วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2019, 11:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


พระกุณฑลเกสีเถรี อดีตปรัชญาเมธี
ศ.(พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก


:b50: :b47: :b50:

คำว่า “ปรัชญาเมธี” (sophis) มีพฤติกรรมคล้ายกับนักบวชเร่ร่อนประเภทหนึ่ง คือ ปริพาชก (ผู้หญิงเรียกว่าปริพาชิกา) พวกนี้ตั้งเป็นสำนัก “โต้วาที” ชอบสัญจรไปโต้วาทะกับผู้รู้ทั้งหลายตามหัวเมืองต่างๆ

พระกุณฑลเกสีเถรี หรือบางครั้งเรียก กุณฑลเกสา เดิมนามว่า ภัททา เคยเป็นสาวิกาของสำนักนี้มาก่อน ว่ากันว่าที่ได้นามว่า กุณฑลเกสี เพราะเมื่อบวชในสำนักปริพาชก ถูกเอาแปรงตาลครูดผมออก (แทนที่จะโกน) เมื่อผมขึ้นมาใหม่จึงหยิกเป็นลอนๆ หลังพ่ายแพ้ในการโต้วาทะกับพระสารีบุตรอัครสาวก จึงมาบวชเป็นภิกษุณีในพระพุทธศาสนา

สมัยยังครองเรือนอยู่ ท่านเป็นลูกสาวของเศรษฐีในกรุงราชคฤห์ วันหนึ่งเห็นราชบุรุษแห่นักโทษประหารประจานไปตามท้องถนน เกิดจิตปฏิพัทธรักใคร่อยากได้มาเป็นคู่ครอง จึงบอกบิดามารดาว่า ถ้าไม่ได้เขามาเป็นสามีก็จักไม่มีชีวิตอยู่ บิดามารดาก็รักลูกสาวมาก กลัวลูกสาวจะคิดสั้น จึงยินยอมให้สินบนแก่ผู้คุมให้ปล่อยนักโทษนำเขามาอยู่ในบ้าน ข้างฝ่ายราชบุรุษหรือผู้คุมนักโทษ ก็หา “แพะ มาประหาร แล้วกราบทูลพระราชาว่า ภารกิจในการนำนักโทษไปประหารนั้น สำเร็จลุล่วงตามพระราชประสงค์แล้วทุกประการ

มหาโจรรอดชีวิตมา และได้อยู่บนปราสาทอันโอ่อ่า ในฐานะสามีของกุณฑลเกสีผู้เลอโฉม ก็น่าจะพอใจในโชคชะตาที่พลิกผันอย่างน่ามหัศจรรย์ แต่โจรก็คือโจร เมื่อได้มาเห็นสมบัติพัสถานอันมากมาย เห็นภรรยาตกแต่งเครื่องพัสตราภรณ์อันสวยงามล้ำค่า ก็เกิดความโลภ อยากได้ไว้คนเดียว นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวัน วันหนึ่งจึงแสร้งทำตัวเป็นไข้นอนซม ข้าวปลาไม่แตะต้อง

ภรรยาถามว่าเป็นอะไร มหาโจร ตอบนางว่า ก่อนที่จะถูกนำไปประหารนั้น ได้บนกับเทพเจ้าบนเขาไว้ว่าถ้ารอดชีวิตจะแก้บน จนบัดนี้ยังไม่ได้แก้บนเลย จึงไม่สบายใจ

กุณฑลเกสี จึงว่า เรื่องแค่นี้เองจะเอาอะไรไปแก้บน บอกมา จะจัดการให้

มหาโจรกล่าวว่า “พี่บนด้วยข้าวมธุปายาสอย่างดี ข้าวตอกดอกไม้”

นางจัดแจงเครื่องพลีกรรม หรือเครื่องแก้บนให้สามีจนครบถ้วน แล้วแต่งตัวด้วยพัสตราภรณ์ สวมเครื่องประดับล้ำค่าสวยงามติดตามด้วยบริวารหลายคนเดินทางมุ่งหน้าไปยังเขา “ทิ้งโจร” ที่สามีนางอ้างว่าได้บนเทพเจ้าบนหุบเขานั้นไว้


พอเดินทางไปถึงตีนเขาสามีก็ขอให้นางบอกให้บริวารกลับ เพราะการแก้บนนั้นจะต้องทำพิธีกันสองคนเท่านั้น

เมื่อขึ้นไปถึงยอดเขา มหาโจรก็ออกลาย นั่งนิ่งเฉยไม่ทำอะไร เมื่อภรรยากล่าวว่า ทำไมไม่ทำพิธี ก็ตอบทันควันว่า พิธีอะไรกันข้ามิได้บนเทพเจ้าที่ไหนไว้ ข้าหลอกเจ้าต่างหาก

เมื่อถามว่า หลอกนางเพื่ออะไร ก็พูดแสยะยิ้มว่า หลอกมาฆ่าเอาเพชรนิลจินดาสิ ถามได้

นางตกใจสุดขีด แต่ยังทำใจดีสู้เสือ เจรจาอย่างไพเราะว่า “สมบัติของดิฉันก็เป็นของพี่ด้วย ไม่เห็นจะต้องทำอย่างนี้เลย พี่อยากได้อะไรก็บอก”

มหาโจรพูดว่า “เธอยกให้แล้วอาจเสียดายเอาคืนไปก็ได้ เพื่อให้แน่ ฆ่าเธอเลยดีกว่า”

เมื่อเห็นว่าไม่มีทางโน้มน้าวให้มหาโจรเชื่อแล้ว ก็ฉุกคิดว่า เราจงใช้ปัญญาหาทางเอาตัวรอดให้ได้ คิดดังนี้แล้วจึงกล่าวกับมหาโจรว่า “ถ้าเช่นนั้น ก่อนฉันจะตาย ก็ขอให้ไหว้ท่านก่อน” ว่าแล้วก็เดินประทักษิณ (เวียนขวา) มหาโจรครบสามรอบ ก้มลงกราบสามีผู้ยืนหันหลังให้ด้วยความประมาท แล้วก็ผลักมหาโจรตกเขาตายในทันใด

ว่ากันว่าเทพยดาที่สิงสถิตบนเขาได้ให้สาธุการแก่นาง กล่าวคาถา (โศลก - อ่านว่า สะ-โหฺลก) ว่า

“ใช่ว่าบุรุษจะเป็นบัณฑิตเท่านั้นไม่
แม้สตรีผู้มีปัญญาแจ้งประจักษ์
ใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสถานการณ์นั้นๆ
ก็เป็นบัณฑิตได้เช่นเดียวกัน”


นางเดินลงเขา ไม่คิดกลับบ้าน เพราะเกรงบิดามารดาจะทำโทษ จึงไปบวชเป็นพาชก สำนักปริพาชก นางเรียนจบเคล็ดวิชาทั้งหมดจากอาจารย์แล้วก็สัญจรไปยังเมืองต่างๆ เพื่อโต้วาทะกับผู้รู้ ปรากฏว่า ไม่มีใครหักล้างวาทะของนางได้ ชื่อเสียงความเป็นผู้มีปฏิภาณยอดเยี่ยมของนางแพร่ขจายไปอย่างรวดเร็ว วันหนึ่ง นางผ่านไปยังหมู่บ้านหนึ่ง จึงปักกิ่งหว้าไว้กลางทาง กล่าวว่าใครสามารถโต้วาทะกับเรา จงเหยียบกิ่งหว้านี้ เด็กๆ พากันเฝ้าดูคนสัญจรไปมาว่าจะมีใครกล้าเหยียบหรือไม่ ก็ไม่มีใครกล้า

พระสารีบุตรอัครสาวก เดินผ่านมาเห็นเด็กๆ ล้อมวงกันอยู่ จึงถามไถ่ทราบเรื่องแล้ว บอกให้เด็กเหล่านั้นเหยียบกิ่งหว้า พวกเด็กก็พากันเหยียบย่ำกิ่งหว้าของนางกันสนุกสนาน นางเจ้าของกิ่งหว้ามาพบเข้า จึงดุด่าเด็กเหล่านั้น เมื่อรู้ว่าพระสมณะรูปหนึ่งสั่งให้เหยียบ จึงตามไปจนทัน ถามว่าท่านสั่งให้เด็กๆ เหยียบกิ่งหว้าของดิฉันหรือ

“ใช่แล้ว ปริพาชิกา”

“ท่านสามารถตอบปัญหาของดิฉันหรือ จึงสั่งให้เหยียบกิ่งหว้า"

“เราตอบได้ ปริพาชิกา ถามมาสิ” พระเถระตอบอย่างสงบ


นางกุณฑลเกสี จึงถามปัญหายากๆ ที่นางได้เล่าเรียนมาจากสำนักอาจารย์ ถามกี่ข้อๆ พระเถระก็ตอบได้หมด เสร็จแล้วพระเถระถามว่า “เธอถามเรามามากแล้ว เราขอถามบ้าง” ว่าแล้วท่านก็ถามว่า “อะไรชื่อว่าหนึ่ง”

นางมืดแปดด้าน จึงเรียนถามท่านว่า นี้เรียกว่าอะไร พระเถระตอบว่า นี้เรียกว่า “พุทธมนต์” พระเถระเรียนมาจากพระพุทธเจ้า เมื่อนางขอให้สอนให้บ้าง พระเถระจึงบอกว่าจะสอนให้เฉพาะคนที่ถือเพศบรรพชิต (คือบวชในพระพุทธศาสนาเท่านั้น)

นี้แลคือสาเหตุที่นำนางมาสู่พระพุทธศาสนา นางบวชในสำนักนางภิกษุณี ปรากฏนามว่า กุณฑลเกสีเถรี บวชเพียงสองสามวันเท่านั้นก็ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมปฏิสัมภิทา หลังจากฟังพระธรรมเทศนาสั้นๆ จากพระพุทธองค์

ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในวันหนึ่งว่า พระกุณฑลเกสีเก่ง สามารถเอาชนะมหาโจรโหดร้ายได้ แม้มาบวชแล้วฟังธรรมเพียงสั้นๆ ก็บรรลุพระอรหัตได้ พระพุทธองค์ตรัสว่า “ธรรมะของตถาคต ไม่จำกัดว่าสั้นหรือยาว น้อยหรือมาก ย่อมอำนวยประโยชน์ได้ทั้งนั้น และคนที่นับว่าเก่งคือคนชนะกิเลสได้ ไม่ใช่ชนะโจรภายนอกได้” แล้วตรัสโศลกความว่า “ผู้ที่กล่าวโศลกตั้งพัน แต่ไม่ทำให้ผู้ฟังสงบระงับได้ ไม่ประเสริฐ พระธรรมบทเดียวที่ฟังแล้วทำให้ใจสงบระงับประเสริฐกว่า ผู้ที่ชนะข้าศึกในสงครามเป็นพันๆ หาชื่อว่าเป็นยอดผู้พิชิตไม่ ผู้ที่ชนะตนนั้นแลนับเป็นยอดผู้พิชิตแท้จริง”


ประวัติมิได้บอกว่าพระเถรีเป็นเลิศในทางใด แต่จากอรรถกถาเถรีคาถา ได้ทราบว่า มีคาถาหรือโศลกธรรมของพระเถรีจำนวนมาก บรรยายถึงการสัญจรไปแสดงธรรมแก่ประชาชนยังแคว้นต่างๆ เช่น แคว้นอังคะ กาสี และโกศล แสดงให้เห็นถึงฉันทะอันแรงกล้าในการช่วยพระพุทธองค์ประกาศพระพุทธศาสนา

พระเถรีดำรงอยู่จนจวบอายุขัย แล้วก็นิพพานเหลือทิ้งไว้แต่คุณงามความดีให้พุทธศาสนิกชนได้อนุสรณ์ถึงชั่วกาลนาน...


:b8: :b8: :b8: คัดมาจาก...หนังสือ พุทธสาวก พุทธสาวิกา
ประมวลประวัติพระเถระพระเถรี อุบาสกอุบาสิกาสมัยพุทธกาล
เรียบเรียงโดยศาสตราจารย์พิเศษ เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต


:b50: :b47: :b50:

:b45: ภิกษุณี ในสมัยพุทธกาล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=46460


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2022, 21:57 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร