วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 07:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2015, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร - วัดถ้ำสหายจันทร์นิมิต

รูปภาพ
พระอาจารย์สมศรี อัตตสิริ - วัดป่าเวฬุวนาราม

:b50: :b49: :b50:

ประสบการณ์เที่ยววิเวก
พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร กับ พระอาจารย์สมศรี อัตตสิริ
สองทายาทธรมขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม


บันทึกโดย ครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท

:b50: :b49: :b50:

ยักษ์ใหญ่บ้านไร่ม่วง

เกริ่นนำ..ประวัติการเที่ยวธุดงค์และการปฏิบัติธรรมของหลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ
ในเรื่องนี้ ผู้เขียน (ครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท) ตั้งใจจะเขียนบันทึก
เก็บไว้ในเรื่องราวที่ตนเองที่ได้อยู่ปฏิบัติกับครูบาอาจารย์มาเท่านั้น
เป็นเรื่องสุดบรรยายภายนอกของหลวงพ่อสมศรีที่คนทั้งหลายไม่เคยรู้มาก่อน

เรื่องนี้ตนเองขออนุญาตท่านลงเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๗
ที่งานทำบุญโรงเรียนมูลมังหลวงปู่ชอบ วัดท่าแขก ตำบลเชียงคาน
อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ท่านบอกให้เอาพอสมควร


หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ ท่านเล่าให้ฟัง
เมื่อต้นปีพุทธศักราช ๒๕๑๒ พรรษาที่ ๓ ของท่าน
หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร ศิษย์ผู้พี่ พาท่านออกฝึกเที่ยววิเวก
ตามคำสั่งขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
ที่มอบหมายให้หลวงปู่จันทร์เรียนรับหน้าที่เป็นพระพี่เลี้ยง
ฝึกฝนทางด้านจิตภาวนาให้กับท่าน
นี่เป็นครั้งแรกที่หลวงพ่อสมศรีท่านได้ออกเที่ยววิเวกอย่างจริงจัง
โดยมีหลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร เป็นพระพี่เลี้ยง
คอยกำกับดูแลท่านทั้งภายนอกภายใน


ท่านบอก หลวงปู่จันทร์เรียนพาท่านเดินทางออกจาก
บ้านโคกมนมาบ้านผาน้อย และบ้านแหล่งควาย อำเภอเมืองเลย
แบบจรวดทางเรียบ โดยไม่มีการหยุดพักระหว่างทางเลย
หลวงพ่อสมศรีท่านรู้สึกเหนื่อย แต่ท่านก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
ขอให้หลวงปู่จันทร์เรียนพาหยุดพัก
ท่านได้แต่คิดในใจว่าเมื่อไหร่ครูบาจันทร์เรียนจะพาหยุดพักซักที
เราเหนื่อยจนเดินขาเป๋ตบตั๊กแตนแล้ว
(สำนวนภาษาอีสาน ขาตบตั๊กแตน ความหมายก็คือ ขาล้าอ่อนแรง)


ความคิดจิตบ่นในใจของหลวงพ่อสมศรีไปกระทบกับ
ความรู้ภายในของหลวงปู่จันทร์เรียน ท่านจึงดุให้ว่า
“ท่านศรีดีนะที่มากับเฮา ถ้าท่านออกเที่ยววิเวกกับพ่อแม่ครูจารย์แล้ว
พ่อแม่ครูจารย์เพิ่นไปปานฟากจรวดบ่ได้หยุดบ่ได้เซา
เฮานี่ไปกับเพิ่นแต่ละครั้งจนเยาตาย (เรานี้ไปกับท่านแต่ละครั้งแทบตาย)
มันดีปานใด๋แล้วที่ท่านได้มากับเฮา ซ่ำนี่กะจ่มปู๊ดๆ (แค่นี้ก็บ่นพึมพำ)


หลวงพ่อสมศรีท่านเล่าไปขำไปในเรื่องที่
หลวงปู่จันทร์เรียนดักจิตรู้ใจในความคิดของท่าน
ท่านมารู้จากองค์ท่านหลวงปู่ชอบเปิดเผยให้ท่านฟังในภายหลังว่า
หลวงปู่จันทร์เรียน ศิษย์ผู้พี่ของท่านนั้น มี “ปรจิตวิชา”
รู้จิตรู้ใจมนุษย์และอมนุษย์ตั้งแต่ท่านพรรษาที่สี่
หลวงพ่อสมศรีท่านจึงไม่แปลกใจเลยที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบ
มอบดาบอาญาสิทธิ์ให้หลวงปู่จันทร์เรียนปกครองดูแล
พระเณรแทนองค์ท่านตั้งแต่หลวงปู่จันทร์เรียน
ท่านเป็นพระอนุเถระ พรรษายังไม่พ้นฟ้าห้าฝน


ในบรรดาลูกศิษย์รุ่น “ทายาทธรรม” ขององค์ท่านหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
และองค์ท่านหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทั้งสององค์ท่านร่วมฝึกฝนอบรมมาด้วยกัน

หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร ท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นทายาทธรรม
ที่โดดเด่นมากในทางด้านเลิศ “ฤทธิ์”

หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นทายาทธรรม
ที่โดดเด่นมากในทางด้านเลิศ “ปัญญา”


ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับกันในบรรดาลูกศิษย์
สายขององค์ท่านหลวงปู่อ่อน และองค์ท่านหลวงปู่ชอบ


หลวงปู่จันทร์เรียนพาหลวงพ่อสมศรีมาแวะพักภาวนา
กับ หลวงปู่ซามา อาจุตฺโต ที่วัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง
ตำบลน้ำหมาน อำเภอเมือง จังหวัดเลย
อยู่หลายวัน
ระหว่างหลวงพ่อสมศรีท่านพักภาวนาอยู่ที่บ้านไร่ม่วง
ท่านบอกตอนนั้นจิตท่านยังกะเตาะกะแตะเหมือนกับเด็กกำลังหัดตั้งไข่
บางวันจิตก็เจริญธรรม บางวันจิตก็ซึมกะทือตันตื้อเป็นกรรมฐานหัวตอ


ท่านบอกอยู่ที่วัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง ท่านก็ทำความเพียรของท่านทุกวัน
แต่ความเพียรของท่านไม่ถึงขั้นห่ำหั่นแบบเอาเป็นเอาตายกับกิเลส
เหมือนตอนที่ท่านขึ้นศาลฎีกาว่าความตัดสินสิ้นธรรม
กันกับจอมจักรพรรดิราชามหากิเลส ที่วัดป่าสวนกล้วย บ้านสวนกล้วย
ตำบลกกทอง อำเภอเมือง จังหวัดเลย เมื่อต้นปีพุทธศักราช ๒๕๓๑


ระหว่างที่หลวงพ่อสมศรีท่านพักภาวนาอยู่ที่วัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วงนั้น
ท่านบอกมีวันหนึ่งท่านเดินจงกรมอยู่ในป่าตั้งแต่ฉันข้าวเสร็จ
จนถึงเวลาตะวันคล้อยบ่าย ท่านรู้สึกเหนื่อยหิวกระหาย
เพราะตอนนั้นท่านอดอาหารทำความเพียร
ท่านเดินออกจากป่าทางจงกรมมาฉันน้ำ ที่ศาลาวัดป่าอัมพวัน
เพื่อคลายเหนื่อยเมื่อยกระหาย หลังฉันน้ำแล้วท่านทิ้งตัวลงนอน
ที่ตะแคร่หน้าศาลาวัดป่าอัมพวันเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า

ท่านนอนกำหนดจิตอยู่ระยะหนึ่ง
จิตของท่านก็ดำดิ่งลงสู่ชั้นความสว่างไสว
ของฐานแน่นสมถะราวหนึ่งชั่วโมง
จากนั้นจิตท่านก็ถอนออกมาดูภายนอก

ภายนอกท่านเห็นบุรุษรูปร่างใหญ่ผิวดำสูงราวสามเมตร
ยืนทะมึนทึนทำหน้าตาดุดันใส่ท่าน ด้วยกิริยาท่าทางที่ไม่เป็นมิตร
เมื่อแรกจิตที่หลวงพ่อสมศรีท่านเห็นบุรุษรูปร่างใหญ่ผู้นี้
ท่านก็รู้ว่าเขาเป็น “ยักษ์” ใจท่านจึงเกิดอาการเกรงกลัว
ในอำนาจบาตใหญ่ที่เขากำลังแสดงใส่ท่าน


ยักษ์ตนนี้มีจิตมุ่งร้ายพยายามจะเข้ามาทำร้ายท่าน โดยจะจับท่านทุ่มลงกับพื้น
ท่านกำหนดหนียักษ์ตนนี้โดยเอาร่างจิตของตนเองขึ้นไปอยู่บนต้นมะม่วง
หน้าศาลาวัดป่าอัมพวัน ยักษ์ตนนี้ลอยตัวตามท่านขึ้นมาเพื่อจะจับตัวของท่าน
หลวงพ่อสมศรีท่านบอกตอนนั้นตนเองจนมุมไม่มีที่ไปแล้ว
จึงกำหนดจิตระลึกถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

ท่านได้ยินเสียงผู้ชายคล้ายกับเสียงของ
องค์ท่านหลวงปู่ชอบ พูดขึ้นมาว่า
“ท่านศรี ให้ท่านท่องพระคาถาบทนี้ขึ้นมา
ยักษ์มันจะกลัวแล้วหนีไปเอง”


หลังจากนั้นมีเสียงพูดคล้ายกับเสียงขององค์ท่านหลวงปู่ชอบ
กล่าวพระคาถาธรรมบทนี้ขึ้นมา…

ท่านบอก ความยาวของพระคาถานี้มีความยาวพอๆ กับบทสวดมนต์อิติปิโสฯ
พอท่านท่องพระคาถาธรรมนี้ขึ้นมา ปรากฏมีเสียงลั่นเปรี้ยง
เหมือนกับเสียงฟ้าผ่าเกิดขึ้นมา จนจิตท่านเกิดกระทบรับทราบ

ปรากฏยักษ์ตนนี้เมื่อได้ยินเสียงอัสนีธรรมลั่นเปรี้ยงขึ้นมา
ยักษ์ตนนี้รีบลนลานหนีออกจากท่านไปทางภูผาหมาน
(ทางเขื่อนน้ำหมาน ในปัจจุบัน) ท่านบอกการเคลื่อนตัวหนีของยักษ์ตนนี้
เร็วกว่าลมพายุ แค่อึดใจเดียวยักษ์ตนนี้หนีไปไกลถึงภูผาหมาน
ยักษ์ก็ไปเร็ว จิตท่านก็กำหนดไล่ตามทันกันเร็ว


ครั้งนี้หลวงพ่อสมศรีท่านได้เห็น
ปรากฏการณ์ธรรมภายนอกภายในของตนเองหลายอย่าง

ปรากฏการณ์ธรรมภายนอก ท่านบอกตนเองได้เห็นภูมิยักษ์เป็นครั้งแรก

ปรากฏการณ์ธรรมภายใน ตนเองได้เห็นวาสนาในธรรมของตนเอง
เห็นเมตตา “ธรรมวิมุติ” ของพระศาสนาที่เหนือ “สมมุติ” ที่โลกยากจะหยั่งรู้ได้

ท่านได้เห็น “คุณวิเศษ” ที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบ
แสดงให้ท่านเห็นอย่างเหนือโลกเหนือสงสาร

จากนั้นมาหลวงพ่อสมศรีท่านจึงปักใจเชื่อใน “ธรรม”
ที่เหนือโลกเหนือสงสารของพระพุทธศาสนาที่เป็นธรรม
ปัจจัตตัง วิญญู หีติ วิญญูชนพึงรู้ได้ด้วยการปฏิบัติของตนเอง
ที่เกิดจากการปฏิบัติของท่านอย่างสนิทใจ


หลังจากหลวงพ่อสมศรีท่านพักภาวนาอยู่ที่วัดป่าอัมพวันอยู่หลายวัน
หลวงปู่จันทร์เรียนได้พาท่านและสามเณรแอ๊ว บ้านหนองบัวบาน
กราบลาองค์ท่านหลวงปู่ซามา อาจุตฺโต
พาท่านเดินทางมาเที่ยววิเวกที่เขตอำเภอภูเรือและเขตอำเภอด่านซ้าย
จังหวัดเลย จนสิ้นเดือนหกพฤษภา หลวงปู่จันทร์เรียนจึงพาท่าน
และสามเณรแอ๊ว กลับมาหาองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่วัดป่าสัมมานุสรณ์

เมื่อท่านเข้าไปทำข้อวัตรอุปัฏฐากพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์ท่านหลวงปู่ชอบ
หลวงปู่ชอบถามท่านว่า
“ไปเที่ยววิเวกกับท่านเรียนทางนอกทางในตนเองเป็นยังไงบ้างล่ะ”

หลวงพ่อสมศรีท่านบอก ภายในของข้าน้อยเป็นแบบนี้ๆ
องค์ท่านหลวงปู่ชอบก็ชี้แนะแนวทางเพิ่มเติมให้
ในขั้นธรรมที่ท่านยังไม่ผ่าน
ทางภายนอกท่านบอกองค์ท่านหลวงปู่ชอบ
ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่วัดป่าอัมพวัน บ้านไร่ม่วง
และเรื่อง “ผีพระที่ภูหมาจอก” บ้านโคกงาม อำเภอด่านซ้าย


องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกหลวงพ่อสมศรีว่า
“เรื่องคาถาอาคมนิยมโลกนั้นเกิดจากบุญบารมีของท่านเอง
คาถาอาคมใดที่เกิดจากฝันหรือนิมิตที่เห็นนั้น
เป็นคาถาอาคมจำเพาะที่เกิดจากบุญบารมีของบุคคลนั้น
สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดเป็นสาธารณะ
สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จากบุญบารมีเฉพาะบุคคลเท่านั้น
ให้ท่านจดจำคาถาธรรมนี้เอาไปใช้เป็นคาถาธรรมประจำตัว
คาถาธรรมนี้จะเป็นฤทธิ์ธรรมประจำตัวของท่าน”


หลวงพ่อสมศรีท่านจึงถือเอาคาถาธรรม
ที่เกิดกับท่านในนิมิตมาเป็นคาถาธรรมประจำตัวของท่าน
เพื่อสงเคราะห์โลกนับแต่ที่องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกท่านเอาไว้


(เคยถามหลวงพ่อสมศรี พระพี่ชาย ถึงคาถาบทนี้
เบื้องต้นหลวงพ่อสมศรีท่านไม่บอก ผ่านไปหลายปี
ตนเองใช้เทคนิคพิเศษของครูบากล้วยถามหลวงพ่อสมศรี
ท่านจึงบอกออกมาให้ทราบ
ท่านกล่าวเพียงครั้งเดียวตนเองจำได้ด้วยอักขระฐานกรณ์ทันที)


องค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกหลวงพ่อสมศรีว่า...
“เรื่องพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าที่บูรพาจารย์ในอดีต
ท่านเรียบเรียงเอาไว้แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์นั้น
หากเทียบแล้วเป็นเพียงแค่เม็ดทรายในอุ้งมือของท่านเท่านั้น
พระธรรมทั้งหลายที่แท้จริงนั้นเปรียบได้ดั่งเม็ดทราย
ในมหาสมุทรทะเลหลวง จนยากเกินกว่าจะประมาณคาดการณ์ได้
ความรู้ที่ท่านรู้มานั้นเทียบเท่าแค่ทรายเพียงเม็ดเดียวในมหาสมุทร
ถ้าท่านอยากจะรู้มากไปกว่านี้ ท่านต้องข้ามมหาสมุทรโอฆะ
ทะเลหลวงห้วงสงสารนี้ไปก่อน
ถึงตอนนั้นท่านจะได้รู้ถึงที่สิ้นสุดของพุทธธรรมพระพุทธเจ้า”


รูปภาพ
หลวงปู่ซามา อาจุตฺโต - วัดป่าอัมพวัน

:b50: :b49: :b50:

-------------------------------------------

:b50: :b49: ประวัติและปฏิปทา “หลวงปู่จันทร์เรียน คุณวโร”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=48722

:b50: :b49: ประวัติและปฏิปทา “หลวงพ่อสมศรี อัตตสิริ”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=48908

-------------------------------------------


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2019, 07:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2022, 10:55 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2876


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron