ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ปฏิบัติธรรมไปทำไม ? ในทัศนะของ อ.กำพล ทองบุญนุ่ม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=45008
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  TU [ 23 มี.ค. 2013, 00:13 ]
หัวข้อกระทู้:  ปฏิบัติธรรมไปทำไม ? ในทัศนะของ อ.กำพล ทองบุญนุ่ม

รูปภาพ

ปฏิบัติธรรมไปทำไม ?
ในทัศนะของ อ.กำพล ทองบุญนุ่ม



หลายคนสงสัยว่า เราจะปฏิบัติธรรมไปทำไม ?
ในเมื่อเราก็ให้ทาน รักษาศีล สวดมนต์ ไหว้พระ เป็นคนดีก็พอแล้ว
มันก็ดีเพียงระดับหนึ่งนะ
แต่มันทำให้เราไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลงได้หรือเปล่า ?
ถ้าเราให้ทานไม่เป็น เราให้มากๆ บางทีเราก็ยังโกรธ ยังหงุดหงิดอยู่
ศีล ช่วยได้เฉพาะเรื่องกาย วาจา
ช่วยเรื่อง “จิตใจ” ยังไม่ได้
แม้กายวาจาจะปกติ แต่ใจอาจจะยังพิการอยู่
ยังยินดียินร้าย ไม่พอใจอยู่


ก็ในเมื่อต้นตอมันอยู่ที่จิตใจ
เราก็ต้องมาภาวนา เพื่อทำให้จิตใจเจริญ
ไว้เผชิญหน้ากับตัวตนที่่เกิดขึ้นที่ใจ
อันนำทุกข์มาสู่จิตใจ
ดังนั้น การภาวนา จึงเป็น “กุศล” สูงสุด
“บุญ กับ กุศล” สองคำนี้ไม่เหมือนกันนะ
“บุญ” เป็นชื่อของความสุข
ส่วน “กุศล” นี่ เป็นเรื่องของการตัดซึ่งกิเลสเลยทีเดียว
ดังนั้น เราจึงควรมาปฏิบัติธรรม เพื่อมาสร้าง
“ยอดบุญเหนือทุกข์” ก่อนที่เราจะหมดลมหายใจ



ปฏิบัติธรรมไปทำไม ?

เมื่อความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพราก
ถ้าอาการต่างๆ เหล่านี้ เกิดขึ้นกับใจเราแล้ว
เรายังเป็นทุกข์อยู่ล่ะก็ เราจำเป็นต้องปฏิบัติธรรม
ถ้าหากว่าเราไม่ได้อย่างใจหวัง
ยังต้องเป็นไปตามกรรม
มีความโศก ความเศร้า ความหงุดหงิด
มีความโลภ ความโกรธ ความหลง
สิ่งเหล่านี้ ถ้ามันเกิดขึ้นในใจเราแล้ว
ถ้าเราไม่เป็นทุกข์ล่ะก็ ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติธรรม
แต่ถ้าเรายังเป็นทุกข์กับอาการต่างๆ เหล่านี้อยู่
นั่นแหละ เราจึงต้องปฏิบัติธรรม

เจ้าของ:  TU [ 23 มี.ค. 2013, 08:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมไปทำไม ? ในทัศนะของ อ.กำพล ทองบุญนุ่ม

ไม่ต้องได้ มันก็ได้

บางคนสงสัย ปฏิบัติแล้วไม่เห็นได้อะไรเลย
ที่จริงเราได้รับผลในขณะที่ปฏิบัติแล้ว
เวลากายเคลื่อนไหว...รู้สึก เวลาจิตคิดนึก ให้รู้ว่าคิด
ก็ได้ผลแล้วในตัวมันเอง แต่เราไปคาดหวังว่าการได้นั้นต้องถึงที่สุดเลย
อุปมาเหมือนกับเราจะเดินไปซื้อของที่ปากซอย
เราต้องเดินหลายก้าวจึงจะถึง เดินก้าวเดียวจะให้ถึงเลยย่อมเป็นไปไม่ได้
ฉะนั้น ต้องสะสมก้าว แต่ละก้าวๆ ไม่ต้องหวังว่าจะถึงเมื่อไหร่
การถึงก็เกิดขึ้นได้เอง เมื่อเราก้าวเดินไปเรื่อยๆ
ดังนั้น เวลาเราเคลื่อนไหวกายครั้งหนึ่ง รู้สึกครั้งหนึ่ง ก็ได้แล้ว
สะสมไปอย่างนี้ ทำเรื่อยๆ ให้รู้เฉยๆ อย่างนี้ รู้ให้ต่อเนื่อง
อย่าลืมรู้ หลงไป เผลอไป ก็รู้ใหม่ อย่างลืมที่จะรู้สึกก็แล้วกัน
รู้เท่าที่รู้ได้ การปฏิบัติถ้ารู้อย่างนี้ไปเรื่อยๆ รู้เฉยๆ
ต่อไปจะเข้าถึงฐานของจิตเดิมแท้ คือ รู้เฉยๆ อย่างเป็นปกติ



:b8: fb.วัดป่าสุคะโต. ธรรมชาติที่พักใจ
https://www.facebook.com/surinrukid

เจ้าของ:  ฟ้าใสใส [ 27 มี.ค. 2013, 13:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมไปทำไม ? ในทัศนะของ อ.กำพล ทองบุญนุ่ม

:b20: โลกนี้คือละคร ไม่ช้าก็จะปิดฉาก ฝาโลงปิดหน้า สมบัติทั้งหลายก็กองท่วมหัวเอาไว้ ให้คนรุ่นหลังได้แย่งชิงต่อไป ที่จะพาไปได้เนี่ยก็คือบุญและบาป ฉะนั้น คนโง่จึงแสวงหาของที่ตายแล้วเอาไปไม่ได้เอาไว้เยอะ ๆ ส่วนผู้มีปัญญาแสวงหาของที่ตายแล้วเอาไปได้ คือธรรมะ ศีลธรรม ภาคปฏิบัติ กรรมฐาน :b20:

:b44: ♡(✿◠‿◠✿)♡ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่าน ขอให้ท่้านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะเจ้าค่ะ ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ♡(✿◠‿◠✿)♡ :b8: :b8: :b8: :b20:

เจ้าของ:  Duangtip [ 13 ก.ย. 2015, 12:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติธรรมไปทำไม ? ในทัศนะของ อ.กำพล ทองบุญนุ่ม

:b39: ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ
:b8: :b8: :b8:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/