ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ปฎิปัตติวิภาค
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=39595
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  ไร้รัก [ 19 ก.ย. 2011, 17:19 ]
หัวข้อกระทู้:  ปฎิปัตติวิภาค

✿•*¨`*•+++...ปฏิปัตติวิภาค..+++•*¨`*•✿

.... ระหว่างพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต และ พระธรรมเจดีย์ ( จูม พนฺธุโล )... onion

ถ. ถามว่า เวลาโลกธรรมทั้งแปดอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ผู้ที่สดับแล้ว เช่น ข้าพเจ้าก็จำไว้ได้ดีว่า โลกธรรมทั้งแปดนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา แต่ทำไม ? ในเวลาโลกธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ใจข้าพเจ้าจึงยินดียินร้ายไปตามโลกธรรมทั้งแปดนั้น..
ต. ตอบว่า ผู้สดับฟังที่จำทรงปริยัติธรรมไว้ได้มากนั้น เป็นแต่จำเรื่องราวในพระพุทธศาสนาที่จะนำมาประพฤติปฏิบัติ แต่ยังไม่ได้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติอย่างพระอริยสาวก จึงละความยินดียินร้ายในโลกธรรมทั้ง แปด ไม่ได้...
ถ. ถามว่า ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติอยู่ คือ เป็นผู้มีศีล มีธรรม และรู้เรื่องราวเข้าใจในคำสอนทั้งหลายเหล่านั้น แต่ทำไม? จึงละความยินดียินร้ายในโลกธรรมไม่ได้...
ต. ตอบว่า ท่านรู้แต่ชั้นสัญญา ไม่รู้เห็นในชั้นปัญญา แต่สำคัญตนว่า รู้แล้ว เพราะนึกถึงธรรมเหล่าใดที่ได้ทรงจำไว้ ก็ได้ความแจ่มแจ้งในชั้นสัญญา ไม่ใช่รู้เห็นตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นชั้นปัญญา เหมือนอย่างพระอริยสาวกที่ท่านได้เห็นความจริง คือ ไตรลักษณ์ หรือ อริยสัจจ์ และ ได้ทำกิจตามหน้าที่ของอริยสัจจ์สี่ ด้วย จึงละความยินดียินร้ายในโลกธรรมทั้งแปดได้...
ถ. ถามว่า ไตรลักษณ์และอริยสัจจ์นั้น ข้าพเจ้าเข้าใจดีและอธิบายให้คนอื่นฟังได้ ทำไม ? จึงว่าข้าพเจ้าไม่รู้หรือจะให้ข้าพเจ้าเทศน์ไตรลักษณ์และอริยสัจจ์ให้ท่านฟังสักกัณใหญ่ก็ได้..
ต. หัวเราะแล้วตอบว่า ข้าพเจ้าพูดถึงชั้นปัญญาของพระอริยสาวก ท่านก็พูดแต่ชั้นสัญญาอีกร่ำไป ท่านจงใคร่ครวญพิจารณาดูเองเถิด ถ้าความรู้ความเห็นของท่านไม่ใช่ชั้นสัญญา เป็นชั้นปัญญาได้ก็เพราะความยินดียินร้ายในโลกธรรมแปดได้ เหมือนพระอริยสาวก ที่ไหนเป็นปุถุชน...
ถ. พูดว่า ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่า ความรู้ชนิดไหนเป็นชั้นปัญญา.. เพราะข้าพเจ้านึกถึงธรรมทั้งหลายที่จำทรงไว้นั้น ก็ได้ความในคำสอนทั้งหลายชัดเจนแจ่มแจ้ง จึงสำคัญว่าเป็นชั้นปัญญา...
ต. พูดว่า ความจำทรงทั้งหลายไว้ได้มาก นี่เรียกว่า ชั้นปริยัติ... และ นำคำสอนมาประพฤติปฏิบัติเจริญจรณะ ๑๕ จนแก่กล้าบริบูรณ์ขึ้นอีกแล้ว นี่เรียกว่า ชั้นปฏิบัติ... เมื่อวิชชาและวิมุตติเกิดขึ้น นี่เรียกว่า ชั้นปฏิเวธ...
ถ. พูดว่า ข้าพเจ้าเข้าใจผิด และ เป็นผู้ประมาทมาก ไม่ได้เจริญจรณะ ๑๕ ให้บริบูรณ์ขึ้นในตน จึงไม่ถึงซึ่งวิชชาและวิมุตติ ความศึกษาของข้าพเจ้านั้นคงเป็นหมันเสียแล้ว...
ต. พูดว่า เมื่อท่านรู้ตัวได้เช่นนั้นเป็นความดีสำคัญทีเดียว จะได้ตั้งใจเจริญจรณะ ๑๕ ให้แก่กลัาบริบูรณ์ จะได้ถึงซึ่งวิชชาและวิมุตติ...
ถ. ถามว่า จะทำในใจแยบคายอย่างไร? จึงจะไม่ประมาท และ มีความเพียรตั้งใจเจริญจรณะ ๑๕ ให้บริบูรณ์ขึ้น...
ต. ตอบว่า ความไม่ประมาทก็มีอยู่ในจรณะ ๑๕ คือ ศรัทธา ศีล สมาธิ ปัญญา วิริยะ สติ ก็พอครบสิกขาสามอยู่แล้ว แต่ท่านไม่เจริญขึ้นจึงไม่บริบูรณ์ในตน...
ถ. พูดว่า ข้อนั้นจริงอยู่ แต่ข้าพเจ้าคิดว่า จะต้องทำในใจให้แยบคายอย่างไร? อีก เพื่อให้มีกำลังใจแข็งแรง และ พากเพียรให้ยิ่งขึ้น ขอท่านจงแนะนำให้ข้าพเจ้ายินดีในความประมาท และ เห็นภัยในความประมาท...
ต. ตอบว่า ต้องพิจารณาให้เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์ หรือ พิจารณาเห็นภัยในทุคคติ และ กำเนิดสัตว์เดรัจฉานว่า ผู้ที่ประมาทแล้วนั้นต้องเวียนเกิดในวัฏฏะสาม เป็นเขตแดนมัจจุราช คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตายแล้วไปเกิด ๆ แล้วก็แก่ เจ็บ ตาย ไม่มีที่สุด เวียนอยู่ในสามภพ ๆ นั้นลำบากมาก เพราะ ประกอบด้วย ชาติ ชรา มรณะ สมัยใดเสพสัตบุรุษ และ ฟังธรรม ก็ทำกรรมเป็นบุญ จึงได้เกิดในสุคคติ สมัยใดเสพอสัตบุรุษ ก็ทำกรรมเป็นบาป เพราะผู้ที่ยังละอาสวะไม่ได้ทำกรรมเป็นบาป ต้องไปเกิดในทุคคติ และ กำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน เสวยทุกขเวทนาหยาบกล้าเผ็ดร้อน เหลือที่จะพรรณา เพราะ ยังไม่ปิดประตูอบาย คือ ยังไม่บรรลุโสดาปัตติผล เราจะประพฤติปฏิบัติได้ก็ในเวลายังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ถ้าความตายมาถึงเข้า ก็ไม่มีโอกาสที่จะทำความดีได้ และ ลมหายใจก็ไม่ได้นัดกับเราว่า จะหยุดลงวันใด เพราะฉะนั้น เราจึงควรพากเพียรให้ถึงซึ่งมรรคและผล จะได้พ้นภัยในอบายและภัยในสังสารวัฏฏ์ ดังพระพุทธภาษิตในเทวตาสังยุตต ว่า...
... " อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ ควรรีบทำความเพียรในวันนี้ทีเดียว
โกชญฺญา มรณํ สุเว ใครเล่าจะรู้ว่า ความตายจะมีมาในวันพรุ่งนี้
น หิ โน สงฺครนฺเตน มหาเสเนน มจฺจุนา ความผัดเพี้ยนด้วยพญามัจจุราช ผู้มีเสนา ใหญ่ นั้น ย่อมไม่ได้เลยทีเดียว..."
...กรศิริ ขาวสุทธิ์...

:b44: กรรมลิขิต onion
เราทั้งหลายเกิดมาเป็นมนุษย์ชาติแล้ว
ล้านแต่มีกรรมผูกพันกันมาทั้งสิ้น
ผูกพันในความเป็นมิตรบ้าง เป็นศัตรูบ้าง
แต่ละชีวิต ก็ย่อมที่จะเดินไป
ตามกรรมวิบากของตนที่ได้กระทำไว้
ทุกขีวิตล้วนมีกรรมเป็นเครื่องลิขิต

อดีตกรรม ถ้ากรรมดีเสวยอยู่
ปัจจุบันกรรม สร้างกรรมชั่ว ย่อมลบล้าง
อดีตกรรม กรรมแห่งอกุศล วิบากตน
ปัจจุบัน สร้างกรรมดี ย่อมผดุง

เรื่องกฏแห่งกรรม ถ้าเป็นชาวพุทธแล้ว
เขาถือว่าเป็นกฏแห่งปัจจัตตัง
ผู้ที่ต้องการรู้ ต้องทำเอง รู้เอง
ถึงเอง แล้วจึงจะเข้าใจ

...สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี...

เจ้าของ:  คนธรรมดาๆ [ 20 ก.ย. 2011, 06:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฎิปัตติวิภาค

:b8:

เจ้าของ:  ขณะจิต [ 20 ก.ย. 2011, 12:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฎิปัตติวิภาค

:b8: นี่แหละคำตอบระดับอริยะ กระจ่างจริงๆ

เจ้าของ:  ไร้รัก [ 23 ก.ย. 2011, 02:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฎิปัตติวิภาค

tongue สิ่งที่ควรทำคือความดี
tongue สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม
tongue สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ

เจ้าของ:  student [ 23 ก.ย. 2011, 02:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฎิปัตติวิภาค

อนุโมทนาครับ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/