ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
พระนางสุปปวาสา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=71&t=26758 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | วรานนท์ [ 06 พ.ย. 2009, 20:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระนางสุปปวาสา |
พระนางสุปปวาสา เอตทัคคะในฝ่ายผู้ถวายของมีรสอันประณีต พระนางสุปปวาสา เป็นธิดาของกษัตริย์พระนครโกลิยะ ทรงเจริญวัยแล้ว ได้อภิเษกสมรสกับศากราชกุมารพระองค์หนึ่ง จากนั้นไม่นานนักก็ทรงครรภ์ แต่การทรงครรภ์ของพระนางนั้นผิดกว่าหญิงอื่นๆ เพราะพระนางทรงครรภ์อยู่ถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน จึงประสูติพระโอรสออกมาพระนามว่า “สีวลี” (เรื่องของพระสีวลีนั้นจะได้กล่าวไว้แล้วใน เอตทัคคะพระเถระ ในเรื่องของพระสีวลี ต่อไป) พระนางได้เข้าเฝ้าพระบรมศาสดาครั้งแรก ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธองค์จบแล้ว ก็ดำรงอยู่ในอริยภูมิเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระโสดาบัน ครั้นเมื่อใกล้เวลาจะประสูติ พระนางได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้าจึงขอให้พระสมามีไปกราบบังคมทูลขอพรพระบรมศาสดาและพระพุทธองค์ตรัสประทานพรแก่พระนางว่า “ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด” ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานไป พระนางประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า “สีวลีกุมาร” เมื่อพระนางมีพระวรกายแข็งแรงดีแล้ว มีพระประสงค์ที่จะถวายมหาทานติดต่อกันเป็นเวลา ๗ วัน จึงแจ้งความประสงค์แก่พระสวามีให้กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ มารับมหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชนิเวศน์ ตลอด ๗ วัน ให้อาหารชื่อว่าให้สิ่งประเสริฐ ๕ ประการ พระพุทธองค์เสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว เมื่อทรงหระทำอนุโมทนาได้ตรัสพระธรรมเทศนาแก่พระนางสุปปวาสาว่า “ดูก่อนสุปปวาสา บุคคลผู้ถวายโภชนาหารแก่ปฏิคาหก (ผู้รับ) ชื่อว่าให้สิ่งอันประเสริฐทั้ง ๕ ประการ คือ ให้อายุ ให้วรรณะ ให้สุขะ ให้พละ และให้ปฏิภาณ” “ดูก่อนสุปปวาสา บุคคลให้ของเช่นไรก็ย่อมได้ของเช่นนั้น คือ ผู้ให้อายุ ก็ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุ ทั้งที่เป็นของทิพย์ ทั้งที่เป็นมนุษย์ เป็นต้น ผู้ให้สิ่งอื่นๆ ก็พึงทราบโดยนัยเดียวกัน” สีวลีกุมาร แม้จะประสูตริได้ไม่กี่วัน แต่ก็มีพระวรกายแข็งแรงเหมือนกุมารผู้มีพระชนม์ ๗ พรรษา ได้ช่วยพระบิดาพระมารดาขวนขวายจัดแจงกิจต่างๆ ในการถวายภัตตาหารแด่พระบรมศาสดาและพระภิกษุสงฆ์ พระสารีบุตรเถระได้สีงเกตสีวลีกุมารตั้งแต่วับแรก รู้สึกพอใจในอัธยาศัยของกุมารน้อยนี้ ในวันที่ ๗ อันเป็นวันสุดท้าย พระเถระได้ชักชวนให้เธอมาบวช สีวลีกุมารผู้มีจิตน้อมไปในการบวชอยู่แล้ว เมื่อพระบิดาพระมารดาอนุญาตแล้ว จึงได้บวชในสำนักของพระสารีบุตรเถระ และได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เป็นพระอริยสาวกสำคัญในพระพุทธศาสนา ต่อมา พระบรมศาสดาขณะประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร เมื่อทรงสถาปนาอุบาสกทั้งหลายในตำแหน่งต่างๆ ก็ได้ทรงสถาปนาพระนางสุปปวาสาโกลิยธิดานี้ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าอุบาสิกาทั้งหลาย ในฝ่าย ผู้ถวายของมีรสอันประณีต |
เจ้าของ: | กระบี่ไร้เงา [ 06 พ.ย. 2009, 21:58 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: พระนางสุปปวาสา | ||
Quote Tipitaka: ดูกรนางสุปปวาสา อริยสาวิกาผู้ให้โภชนะ ชื่อว่าย่อมให้ฐานะ ๔ แก่ปฏิคาหก ฐานะ ๔ เป็นไฉน คือ ให้อายุ วรรณะ สุขะ พละ ครั้นให้อายุแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งอายุ อันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้วรรณะแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งวรรณะ อันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้สุขแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งสุข อันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ครั้นให้พละแล้ว ย่อมเป็นผู้มีส่วนแห่งพละ อันเป็นทิพย์หรือเป็นของมนุษย์ ดูกรนางสุปปวาสา อริยสาวิกา เมื่อให้โภชนะ ชื่อว่าย่อมให้ฐานะ ๔ ประการนี้แก่ปฏิคาหก ฯ อริยสาวิกา ย่อมให้โภชนะที่ปรุงแล้ว สะอาดประณีตสมบูรณ์ด้วยรส ทักษิณานั้นอันบุคคลให้แล้วในท่านผู้ดำเนินไปตรง ผู้ประกอบด้วยจรณะ ผู้ถึงความเป็นใหญ่ สืบต่อบุญกับบุญ เป็นทักษิณามีผลมาก อันพระพุทธเจ้าผู้รู้แจ้งโลกสรรเสริญแล้ว ชนเหล่าใดเมื่อระลึกถึงยัญเช่นนั้น ย่อมเป็นผู้มีความโสมนัสเที่ยวไปในโลก กำจัดมลทินคือความตระหนี่พร้อมทั้งรากเง่าออกแล้ว ชนเหล่านั้นไม่ถูกนินทาย่อมเข้าถึงฐานะคือสวรรค์ ฯ จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต สุปปวาสสูตร http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=21&A=1683 ในพระสูตรที่เกี่ยวข้องกับ นางสุปปวาสา มีอรหัตมรรค ซึ่งเป็นคาถาธรรมบท ที่มีความไพเราะมากเจ้าค่ะ ขออัญเชิญให้ท่านผู้อ่านได้น้อมพิจารณาค่ะ Quote Tipitaka: ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่า พระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาทรงมีพระทัยชื่นชม เบิกบาน เกิดปีติโสมนัสแล้ว จึงตรัสถามพระนางสุปปวาสาโกลิยธิดาว่า ดูกรพระนาง พึงปรารถนาพระโอรสเห็นปานนี้แม้อื่นหรือ พระนางสุปปวาสากราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญ หม่อมฉันพึงปรารถนาบุตรเห็นปานนี้แม้อื่นอีก ๗ คนเจ้าค่ะ ฯ ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ทุกข์อันไม่น่ายินดี ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท โดยความเป็นของน่ายินดี ทุกข์อันไม่น่ารัก ย่อมครอบงำคนผู้ประมาท โดยความเป็นของน่ารัก ทุกข์ทั้งหลาย ย่อมครอบงำบุคคลผู้ประมาท โดยความเป็นสุข ฯ
|
เจ้าของ: | nateay [ 20 ก.ย. 2011, 18:39 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: พระนางสุปปวาสา | ||
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปคะ
|
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |