วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2021, 05:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

เมื่อเช้านี้ก็พูดบรรดาผู้มีบุญมีคุณ ผู้มีบุญ หมายถึงว่า เกิดขึ้นมาแล้ว เป็นมนุษย์เป็นผู้มีบุญผู้มีคุณ ได้บำรุงพระพุทธศาสนา ใส่บาตรให้พระสงฆ์องค์เจ้า ท่านว่ามีคุณ

ขอเตือนเมื่อเช้าก็พูดถึงหลวงปู่มั่น คำสอนของหลวงปู่มั่น พากันจำไปคิดหรือเปล่า

ท่านบอกไว้ชัดเจน เราควรคิดถึงตนของตน วันหนึ่งให้คิดซะบ้าง เรื่องโลกเรื่องสงสาร กลืนไป กินหมด

จิตดวงนี้ก็เป็นโลกอยู่แล้ว วัตถุเข้ามาอันนี้ เข้ามาอันนั้น เข้าสูงเข้าไป ถมเข้ามา ทีนี้ลืมคิดถึง

ท่านจึงว่า พวกเราทั้งหลายเราควรพิจารณาเนืองๆ เรามีความแก่ เกิดมาเป็นอย่างนี้ ความเจ็บไข้ ถึงโอกาสที่ควรจะเป็น ก็เป็นอย่างนี้ ส่วนความตายไม่มีใครเหลือ

ขึ้นชื่อว่าเกิดตาย เรียบหมด ถึงการอันควรตายไม่มีเหลือ


สิ่งเหล่านี้เราก็เห็น เกิดมาเท่าไหร่รู้กันหมด คนนั้นตาย คนนี้ตาย แล้วไม่คิดเจ้าของเอง จะถึงเราวันไหนล่ะ เรามีอะไรเป็นที่พึ่งเวลาจะตาย

นักปราชญ์ท่านสอน ลูกก็ช่วยไม่ได้ เมียก็ช่วยไม่ได้ ผัวก็ช่วยไม่ได้ สมบัติก็ช่วยไม่ได้ ใครๆ ก็ช่วยไม่ได้. ไปคนเดียว นอกจากบาปและบุญ ถ้าทำบาปมาก ใครก็ช่วยไม่ได้

ถ้ากุศลมาเป็นคุณหนุน คือ ป้องกัน ท่านจึงว่า ธัมโมหะเว รักขะติ ธัมมจารี ช่วยได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ธรรมคุ้มครองป้องกันไม่ให้พวกเราตกในทางที่ต่ำทราม ตกในทางที่ชั่ว

ความชั่วก็คือ นรก ธรรมมีแต่ยกจิตนี้ให้สูงขึ้นนั้น หลวงปู่มั่นท่านจึงว่า การบำรุงสิ่งใดๆในโลกนั้น คือ การบำรุงใจเป็นเยี่ยม

จุดที่เยี่ยมยอด คือ ใจ เราควรบำรุงรักษาให้ดี ฟังให้ดีนะ เราควรบำรุงรักษาด้วยดี ได้ใจตนแล้ว ก็คือได้ธรรม เห็นธรรมแล้ว ก็คือรู้ธรรม เห็นตนแล้วคือ รู้ธรรมทั้งมวลนั้น ถึงใจตนแล้ว คือ ถึงพระนิพพานนั้น

หลวงปู่มั่นได้กล่าว ใจนี้แลเป็นสมบัติอันล้ำค่า จึงไม่ควรอย่างยิ่ง ที่จะมองข้ามไป

คนถ้าไม่สนใจปฏิบัติต่อใจดวงวิเศษน่ะด้านนี้ๆ แม้จะเกิดซักร้อยชาติพันชาติ ก็คือผู้เกิดผิดพลาดอย่างนั้นเอง พวกเราจะเกิดผิดพลาดเหรอ ถ้าไม่หนุนกรรมดี คือ คุณงามความดี ทุกอย่างนี้เป็นเครื่องหนุนจิตตัวนี้ ไม่ให้ตกไปในทางที่เสีย ที่ต่ำ ทุกข์ ที่ยาก ที่ลำบาก คือ กรรมดีเท่านั้น

คือ ทำให้มาก พาวิตา พหุลีกะตา นั้นทำให้มาก เจริญให้มาก แต่ส่วนมาก พากันคิดเอา ไม่ว่าท่าน ไม่ว่าเรา กิเลสตัวนี้มันกีดมันขวาง ขี้เกียจมักง่าย ทุกด้านทุกมุมอยู่ในหัวใจชัดเจนๆ

ใครจะแก้หรือไม่แก้ มันก็เติมตัวเจ้าของเอง ถ้าไม่แก้ ก็ไม่มีวันที่จะเจริญเช่นนั้นว่าขี้เกียจไม่มีดี เดียวนี้ขี้เกียจมักง่ายหมด ความสะดวกสูงเท่าไร ยิ่งขี้เกียจ ยิ่งมักง่าย

มันดียังไงวิจัยดูซะบ้าง ขี้เกียจมักง่ายมันดีอะไรบ้าง พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่ดีจริงของพระองค์ไหม ถ้าขี้เกียจน่ะทำหน้าที่การงานก็ไม่ได้เรื่องได้เล่า จะทำอะไรก็หนักหน่วงถ่วงใจหมด

ผลสุดท้ายขี้เกียจก็ทับใจ แล้วถ้าขี้เกียจเป็นลูกในหัวอกพ่อแม่ พ่อแม่ก็หนักอกแล้วก็พูดยังไง ถ้าเป็นสูงก็เกลียดขี้ ขี้เกียจ ท่านว่าขี้ว่างั้นเถอะ ถ้าพูดแล้วไม่มีอะไรดีที่จะให้ผ่องใสเลย

ขึ้นชื่อว่าขี้เกียจนี้ ท่านจึงว่าจะว่าบาปก็ไม่ผิด อักขักขะตัง ทุกขตัง เสยโย กรรมชั่วอย่าทำเสียเลย ไม่ดี นี้พากันจำไปสั้นๆแค่นี้

จากนั้นแล้ว ก็ซักดูหัวใจตัวเอง วันหนึ่งมีคุณพุทโธไหม บุญไม่ต้องเสียเงินนั้น ใครมาก็พูดบุญไม่ต้องเสียเงิน

วันหนึ่งได้พุทโธซักสิบคำไหม หรือได้เท่าอายุได้ไหม ถ้าไม่ได้ รีบไปส่งเสริมรีบไปคิด สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ คือ พุทโธนี้

แต่อย่าไม่ให้ไปคิดหา คือ ไม่ให้ไปคิดหาว่า บริกรรมพุทโธ หรือ ระลึกถึงพุทโธ ส่วนมากกิเลสมันชอบแย้งว่า พุทโธไปแล้ว ไม่เห็นได้อะไร

ฐานมันยังไม่มีกำลัง ก็เปรียบเสมือนกับเรา ยังไม่มีเงิน ยังมีไม่ถึงสิบล้าน จะไปสร้างโรงแรมมันผิดฐานะ

อันนี้ก็เหมือนกัน ทำให้มากเจริญให้มาก ไม่ต้องคิดหา พอกำลังพุทโธพอตัวแล้ว จะออกมาเอง สันทิฏฐิโก ผู้ปฏิบัติรู้ชัดเจน ไม่ต้องถามใคร แจ่มแจ้งแจ่มชัดแล้วก็เบาซะด้วยนะ พุทโธตัวนี้ขึ้นมา

ท่านจึงว่าให้ชำระตัวขี้โกรธ ขี้เกียจ ขี้โลภ ขี้หลง รู้ขึ้นในหัวใจ ขี้หึง ขี้หวง นี้ พากันไปแก้เอา

นี้ล่ะ เตือนบรรดาพี่น้องทั้งหลาย ผู้มีบุญมีคุณ นำไปคิดไปอ่าน ถ้าไม่อยากแก้ ก็ตามใจนะ ใครอยากดีก็ทำเอา ใครอยากชั่วก็ทำเอา ก็เจอกับเจ้าของเองเท่านั้น จบเท่านี้พอ ไม่ต้องเอวัง


:b8: :b8: :b8:

โอวาทธรรมคำสอนพ่อแม่ครูบาอาจารย์ องค์หลวงปู่ปรีดา (หลวงปู่ทุย) ฉนฺทกโร
วัดป่าดานวิเวก ตำบลศรีชมภู อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ
แสดงธรรมเนื่องในวันมาฆบูชา (หลังทำวัตรเย็น) วันศุกร์ที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ (ด้วยปีนี้เป็นปีที่มีอธิกมาส คือมีเดือน ๘ สองหน)
:b50: :b49: หมายเหตุ : ถอดความจากเทปโอวาทธรรมคำสอนขององค์หลวงปู่
ห้ามนำพระธรรมเทศนาหลวงปู่ไปดัดแปลงแก้ไขตัดต่อโดยเด็ดขาด


◆◆◆ “วันมาฆบูชา” หรือ “วันจาตุรงคสันนิบาต”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=88&t=58602

:b44: รวมคำสอน “หลวงปู่ปรีดา (ทุย) ฉนฺทกโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=58824


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2022, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2022, 10:37 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2023, 12:38 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร