ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

“หลวงปู่คำคะนิง” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=48515
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  น้องพลอย [ 23 ต.ค. 2014, 19:13 ]
หัวข้อกระทู้:  “หลวงปู่คำคะนิง” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”

“หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”

รูปภาพ
หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี วัดถ้ำคูหาสวรรค์

รูปภาพ
หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

:b50: :b49: :b50:

ย้อนหลังไปกว่า ๓๐ ปีที่แล้ว ที่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี มีหลวงปู่รูปหนึ่งเป็นที่ศรัทธายิ่งของญาติโยมชาวบ้าน นามว่า “หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี” แห่งวัดถ้ำคูหาสวรรค์ ภิกษุรูปนี้ท่านเป็นพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ปฏิบัติถูกทางดังบท “ญายปฏิปันโน ภควโต สาวกสังโฆ” กล่าวคือ ปฏิบัติมุ่งธรรมเป็นใหญ่ ปฏิบัติถือความถูกต้องเป็นสำคัญ และปฏิบัติเพื่อความตรัสรู้ ท่านจึงเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศของโลก หลวงปู่คำคะนิงนั้นท่านเป็นภิกษุที่ไม่เหมือนใคร ผ่านการเป็นฤๅษีชีไพรมาก่อน ๑๕ ปี จึงค่อยบวชเป็นพระ เมื่อบวชเป็นพระแล้วก็มักแสวงหาธรรมอันแปลก ด้วยการธุดงค์ไปที่ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ก็อยู่ตามป่าเขา

ครั้งหนึ่งหลวงพ่อปาน (พระครูวิหารกิจจานุการ) วัดบางนมโค อ.สนา จ.พระนครศรีอยุธยา ได้นำศิษย์เอก ๔ รูปไปด้วย มีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง) หลวงพ่อฤาษีลิงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก และพระเขียน หลวงพ่อปานพาลูกศิษย์ธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม มุ่งหน้าไปทางภาคเหนือ ข้ามเขตชายแดนลึกเข้าไปกระทั่งเข้าเขตเชียงตุง


วันหนึ่งคณะของหลวงพ่อปานได้ผ่านไปถึงถ้ำแห่งหนึ่ง และได้พบกับ “ปะขาวคำคะนิง” ขณะนั้นท่านปล่อยผมยาวรุงรังมาถึงเอว หนวดเครางอกยาวรุ่ยร่าย นุ่งห่มด้วยผ้าซึ่งดูไม่ออกว่าเป็นผ้าสีอะไร เพราะปุปะและกระดำกระด่าง หลวงพ่อปานถึงกับตะลึงเลยทีเดียว จึงเปรยขึ้นลอยๆ ว่า

“เออ...นี่ พระหรือคนเนี่ย ?”

“ไอ้พระมันอยู่ที่ไหน ? เฮ้ย ! พระมันอยู่ที่ไหนวะ ?” พูดสวนด้วยน้ำเสียงขุ่นเหมือนไม่พอใจ

“อ้าว...ก็เห็นผมยาว ผ้าก็อีหรุปุปะ สีเหลืองก็ไม่มี แล้วใครจะรู้ว่าเป็นคนหรือพระล่ะ ?”

“พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ ?”

“ไม่ใช่” หลวงพ่อปานตอบยิ้มๆ

“แล้วพระมันอยู่ที่ไหนเล่า ?”

“พระน่ะอยู่ที่ใจใสสะอาด”

“ถ้าอย่างนั้นละก้อ เสือกมาถามทำไมว่าเป็นพระหรือคน”

“เห็นผมเผ้ารุงรังอย่างนั้นนี่ ใครจะไปรู้เล่า ?”

“ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่ผ้าแล้วเสือกมาถามทำไม ทำไมไม่ดูที่ใจคน ไอ้พระบ้านพระเมืองกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี มันต้องเห็นดีกันละ”

พูดจบ ปะขาวคำคะนิงก็หยิบเอาหวายยาวประมาณหนึ่งวาโยนผลุงไปตรงหน้า หวายเส้นนั้นกลายสภาพเป็นงูตัวใหญ่ยาวหลายวาน่ากลัว ชูคอหราก่อนจะเลื้อยปราดๆ เข้ามาหาหลวงพ่อปาน พระลูกศิษย์เห็นอย่างนั้นต่างถอยไปอยู่เบื้องหลังหลวงพ่อปาน

หลวงพ่อปานไม่ได้แสดงอาการแปลกใจหรือตื่นกลัว ท่านก้มลงหยิบใบไม้แห้งขึ้นมาใบหนึ่งแล้วโยนไปข้างหน้า ใบไม้นั้นก็กลายเป็นนกขนาดใหญ่คล้ายเหยี่ยวหรือนกอินทรี

นกซึ่งเกิดจากอิทธิฤทธิ์โผเข้าขยุ้มกรงเล็บ จับลำตัวงูใหญ่เอาไว้แล้วกระพือปีกลิ่วขึ้นไปเหนือทิวยอดไผ่ ต่อสู้กันเป็นสามารถ งูฉกกัดและพยายามม้วนตัวขนดลำตัวรัด ขณะที่นกใหญ่จิกตีและจิกขยุ้มกรงเล็บไม่ยอมปล่อย แต่ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแพ้ชนะ ตราบกระทั่งร่วงหล่นลงมาทั้งคู่ พอกระทบพื้นดินงูใหญ่กลายเป็นช้างป่าตัวมหึมา งายาวงอน ส่วนนกใหญ่แปรรูปเปลี่ยนเป็นเสือลายพาดกลอน แล้วสองสัตว์ร้ายก็โผนเข้าสู้กันใหม่ เสียงขู่คำรามของเสือ เสียงโกญจนาทของพญาคชสารแผดผสานกึกก้องสะท้านป่า

นี่ไม่ใช่ภาพมายา แต่เกิดจากฤทธิ์อภิญญา ! ครั้นสองตัวประจัญบานไม่รู้แพ้ชนะได้ ครู่หนึ่งก็หายไป ปะขาวหนวดยาวเครารุงรังได้บันดาลให้เกิดไฟลุกโชติช่วงประหนึ่งจะมีเจตนาจะให้ลามมาเผา แต่หลวงพ่อปานก็บันดาลพายุฝนสาดซัดลงมาดับไฟ เกิดฝุ่นตลบคลุ้งไปทั้งป่า


ลองฤทธิ์กันหลายครั้งหลายครา ปรากฏว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ แทนที่ทั้งสองฝ่ายจะโกรธเกรี้ยว กลับทรุดลงนั่งหัวเราะด้วยความขบขัน ชอบใจในอิทธิอภิญญาของกันและกัน ต่างฝ่ายชมกันและกันและถ่อมตนใส่กัน

คณะศิษย์ของหลวงพ่อปานพากันประหลาดใจ หลวงพ่อปานจึงอธิบายว่า “เขากับฉันเป็นเพื่อนกัน” พร้อมกันนั้นก็หันไปพูดกับปะขาวผมยาวหนวดเครารุงรังว่า ลูกศิษย์ของท่านนั้น “เอาจริง” หมายถึงปรารถนาบรรลุสู่พระนิพพานกันจริงๆ ทุกรูป การที่ท่านและปะขาวผมยาวเล่นฤทธิ์ประลองกันก็เพื่อให้ศิษย์ทุกคนได้เห็น “ของจริง”

แล้วหลวงพ่อปานก็ให้คณะศิษย์ของท่านเข้าไปทำความเคารพ ซึ่งปะขาวคำคะนิงผมยาวก็ได้นอบน้อมถ่อมตนว่า ท่านไม่ได้เก่งกาจเกินว่าหลวงพ่อปานเลยแม้แต่น้อย


หลวงพ่อปานและศิษย์ของท่านพักอยู่กับปะขาวผมยาวนานนับครึ่งเดือน เพื่อให้ทุกรูปได้รับคำแนะนำสั่งสอนด้านอภิญญาเพิ่มเติม เมื่อพักอยู่ที่คูหาถ้ำพอสมควรแก่เวลาแล้ว หลวงพ่อปานและคณะศิษย์ก็ออกธุดงค์ต่อไป ปะขาวผมยาวคนนั้นก็คือ ปะขาวคำคะนิง หรือ หลวงปู่คำคะนิง นั้นเอง

หลังจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และคณะศิษย์ของท่านจากไปแล้ว ปะขาวคำคะนิงก็ออกเดินทางต่อไป โดยด้นไปยังภูอีด่าง ซึ่งสมเด็จลุน พระอริยเจ้าแห่งราชอาณาจักรลาว จำพรรษาอยู่ พร้อมแจ้งวัตถุประสงค์ของตนให้ท่านทราบ สมเด็จลุนให้ความปราณีมอบคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ให้ปะขาวคำคะนิงไปค้นคว้าศึกษา ครั้นท่านศึกษาธรรมจากพระคัมภีร์เรียบร้อยก็เอาเก็บไว้ที่เดิม มิได้นำมาเป็นสมบัติส่วนตัว ปะขาวคำคะนิงลงจากภูเขาได้พบชาวบ้าน และได้ทำการรักษาคนป่วยจนหายทุเลา ท่านเดินทางไปเรื่อยเจอใครก็รักษาโรคภัยให้หมด


-----------------------------
:b44: :: ที่มา :: :b8:
>>> ประวัติและปฏิปทา หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=24810

๏ ประวัติและปฏิปทา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=47728

เจ้าของ:  Supatorn [ 15 เม.ย. 2015, 07:11 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: หลวงปู่คำคะนิง ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”

อนุโมทนาสาธุค่ะ :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  อุบาสกน้อย [ 27 ก.พ. 2018, 09:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: “หลวงปู่คำคะนิง” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”

ขออนุโมทนาสาธุนะครับ
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  AAAA [ 25 ธ.ค. 2020, 09:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: “หลวงปู่คำคะนิง” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”

น้อมกราบสาธุ ๒ พระอริยสงฆ์
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  Duangtip [ 19 พ.ค. 2021, 22:49 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: “หลวงปู่คำคะนิง” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”

:b39: :b44: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  ดาราวรรณ [ 08 เม.ย. 2023, 10:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: “หลวงปู่คำคะนิง” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”

Kiss :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  sirinpho [ 25 พ.ย. 2023, 12:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: “หลวงปู่คำคะนิง” ประลองฤทธิ์กับ “หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค”

:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/