วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 19:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2016, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


พึงพากันตั้งใจ สำรวมใจของตนให้แน่วแน่ อย่าปล่อยใจให้เพลินไปทางอื่น สำรวมใจอยู่ภายใน อาศัยสติสัมปชัญญะนั่นแหละ ประคองใจไว้ภายในอย่าให้มันเลื่อนออกไปข้างนอก ใจดวงเดียวนี้แหละเป็นแก่นของคน ดีก็อยู่ที่ใจ ชั่วก็อยู่ที่ใจนี้ สุขก็อยู่ที่ใจนี้ ทุกข์ก็อยู่ที่ใจ เพราะใจนี้มันเป็นธาตุรู้ มันรู้สารพัด อะไรๆกระทบมามันรู้ทั้งนั้นเลย แต่ทีนี้เมื่อใจนี้ไม่มีปัญญา มันก็ไม่รู้เท่าสิ่งที่มาสัมผัสหรือมาถูกต้อง นั่น มันจึงได้หวั่นไหวไปตาม ดังนั้นพระบรมศาสดาผู้มีพระเมตตาพระกรุณาอันยิ่งใหญ่ จึงได้อุตส่าห์แนะนำสั่งสอนพุทธบริษัททั้งหลายโดยอุบายวิธีต่างๆเกี่ยวแก่การฝึกฝนจิตนี้ จิตนี้ต้องมีอุบายฝึกอยู่ ๓ อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ วิธีหนึ่งนั้น เรียกว่า วิธีธรรมะ คือ ข่มจิตของตนไว้ วิธีหนึ่งนั้น คือ วิธีปลอบจิต วิธีหนึ่งนั้น วิธีประคองจิตไว้ให้สม่ำเสมอ

วิธีแรกนั้นจิตใจมันเพลิดเพลินมาก ฮึกเหิมมากไปในความเพลินต่างๆเพลินในรูปในเสียง ในกลิ่น ในรส ในเครื่องสัมผัส ไม่ใช่เพลินอย่างอื่นหรอก นี่ต้องอาศัยการข่มไว้ด้วยสติ ด้วยขันติ ความอดทน ถ้าใครไม่ข่มจิตเวลาเช่นนั้นแล้วก็เอาชนะกิเลสตัณหาไม่ได้ กิเลสตัณหาก็จูงใจให้ไปทำความชั่วโดยประการต่างๆเมื่อผู้ใดข่มจิตใจได้ ผู้นั้นก็ไม่ได้ลุอำนาจแก่ความชั่วต่างๆ เช่น ถ้าเป็นนักบวชก็ไม่ล่วงวินัยน้อยใหญ่ ถ้าเป็นคฤหัสถ์ก็เหมือนกันก็ไม่ล่วงศีล เพราะว่าตัวศีลแท้ๆมันอยู่ที่ใจต่างหาก เมื่อใจไม่สำรวมไม่อดกลั้นต่ออำนาจกิเลสแล้ว มันก็ล่วงศีลล่วงวินัยได้สบาย ไม่กลัวนรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานอะไรหมู่นี้ ไม่กลัว เมื่อตายแล้วมันจะไปเกิดเป็นอะไรก็ช่างมัน นี่แหละอำนาจแห่งตัณหาอวิชชา เมื่อมันครอบงำจิตใจหนาแน่นเข้าไปแล้ว ใจนี่ไม่มีกลัวต่อความทุกข์ความเดือดร้อนอะไรเลย

ดังนั้นแหละมนุษย์เราตายแล้วมันถึงไปแออัดกันอยู่ในนรกนั้นมากต่อมาก พระองค์เปรียบไว้เหมือนกับข้าวสารยัดไถ้นี่ เมื่อเป็นเช่นนี้สมควรแล้วหรือที่เรามาปฏิญาณตนเป็นพุทธศาสนิกชน คือว่าเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เรานับถือเอาเป็นที่พึ่งกำจัดทุกข์ภัยต่างๆอย่างนี้นะ แล้วเมื่อเลื่อมใสในพระคุณทั้งสามนี้แล้วนึกว่า จะให้พระคุณทั้งสามเนี่ยมาช่วยกำจัดกิเลสบาปอธรรมออกจากหัวใจตนโดยที่ตนไม่ได้ลงแรงอะไรเลย ก็ไม่ได้ฝึกฝนจิตใจอะไรเลย ใจนั้นเพลินไปเต็มที่ แต่ให้คุณพระศรีรัตยตรัยมากำจัดกิเลสออกให้อย่างนี้มันเป็นไปไม่ได้ ก่อนอื่นนั่นน่ะพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จะช่วยตนได้ ตนก็ต้องช่วยตนก่อน เออ ต้องให้เข้าใจอย่างนั้น ตนต้องปลุกปล้ำตัวเอง ใจที่ไม่สงบก็พยายามทำให้มันสงบ ข่มมันลง มันเพลิดเพลินเต็มที่ ใช้ขันติความอดทน ใช้สติสัมปชัญญะข่มมันไว้แล้วก็ขู่ด้วย ขู่ว่าใจอย่างนี้แหละใจนรก ตายแล้วมันจะไปตกนรก รู้ไหม

ใจไม่กลัวบาปกลัวกรรมเวรต่างๆนี่นะ ใจอย่างนี้ที่มันไปเป็นสัตว์นรก แออัดกันอยู่ในนรก พระพุทธเจ้าได้ทรงเห็นแล้ว รู้แจ้งแล้วจึงได้นำมาแสดงให้พุทธบริษัททั้งหลายได้เกิดความกลัวต่อภัยในนรกให้มาก พระองค์ไม่ได้โกหกใคร สิ่งใดถ้าพระองค์ไม่รู้แจ้งเห็นจริงแล้วพระองค์ไม่นำมาแสดงเลย ไม่อย่างนั้นก็จะสร้างบารมีมามากมายทำไมล่ะ สร้างบารมีมาตั้งสี่อสงไขยแสนมหากัปก็เพื่อจะรู้แจ้งในธรรมของจริง เพื่อรู้แจ้งในบุญในบาปในคุณในโทษ หรือประโยชน์อย่างยิ่ง คือ พระนิพพานเป็นอวสาน จุดมุ่งหมายก็อย่างนี้นิ จุดมุ่งหมายของพระพุทธเจ้านะ เพราะฉะนั้นพระองค์เมื่อได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ก็รู้แจ้งไปหมดเลย สิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์แก่มนุษย์และเทวดาทั้งหลายพระองค์ก็นำมาแสดง ถ้าสิ่งใดไม่มีประโยชน์พระองค์ก็ไม่นำมาแสดงเพราะเวลามีจำกัด เวลาที่พระองค์จะแนะนำสั่งสอนสัตว์ทั้งหลายนั่นน่ะมีน้อยเต็มที ดังนั้นพระองค์เจ้าจึงคัดเอาแต่เรื่องที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ฟังนั้นมาแสดง นี่ผู้ใดรู้อย่างนี้แล้วก็ให้พึงข่มจิตของตนในเวลาจิตมันเพลิดเพลินมัวเมาเกินขอบเขต อย่าปล่อยให้มันเมามันเพลินไปตามอำนาจของกิเลสตัณหา มันจะพาให้ไปทำชั่ว มันจะนำตัวไปสู่ทุกข์



:b46: :b46:

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“การฝึกจิตเพื่อชีวิตที่สูงขึ้น”



◇◆ ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” ◆◇
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

:b44: ชวนอ่านพระธรรมเทศนาเต็มกัณฑ์เทศน์ของ
“พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=75&t=53080

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2021, 10:02 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2876


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron