วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2022, 20:26 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

พ ร ะ ส ย า ม เ ท ว า ธิ ร า ช

พระสยามเทวาธิราช
เป็นเทพอารักษ์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
มีพระราชดำริให้หล่อขึ้นด้วยทองคำทั้งองค์
ขนาดสูงตลอดองค์ ๘ นิ้วฟุต

ประดิษฐานอยู่ในพระวิมาน
กลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง
เพื่อสักการะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งสยาม

มีลักษณะองค์เป็นรูปทรงยืน
พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นเสมอพระอุระ จีบนิ้วพระหัตถ์
พระหัตถ์ขวาถือพระขรรค์
ทรงฉลองพระองค์อย่างเครื่องของเทพารักษ์
มีมงกุฎเป็นเครื่องศิราภรณ์


เมื่อแรกสร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ซึ่งเสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๓๙๔
ด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ต่อจากพระบรมเชษฐาธิราช
และได้เสด็จสวรรคตในวันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๑๑

ในช่วงนั้นตลอดรัชสมัยของพระองค์ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้น
เป็นมหันตภัยใหญ่หลวงต่อซีกโลกตะวันออกย่านทวีปเอเซีย
ด้วยเป็นระยะเวลาที่ชาติมหาอำนาจตะวันตก
กำลังมุ่งแสวงหาผลประโยชน์อย่างรุนแรง
และกำลังขยายอำนาจยึดครองดินแดนทางซีกโลกตะวันออก
ซึ่งมีฐานะอ่อนแอกว่าทางด้านกำลังอาวุธ
และชั้นเชิงของการสร้างเงื่อนไขต่างๆ


ชาติมหาอำนาจใช้การล่อส่งเสริมให้เจ้าเมืองฟุ้งเฟ้อด้วยสินค้าแปลกใหม่
ล่อหลอกให้กู้หนี้ยืมสินจนเกิดถลำตนมีหนี้ล้นพ้นตัว
ไม่มีทรัพย์สินจะคืนให้แล้วทำสัญญาเข้ายึดครอง
หรือไม่ก็ขอแบ่งปันดินแดนและยึดเป็นเมืองขึ้นบ้าง
หรือไม่ก็ขยายอำนาจด้วยอิทธิพลขอทำสัญญาด้วยเงื่อนไขฉ้อฉล
แล้วหาเหตุเข้ายึดครอง เพื่อเอาทรัพยากรป้อนเมืองแม่ของตน

ถ้าเจ้าเมืองฉลาดรู้เท่าทัน
ก็ใช้อิทธิพลอำนาจเรือปืนเข้าบังคับเอาด้วยแสนยานุภาพ

ด้วยเล่ห์เพทุบายต่างๆ นี้
ทำให้หลายชาติในตะวันออกต้องตกเป็นเมืองขึ้นอยู่ในอาณานิคม
จนจะหาพื้นที่ดินแดนอิสระในเอเซียได้ยาก
จะอยู่อย่างรอดตัวมาได้ก็ด้วยอาการอดทนอย่างเจ็บปวดยิ่ง
และก็ยังถูกเอารัดเอาเปรียบด้วยสัญญาไม่เป็นธรรม
อันเป็นหนามยอกอกต่อมาอีกนาน


รูปภาพ
[พระสยามเทวาธิราชนี้เป็นเทวรูปหล่อยืน ทรงเครื่องกษัตริย์ สวมมงกุฎ
พระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นจีบ พระดรรชนีเสมอพระอุระ
สถิตอยู่ในเรือนแก้วที่ทำด้วยไม้จันทน์ แบบวิมานเก๋งจีน
ที่ปรากฏมีคำจารึกที่เบื้องหลังเป็นอักษรจีน เขียนว่า 暹國顯靈神位敬奉
แปลความได้ว่า “ที่สิงสถิตแห่งพระสยามเทวาธิราช”
หรือ “ที่สถิตของเทวดาประจำเมืองสยาม
ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง]

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2022, 20:27 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
[พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔]


สยามประเทศในระยะกาลแห่งสภาวะวิกฤตน่าวิตกยิ่งนี้
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ทรงเล็งเห็นและเข้าพระทัยรู้ทันในเหตุการณ์

ทรงทราบถึงกลยุทธิ์ที่วางเล่ห์ไว้ด้วยกลคด
และเห็นว่าควรจะต้องผ่อนปรนในช่วงแห่งพายุภัยกระหน่ำโหม
และกระแสน้ำเชี่ยวไหลกราก
เพื่อผ่อนคลายเหตุร้ายด้วยขันติธรรมและอดกลั้น


จึงได้ยอมรับการทำสัญญา แม้รู้ว่าไม่เป็นธรรม
ก็ต้องยอมจำให้ผูกมัดด้วยอำนาจศาลและการค้า
แต่ก็ทรงหาทางแก้ไขด้วยเชิงการเมือง
ยอมผ่อนสั้นผ่อนยาว ตามโอกาสที่ทรงเห็นสมควร

แม้นจะทรงเห็นว่าเสียรู้บ้างก็ทรงยอมเสียเปรียบ
ความอัดอั้นตันพระทัยยิ่ง
ในบางคราวก็ยอมจนเราได้ผ่านพ้นภัยมหาโหดมาสืบสุขได้ทุกวันนี้


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงเห็นว่า

ในอดีตก็ดี ในระยะเวลาอันใกล้ก็ดี
สยามเราได้ผ่านพ้นความวิบัติ จวนเจียนจะไปไม่รอดอยู่ได้
พลันก็เกิดการหักเหให้มีอันผ่านพ้นไปได้อย่างน่าอัศจรรย์


พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงรอบรู้ในเรื่องโหราศาสตร์ดวงดาวจะให้คุณให้โทษ
จะเกิดขึ้นได้บางครั้งก็ยังต้องมีเทพารักษ์คุ้มครองปกปักรักษา
ช่วยปัดเป่าภัยให้ผ่านไปได้ยิ่งความคับขันภัยใกล้ตัวที่สุดเวลานั้น
ก็เนื่องในรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
(๖ กรกฎาคม ๒๓๖๗-๒ เมษายน ๒๓๙๔)
ไม่โปรดที่จะคบค้ากับชาวตะวันตก โดยเฉพาะพ่อค้า


รูปภาพ
[พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓]


ด้วยทรงชังที่นำฝิ่นเข้ามาขาย ทำให้เกิดความทุกข์ยากลำบาก
เกิดความวิบัติเป็นภัยร้ายแรงแก่ทวยประชา
จนถึงกับโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศพระราชโองการประกาศ
ห้ามสูบฝิ่นห้ามขายห้ามซื้อฝิ่น
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ เมษายน พ.ศ. ๒๓๘๒


เรือสำเภาอังกฤษที่เข้ามาค้าขายต้องถูกค้นและกักสินค้า
ทำให้พ่อค้าอังกฤษไม่พอใจ
แต่ยังติดขีดด้วยกำลังทำสงครามอยู่กับจีนในกรณีสงครามฝิ่น
จนเมื่อเอาชนะและจัดการกับจีนได้แล้ว
จึงหันมาเพื่อจะจัดการกับไทย

หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล
พระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเล่าว่า


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2022, 20:27 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนมหาอำนาจทางตะวันตกทำการเปิดประตูค้ากับพวกตะวันออก
ในระยะเวลาต้นๆ ศตวรรษที่ ๑๙ ของคริสต์ศักราชนั้น

พวกเมืองข้างเคียงไม่รู้ทันเหตุการณ์ภายนอกว่า
ทางตะวันตกมีอำนาจปืนเรือพอที่จะเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
จึงพากันไม่ยอมทำสัญญาด้วย
ซ้ำยังขับไล่ ใช้อำนาจจนเกิดเป็นสงครามขึ้น

ก็เป็นธรรมดาที่คนมีแต่มีดจะต้องแพ้ผู้มีปืน
แล้วถูกเป็นเมืองขึ้นไปโดยสะดวก


ฝ่ายทางเมืองไทยเรานั้นมหาอำนาจตกลงกัน
ให้อังกฤษมาเป็นผู้เปิดประตูทำสัญญาค้าขาย
ซึ่งตามที่จริงก็เคยมีไมตรีกันมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาแล้ว

แต่เมื่อบ้านเมืองมีเหตุการณ์ศึกสงครามเกิดขึ้น
ชาวต่างประเทศไปมาค้าขายไม่สะดวกได้
ก็จำต้องหยุดการติดต่อกันไปเป็นพักๆ
การเป็นเช่นนี้แก่ทุกบ้านทุกเมือง


ฉะนั้น เมื่อเสร็จศึกกับพม่าในรัชกาลที่ ๑ แล้ว
ถึงรัชกาลที่ ๒ ชาวโปรตุเกสก็เข้ามาจากเมืองมาเก๊า
เพื่อขอทำสัญญาค้าขายใน พ.ศ. ๒๓๖๓
โปรดเกล้าฯ ให้รับสัญญาเพราะเรายังต้องการซื้อปืนไฟจากชาวตะวันตกอยู่

ต่อมาอีก ๒ ปี มิสเตอร์ จอน ครอเฟิด (John Grawford)
ทูตอังกฤษเข้ามาขอทำสัญญาจากผู้สำเร็จราชการอินเดียใน พ.ศ. ๒๓๖๕

ถึงรัชกาลที่ ๓ อังกฤษเกิดรบกันขึ้นกับพม่าเป็นครั้งแรก
ครั้นชนะแล้วจึงให้กัปตันเฮนรี่ เบอร์เนย์ (Henry Burney)
เข้ามาทำสัญญาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๖๘
ทูตอเมริกัน มิสเตอร์ เอ็ดมอนด์ โรเบิต (Edmond Robert)
เข้ามาทำสัญญาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕

มิสเตอร์ริดชัน (Ridson) ทูตอังกฤษ
เข้ามาทำสัญญาขอซื้อช้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๘๑
และเซอร์เจมส์ บรู้ค (Sir Jame Brooks)
ผู้เคยเป็นรายา (White Raja) ผู้ครองเกาะซาราวัค (Sarawak)
เข้ามาขอทำสัญญาอีกเมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๓
ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เสด็จสวรรคต

รวมทูตอังกฤษที่เข้ามาทำสัญญากับเมืองไทยถึง ๔ ครั้ง
แต่ก็ได้ทำแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นเรื่องผ่านแดนไทยกับพม่า
และสัญญาซื้อขายช้าง ม้า และแลกเปลี่ยนสินค้าบางอย่าง
ไม่ได้ทำสัญญากับเมืองไทยโดยตรงอย่างเมืองอื่นๆ

ส่วนทางเมืองไทยก็ยังไม่มีใครเชื่อว่าจะมีผู้ใดจะเกะกะทางนี้ได้
บางคนนึกเลยไปว่าเหล็กจะลอยน้ำได้อย่างไร
ในเมื่อมีใครมาเล่าว่าทางมหาอำนาจตะวันตกนั้นมีเรือรบที่ทำด้วยเหล็ก
ไทยจึงไม่เต็มใจจะเปิดประตูค้ากับผู้ใดๆ ทั้งสิ้น
เป็นแต่รับข้อที่จำเป็นในเวลานั้นเท่านั้น


แต่ในที่สุดเราก็ได้พบรายงานของเซอร์เจมส์ บรู๊ค
ผู้ซึ่งเข้ามาครั้งสุดท้ายในรัชกาลที่ ๓ ว่า

‘พระเจ้าแผ่นดินกำลังเสด็จอยู่บนพระแท่นสวรรคต
และพระองค์ที่จะทรงเสวยราชย์ใหม่ก็มีหวังจะพูดกันได้เรียบร้อย
ฉะนั้น จึงขอรอการใช้กำลังบังคับไว้ก่อน...’


ตามรายงานนี้เห็นได้ชัดว่า

เขาเตรียมจะใช้กำลังกับเราอยู่แล้ว
เผอิญให้เกิดมีการสวรรคตและเปลี่ยนแผ่นดิน
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นมาเสวยราชย์
ในเวลาที่ทรงทราบเหตุการณ์นอกประเทศดีอยู่แล้ว
เพราะทรงมีเวลาศึกษาเพียงพอ


ในเวลาที่ทรงผนวชเป็นพระภิกษุถึง ๒๗ ปี พอเสวยราชย์ได้ ๔ ปี
เซอร์จอน โบว์ริง (Sir John Bowring) เจ้าเมืองฮ่องกง
ก็มีจดหมายส่วนตัวเข้ามากราบทูลว่า
คราวนี้ตัวเขาจะเข้ามาเป็นราชทูตแทนพระองค์ควีนวิคตอเรีย
ไม่ใช่เป็นแต่เพียงทูตมาจากผู้สำเร็จราชการอินเดียเช่นคนก่อนๆ
เพราะฉะนั้นจึงหวังว่าจะไม่มีเรื่องเดือดร้อนถึงต้องขัดใจกัน

พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงทราบข้อไขอันนี้ดี จึงเปิดประตูรับในฐานะมิตร
และเป็นผลให้เราได้พ้นภัยมาได้แต่ผู้เดียว
ในทางตะวันออกประเทศนี้


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2022, 20:28 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
[การตั้งเครื่องบวงสรวงสังเวยพระสยามเทวาธิราช
ณ พระวิมานพระสยามเทวาธิราช พระที่นั่งไพศาลทักษิณ]


รูปภาพ
[พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ด้านทิศตะวันออก สถานที่ประดิษฐานพระวิมานพระสยามเทวาธิราช]

รูปภาพ
[พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ด้านทิศตะวันตก สถานที่ประดิษฐานพระวิมานพระสยามเทวาธิราช]


เมื่อเหตุการณ์เรียบร้อยแล้ว จึงทรงพระราชดำริว่า

เมืองไทยเรานี้มีเหตุการณ์หวิดหวิด
จะต้องเสียอิสรภาพมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว
แต่เผอิญให้มีเหตุรอดพ้นได้เสมอมา
ชะรอยจะมีเทพยดาองค์ใดองค์หนึ่งที่คอยพิทักษ์รักษาอยู่


จึงสมควรจัดทำรูปเทพองค์นั้นขึ้นไว้สักการบูชา
แล้วโปรดให้พระองค์เจ้าประดิษฐ์วรการ (หม่อมเจ้ารัชกาลที่ ๑)
นายช่างเอก ทรงปั้นรูปเทพพระองค์นั้น เป็นรูปทรงเครื่องต้น
ยืนถือพระขรรค์ในพระหัตถ์ขวา ขนาด ๘ นิ้วฟุต งดงามได้สัดส่วน
แล้วหล่อด้วยทองคำแท่งทั้งองค์


ทรงถวายพระนามว่า
พระสยามเทวาธิราช

แล้วประดิษฐานไว้ในพระวิมานกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณจนทุกวันนี้

ท่านผู้ใหญ่ชั้นคุณย่า (เจ้าจอมมารชุ่ม ในรัชกาลที่ ๔) ของข้าพเจ้า
เล่าว่าในรัชกาลที่ ๔ ทรงสังเวยทุกๆ วัน และเป็นที่นับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก

บัดนี้ เนื่องแต่ทางราชสำนัก
ต้องตัดทอนรายจ่ายอย่างมากมายมาแต่รัชกาลที่ ๗
จึงมีเครื่องสังเวยถวายแต่เฉพาะวันอังคารและวันเสาร์ สัปดาห์ละ ครั้ง
และในเวลาปีใหม่ (เดือน ๕ ขึ้น ๑ ค่ำ) มีการบวงสรวงสังเวยเป็นพิธีใหม่
มีละครรำของกรมศิลปากรในเวลาเช้าวันสังเวยนั้น


อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ต่างๆ ดังเราท่านได้ประสบมาด้วยตนเอง
ยิ่งนานวันก็ยิ่งเห็นว่า พระสยามเทวาธิราชนั้นมีจริง


เราจงพร้อมใจกันอธิษฐานด้วยกุศลผลบุญ
ที่เราได้ทำมาแล้วด้วยดี
ขอให้เทพเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์พระองค์นี้
จงได้คุ้มครองป้องกันภัย
และโปรดประสิทธิ์ประสาทความสมบูรณ์พูนสุข
ให้แก่ประชาชนชาวสยามทั่วกันเทอญ


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : “พระสยามเทวาธิราช” โดย บรรเจิด อินทุจันทร์ยง
ใน วารสารโลกประวัติศาสตร์ ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๑ มกราคม-มีนาคม ๒๕๔๓
: คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย
)

โพสต์โดย คุณกุหลาบสีชา ขอขอบพระคุณค่ะ

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=31122

:b44: คาถาบูชา “พระสยามเทวาธิราช”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&t=22812


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2022, 13:40 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2024, 14:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร