วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2022, 10:53 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


“สามเณรสังกิจ” สามเณร “เกี่ยว” ผู้กล้าหาญ

ในครั้งพุทธกาล ไม่ทราบว่ามีสามเณรมากน้อยเพียงใด

แต่คัมภีร์ระดับอรรถกถา เช่น ธัมมปทัฏฐกถา (อรรถกถาธรรมบท) เล่าเรื่องสามเณรเก่งๆ ไว้หลายรูป ทำนองจะให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องเกิดครั้งพุทธกาล แต่ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่ เป็นที่สงสัยกันอยู่ หลายท่านสันนิษฐานว่า นิทานธรรมบทแต่งขึ้นที่ศรีลังกานี้เอง แต่โยงกลับไปไกลถึงสมัยพุทธกาล ว่ากันอย่างนั้น

พระสารีบุตรดูจะถูกเกณฑ์ให้เป็นอุปัชฌาย์สามเณรอยู่องค์เดียว ไม่ว่าจะเล่าเรื่องสามเณรใด ก็ล้วนแต่บอกว่าเป็นลัทธิวิหาริกของพระสารีบุตรทั้งนั้น ดังสามเณรสังกิจ (ที่จะเล่าต่อไปนี้) เป็นตัวอย่าง

สามเณรสังกิจ เป็นบุตรลูกสาวเศรษฐี ขณะท้องแก่มารดาสิ้นชีวิตลง ญาติพี่น้องนำไปเผาที่ป่าช้ามอบภาระให้สัปเหร่อจัดการ ตกดึกสัปเหร่อเอาขอแทงศพและพลิกไปมาเพื่อให้ไฟไหม้ทั่วถึง หารู้ไม่ว่าในท้องศพนั้น เด็กยังมีชีวิตอยู่

รุ่งเช้าขึ้นมาสัปเหร่อไปดูว่าศพไหม้เรียบร้อยหรือยัง ก็ปรากฏว่ามีเด็กน้อยคนหนึ่งนอนอยู่บนกองฟอน สัปเหร่ออัศจรรย์ใจที่เด็กในท้องศพไม่ตายและไม่ถูกเผาไปด้วย จึงอุ้มเด็กไปบ้าน พินิจดูอย่างละเอียดแล้ว มีเพียงหาตาเท่านั้นเป็นแผลเพราะถูกปลายขอเกี่ยว แกจึงเลี้ยงดูเด็กน้อยเป็นลูก ตั้งชื่อว่า สังกิจ (แปลว่าเด็กชาย “เกี่ยว” เพราะหางตาถูกขอเกี่ยวเป็นแผลเป็น)

หมอดูหมอเดาทำนายว่า เด็กคนนี้ถ้าอยู่ครองเรือนจะทำให้ครอบครัวพ่อแม่ (เลี้ยง) เจริญก้าวหน้า ถ้าบวชก็จะเป็นใหญ่ในพระศาสนามีบริวารจำนวนมาก

เมื่ออายุ ๗ ขวบ เด็กน้อยรู้ประวัติความเป็นมาของตน แล้วก็เกิดความสลดใจคิดอยากบวช จึงขออนุญาตพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงบวชเป็นศิษย์พระสารีบุตร ซึ่งคุ้นเคยอยู่กับครอบครัวนี้

ว่ากันว่า เด็กน้อยคนนี้มีบุญญาธิการสั่งสมมาแล้วแต่ชาติปางก่อน ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่จะได้บรรลุถึง “ที่สุดแห่งกิเลสและกองทุกข์ทั้งมวล" คือจะได้เป็นพระอรหันต์

ผู้ที่เกิดมาในชาติสุดท้ายและจะได้เป็นพระอรหันต์นี้ ท่านเรียกว่า “ปัจฉิมภวิกสัตว์” ถ้ายังไม่บรรลุแน่นอน ต่อให้เอาเขาพระสุเมรุทับก็ไม่ตาย...ว่ากันถึงขนาดนั้น

เพราะเหตุนี้เอง ขณะที่เผาศพมารดา เด็กน้อยจึงมิได้เป็นอันตรายแม้แต่น้อย เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ เรื่องผลของบุญของบาปนี้ มันลึกซึ้งมหัศจรรย์เกินวิสัยปุถุชนจะนึกถึงหรือเข้าใจ

พระพุทธองค์ตรัสว่า ในโลกนี้มีเรื่อง ๔ เรื่อง ถึงคิดจนหัวแตกก็ไม่มีทางเข้าใจ คิดมากก็อาจเป็นบ้าได้ (อุมฺมาทสฺส ภาคี อสฺส) ต้องผู้ที่บรรลุอภิญญา ระดับบุพเพนิวาสนุสสติญาณ (ญาณระลึกชาติหนหลังได้) นั่นแหละจึงจะรู้จะเห็น

เด็กชายเกี่ยวรับกรรมฐานจากอุปัชฌาย์แล้ว บรรลุอรหัตผลทันทีที่คมมีดโกนจดศีรษะ หมายความว่า พอมีดโกนจ่อศีรษะจะโกนผมเท่านั้น เธอก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ทันที นี้ก็เพราะผลแห่งบุญกุศลที่ได้สั่งสมมา

ในระหว่างนั้น มีพระภิกษุจำนวน ๓๐ รูป มาทูลลาพระพุทธเจ้าไปบำเพ็ญธรรมในป่า พระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่าจะเกิดอันตรายแก่พวกเธอ และสามเณรสังกิจจะช่วยได้ จึงรับสั่งให้พวกเธอไปลาพระสารีบุตรก่อน พระเหล่านั้นไปลาพระสารีบุตร พระสารีบุตรก็ทราบเช่นกันว่า พระพุทธองค์ทรงมีพุทธประสงค์อย่างไร จึงบอกให้พระเหล่านั้นพาสามเณรสังกิจไปด้วย พวกเธอไม่เต็มใจให้สามเณรไปด้วย

พระสารีบุตรกล่าวว่า “พาสามเณรไปเถิด เมื่อคราวมีอันตรายสามเณรจะช่วยพวกท่านได้” พวกเธอจึงพาสามเณรไปด้วย ทั้งๆ ที่ยังงงๆ อยู่ว่า สามเณรตัวเล็กแค่นี้จะช่วยอะไรพวกเธอได้

พระเหล่านั้นไปพำนักอยู่ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีญาติโยมดูแลเรื่องอาหารบิณฑบาตอย่างดี ชายเข็ญใจคนหนึ่งผ่านมา ได้กินอาหารของเหลือจากพระฉัน เห็นว่าวัดแห่งนี้มีข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ จึงขออาศัยอยู่เป็นเด็กวัดคอยรับใช้พระ พระคุณเจ้าก็ไม่ขัดข้อง

อยู่ได้สองเดือนชายเข็ญใจก็คิดถึงลูกสาว จึงลาพระคุณเจ้าไปเยี่ยมลูกสาว บังเอิญต้องเดินผ่านดงแห่งหนึ่ง ซึ่งมีโจรชุกชม พวกโจรได้บวงสรวงเทพเจ้าว่า ไม่ว่าใครเดินผ่านมาทางนี้ พวกเขาจะจับฆ่าบูชายัญ ชายเข็ญใจรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็กลัวตาย จึงต่อรองว่าเขาเป็นคนยากจน กินอาหารไม่ดี เนื้อและเลือดในกายของเขาคงไม่อร่อยเป็นที่ถูกใจเทพเจ้าแน่นอน ห่างจากนี้ไปพอสมควร มีพระอยู่ ๓๐ รูป ล้วนเกิดจากสกุลสูง ฉันอาหารประณีต อ้วนท้วนสมบูรณ์ เนื้อและเลือดของพระภิกษุเหล่านั้นคงอร่อยหวานมันถูกใจเทพเจ้า

หัวหน้าโจรบอกให้ลูกน้องพาชายเข็ญใจไปยังวัดดังกล่าว ไปถึงเขาก็ตีระฆังให้สัญญาณ พระภิกษุทั้งหลายที่กระจายนั่งสมาธิอยู่ตามที่ต่างๆ ได้ยินเสียงระฆัง นึกว่าเกิดอันตรายขึ้นกับใครคนหนึ่ง จึงพากันมาประชุมกัน เมื่อรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ต่างก็เสนอตัวไปกับพวกโจร

สามเณรเกี่ยวบอกว่า ตนเท่านั้นต้องรับภาระนี้ เมื่อพระสงฆ์ไม่ยอม จึงบอกให้พวกท่านย้อนรำลึกความหลัง ว่า “...สังกิจ จะช่วยพวกท่านได้เมื่อมีอันตราย...”

พระคุณเจ้าก็จนด้วยเหตุผล และยินยอมให้สามเณรไปกับพวกโจร สามเณรก็มิได้สะทกสะท้านแต่ประการใด พวกโจรนำสามเณรไปขังไว้รอเวลาทำพิธี ทำให้สามเณรมีเวลาเข้าสมาธิอย่างแน่วแน่ เมื่อได้เวลาหัวหน้าโจรก็ชักดาบฟันคอสามเณรหมายเอาเลือดบวงสรวงเทพเจ้าตามที่บนบานไว้ ดาบที่ฟันลงเกิดบิดงออย่างน่าอัศจรรย์ เขาดัดดาบให้ตรงแล้วแทงหมายให้ทะลุถึงหัวใจ ปรากฏว่าดาบงอจนถึงโคนดุจใบตาลก็มิปาน

พวกโจรเห็นปาฏิหาริย์เช่นนั้นก็ “ถอดใจ” ทิ้งดาบก้มกราบขอขมาสามเณร พร้อมชักชวนบริวาร ขอบวชพร้อมกัน

สามเณรเกี่ยวได้เป็นอุปัชฌาย์บวชเณรให้โจรเหล่านั้น อ่านมาถึงตรงนี้ก็ให้สงสัยครามครันว่า เณรเป็นอุปัชฌาย์บวชเณรได้ด้วยหรือ คิดอีกที การบวชเณรสำเร็จด้วยการเปล่งวาจาถึงไตรสรณคมน์ (พระรัตนตรัย) ไม่ว่าผู้ทำพิธีให้จะเป็นพระหรือเณรก็คงจะได้...ถึงตอนนี้สามเณรเกี่ยวเธอมีศิษย์ถึง ๕๐๐ รูป (จำนวนจริงอาจไม่ถึง คำว่า “๕๐๐” คงเป็นสำนวนภาษาแปลว่า “จำนวนมาก” เท่านั้น)

จึงพาพวกเธอไปเยี่ยมพระภิกษุ ๓๐ รูปเพื่อให้พวกท่านเบาใจว่าตนไม่มีอันตรายแต่ประการใด ตรงกันข้าม กลับสามารถกลับใจพวกโจรอีกด้วย สามเณรเกี่ยวอำลาพระคุณเจ้าทั้งหลายพาพวกศิษย์ไปหาพระสารีบุตรผู้เป็นอุปัชฌาย์ แล้วไปเฝ้าพระพุทธเจ้า

พระพุทธองค์ตรัสปฏิสันถารกับสังกิจสามเณร และสามเณรอดีตโจรเหล่านั้นว่า การกลับใจมาถือศีลแม้เพียงวันเดียวก็ประเสริฐกว่ามีชีวิตอยู่อย่างคนทุศีลตั้งร้อยปี



จาก : หนังสือ ๔๐ พระอรหันต์ บรรลุธรรมพุทธสมัย
หัวข้อ สิบพระอรหันต์น้อย :b8: :b8: :b8:
เรียบเรียงโดย...เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต


:b45: สามเณร ในสมัยพุทธกาล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46459


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร