วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 21:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2022, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


“หลวงปู่อว้าน เขมโก” เล่าถึง...
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ-หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน

รูปภาพ

๏ หลวงปู่บุญหนา

หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน​ เพิ่นแก่กว่าเรา (หลวงปู่อว้าน เขมโก)​ นะ เพิ่นติดตามหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ​ ตั้งแต่เป็นเณร

สมัยที่เพิ่นติดตามหลวงปู่อ่อนไปวัดป่าอุดมสมพร ตอนนั้นยังไม่สร้างเป็นวัด ที่นั่นมันมีหนองน้ำอยู่ (หนองแวง) โยมเขาไปใส่เบ็ดที่หนองน้ำนั้น หลวงปู่บุญหนายังเป็นเณรอยู่ เขามาใส่เบ็ด เณรบุญหนาเดินเลาะดูเบ็ด เห็นปลามาติดเบ็ดเขา สงสารปลา เพิ่นก็จับไปปล่อย กลับมาหลวงปู่อ่อนรู้ ท่านก็ว่า “เณรปาราชิก ฮิบหนี​ๆ” (ให้รีบหนีไป) หลวงปู่บุญหนาเพิ่นก็อดทน หลวงปู่อ่อนก็ไม่พูดจาด้วย ไล่หนี หลวงปู่บุญหนาก็บ่หนีอยู่นั่นแหละ อยู่มา ๒ วัน ๓ วัน เพิ่นจึงค่อยเว่านำ “โอ้ย มีแฮงหลาย” หลวงปู่บุญหนาว่า หลวงปู่บุญหนานะ ถึงหลวงปู่อ่อนเพิ่นจะตีรบทบซ้ายใส่ยังไง ท่านก็อดทน บ่หนีล่ะ

เราไปเจอกันกับเพิ่นที่บ้านหนองบัวบาน เพิ่นบวชเป็นพระแล้ว ตอนนั้นพระมี ๔ หรือ ๕ องค์นี่แหละ หลวงปู่บุญหนาเป็นผู้สวดปาฏิโมกข์ ออกพรรษาแล้วเพิ่นก็ไปเที่ยวกับหลวงปู่ชอบ​ ฐาน​สโม​


๏ ผ่านมาเหมือนกัน

กำลังของหลวงปู่อ่อนน่ะกำลังขององคุลิมาล วิ่งไล่แข่งกับวัวกับควายนี่ท่านชนะ วิ่งไล่แข่งกับม้านี่เพิ่นวิ่งทันนะ กำลังเพิ่นนะ กำลังมากหลวงปู่อ่อนน่ะ ฉีดยากล้ามเนื้อนี่ยาไม่เข้าเส้นแหละ หมอเขาฉีดยาเข้าที่กล้ามเนื้อของเพิ่นนี่เป็นไซริงค์หลุดออกจากเข็มเลยนะ ยาหกออกหมด กลิ่นเหม็นด้วยยาน่ะ มันไม่เข้า ไซริงค์หลุดจากเข็มเป็นอย่างนั้นแหละ หลวงปู่อ่อนนี่กล้ามเนื้อเพิ่นตันหมดเลย กล้ามเนื้อเพิ่นแน่นอีหลี

สมัยนั้นวาระปฏิบัติหลวงปู่อ่อน เพิ่นได้แบ่งกันองค์ละ ๗ วัน มีพระเณรอยู่กับเพิ่นบ่มีมาก ประมาณ ๔ หรือ ๕ องค์เท่านั้นแหละ

ตอนเป็นเณรนี้เวลาจับเส้นถวายท่าน เราต้องใช้กำลังมากนะ ขาข้างหนึ่งนี่ต้องยันฝาผนังไว้ แล้วใช้ข้อศอกเรานี่กดลงไป ทำอย่างนั้นแหละมันจึงค่อยถึงเส้นเพิ่น ไม่ทำอย่างนั้นไม่ถึงหรอก ตอนนั้นข้อศอกเรานี่ถลอกหมดแหละ ต้องเปลี่ยนข้างนะ สมมุติว่าใช้ศอกขวายัน ก็ยันจนหนังถลอกลอก เจ็บ พอง แล้วก็มาใช้ข้างซ้ายแทน ข้างซ้ายก็แตกพองอีกแหละทีนี้ พอข้างขวาหายเจ็บ ก็ใช้ข้างขวากดเส้นอีกอย่างนี้แหละ สลับกันอย่างนี้ไปมาทั้งซ้ายทั้งขวา ไม่งั้นไม่ไหวหรอก

ตอนหลังหลวงปู่บุญหนาเวลาเห็นเราแล้วเพิ่นจะหัวเราะริกๆ แล้วก็เข้ามาลูบที่ศอกเรา หมายความว่าต่างองค์ต่างก็ผ่านการปฏิบัติอุปัฏฐากหลวงปู่อ่อนมาเหมือนกัน ข้อศอกแตกมาเหมือนกัน


๏ ให้เคารพของสงฆ์

หลวงปู่อ่อนเพิ่นเน้นสอนพระวินัย ดูเหมือนองค์อื่นๆ ไม่ปรากฏนะ ท่านก็สอนให้เราได้รู้ได้เคารพนั่นแหละ จะได้ไม่ประมาท เพิ่นว่า “พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ พวกเราฝ่ายปฏิบัติจะต้องเป็นผู้ทรงไว้รักษาไว้ ถ้าไม่ทรงไว้รักษาไว้แล้ว จะให้ใครล่ะเป็นผู้ทรงไว้รักษาไว้ เราจะปล่อยให้เสื่อมสูญไปหรือล่ะ”

เราเป็นเณรไปซ่อมที่สรงน้ำของหลวงปู่อ่อน ทีนี้แดดก็ร้อน ต้องวิ่งเข้าวิ่งออก ไปตีตะปู พอเสร็จแล้วก็เก็บเครื่องไม้เครื่องมือ แต่ตะปูงอไม่ได้เก็บ หลวงปู่อ่อนปัดตาดมาเจอตะปูงอเข้าทีนี้ โอ้ย ก็เลยหยิบมาเทศน์เรื่องของสงฆ์ล่ะ เวลาฉันปานะท่านก็เทศน์แต่เรื่องของสงฆ์ล่ะทีนี้ นานกว่าจะได้กวาดตาด กว่าจะได้สรงน้ำนี่ค่ำทุกวัน ท่านเทศน์แต่เรื่องของสงฆ์ล่ะ เพิ่นให้รักษา พระพุทธเจ้าให้รักษาของสงฆ์ ไม่ให้ทำลายของสงฆ์ ของสงฆ์เจริญ เราก็เจริญ ของสงฆ์เพิ่นให้เก็บ เพิ่นบ่ให้ประมาทแม้สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ก็ดี เทศน์อยู่หลายวันกว่าเพิ่นจะหยุด

๏ ท่านรู้ท่านเห็น

ที่ว่าหลวงปู่อ่อนดุๆ​ นั้น ถ้าเราเดินผิดทาง​ ท่านจึงค่อยดุ ถ้าเราไม่ผิดธรรม ท่านก็ไม่ดุหรอก​ หลวงปู่อ่อนน่ะท่านรู้เห็นจิต ท่านรู้เห็นจิตคนท่านจึงดูออกหมด

หลวงปู่อ่อนเพิ่นรู้เห็นจริตนิสัยของเรา ตอนเป็นเณรท่านจึงให้คาถาเสกใส่น้ำล้างหน้า ตบหัว ในเวลาเช้าตอนเราจะล้างหน้าล้างตาน่ะ ให้เสกคาถานี้ใส่น้ำล้างหน้า “สัง วิ ธา ปุ​ กะ ยะ ปะ” เพิ่นให้คาถาตอนเป็นเณร ตื่นขึ้นมายามเช้าก่อนล้างหน้า เพิ่นให้จ่มคาถาเป่าใส่น้ำแล้วล้างหน้าตบหัวน่ะ เพราะเมื่อก่อนเรามันก็อย่างว่านั่นแหละ มันยังปึกอยู่ เพิ่นเลยให้คาถา

จริตนิสัยของเรามันไม่ไปทางเรียน หลวงปู่อ่อนท่านก็ไม่ส่งเสริมการเรียนปริยัตินะ หลวงปู่มั่นท่านก็ไม่ส่งเสริม เพิ่นว่าการศึกษาเล่าเรียนนั้นมันเรียนออก เรียนออกจากธรรม แต่การปฏิบัติน่ะเป็นการปฏิบัติเข้าหาธรรม ท่านจึงส่งเสริมให้ปฏิบัติ ปริยัติเป็นการเรียนออกจากธรรม แต่ถ้าเรียนรู้แล้วนำมาปฏิบัตินั้นมันก็ดีแหละ ส่วนมากเมื่อเรียนรู้แล้วมักจะไปทางโลกเสียหมดอันนี้ มันไม่ดี ถ้าปฏิบัติน่ะเป็นการเข้าหาธรรม เอากายวาจาใจของเราเข้าหาธรรม เพิ่นส่งเสริมการปฏิบัติ แต่ปริยัติท่านก็ไม่ให้ประมาท ถ้าเรียนรู้แล้วนำมาปฏิบัติ มันก็จะเจริญล่ะศาสนา แต่ส่วนใหญ่รู้แล้วไม่นำมาปฏิบัติ เพิ่นก็เลยไม่ส่งเสริม


:b8: :b8: :b8:

คัดจาก : หนังสือ ปญฺญารตนํ​ พระอว้าน​ เขมโก​
ชีวประวัติ​ ปฏิปทา​ และพระธรรม​เทศนา​ หน้า​ ๓๓​-๓๕


:b49: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=24879

:b49: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่บุญหนา ธัมมทินโน”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=20850

:b49: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่อว้าน เขมโก”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=22527


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2022, 19:15 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร