ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต (หลวงปู่ชอบ-หลวงพ่อสมศรี) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=50259 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 13 มิ.ย. 2015, 15:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต (หลวงปู่ชอบ-หลวงพ่อสมศรี) |
หลวงปู่ชอบ ฐานสโม - วัดป่าสัมมานุสรณ์ หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ - วัดป่าเวฬุวนาราม สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต : หลวงปู่ชอบ ฐานสโม-หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ เย็นวันที่ ๒๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ นั่งฉันน้ำกับหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ด้วยกันสององค์ที่โรงน้ำร้อน หลวงพ่อสมศรีท่านชวนเรา (ครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท) คุยเรื่องขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และเรื่องการปฏิบัติระหว่างท่านกับเรา ระหว่างที่คุยกันเรื่องขององค์ท่านหลวงปู่ชอบด้วยความสนุกสนานกันนั้น หลวงพ่อสมศรีท่านถามเราว่า กล้วย...ตอนหลวงปู่เป็นพระหนุ่ม ท่านเคยมีใจชอบพอผู้หญิงบ้างไหม ท่านเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟังไหม ผมไม่กล้าถามท่านในเรื่องนี้กลัวหลวงปู่ท่านจะดุเอา รุ่นสุดท้ายผมก็เห็นท่านนี่แหละที่หลวงปู่ท่านเปิดออกมาทุกเรื่อง... เราก็เลยเล่าเรื่ององค์ท่านหลวงปู่ชอบหัวใจท่านตกหล่ม ที่อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้ท่านหลวงพ่อสมศรีฟัง องค์ท่านหลวงปู่ชอบไปเจอกับคู่วาสนาบารมีเก่า ที่เคยเกิดเป็นคู่กันในภพชาติที่ผ่านมา ท่านบอกพอมาเจอกันในชาติปัจจุบัน ใจท่านเกิดเอนเอียงไปกับผู้หญิงคนนี้ สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีตมันตีขึ้นมาในจิตใจของท่าน ท่านว่าพุทโธที่เคยสั่งสมอบรมมากลายเป็น “พุดทอง” ขึ้นมาแทนที่ หลวงปู่ท่านมีใจปฏิพัทธ์ให้กับสาวทองบ้านหินฮาว อำเภอหล่มเก่า จนท่านเจริญจิตเจริญธรรมในใจไม่ขึ้น... ขนาดตอนนั้นภูมิจิตขององค์ท่านได้ฌานสมาบัติแปดแล้ว ยังเกิดตื้อตันพลันสะดุดเพราะกามคุณมาปกปิดปัญญาของจิตเอาไว้ องค์ท่านหลวงปู่ชอบทบทวนพิจารณาหาเหตุที่มาของกามคุณ ที่มากวนจิตใจของตนเอง ท่านพิจารณาเห็นเหตุ “เหตุเพราะความคิดนี้เองที่เป็นสะพานทอดผ่าน ให้กิเลสมันมาย่ำยีจิตใจของเราในตอนนี้” พอท่านพิจารณาเห็นสะพานของเหตุแล้ว องค์ท่านหลวงปู่ชอบจึงพลิกปัญญาทำลายสะพานความคิด ปิดเส้นทางสัญจรของกิเลสบุพเพอาละวาดของท่านลงไปได้ แต่ตอนนั้นท่านเป็นเพียงละลาอาลัยในบุคคลเท่านั้น ท่านยังไม่ได้ถึงขึ้นถอดถอนในชั้นกามคุณ... องค์ท่านหลวงปู่ชอบหนีออกไปจำพรรษา ที่ถ้ำนายม จังหวัดเพชรบูรณ์ กับตาผ้าขาวสง่า อนาคามี องค์ท่านเร่งความเพียรแบบเอาเป็นเอาตายเข้าแลก จนก้นกับเท้าของท่านแตก ท่านถือเนสัชชิกธุดงค์ไม่หลับไม่นอน จนตาท่านเกือบบอดเพราะความเพียร การแลกเอาธรรมอย่างอุกฤษฎ์ของท่านนี้หลวงปู่ท่านก็ได้ธรรมอย่างสมใจ จิตท่านยกภูมิขึ้นเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น เป็นพระโสดาบัน “เอกพีชี” เพราะผลจากกำลังวิปัสสนาภูมิขององค์ท่าน... ท่านบอกถ้าเราตายในตอนนั้นเราก็จะได้เกิดอีกเพียงชาติเดียว แต่เราไม่ต้องการเกิดอีกต่อไป เราจึงเร่งเอาให้มันจบทุกข์กันทีเดียวในชาตินี้ สุดท้ายท่านก็มาจบทุกข์โศกที่เมืองพม่า... เราก็คิดคะนองอยากจะรู้เรื่องของหลวงพ่อสมศรี ในชีวิตบวชของท่านเคยมีเหตุแบบนี้หรือไม่...? เพราะท่านไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน ถามท่านว่า ชีวิตบวชของอาจารย์เคยสะดุดในเรื่องแบบนี้หรือเปล่า หลวงพ่อสมศรีท่านก็ยิ้มตามบุคลิกลักษณะนิสัยของท่าน ท่านบอกก็มีเหมือนกัน เคยเป็นครั้งเดียวตอนพรรษายังไม่ถึงสิบ หัวใจหลงทางอยู่สี่วันจึงแก้กลับคืนมาได้ ตอนนั้นตัวท่านเองป่วยทั้งกาย ป่วยทั้งใจ พอว่าจบหลวงพ่อสมศรีท่านก็หัวเราะกับเรื่องราวของตนเองที่ผ่านมา เราก็เลยนิมนต์ขอให้ท่านเล่าถึงเหตุที่มาที่ไป และกลอุบายวิธีที่ท่านใช้แก้ไขจิตใจตนเองให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ หลวงพ่อสมศรีท่านก็พูด ผมไม่อยากเล่าให้ท่านฟังในเรื่องนี้ เดี๋ยวท่านจะเอาไปเล่าต่อ ถ้าเล่าให้ฟังแล้วท่านอย่าเอาไปเล่าต่อได้ไหม เราก็บอกท่านว่า เรื่องนี้ผมไม่กล้ารับปากเพราะผมเป็นคนปากบอน ถ้าเรื่องไหนได้ยินได้ฟังมาแล้วเป็นเรื่องที่สะดุดใจได้คติ ถ้าไม่ได้พูดไม่ได้เล่าออกมาแล้วมันจะจุกในใจ กินข้าวบ่แซบ นอนกะบ่หลับ หลวงพ่อสมศรีท่านก็หัวเราะอย่างใหญ่ ท่านบอกท่านจะเล่าเพียงจบเดียวแล้วจะไม่เล่าอีก จากนั้นท่านก็เล่าให้ฟังถึงเรื่องท่านจิตสะดุด ท่านว่า ตอนนั้นท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร พาท่านไปเที่ยววิเวกแถวภูเรือ หลังจากออกจากบ้านกลาง ตำบลสานตม อาจารย์จันทร์เรียนชวนท่านกลับมาหาองค์ท่านหลวงปู่ชอบ ที่วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน จังหวัดเลย อาจารย์จันทร์เรียนพากันเดินทางออกจากบ้านกลาง โดยท่านอาจารย์จันทร์เรียนเดินนำหน้าไปกับเณรอีกรูปหนึ่ง หลวงพ่อสมศรีท่านเดินตามหลังมาพร้อมกับเณรนารี (ทิดนารี หลานท่านพระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร) เนื่องจากตอนนั้นท่านป่วยเป็นไข้จึงเดินตามอาจารย์จันทร์เรียนไม่ทัน ท่านเดินทางผ่าทางบ้านถ้ำมูลตัดเข้าถนนเส้นภูเรือ-วังสะพุง โดยที่ท่านไม่รู้ว่าท่านอาจารย์จันทร์เรียนแวะเข้าพักรอท่านอยู่ที่ถ้ำมูลน้อย ท่านเข้าใจว่าอาจารย์จันทร์เรียนคงแวะพักที่บ้านกกกอก พอเดินทางมาถึงทางปากทางแยกเข้าบ้านหมากแข้ง หลวงพ่อสมศรีกับเณรนารีจึงพากันแวะเข้าไปบ้านกกกอก เพราะท่านเข้าใจว่าท่านอาจารย์จันทร์เรียนท่านรออยู่ที่นั่น… ตอนเย็นท่านกับเณรนารีพากันเดินทางมาถึงวัดป่าบ้านกกกอก (วัดป่าปริตบรรพต อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย) ปรากฏไม่พบท่านอาจารย์จันทร์เรียนอยู่ที่นี่ และไม่มีพระเณรซักองค์อยู่ที่วัดป่าบ้านกกกอกเลยในตอนนั้น ไหนๆ ก็เดินทางมาถึงตอนค่ำมืดแล้ว ร่างกายตนเองก็ไม่ไหวเจ็บระบมเพราะพิษไข้ ท่านกับเณรนารีจึงพากันพักอยู่ที่นี่ก่อน ท่านอยากจะพักฟื้นร่างกายของตนเองให้หายจากพิษไข้ ก่อนที่จะเดินทางมาหาองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่บ้านโคกมน วันที่สองที่หลวงพ่อสมศรีท่านพักอยู่บ้านกกกอก ชาวบ้านเมื่อทราบว่ามีพระเณรมาพักที่วัด เป็นธรรมเนียมของชาวบ้านกกกอกสมัยนั้น เมื่อมีครูบาอาจารย์พระเณรเข้ามาพักอยู่ในวัด คนหนุ่มสาวเขาจะพากันมาตักน้ำใส่ตุ่มใส่ไห เอาไว้ให้ครูบาอาจารย์พระเณรใช้บริโภคอาบสรง วันนั้นหลวงพ่อสมศรีท่านยืนอยู่ที่ศาลา มองดูวัยรุ่นหนุ่มสาวพากันมาตักน้ำในวัดใส่ตุ่มใส่ไห สายตาของท่านก็ไปสะดุดกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มาตักน้ำกับเพื่อนๆ พอท่านได้สบหน้าสบตากับหญิงสาวนางนี้แค่เพียงชั่วขณะจิต ใจของท่านก็เกิดวูบวาบ มีใจปฏิพัทธ์ให้กับหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาในทันทีทันใด แต่ก่อนแต่ใดมาจิตใจของท่านก็ไม่เคยเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลย แต่พอมาเจอกันกับหญิงสาวคนนี้ ใจของท่านถึงกับรวนเรเซซวนไป ตั้งแต่พบกับหญิงสาวคนนี้จิตใจของท่านก็ว้าวุ่น ข่มจิตข่มใจภาวนาไม่ลงปลงไม่ตก สามวันผ่านที่ใจเป็นแบบนี้ ท่านก็ยังหาอุบายวิธีปลงจิตปลงใจให้กับตนเองยังไม่ได้... เข้าวันที่สี่ หลังจากหลวงพ่อสมศรีท่านเดินจงกรม ดับความว้าวุ่นให้หัวใจของตนเองไม่ลง ท่านเข้ามานั่งพักในศาลาวัดป่าบ้านกกกอก ท่านนั่งพิจารณาหาอุบายวิธีดับทุกข์ปัญหาคาใจให้กับตนเอง จู่ๆ เหมือนมีสิ่งดลใจหรือเป็นเพราะบุญบารมีธรรมของท่าน มาดลบันดาลให้ก็ไม่รู้ได้ ท่านเดินไปเปิดตู้พระไตรปิฎก เพื่อจะเอาหนังสือพระไตรปิฎกออกมาอ่าน ท่านบอกตอนนั้นเรากะจะเอาหนังสือพระไตรปิฎกออกมาอ่าน เพื่อแก้กลุ้มให้กับหัวใจของตนเองเท่านั้น... เหมือนมีสิ่งดลใจให้ท่านหยิบหนังสือไตรปิฎกเล่มนี้ขึ้นมาอ่าน หนังสือเล่มที่ท่านหยิบขึ้นมาอ่าน ท่านบอกมีเรื่องหนึ่งในหนังสือเล่มนี้กล่าวถึงพระภิกษุบวชใหม่ สมัยพุทธกาล แอบมีใจหลงใหลใฝ่รักหญิงสาวคณิกานางหนึ่ง ท่านเล่าแบบรวบรัดพระภิกษุรูปนี้พิจารณาซากศพของหญิงคณิกานางนี้ จนปัญญาของท่านแตกฉานในอสุภกรรมฐาน ถอดถอนกามคุณออกไปจากจิตใจของท่านได้ จนท่านพิจารณาในอวิชชาแตกฉาน สามารถบรรลุมรรคผลได้ในปัจจุบัน หลวงพ่อสมศรีท่านอ่านธรรมบทเรื่องนี้จบ ท่านหันเข้ามาพิจารณาตัวเอง กายเราก็ป่วย จิตเราก็ยังมาป่วยตามอีกหรือนี่ ขณะนั้นกามคุณในจิตของท่านอ่อนตัวลงให้เห็น ท่านวางหนังสือไตรปิฎกเล่มนี้ไว้ที่ตัก ท่านพลิกหมุนจิตของตนเองเข้ามาพิจารณาในกายธาตุ ตามกำลังของวิปัสสนาที่กำลังฮึกเหิมห้าวหาญในตอนนั้น ท่านเกิดปัญญาพิจารณาในกายธาตุอย่างรวดเร็ว ท่านว่าเราพิจารณาเข้าไปในเนื้อหนังมังสาเอ็นเสาเถ้ากระดูกตรงไหน ปัญญาก็ทำหน้าที่อย่างแหลมคมตัดขาดปัญหานั้นๆ จนแหลกกระจุยขาดกันไปหมด ไม่ต่างอะไรกับเอามือฉีกกระดาษให้ขาดสะบั้นโดยทันที ท่านว่าใช้เวลาไม่นานเพียงแค่ชั่วเคี้ยวหมากแหลก จิตท่านก็ถอนจากความหลงใหลในผู้หญิงคนนี้ และถอดถอนอุปาทานคนอื่นใดในโลกนี้ ออกไปจากจิตของตนเองได้ทั้งหมด จิตพ้นสภาวะเป็นทาสของกามคุณ จิตเป็นธรรมไท เป็นอิสระสิ้นสุดในสัญญาของกามารมณ์ มองหญิงมองชายคนไหนก็เป็นไปด้วยเมตตาธรรม จิตไม่ยึดติดกับบุคคลหญิงชายเหมือนกับคฤหัสถ์ผู้สร้างโลก ท่านมาสิ้นสุดในการอาศัยท้องผู้อื่นเพื่อถือกำเนิดที่บ้านกกกอกนี้เอง ฟังหลวงพ่อสมศรีท่านเล่าแล้วเราก็ทึ่งในบุญบารมี ที่ท่านถอดถอนกิเลสธรรมราชาหยาบหนาออกไปจากจิตใจได้ เมื่อท่านยังเป็นพระหนุ่มพรรษาไม่พ้นสิบ ไม่แปลกใจเลยที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบ กล่าวยกย่องคุณธรรมของท่านให้พระเณรรุ่นน้องฟังว่า “ท่านศรีเห็นเงียบๆ อย่างนี้ ข้างในท่านแหลมคมแล้วนะ อย่าประมาทในคุณธรรมของท่านศรีเป็นอันขาด จะทำให้ตนเองเป็นกรรมภาวนาไม่ขึ้น” นึกถึงคำพูดที่เราเคยคุยกันกับ “หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร” ที่วัดป่าหมู่ใหม่ ตำบลแม่แตง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคราวจำพรรษากับท่านปีพุทธศักราช ๒๕๔๔ หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านบอก... อาจารย์จันทร์เรียนท่านเป็น “ลูกแพง” ของหลวงปู่ชอบ หลวงปู่ชอบฝึกฝนท่านอาจารย์จันทร์เรียนเพื่อเป็น “แก้วตา” อาจารย์สมศรีท่านเป็น “ลูกรัก” ที่หลวงปู่ชอบท่านฝึกฝนขึ้นมาเพื่อให้เป็น “ดวงใจ” คำพูดของหลวงพ่อประสิทธิ์ช่างเหมาะสม กับพี่ชายทางธรรมของเราทั้งสองเหลือเกิน หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร - วัดป่าหมู่ใหม่ บันทึกโดย ครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท ในระหว่างจำพรรษากับหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ที่วัดป่าเวฬุวนาราม บ้านโนนกกจาน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย ปี พ.ศ.๒๕๔๖ รวมคำสอน “หลวงปู่ชอบ ฐานสโม” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38683 รวมคำสอน “หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=49039 รวมคำสอนของครูบาอาจารย์เรื่อง “กามกิเลส” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=48213 |
เจ้าของ: | ลูกหว้า [ 14 มิ.ย. 2015, 21:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต : หลวงปู่ชอบ-หลวงพ่อสมศรี |
เจ้าของ: | อุบาสกน้อย [ 19 พ.ค. 2017, 09:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต : หลวงปู่ชอบ-หลวงพ่อสมศรี |
เจ้าของ: | AAAA [ 06 มี.ค. 2019, 19:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต (หลวงปู่ชอบ-หลวงพ่อสมศรี) |
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ น้อมกราบสาธุพระอริยสงฆ์ |
เจ้าของ: | Duangtip [ 21 พ.ย. 2021, 13:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต (หลวงปู่ชอบ-หลวงพ่อสมศรี) |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ |
เจ้าของ: | sirinpho [ 15 ม.ค. 2022, 12:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สัญญาบุพเพสันนิวาสในอดีต (หลวงปู่ชอบ-หลวงพ่อสมศรี) |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |