วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 11:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2016, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


อันนี้แหละเรียกว่า การปฏิบัตินี้นะเราฝึกจิตให้สงบได้แล้วนี่มันก็เกิดความรู้ความฉลาดขึ้น เรียกว่า รู้ผิดรู้ถูก รู้สิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ สิ่งที่ควรพูดหรือไม่ควรพูด มันก็รู้ขึ้นมาอย่างนี้นะ ใครจะสอนให้ใครไม่ได้ล่ะเรื่องหมู่นี้ ต่างคนต่างต้องฝึกจิตของตนให้สงบให้ตั้งมั่นลงได้ดีแล้วอย่างนี้ ปัญญามันเกิดแล้วมันหากรู้เองล่ะบาดนินะ อะไรถูกอะไรผิดมันก็รู้ขึ้นมา อันใดสมควรทำสมควรพูดมันก็ทำได้ พูดได้ สิ่งใดไม่สมควรทำไม่สมควรพูดมันก็หยุดลงได้ ไม่ทำไม่พูด เป็นอย่างนั้น

ผู้รู้ทั้งหลายท่านจึงได้ประคับประคองตัวเองสม่ำเสมอไม่มีผิดมีพลาด จะเป็นสังคมเข้าหมู่มาก อยู่ร่วมคนหมู่มากก็ตาม ท่านผู้รู้ทั้งหลายท่านก็ไม่แสดงอาการไม่ดีไม่งามกระทบกระทั่งคนอื่นให้เป็นทุกข์เดือดร้อนเลย จะอยู่คนเดียวก็ไม่เดือดร้อน อยู่คนเดียวก็สำรวมจิตอยู่เป็นปกติ เจริญปัญญาเห็นความเกิดความดับแห่งทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ทั้งภายนอกทั้งภายใน ภายในก็ธาตุสี่ขันธ์ห้านี่มันก็มีเกิดมีดับอยู่อย่างนี้ ภายนอกธรรมชาติดินฟ้าอากาศต้นไม้ใบหญ้าบุคคลหรือสัตว์อื่นๆก็ดีก็มีเกิดมีดับกันอยู่อย่างนั้น แล้วอะไรเล่าที่ไม่มีเกิดมีดับ มีหรือในโลกนี้ ลองตั้งปัญหาถามตัวดูซิ แน่นอนนะ มันก็ต้องตอบได้ว่า อันสิ่งใดในโลกนี้มีเกิดขึ้นแล้วไม่ดับ ไม่มีเลย อย่างนี้นะ แม้แต่แผ่นดินหนาตั้งสองแสนสี่หมื่นโยชน์หั่นนิมันยังพังทลายลงได้ มันเป็นอย่างนั้น นานไปนานไปยังเกิดไฟไหม้แผ่นดินนี้เป็นจุลวิจุลไปเลยพุ่นน่ะ แล้วมันจะมีอะไรเล่าเป็นของเที่ยงแท้แน่นอนยั่งยืน ไม่มีเลย

ก็ปัญญาวิปัสสนาน่ะต้องเพ่งพิจารณาธรรมชาติต่างๆให้มันเห็นแจ้งประจักษ์ เพราะว่าใจมันคอยไปยึดถือเอาธรรมชาติเหล่านั้นแหละ อ้าว บุคคลก็เป็นธรรมชาติเหมือนกัน ต้นไม้ใบหญ้า หินกรวดทราย แม่น้ำลำคลองอะไรก็ธรรมชาติทั้งนั้นเลย ธรรมชาติเกิดขึ้นแล้วแปรปรวนแตกดับไป ธรรมชาติเหล่านี้น่ะ ไม่ใช่มันจะยั่งยืนอะไรเลยมันเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นน่ะขอให้พากันอย่าประมาท เมื่อเราได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้รู้หนทางออกจากทุกข์อย่างปานนี้แล้ว ก็มีแต่หน้าที่เราลงมือทำพากเพียรไปเท่านั้นเอง พากเพียรไปตามที่ท่านแนะนำสั่งสอนนี้ให้เต็มความสามารถของตน

สรุปแล้วจึงว่า ฝึกจิตดวงนี้ได้แล้วก็ได้ทุกอย่างเลย ฝึกจิตให้มันดีได้ หมายความว่าอย่างนั้นนะ แล้วมันก็ทำความดีทุกอย่างตั้งแต่อย่างยากจนถึงอย่างละเอียดนู่น มันก็ทำได้นะจิตนี่เมื่อมันละเอียดเข้าไปเท่าไรมันก็ทำความดีให้ละเอียดลออเข้าไปได้เท่านั้น มันก็รู้แจ้งธรรมชาติเหล่านี้อย่างละเอียดลออเข้าไป จิตใจก็จึงไม่ยึดไม่ถืออะไรทั้งหมดเมื่อมันรู้แจ้งตามเป็นจริงอย่างนั้นแล้ว อันนี้แล้วเป็นทางพ้นทุกข์ เป็นทางพ้นทุกข์ถึงสุขคือ พระนิพพาน อันเป็นธรรมชาติที่ไม่แปรผันเป็นอย่างอื่นไป



:b47: :b47:

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“สติใคร่ครวญเสียก่อนจึงค่อยพูด”



◇◆ ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” ◆◇
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

:b44: ชวนอ่านพระธรรมเทศนาเต็มกัณฑ์เทศน์ของ
“พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=75&t=53080

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร