่เอาไหน โตจนป่านนี้แล้ว อายุก็ไม่มากนะ ๒๐ แล้ว
ไม่อายเขาเหรอเนี่ย...ไม่ทำงานเลย บอกไม่สมควร
เราก็นิ่งเสียเลย พอหมดแขกไปแล้ว
บอกมานี่ซิ...บอกกับเค้าว่า หนู ๆ เป็นสาวแล้ว
เป็นหนุ่มแล้วไม่อายเขาเหรอ ให้เกียรติลูกไม่ได้

ถ้าหากจะพูดให้มันดีกว่านี้นิดหนึ่งจะได้มั้ย?
บอกหลวงพ่อคะ ช่วยให้โอวาทลูกชายลูกสาวหน่อย
แหม!...ดีจังเลย เอาใจใส่แม่ดี...ทั้ง ๆ ที่มันไม่เอา
พูดให้มันมีเทคนิคหน่อย
ให้ลูกมันมีกำลังใจหน่อยไม่ได้รึ...ต้องให้กับลูก
ให้น้ำก่อนแล้วก็ใช้ต้นยอยก
ยอไม่ได้ผลก็ใช้กอไผ่ เข้าใจไหม?
...รู้จักไหมกอไผ่ หวดไม่นับเลย

ท่านทั้งหลายเอ๋ย...คนที่เจริญกรรมฐานจะให้เกียรติกัน
จะไม่ฉีกหน้ากัน จะให้อภัยเสมอ
หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน
สามีภรรยาลิ้นกับฟันกระทบกันได้
เรามีกรรมฐานอย่าพลาด อย่าประมาทเลย
ถ้าหากว่าสามีภรรยากันให้อภัยกันไม่ได้
รับรองไปถึงลูกมีกรรมเลย
กรรมไปโยนให้ลูกหมดเลย อาตมาเล่ามามาก...

อย่างสามีเป็นนายร้อยโท
ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ๒๕๐๐ มาบวชที่นี่
ปู้ยี่ปู้ยำผู้หญิงยิงเรือ ลูกเขาเมียใคร เขาไม่มีศรัทธา
แต่แม่เขาให้มาบวชที่นี่...แกไม่ยอมรับ ไม่เจริญกรรมฐาน
ไม่เอาเหนือเอาใต้ ก็รับผู้หมวดไว้
ไม่เป็นไรนะ ไม่มีลูกสาวมั่งก็แล้วกัน
พฤติกรรมไม่ดี...สึกจากวัดไม่เคยมาจนเป็นพันเอกพิเศษ
สมัย ๒๕๐๐ เป็นร้อยโทไปเรียน เสธ. เรียบร้อย
ลูก ๓ คนเป็นโสเภณีไปหมด
แม่ของเด็กเป็นอาจารย์สอนจุฬาฯ
ชัดเจน...เวรกรรม พฤติกรรมเป็นอย่างนี้
พฤติกรรมของพ่อแม่ทำไม่ดี
มาตกลูกหมดเลย ขอฝากญาติโยมไว้ด้วยเลย

ทำไมย้อนกลับมาท่านี้? ผมเชื่อบุญบาป
ลูกสาวผมเป็นอย่างนี้ครับ ไล่ผมออกจากบ้าน
ลูกเขาไปสอบ ม.๖ ได้หมดแล้ว
สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้เลย...สอบตกหมด
เพราะเวรกรรมตามสนอง
ทำให้เขาต้องเพ้อฝันเรื่องการร้องเพลง
เวรกรรมที่ต้องสนองที่พ่อเขาทำมาชัดเจน
สุดท้ายไปเป็นโสเภณี อยู่หัวหิน พัทยา
พ่อแม่ก็มาแก้ตัวด้วยการเจริญกรรมฐาน
สำนึกผิดมาเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่
พฤติกรรมเดิมไม่เอา ชีวิตเดิมไม่เอา
เอาเรื่องบุญกุศลสร้างไว้ให้ลูกต่อไป


กรรมฐานแก้กรรม


ใครสร้างเวรสร้างกรรม คนนั้นก็แก้กรรมเอง
ก็เลยมานั่งกรรมฐานแผ่เมตตาให้ลูก
แล้วอย่าไปพูดเรื่องเก่าลูกกลับหมด
ลูกเขาก็มานั่งกรรมฐาน ๑๕ วัน...เกิดปัญญา
ไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ได้ปริญญาตรีทั้งหมด ๓ คน
เมื่อได้หมดแล้วไปเข้างานได้ มีสามีดีหมด
พฤติกรรมเปลี่ยนเป็นทางดีหมดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังจากพ่อแม่มาแก้กรรม...นั่งกรรมฐานไม่ทำบาปอีกต่อไป
เรียกว่าชีวิตเขายังมีหวังในความดี จะไม่สิ้นหวังในเรื่องนี้

ลูกสาวเขามาที่นี่เป็นประจำ...จะมีลูกแล้ว
สำเร็จปริญญาที่รามคำแหงหมด ได้สามีดี
มีบ้านคนละหลัง แล้วพ่อเขาก็เป็นนายพล
บัดนี้ปลดเกษียณไปแล้ว นี่ก็ขอฝากญาติโยมไว้ด้วยว่า
พฤติกรรมแสดงออก บางคนไม่เข้าใจก็แล้วไปตามใจเขา


กำหนดจิต ตั้งสติไว้ทุกอิริยาบถ

ถ้าเปรียบกำหนดจิต ตัวตั้งสตินี้คือธรรมะ
แต่แล้วบางคนก็ไม่เอาด้วย ไม่ปฏิบัติเลยแล้วจะเอาอะไร
มาบวชนี่มาบวชแบบไหน?
อย่างโยมนี่ อย่างนี้...ธรรมะรับรองโยมมาบวช
ที่เรามาปฏิบัติใช้เป็นค่าตอบแทนน้ำนมแม่ได้
เรียกว่าปฏิบัติพระอภิธรรมเจ็ดพระคัมภีร์

ภาษาบาลีคือ สติปัฏฐาน ๔ ... กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ... กายจะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน
จะเหลียวซ้ายแลขวา จะเหยียดขาคู้ขาตั้งสติไว้

เวทนาปัสสนาสติปัฏฐาน ... สุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์
เสียใจ ดีใจ ก็เรียกว่าเวทนา ปวดเมื่อยก็เรียกว่าเวทนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2010, 00:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ฝึกสติ กำหนดอารมณ์

ถ้าสติกำหนดเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เดี๋ยวก็ดับไป
เวทนา ไม่สุข ไม่ทุกข์ ใจลอยออกไปข้างนอก
ก็ต้องกำหนดว่า...รู้หนอ...รู้หนอ ที่ลิ้นปี่ จะเกิดก็ลิ้นปี่
หายใจจากจมูกถือสะดือให้ยาว ๆ ไว้ ตั้งสติ ให้ลึก ๆ อยู่ที่ลิ้นปี่
หายใจลึก ๆ รับรองหายโกรธ หายเกลียด หายผูกพยาบาท

ถ้าเราจะทำงาน เรายังมัวโกรธอยู่
ไม่มีเมตตาต่อใคร ๆ ต้องให้ปฏิบัติเดี๋ยวนี้
อย่าให้ความโกรธค้างคืน อย่าให้นอนเนื่องในสันดาน
เช้าขึ้นมาอารมณ์จะค้าง
จะทำงาน...เงินไหลออกทองไหลออกหมด
เงินทองจะไหลมาแต่ประการใด?


ยืนหนอ ๕ ครั้ง


ขอให้กำหนดอารมณ์ยาว ๆ กำหนดลมหายใจยาว ๆ
ยืนหนอ ๕ ครั้ง แล้วลืมตาขึ้นดู
เดินจงกรม...ดูที่เท้า อย่าไปดูที่อื่น
ต้องการจะฝึกสติสัมปชัญญะให้ดีขึ้น
ใช้อะไรให้ได้คุ้นเคย อย่าไปใช้อย่างอื่น
ขวาย่างหนอ...ซ้ายย่างหนอ
เดินให้ช้าที่สุดเหมือนคนจะตาย
ช้ามากเท่าไรมีปัญญาเท่านั้น
ถ้าเดินเร็ว ใจเร็วด่วนได้ไม่ค่อยได้
ปัญญาจะไม่เกิด ช้าเพื่อไวเสียเพื่อได้
เดินให้ช้า ๆ ไป อย่าไปดูอะไรทั้งหมด มีอะไรเห็นก็กำหนด


เจริญกรรมฐานแทนคุณ

คนเรามีสองระบบคือรูปกับนาม
โยมมาปฏิบัติ...พ่อแม่ล้มหายตายจากไปแทนน้ำนมแม่ได้
ไม่เฉพาะเป็นผู้ชายมาบวชนุ่งเหลืองอย่างนี้หรอก...ไม่ต้องเลยนะ
ถ้านุ่งเหลืองแต่ไม่ปฏิบัติกรรมฐาน เหมือนไม่ได้ให้แม่

พระพุทธเจ้าสอนชัด พระพุทธเจ้าท่านบวชแล้ว
ท่านสำเร็จพระโพธิญาณแล้ว
ตอนบรรพชา...เขาเรียกยมกปาฏิหาริย์โปรดพุทธมารดาก่อน
ทั้งที่รู้ว่าแม่เป็นผู้ชายไปเกิดเป็นเทพบุตร
เป็นผู้ชายอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ยังเสด็จไปช่วยด้วยการนั่งปฏิบัติกรรมฐาน
ให้พุทธมารดาของพระองค์สำเร็จมรรคผล
สำเร็จเป็นพระโสดาบัน และพระอรหันต์ในที่สุด

เด็กโรงเรียนสงวนหญิง สุพรรณบุรี ตัวนิดเดียว
แม่เป็นโรคมะเร็ง มาปฏิบัติแล้วไปอยู่ทางโน้น ๑๗ วัน
แม่เป็นครูโรงเรียน หายจากโรคมะเร็งเลย
อยู่ที่อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี แสดงว่าทำให้แม่ได้

คนที่ฆ่าตัวตาย ทำบุญไปก็ไม่ถึง
ถวายสังฆทานสักร้อยกองพันกองก็ไม่ถึง
สร้างโบสถ์สิบหลังก็ไม่ถึงต้องนั่งเจริญกรรมฐาน

มีตัวอย่างที่วัดนี้ โยมคนนั้นมาเจริญกรรมฐาน
แม่เขาผูกคอตาย มานั่ง ๒ ครั้ง
แต่เขาไม่รู้ว่าแม่ผูกคอตาย อยู่กับน้า...เข้าใจว่าน้าเป็นแม่
นั่งแล้วหลับไป แม่มาเข้าฝันบอกว่า
ลูกเอ๋ย...เจ้ามานั่งกรรมฐาน แม่ตกนรกแล้ว
ไม่ใช่แม่...แม่เรานอนอยู่ที่บ้านนี่ ไม่ใช่นั่นน้า
แม่ผูกคอตายที่เตียงเจ้านอน ตอนเจ้ายังคลานอยู่
เพราะพ่อเจ้าไปชอบผู้หญิง รับราชการแล้วไปชอบผู้หญิงบางกะปิ
พอดีน้าไม่ให้เข้าบ้าน เพราะเป็นบ้านของน้าที่อยู่
เอาปืนยิงสามี พ่อของเจ้าไม่มาบ้านเลย
แม่เจ้าก็เสียใจ ผูกคอตายตรงนี้ เจ้ายังเล็กมาก
แม่ตายเป็นสาว ลูกก็ยังเป็นสาวที่มาเข้าฝัน
เพราะลูกนั่งกรรมฐานแม่อายุ ๔๐ แล้วแม่แก่แล้ว
มาเข้าฝันลูกสาว แต่ลูกสาวเขาไม่รู้ว่าแม่เขา

ในที่สุดก็บอกว่า ลูกเอ๋ย!...แม่ผูกคอตายที่เตียงเจ้านอน
เจ้าเล็กมากไม่รู้เรื่อง น้าเขาเลี้ยงไว้ เรียกน้าเป็นแม่จนบัดนี้
ลูกเอ๋ยรู้ไหม...แม่ฝากสร้อย แหวนเพชร ไว้กับน้าให้มอบให้เจ้า
เจ้าได้หรือยัง? ลูกเอาตังค์ไปใช้หนี้เพื่อน...เพื่อนนักเรียนด้วยกัน
ที่โรงเรียนสวนกุหลาบมาด้วยกัน ๔๐๐ บาท
อยู่บ้านเลขที่เท่านั้นเท่านี้ บอกเสร็จ
พอตื่นขึ้นถามน้าว่า...แม่ แม่เป็นน้าใช่ไหม?...ไม่ใช่ เป็นแม่
ใครบอก?... แม่มาเข้าฝัน จริง ๆ แม่ผูกคอตาย เออใช่...รับเลย

แม่ฝากสร้อยฝากแหวนเพชรให้ทำไมไม่ให้หนู
ก็หนูยังไม่มีครอบครัว หนูจะเอาไปทำไม
บ้าน ๓ หลังยกให้หนูหมด แม่ก็ไม่มีครอบครัวยังอยู่กับป้า
เอามาให้ดู...เขายังเอามาให้อาตมาดูเลย
อย่างนี้ก็มอบไปเลย เธอก็โตแล้ว...ซี ๗ เป็นผู้อำนวยการกอง

แล้วก็ไปบ้านเพื่อน เอาไป ๔๐๐ จริง
ยืมไป ๔๐๐ แต่เพื่อนไม่เอาคืน
เพราะศพแม่เค้าตั้งอยู่วัดโสมนัส
ไปอโหสิกรรมต่อวิญญาณแล้ว ไม่ต้องใช้

มีหลายเรื่องที่พ่อแม่ญาติพี่น้องที่ตายไป
ด้วยการฆ่าตัวตายมีทางเดียว
คือการเจริญวิปัสสนากรรมฐานให้เท่านั้น


กรรมฐานสร้างบุญและแก้กรรมได้

วันนี้เวลาจำกัด อาตมาก็เล่ามาพอสมควร
ขอสรุปใจความว่า การเจริญกรรมฐานทำให้เราเกิดปัญญา
สร้างบุญให้แก่ตัวเอง ขอให้ญาติโยมตั้งใจปฏิบัตินะ
อย่าทำโดยไม่ตั้งใจ บางคนไม่ได้ตั้งใจปฏิบัตินะ
อย่าทำโดยไม่ตั้งใจ บางคนไม่ได้ตั้งใจทำ
ไม่ทำโดยติดต่อกันไป ทำ ๆ หยุด ๆ อ่อนแอ ท้อแท้ใจ
ไม่เต็มใจทำ ไม่ทำให้จริง ๆ จัง ๆ ทำไม่ติดต่อกันไป
ไม่หมั่นประกอบกรรมทำดีแต่ประการใด
ก็ไม่สามารถเข้าเหตุผลนี้ได้
เพราะฉะนั้น การปฏิบัติกรรมฐานแก้กรรมไปในตัวด้วย ขอเจริญพร


เจริญกรรมฐานแก้ปัญหาได้ทุกกรณี


ญาติโยมทั้งหลาย ที่เป็นปู่ย่าตายาย
หรือจะเป็นบิดา มารดา บุตร ธิดา
ขึ้นมานั่งที่ทำแล้วพอเปลี่ยนพฤติกรรมดีแล้ว
ท่านจะให้ใครก็ได้ ถึงสายโลหิต
ไม่ต้องไปอธิษฐานให้ก็ถึง
สมมติว่าโยมมีลูกเกเร...ก็ไม่ต้องอธิษฐาน
ถ้าเป็นลูกของเรากับพ่อแม่เป็นอันเดียวกัน
สามีภรรยา พวกหนึ่งเป็นหนึ่งอันเดียวกัน...ถึงกันหมด
ถ้าทำความดี...พฤติกรรมเหมือนกันหมด
ถ้าหากเราปฏิบัติธรรมนะ
ลูกกี่คนก็ผันผวนไปทางดีหมด จะเข้าทำงาน จะสมัครอะไร
จะสอบอะไรก็ได้ทั้งนั้น ญาติพี่น้องทั้งหลายมาปฏิบัติแล้วได้ผล
จะเข้ารับราชการหรือว่ารัฐวิสาหกิจก็ตาม
ถ้าออกแขกดีบอกเรื่องดี จะเป็นใหญ่เป็นโต
ตำแหน่งหน้าที่ดีจะมาเรื่อย ๆ จะทำอะไร...เงินก็ได้ทองก็ได้
คิดอะไรก็เป็นเงินเป็นทองทั้งหมด
ถ้าคนพฤติกรรมไม่ดี
...คิดไม่ออกใช้ไม่เป็น จะแก้ไขปัญหาไม่ได้
ขอฝากเอาไว้ ถ้าคิดดีมีปัญญาแก้ปัญหาได้ทุกประการ
ด้วยการเจริญกรรมฐาน

ขอให้ท่านสาธุชนทั้งหลายกินน้อย นอนน้อย ทำความดีให้มาก
ลากลับไปบ้านแล้วตั้งใจทำ โดยเฉพาะเวลาที่ทำงาน
กำหนดตาให้เห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นรับรส
กายสัมผัสร้อนหนาว เสียใจก็กำหนด ดีใจก็กำหนด
ไม่พอใจก็กำหนด ตั้งสติไว้...ท่านจะได้มีปัญญาแก้ไขปัญหา
ทำงานก็ได้สมความปรารถนา ทำอะไรก็ได้หมด

สุดท้ายนี้ ขอความเจริญความรุ่งเรืองจงมีแก่ท่าน
ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย ทั้งอุบาสกอุบาสิกา
ขอให้ท่านงอกงามไพบูลย์
ในพระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอให้เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณ ธนสารสมบัติ
นึกคิดสิ่งหนึ่งประการใด สมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยกัน
ทุกรูป ทุกนาม ณ โอกาสนี้เทอญ


:b8: :b8: :b8:

:: รวมคำสอน “หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=44758


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร