วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 23:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2014, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.ค. 2013, 22:27
โพสต์: 76

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วัดถ้ำพระสบาย
ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
รอยพระพุทธบาท

รูปภาพ

รูปภาพ
ถ้ำพระสบาย

-----------

:b44: ประวัติความเป็นมา

เหตุแห่งนิมิต : เริ่มจากเมื่อครั้ง พระครูภาวนาทัศนวิสุทธิ (หลวงปู่แว่น ธนปาโล) ได้พักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าสำราญนิวาส อ.เกาะคา จ.ลำปาง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นต้นมา ได้นำพาชาวบ้านและศรัทธาทั้งใกล้ไกลช่วยกันสร้างและพัฒนาสำนักวัดป่าจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๙๖ รวมเป็นเวลา ๖ พรรษา ก็พอดีทางโยมมารดาของท่านได้ขอร้องให้หลวงปู่แว่นกลับไปจำพรรษาที่บ้านเกิด คือ ใน จ.สกลนคร ซึ่งตรงกับนิมิตที่ท่านได้ทราบล่วงหน้าว่า จะมีญาติโยมทางเมืองสกลนครมานิมนต์ให้ท่านกลับไป ท่านจึงได้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร ซึ่งพอดีตำแหน่งเจ้าอาวาสได้ว่างลง

ในช่วงที่หลวงปู่แว่นจำพรรษาที่วัดป่าสำราญนิวาสนี้เอง ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ท่านได้นิมิตฝันบ่อยครั้งว่า ได้ไปเที่ยวจนถึงดอยแห่งหนึ่งในกลางป่า หนทางที่ไปก็ต้องข้ามน้ำไป แล้วเดินขึ้นดอยไป พอถึงดอยก็ได้พบว่ามีถ้ำอยู่หลายแห่ง ทั้งถ้ำเล็กและถ้ำใหญ่ ดอยแห่งนี้ท่านได้ไปเห็นในนิมิตอยู่หลายครั้ง บางคืนก็ฝันว่า ได้เหาะลอยไปจนถึงดอยนั้น โดยห่มผ้าจีวรติดตัวไปหลายผืน พอไปถึงดอยนั้นและลอยลงเดินยังพื้นดิน ก็ได้มีพระเณรหลายองค์มาขอเปลื้องสบง จีวร และสังฆาฏิ จากตัวท่านไปจนหมด ทั้งในบริเวณนั้นยังมีคนหนุ่มสาวพากันเดินไปเป็นหมู่ๆ ท่านก็ได้แต่สงสัยในนิมิตว่า คงจะมีความหมายอะไรสักอย่าง

ระหว่างที่กำลังสร้างวัดป่าสำราญนิวาสยังไม่เสร็จนั้น บางคราวญาติโยมศรัทธาทางเชียงใหม่ ก็ได้นิมนต์ให้หลวงปู่แว่นไปโปรดพวกเขาบ้าง เพราะยังมีความเคารพและศรัทธในตัวท่านเสมอ หลวงปู่แว่นจึงต้องเดินทางไปพักค้างยังเมืองเชียงใหม่เป็นครั้งคราว โดยไปพักที่วัดเจดีย์หลวงบ้างหรือไม่ก็วัดป่าโรงธรรมสามัคคี

คืนวันหนึ่ง ขณะที่ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร และหลวงปู่แว่นท่านพากันนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมตามปกติ ทั้งสององค์ก็ได้พบกับดวงจิตวิญญาณของเจ้าแม่ทิพย์วรรณ ณ เชียงตุง (ซึ่งเคยเป็นโยมอุปัฏฐากที่เชียงใหม่ แต่ได้สิ้นบุญเสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย) ได้มายืนร้องเรียกขออาราธนาอยู่ตรงลานหน้าพระเจดีย์ในเขตวัดเจดีย์หลวง ว่า “ดิฉันต้องการพระที่นุ่งผ้าดำนะ พระที่นุ่งผ้าเหลืองไม่เอา ขอให้ช่วยไปโปรดที่ถ้ำแกเก๊าด้วย” ตามความหมายก็คือ วิญญาณเจ้าแม่ต้องการนิมนต์ให้พระกรรมฐานไปโปรดพวกเขาที่ถ้ำแกเก๊าหรือถ้ำพระสบายในปัจจุบัน แต่ไม่ต้องการพระมหานิกายซึ่งนุ่งห่มสีเหลือง (ตอนนั้นหลวงปู่แว่นท่านนุ่งหุ่มผ้าสีกรักแก่ออกดำ)

หลวงปู่แว่นจึงได้กราบเรียนปรึกษากับหลวงปู่สิม ซึ่งหลวงปู่สิมท่านก็รับรองเรื่องนิมิตนั้นโดยบอกว่า “ดีละ นิมนต์เถอะ” เพราะท่านก็ได้นิมิตอย่างเดียวกัน หลวงปู่แว่นท่านก็ไม่รอช้ารีบลุกขึ้นไปประกาศที่กลางลานในทันทีว่า “นี่เจ้าแม่ วันที่ ๑๔ ให้ไปรับพระที่วัดสันติธรรมเน้อ” พอประกาศเสร็จท่านก็กลับไปนั่งภาวนาต่อ

ก่อนถึงวันนัด หลวงปู่แว่นได้กลับไปพักอยู่ที่วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง พวกคณะศรัทธาชาวบ้าน อ.สันกำแพง พอได้รู้เรื่องขึ้นว่าหลวงปู่แว่นจะไม่อยู่ อ.สันกำแพงแล้ว โดยจะย้ายไปอยู่ที่ถ้ำแกเก๊า บ้านแม่หนองหาร อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ก็เกิดความรู้สึกไม่อยากให้ท่านไป ทั้งที่ตอนนั้นหลวงปู่แว่นท่านมีภาระในเรื่องการสร้างวัดป่าสำราญนิวาส ที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง อยู่แล้ว แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้ท่านละจากไป รถทุกคันใน อ.สันกำแพง ทั้งรถเล็กรถใหญ่ และแม้กระทั่งรถเครื่องหรือรถจักรยานยนต์ จึงถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปรับและไปส่งหลวงปู่แว่นเป็นอันขาด ด้วยจะไม่ยอมให้ท่านไปจาก อ.สันกำแพง

แต่แล้วอาจจะเป็นเพราะแรงสัจจะอธิษฐานของหลวงปู่แว่น ที่ได้ตั้งใจไว้แล้วประการหนึ่ง และแรงบุญวาสนาของเจ้าแม่ทิพย์วรรณอีกประการหนึ่ง ทำให้หลวงปู่แว่นได้เดินทางไป จ.ลำปาง ในวันนั้นจนได้ กล่าวคือในตอนสายวันนี้ เจ้าชื่นทิพย์ซึ่งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ได้ขับรถไปกราบมนัสการหลวงปู่แว่นที่วัด ตั้งใจว่าจะรับท่านไปบ้านฝรั่งที่เป็นเพื่อนกันในเมืองเชียงใหม่ พอไปถึงหลวงปู่แว่นท่านก็รู้ในทันทีว่านี่คงเป็นคนที่เจ้าแม่ส่งมานั่นเอง เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ท่านได้ประกาศไว้แล้วว่า “พรุ่งนี้ถ้าใครมาก่อนก็รับตัวไปได้ก่อน” ท่านจะไปกับคนนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้หลวงปู่แว่นก็เลยขึ้นรถเจ้าชื่นทิพย์ออกจากวัดไป โดยท่านขอให้ช่วยไปส่งท่านที่ จ.ลำปาง ด้วย

สำรวจถ้ำแกเก๊า : เมื่อหลวงปู่แว่นเดินทางมาถึง จ.ลำปาง ท่านก็ได้กลับไปดูแลและพักจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าสำราญนิวาสอีกระยะหนึ่ง ครั้นพอออกพรรษาแล้ว พวกคณะศรัทธาชาวบ้านนาคต อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ก็ได้มานิมนต์ให้หลวงปู่แว่นไปรับกฐิน เมื่อเสร็จธุระจากงานกฐินแล้ว ท่านก็ได้เดินทางมากับ พระอาจารย์ผั่น ปาเรสโก มาพักในป่าที่ใกล้บ้านนาต๋ม ตกกลางคืนก็ได้มีชาวบ้านมาขอฟังธรรม และฝึกนั่งสมาธิภาวนากับท่านเป็นจำนวนมากในแต่ละคืน หลวงปู่แว่นได้ปรารภกับชาวบ้านถึงเรื่องถ้ำต่างๆ บนดอยแถวนี้ ซึ่งก็ได้ทราบว่านอกจากจะมีถ้ำแกเก๊าอันเป็นถ้ำใหญ่แล้ว ก็ยังมีถ้ำใหญ่น้อยอื่นๆ อีกหลายถ้ำ จึงขอให้ชาวบ้านที่รู้จักทางพาไปดู

ก็ได้พ่อคำน้อย, พ่อหนานกันทะ, พ่อน้อยจู, กำนันมูล และชาวบ้านติดตามอีกหลายคน ช่วยนำทางพาท่านไปสำรวจดอยแห่งนั้น หลวงปู่แว่นท่านได้สำรวจสถานที่โดยรอบ ได้พบว่ามีถ้ำต่างๆ อยู่หลายถ้ำ ทั้งยังเหมาะแก่การภาวนาอีกด้วยเพราะมีความสงัดวิเวกดี จึงได้พิจารณาที่จะปรับปรุงขึ้นเป็นที่พักสงฆ์ ซึ่งสถานที่ตั้งก็ไม่อยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านรอบๆ นัก คือประมาณ ๓ กิโลเมตรเศษ พอที่จะเดินบิณฑบาตหาศรัทธาหน้าบุญตามหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ ได้ เช่น บ้านนาต๋ม บ้านฮ่อม บ้านหนองถ้อย คณะศรัทธาผู้ติดตามจึงได้ช่วยกันตระเตรียมสร้างที่พักขึ้นอย่างง่ายๆ พออาศัยค้างคืนได้ วันนั้นจึงเป็นวันแรกที่หลวงปู่แว่นได้มาพำนักที่ถ้ำแห่งนี้ ตรงกับวันพุธที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือนเกี๋ยงเหนือ ๑ ใต้ ปีชวด ณ ถ้ำแม่ชุม เป็นแห่งแรก

ในคืนต่อๆ มาก็ได้เปลี่ยนมาพักที่ ถ้ำแกเก๊า เป็นส่วนใหญ่ จนได้ติดป้ายชื่อที่หน้าถ้ำว่า “ถ้ำสบาย” ระหว่างที่กำลังปรับปรุงถ้ำแห่งนี้ หลวงปู่แว่นก็ต้องกลับมาดูแลวัดป่าสำราญนิวาสด้วย จึงต้องเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างสถานที่ทั้งสองอยู่บ่อยๆ หนทางไป-มา ก็ยังไม่สะดวกต้องเดินทางด้วยเท้าเป็นระยะทางกว่า ๒๐ กิโลเมตร ในครั้งนั้น หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ ก็ได้ไปอยู่ช่วยปรับปรุงสร้างที่พักสงฆ์ด้วย ได้อยู่ช่วยงานอย่างเต็มกำลัง

ระยะแรกที่ไปอยู่นั้น ทั้งพระเณรต้องทนลำบากมาก ทั้งปัญหาเรื่องน้ำที่ขาดแคลน ต้องหาบน้ำเดินขึ้นเขาด้วยระยะทางกว่า ๓ กิโลเมตร ในบางครั้งก็ต้องต่อสู้กับพวกเจ้าที่ เจ้าทาง เจ้าถ้ำ อันเป็นพวกเทพเทวาอารักษ์ที่อยู่เฝ้ารักษา พวกเขาเข้าใจว่าหลวงปู่แว่นท่านจะไปเปิดเอาขุมสมบัติที่พวกเขาเฝ้ารักษา เพราะหลวงปู่แว่นท่านไปอยู่ทีแรก ก็ไม่ได้บอกกล่าวให้พวกเขารับรู้ เขาจึงหวงแหนในสมบัติอันเป็นพวกของโบราณวัตถุที่มีค่า จนในที่สุดหลวงปู่แว่นและคณะต้องทำการแผ่เมตตาให้ และบอกกล่าวว่า ท่านจะมาตกแต่งถ้ำเพื่อสร้างที่บำเพ็ญสมณธรรม เรื่องทั้งหลายจึงค่อยสงบลงได้

ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑ หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ได้เดินทางจากวัดสันติธรรม เพื่อมาเยี่ยมหลวงปู่แว่นที่ถ้ำสบาย พอเจอหน้ากันหลวงปู่ท่านก็ยิ้มและทักขึ้นว่า “ยังไงปักธงหลอกใครละ” พูดพลางท่านก็หันไปมองป้ายชื่อถ้ำแล้วหัวเราะ จากนั้นก็หันมาถามหลวงปู่แว่นว่า “ที่ว่าสบายนะ ใครสบาย” หลวงปู่แว่นท่านก็หัวเราะอย่างรู้ที แล้วตอบไปว่า “ก็พระนะสิสบาย” หลวงปู่สิมท่านก็ว่า “พระสบายก็บอกว่าพระสบายซี” ดังนั้นเองหลวงปู่แว่นท่านจึงได้เปลี่ยนชื่อถ้ำเสียใหม่ว่า “ถ้ำพระสบาย” ตั้งแต่นั้นมา

แต่ในเรื่องชื่อถ้ำนี้ หลวงปู่หลวงท่านได้เล่าให้ฟังอย่างขันๆ ในภายหลังว่า น่าจะชื่อ “ถ้ำพระจะตาย” ละไม่ว่า เพราะความเป็นอยู่ในช่วงแรกๆ นั้นค่อนข้างลำบากมาก ทั้งพระ ทั้งเณร เพราะเรื่องน้ำกินน้ำใช้ที่ขาดแคลน น้ำที่จะสรงก็ไม่พอเพียง เนื่องจากที่ตั้งอยู่บนดอย ต้องหาบน้ำจากตีนดอยขึ้นมาใช้ตั้งไกล จากแม่น้ำจางซึ่งอยูห่างวัดไปเกือบ ๓ กิโลเมตร โดยพากระบอกไม้ไผ่ขนาดใหญ่ไปแล้วตักน้ำใส่จนเต็ม จากนั้นก็ต้องพากันหาบกลับถ้ำ บางคราวในหน้าฝน ขณะที่กำลังทำวัตรสวดมนต์กันอยู่ ฝนเกิดตกลงมาก็ต้องพากันพักสวดมนต์ชั่วขณะ แล้วพากันวิ่งไปช่วยกันรองน้ำฝนไว้ใช้ และสรงน้ำกันเสร็จแล้วจึงมานั่งทำวัตรต่อ ชุลมุนไปหมด

หนทางจากดอยมาบิณฑบาตที่หมู่บ้าน ก็ขรุขระเพราะเป็นทางควายเดิน คนก็ต้องใช้เดินด้วย ในหน้าฝนทางทั้งลื่นและแฉะเป็นร่องหลุม เพราะรอยตีนควาย เดินลำบากยากเย็นเอามากๆ มักจะเดินตกหลุมควายของชาวบ้านกันแทบทุกวัน จนแข้งขาเลอะเปรอะเปื้อนด้วยขี้โคลน ทั้งสบงจีวรก็เลอะด้วย ต้องกลับมาซักที่หน้าถ้ำทุกวัน “มันลำบากก็รู้อยู่ ทุกข์ก็รู้อยู่ แต่เราเป็นพระเป็นนักบวชที่หวังในสติปัญญาธรรม เราต้องทนได้เสมอ เป็นผู้ปฏิบัติต้องเอาดีให้ได้ ไม่มีการท้อถอย ถ้าท้อถอยไม่อดทนกับความทุกข์ ก็ไม่เห็นทุกข์ที่แท้จริง เสียเวลาบวชก็ตายเปล่า เกิดมาเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์” หลวงปู่หลวงท่านว่าอย่างนั้น

ถ้ำพระสบายนี้ต่อมาได้กลายเป็นสถานที่สำคัญซึ่งมักจะมีพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในสายพระป่ากรรมฐาน ศิษยานุศิษย์ของท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถระ ผลัดกันมาแวะเวียนมาพำนักปฏิบัติธรรม ปรารภความเพียรกันอยู่บ่อยๆ หลายต่อหลายองค์ด้วยกัน ด้วยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ภาวนาดี บางรูปอย่างหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ท่านยังได้เคยมาจำพรรษาอยู่ที่นี่ในปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นต้น

หลวงปู่แว่นได้อยู่จำพรรษาที่ถ้ำพระสบายได้ ๖ พรรษาก็มีความจำเป็นต้องกลับไปเป็นเจ้าอาวาสที่บ้านเกิด คือเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร ได้อีก ๖ พรรษา แล้วจึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดถ้ำพระสบายอีกในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ เมื่ออายุท่านได้ ๕๐ ปี พรรษาที่ ๓๐ พอดี

พอออกพรรษาท่านก็ได้รับนิมนต์จากศรัทธาชาวบ้านทาง จ.สกลนคร ให้กลับไปรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าสุทธาวาสอีกครั้งและเป็นเจ้าคณะอำเภอด้วย จำพรรษาอยู่ที่ จ.สกลนคร อีก ๗ พรรษา พอถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๘ พรรษาที่ ๔๕ หลวงปู่แว่นท่านก็ได้กลับมาจำพรรษาที่วัดถ้ำพระสบายอีกวาระหนึ่งในช่วงปัจฉิมวัย และพักอยูที่นั่นตลอดมาจนกาลเวลาสุดท้ายแห่งชีวิต ผลงานสุดท้ายที่ท่านได้ฝากไว้ก็คือ ได้แก้ไขปัญหาเรื่องน้ำโดยการขุดเจาะน้ำบาดาลสองแห่ง สร้างกุฏิและเสนาสนะขึ้นใหม่จนพอเพียง สร้างอุโบสถหลังใหญ่ที่มีหลังคาราบรูปทรงแปลกตา เบื้องบนมีเจดีย์เก้ายอดดูเป็นศรีสง่า ที่คงค้างอยู่ก็มีกุฏิของท่านเองหลังใหม่ใหญ่กว่าเดิมสูง ๓ ชั้น เพื่อรองรับอาคันตุกะและคณะญาติโยมได้มาพัก แต่ยังมิทันสร้างเสร็จท่านก็มาละสังขารไปเสียก่อน

วัดถ้ำพระสบาย ได้รับการยกฐานะขึ้นให้เป็นวัดอย่างถูกต้องสมบูรณ์ เมื่อวันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๒๗ โดยมีหลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ รับภาระเป็นประธานสงฆ์คอยดูแลแทนสืบต่อจากหลวงปู่แว่น

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
ภายในวัดถ้ำพระสบาย จ.ลำปาง

รูปภาพ
รูปหล่อเหมือนในท่ายืนหลวงปู่แว่น ธนปาโล
ณ วัดถ้ำพระสบาย จ.ลำปาง


รูปภาพ
หลวงปู่แว่น ธนปาโล

รูปภาพ
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร

รูปภาพ
พระอาจารย์ผั่น ปาเรสโก

-----------

:b8: :b8: :b8: ที่มาของเนื้อหา ::
- ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่หลวง กตปุญโญ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=27238
- ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่แว่น ธนปาโล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=24679
ที่มาของรูปภาพวัดถ้ำพระสบาย : :b8: เว็บไซต์ http://www.dannipparn.com/

.....................................................
".....มหาปุริสภาวสฺส ลกฺขณํ กรุณาสโห....."
".....อัชฌาศัยที่ทนไม่ได้เพราะกรุณาเป็นลักษณะของความเป็นมหาบุรุษ....."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ย. 2015, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร