วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2015, 16:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป
วัดอรัญญวิเวก (บ้านปง)
ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่


• ประวัติและปฏิปทา “หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป”
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=9335

• รวมคำสอน “หลวงพ่อเปลี่ยน ปัญญาปทีโป”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38758

:b44: :b44:

พากันตั้งใจฟังพระธรรมเทศนาและพากันเจริญเมตตาภาวนา
ฝึกฝนอบรมจิตใจของตน คนเราทุกคนย่อมมีจิตใจ
มีความคิดความอ่าน หลายสิ่งหลายอย่างที่จะนำมาคิดมาอ่าน
สิ่งที่มีอยู่ในโลกนี้มันจะคิดเรื่องอะไร
มันคิดไปตามความเห็นของเขา ก็เรียกว่าเรื่องแบบของจิตใจ


พวกเราท่านทั้งหลายตั้งแต่เราเกิดมาตั้งแต่เล็ก
มาจนใหญ่จนโต จนเฒ่าจนแก่มาเช่นนี้
จิตใจของพวกเรานั้นไม่ได้ฝึกฝนอบรม
ไม่ได้ควบคุมดูแล ไม่ได้ประคับประคอง
ไม่รักษา ไม่ได้เจริญเมตตาภาวนา ฝึกฝนอบรมเขา
เขาก็ย่อมคิดไปนานาต่างๆ
ให้พวกเราท่านทั้งหลาย
มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในการที่เขาคิด
แล้วก็พอจะพินิจพิจารณาได้นู่นแหล่ะว่า
บางทีนั้นจิตมันคิดดี คิดแล้วมีความสุขความสบาย
บางทีมันคิดไม่ดี มันคิดแค่ทำให้มีความเศร้าหมองความทุกข์

มันก็คิด นี่เป็นเรื่องของจิต

เหตุฉะนั้นการฝึกฝนอบรมจิตใจจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
แม้เขาจะมาอยู่กับรูปร่างกายพวกเราก็ตาม
เขามาอาศัยอยู่แต่เขามีอำนาจ มีการควบคุมร่างกาย
ให้เป็นไปตามอำนาจของเขาที่มันยังใช้งานได้อยู่
เรียกว่า เขาควบคุมดูแล มันเป็นเช่นนี้แหละ


เมื่อจิตใจของพวกเรา เมื่อมันเกิดคิดไม่ดีขึ้นมา
ยังโกรธยังเกลียด ยังเคียดยังแค้น ยังผูกพยาบาท
อาฆาตจองเวรกัน ยังคิดถกเถียงทุบตีกัน คิดฆ่ากัน
เบียดเบียนกันเกิดขึ้นก็เพราะเรื่องอย่างนี้เอง
ที่เราจะฝึกฝนอบรมจิตใจของเรามันคิดไม่ดีเป็นไปอย่างนี้

ทุกวันนี้ก็ยิ่งวุ่นวายเกิดขึ้น คนตีตัวออกห่างหลักศีลธรรม
ก็ยิ่งนำความวุ่นวายความเดือดร้อนเกิดขึ้นแก่โลกนี้

พวกเราท่านทั้งหลาย..ถ้ามาดูแล้ว
จิตใจนี้ไม่รู้มันกี่หมื่นกี่แสนกี่ล้านกี่โกฏิชาติแล้ว
มันมาเอารูปร่างกายนี้ เกิดแก่เจ็บตายอย่างนี้

หรือเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ดี ไปตกนรกอเวจี
ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์
จนได้ไปสวรรค์ถึงพรหมโลก วนไปเวียนมาเป็นมนุษย์อยู่นี่
เราก็ไม่สามารถที่จะทบทวนหรือรู้ระลึกชาติหนหลังได้
ว่าเราเกิดมากี่ชาติแล้ว เราทุกข์เราวุ่นวายมากี่ชาติแล้ว
เราไม่สามารถที่จะรู้ได้เพราะเราไม่มีญาณปัญญา

ที่อันเฉียบแหลม ที่ใสสะอาด ส่องย้อนหลังขึ้นไปได้
ตรงนี้หนา..สัตว์โลกจึงเป็นไปตามอุปนิสัยที่เขาเกิดมา
หลายภพหลายชาติ เป็นไปตามธรรมชาติอยู่

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2015, 08:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


หากไม่ศึกษา ไม่พินิจพิจารณา ไม่ปรับปรุง ไม่แก้ไข
จิตใจก็จะเสื่อมไปเรื่อยๆ ตกต่ำไปเรื่อยๆ จิตใจของบุคคลเรา

เหตุฉะนั้นพวกเราจึงได้พากันมาประพฤติปฏิบัติพัฒนาจิตใจของพวกเรา
ยกฐานะให้จิตใจของพวกเรานั้นคิดไปทางที่ถูกที่ต้อง
ตามทำนองคลองธรรมในทางที่ชอบ
เพื่อมันจะได้ประกอบคุณงามความดีให้เกิดให้มีขึ้นแก่ตนเองได้
เราจึงขวนขวายเช่นนี้

บุคคลทั้งหลายเขาไม่เข้าวัดเข้าวา ไม่เข้าวัดฟังธรรมจำศีล
ไม่ฝึกฝนอบรมจิตใจ ไม่นั่งเจริญเมตตาภาวนานั้น
..ก็เป็นเรื่องของคนอื่น..เขาก็จะทุกข์ของเขาเอง
ถ้าเขาไม่สงบ จิตใจเขาไม่มีความสงบ ไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่
จะวุ่นวายของเขาเอง จะเดือดร้อนของเขาเอง นั่นเป็นเรื่องของเขา

เราก็พอมองเห็นได้พวกเราเข้าวัดเข้าวา เขาทุบเขาตีเขาฆ่า
เขาเบียดเบียนกันอยู่บ้านน้อยเมืองใหญ่ประเทศใดก็ดี
นั่นแหละมันเป็นอย่างนั้นแหละ..เป็นเรื่องของเขาแล้ว
เป็นเรื่องมันไม่รู้จักบุญรู้จักบาปแล้วไม่เข้าวัดฟังธรรมจำศีล
ไม่ฝึกฝนอบรมจิตใจ มันจึงเกิดเรื่องราวอยู่ทั่วโลกอย่างนี้
พวกเราก็จะเห็นได้ชัดเจน ว่าทำไมเขาจึงเป็นอย่างนั้น
ทำไมถึงเขาเดือดร้อนอย่างนั้น เขาจึงมีจิตใจเป็นอย่างนั้น
นี่..ก็เป็นอย่างนี้เอง

พวกเราก็ต้องพากันมีความตั้งใจ ฝึกฝนอบรมจิตใจของพวกเรา
เราเสียสละจากเคหสถานบ้านช่องมาแล้วชั่วไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม
แต่เรามาทำคุณงามความดี มาปลูกฝังคุณงามความดี
สร้างสรรค์จิตใจของเราให้มันดี ให้มีที่พึ่ง เรียกว่าเราเดินทางถูก
คือ เสาะแสวงหาความสงบ


เราก็รู้แล้วว่า จิตใจไม่สงบมันมีความทุกข์
ไม่สงบขึ้นมาเมื่อไรทุกข์เมื่อนั้น จิตใจสงบเมื่อไรสุขเมื่อนั้น

ตรงนี้แหละพวกเราจะได้พากันแสวงหา

ถ้าเราเสียสละออกมาแล้ว ระยะเราจะนั่งฟังเทศน์จะปฏิบัติธรรมอยู่นี้
ให้พากันตัดออกไปหมด ทั้งกิจการงานบ้านช่องอะไร
ข้าวของทุกสิ่งทุกอย่าง ให้ตัดทั้งบุคคลอื่นออกไประยะเรานั่งปฏิบัติธรรม
และอย่าไปสนใจเรื่องของคนอื่น และไปคิดไปห่วงไปใยเรื่องของคนอื่น
ตัดไปก่อน ละทิ้งไปก่อน
ในครอบครัวก็ดี เพื่อนฝูงก็ดี
พ่อแม่ปู่ย่าตายายพ่ออุ๋ยแม่อุ๋ยพ่อหม่นแม่หม่น ใครทุกคน
เวลาเราจะพากันปฏิบัติฝึกหัดจิตใจของตน เราต้องเสียสละออกไปหมด
เราทดลองดูซิ..เรานั่งอยู่เดี๋ยวนี้ให้จิตของเราอยู่กับตนกับตัว
อย่าให้มันไปที่ไหน ให้จิตใจอยู่กับตนกับตัว อย่าคิดไปที่ไหน

คิดอยู่ที่กับตนกับตัวนี่แหละ และก็ละหมดเสีย ละสิ่งของหมด
ละบุคคลอื่นหมด ให้มันเหลือแต่เราคนเดียว..ลองดู
เพื่อจะให้จิตของเรานิ่งกับตนคนเดียว

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2015, 08:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้านั่งอยู่ด้วยกันหลายๆคนเดี๋ยวนี้ก็ตามแต่เราก็ต้องทิ้งคนอื่นหมด
เหมือนไม่มีใครมานั่งอยู่ใกล้เรา เหมือนเรานั่งอยู่คนเดียว
ทำให้มันอยู่คนเดียวอย่างนี้แหละ เมื่อทำได้จิตใจของเราจะได้สงบเร็วขึ้น
เพราะเราละหมด ละสิ่งที่มารบกวนจิตใจ ละบุคคลทั้งหลายออกไป
ไม่ให้เหมือนมีใครมาอยู่กับตน อย่างนี้แหละ..ละทั้งอดีต อนาคต

อดีตเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างที่มันมีมานั้น ตั้งแต่ก่อนจนมาถึงเรามาปฏิบัตินี่แหละ
เราต้องตัดออกหมด ละออกหมด ปล่อยออกหมด วางออกหมด ทิ้งไป
นี่แหละเรานั่งปฏิบัติธรรม ปฏิบัติภาวนา ฝึกฝนอบรมจิตใจ

สิ่งที่เป็นอนาคตก็คือสิ่งที่ยังไม่มาถึง ยังไม่ได้ทำ ยังไม่ได้ปฏิบัติ
ไม่ได้พูดได้คุยอะไรไม่ได้คิดได้อ่านเรื่องอะไร สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็อย่าไปคิด

อย่าไปยุ่งกับมันระยะเราปฏิบัติอย่างนี้ อย่าไปคิดวันนั้นวันนี้อย่างนู้นอย่างนี้
เรื่องราวต่างๆอย่างนู้นอย่างนี้มันจะเกิดขึ้นอะไรหรือจะทำอะไร
หรือจะพูดคุยกันอะไร อย่าไปคิดไปอ่านเรื่องอะไรก็ดี เรื่องอดีต เรื่องอนาคต
ท่านให้ปลดให้ปล่อยเรื่องอดีตอนาคตปลดปล่อยไปหมดอย่าเพิ่งไปยุ่งกับมันอนาคต

อะไรทุกอย่างเรานั่งอยู่นี้ให้เราอยู่นี้ อย่าไปคิดกับมัน เอาปัจจุบัน.."ปัจจุบันธรรม"
เดี๋ยวนี้ "จิต" ของเราอยู่ไหน อยู่กับตนกับตัวไหม กับข้อธรรมกรรมฐานไหม
ต้องมาดูจิตใจของพวกเรามันอยู่กับตนกับตัวไหมเดี๋ยวนี้ หรือมันไปอยู่ที่อื่น
เราต้องควบคุมดูแลให้จิตใจของเรามันคิดอยู่กับตนกับตัวกับข้อธรรมกรรมฐาน

กับลมหายใจเข้าออกนี่ล่ะ เดี๋ยวไม่ดูมันไม่ได้นะลมหายใจเข้าออก..อยากดูมัน
และดูเป็นข้อธรรมกรรมฐาน อยากให้จิตมาดู ดูลม ดูให้มันดีๆ ไว้ลม
เดี๋ยวมันเฒ่ามันแก่มันจะละหรือจากรูปร่างกายไป ลมหายใจเข้าไม่ออก
หายใจออกแล้วไม่เข้า มันหายไปแล้วจะทำยังไง เราจะมัวเมาเท่าแต่อดีตอนาคตอยู่ไปทำไม
ในปัจจุบันนี้มันเข้ามันออกอยู่ มันระวังมันอยู่ เดี๋ยวมันเข้าแล้วไม่ออก เดี๋ยวมันออกแล้วไม่เข้า
เดี๋ยวมันจะตายลงไปทันทีเขาสมมติให้ทันทีเลยทีเดียว เราจะไปประมาทอยู่ไม่ได้
จึงได้มากำหนดลมหายใจเข้าออกนี่เอง จึงอยากดูมันว่ามันเข้ายาว ออกยาว
เข้าสั้น ออกสั้น เข้าแรง ออกแรง เข้าเบา ออกเบาอย่างไร
แล้วไปยุ่งกับอะไรทำไมก็เราอาศัยลมหายใจเข้าออกนิดเดียวเท่านั้นเอง


นี่แหละเวลาจะฝึกจิตใจต้องระลึกถึงเรื่องอย่างนี้ ว่าเรานึกถึงเหมือนกับ "มรณานุสติ"
ระลึกว่าเราอาศัยลมเท่านั้นแหละ เราจะยืนเดินนั่งนอนเราก็อาศัยลม
เราจะพูดจาปราศรัยเราก็อาศัยลม เราจะกินอันนั้นอันนี้กลืนลงไปได้ต้องอาศัยลม
เราจะเหยียดแข้งเหยียดขาก็ดีอาศัยลม หายใจเข้าออก อาศัยลมหมดเลยทีเดียว
ไม่มีลมมันกระดุกกระดิกไม่ได้ร่างกายมันทำงานไม่ได้ เดินไม่ได้ ยืนไม่ได้ มันเป็นอย่างนี้

พูดคุยอะไรก็ไม่ได้ ก็มันเป็นอย่างนี้เราจะไม่เชื่อมั่น เชื่อมั่นว่ามันเป็นอย่างนั้นรึ
เขาตายกันทุกวันๆ เราจะไปยุ่งเหยิงอยู่กับเรื่องของคนวุ่นวายทำไม
ฉะนั้นฝึกจิตใจของเราให้มันสงบ เป็นสมาธิ ให้มันได้พักผ่อน ให้มันนิ่ง มันสงบ
ไม่ให้ไปยุ่งกับอะไร อยากให้ได้พักผ่อนได้สงบอยู่จึงเรียกว่า การทำสมาธิภาวนา
ฝึกฝนอบรมจิตใจให้สงบเป็นสมาธิ ให้มันสงบมันจึงจะได้มีความสุข


อย่างนี้เมื่อเรานั่งอยู่อย่างนี้มันร้อนบ้างมันหนาวหนาวบ้างมันเจ็บมันปวดบ้าง
แข้งขาก็ดี..เราอย่าไปสนใจกับมันอย่าไปยุ่งกับมัน ปล่อยมันลองดูสิ มันจะเป็นยังไง
ปล่อยแข้งปล่อยขาปล่อยเอว..ลองดู ปล่อยความเจ็บปวดทุกขเวทนานั้นน่ะ
ต่อไปลองดู จิตใจพวกเรามันไม่ยุ่งเท่านั้นแหละ ครั้นปลอยได้มันก็มาคุมอยู่กับข้อธรรมกรรมฐาน
กับลมหายใจเข้าออกได้ ค่อยเป็นค่อยไป ทำไปเรื่อยๆ

ถ้าบุคคลใดฉลาดปล่อยวางทั้งอดีต อนาคตได้จิตใจจะได้สงบเป็นสมาธิได้รวดเร็วมาก
ตรงนี้แหละ อันนี้จิตใจพวกเรามันไม่สงบนั้นคืออะไร มันขาดสติสัมปชัญญะ
การประคับประคองควบคุมดูแลจิตใจของตนให้อยู่คบกับข้อธรรมกรรมฐานไม่ได้นั่นเอง

เป็นเหตุให้จิตใจไม่สงบ มันไปยุ่งกับเรื่องอื่น ยุ่งกับเรื่องราวต่างๆข้างนอกเหมือนดังได้กล่าวมา
ถ้าหากเราวางได้หมดเร็วเท่าไร จิตใจของพวกเราก็ยิ่งสงบได้เร็วเท่านั้น เป็นสมาธิได้เร็วเท่านั้นเอง

อย่าให้จิตใจของเราไปยุ่งวุ่นวายกับเรื่องภายนอก วุ่นวายกับรูปร่างกายเจ็บแข้งเจ็บขา
อย่าไปยุ่งกับมันเถอะ เวลาทำสมาธิ เราลองวางลองดู แล้วก็พิจารณาดูเดี๋ยวก็ไม่เจ็บเองของมัน
มันจะได้มีชัยชนะ ข้ามทุกขเวทนาเกิดขึ้น จะได้รับความสงบความสบายเกิดขึ้น

ให้มันละได้สักทีลองดู ให้มันสงบลองดูสักทีจิตใจ มันสงบสักทีหนึ่งมันจะเห็นชัดเจนขึ้นมา
เอ๊ะ..จิตใจสงบนี่มันสุข มีความสุขจริงจะได้มั่นใจ ค่อยๆ มีความพากความเพียรพยายาม
อย่าใจร้อน ทำใจเย็นๆ ให้มีความตั้งใจ ให้สติสัมปชัญญะควบคุมดูแลจิตใจของเรา
อยู่กับธรรมกรรมฐาน เราอย่าไปไหน อย่าคิดไป คิดไปแล้วมันก็ไม่ได้อะไรหรอก


.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2015, 08:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ




มีต่อค่ะ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร