ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

สภาพของอรูปพรหม : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=39394
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  สัจจานุรักษ์ [ 01 ก.ย. 2011, 13:38 ]
หัวข้อกระทู้:  สภาพของอรูปพรหม : หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

รูปภาพ

สภาพของอรูปพรหม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

......................................................

คงมีหลายท่านเวลาศึกษาพระพุทธประวัติของพระพุทธองค์ กล่าวถึงตอนท่านอาฬารดาบสกับท่านอุทกดาบสซึ่งเป็นท่านอาจารย์ของเจ้าชายสิทธัตถะ

ท่านอาฬารดาบสกับท่านอุทกดาบสท่านทั้งสองนี้ เมื่อท่านตายแล้ว ไปเกิดเป็นอรูปพรหม พระพุทธองค์ทรงเปล่งอุทานว่าฉิบหายเสียแล้ว คือไม่สามารถรับฟังธรรมของพระพุทธองค์ได้ ถ้าท่านทั้งสองเกิดเป็นพรหมธรรมดา ไม่เกิดเป็นอรูปพรหมก็คงไม่เป็นไร พระพุทธเจ้าของเราก็สามารถตามไปสอนได้ แต่นี่พระพุทธองค์ไม่สามารถสงเคราะห์ได้ สภาพของอรูปพรหมเป็นอย่างไร ลองอ่านจากผลงานหลวงพ่อฤาษีตอนนี้ครับ ผมนำตอนนี้มาจากหนังสือตายแล้วไปไหนท่านที่สนใจมากกว่านี้ลองหาอ่านดูเองนะครับ

......................................................

ท่านอาฬารดาบสกับท่านอุทกดาบส ตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นอรูปพรหม

“..เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระองค์ทรงต้องการให้คนอื่นมีความสุขด้วย ทรงนึกว่าใครหนอที่จะรับพระธรรมเทศนาที่พระองค์บรรลุแล้วได้ ก็ทรงหวนนึกขึ้นมาได้ว่าท่านอาจารย์ทั้งสองคือ ท่านอาฬารดาบส กับ ท่านอุทกดาบส สองท่านเป็นอาจารย์สอนให้พระองค์ได้สมาบัติ ๘ ฉะนั้นในเมื่อท่านสอนให้ลูกศิษย์ได้สมาบัติ ๘ ได้ ตัวท่านก็ต้องได้สมาบัติ ๘ ด้วย การได้สมาบัติ ๘ คือ รูปฌาน ๔ และอรูปฌาน ๔ จิตละเอียดมาก ถ้ารับพระธรรมเทศนาจากองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าแผล็บเดียวก็เป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ คำว่า “ปฏิสัมภิทาญาณ” หมายความว่า

๑) ฉลาด ถ้าเขาพูดมาโดยย่อ ก็สามารถอธิบายให้ละเอียด เข้าใจชัดได้
๒) ถ้าเขาพูดมายาวๆ ก็สามารถย่อให้สั้นเข้า พอจำได้
๓) มีความฉลาดในภาษา มีปัญญารอบรู้ทุกอย่าง มีฤทธิ์ด้วยประการทั้งปวง เป็นอันว่าอภิญญา ๖ และวิชชา ๓ มีอะไร ปฏิสัมภิทาญาณก็มีหมด สำหรับปฏิสัมภิทาญาณนี้ต้องทรงสมาบัติ ๘ ก่อน


องค์สมเด็จพระชินวรทรงคิดว่าจะไปเทศน์ให้ท่านอาจารย์ทั้งสองฟังเพื่อจะได้บรรลุมรรคผล ก่อนที่องค์สมเด็จพระทศพลจะทรงทำอะไรท่านมีพระพุทธญาณเป็นเครื่องรู้ ทรงใช้ทิพย์จักขุญาณดูว่าอาจารย์ทั้งสองเวลานี้อยู่ที่ไหน ก็ทราบได้ว่าเวลานี้ อาจารย์ทั้งสองตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นอรูปพรหม ไม่มีอายตนะคือไม่มีเครื่องรับ ไม่มีตาจะรับ ไม่มีหูจะรับ มีแต่ตาไม่มีหู ตีใบ้ก็ยังใช้ได้ มีแต่หูไม่มีตา ใช้เสียงก็ยังดี แต่นี่ไม่มีทั้งหูทั้งตา มีแต่จิตลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ สมเด็จพระบรมโลกนาถก็ทรงปลงอนิจจังว่า “โอหนอ น่าเสียดายอาจารย์ทั้งสอง ฉิบหายจากความดีเสียแล้ว” เพราะว่าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วไม่มีโอกาสจะสนองคุณท่านอาจารย์ทั้งสอง เนื่องจากไม่มีอายตนะจะรับ ความจริงพราหมณ์เขาก็เก่ง เขามีการสอนกันถึงสมาบัติ ๘

พรหมที่ว่ามี ๒๐ ชั้น เป็นพรหมที่มีรูป ๑๖ ชั้นและพรหมที่ไม่มีรูปที่เรียกกันว่าอรูปพรหมอีก ๔ ชั้น ความจริงไม่ได้เป็นชั้นที่ต่อสูงขึ้นไปเป็นชั้นที่ ๑๗,๑๘,๑๙,๒๐ หมายถึงไม่ได้อยู่สูงกว่าพรหมที่มีรูปและอรูปพรหมไม่ได้ตั้งปนอยู่กับรูปพรหม แต่อยู่ในช่องกึ่งกลางระหว่างรูปพรหมชั้นที่ ๘ กับรูปพรหมชั้นที่ ๙ จะเห็นเป็นทะเลอากาศขาวเป็นประกายระยิบระยับแพรวพราว มีความกว้างขวางมองหาที่สุดของพื้นที่ไม่ได้ หาวิมานสักหลังก็ไม่มี หารูปกายสักรูปหนึ่งก็ไม่มี สิ่งที่จัดว่าเป็นวัตถุในด้านของความเป็นทิพย์สักหน่อยหนึ่งก็ไม่มี แดนนี้เขาเรียกว่าแดนอรูปพรหม ที่เขาบอกว่าเป็นพรหมแล้วมีรูปร่างเหมือนฟักแฟง แบบนี้ยังไม่รู้จริง ถ้าหากว่ารูปไม่มีแล้วอะไรเป็นพรหม ก็จิตของพรหมแต่ละพรหมที่เห็นเป็นประกายระยิบระยับแพรวพราวอยู่ในบริเวณของอากาศนั้นแต่ไม่มีรูป พรหมทั้งหลายพวกนี้ไม่มีรูปก็เพราะในสมัยที่เป็นมนุษย์เขาไม่ต้องการรูปเขาเกลียดรูป เนื่องจากเวลาหนาวก็ดี ร้อนก็ดี หิวก็ดี กระหายก็ดี ป่วยไข้ไม่สบายก็ดี ปวดอุจจาระปัสสาวะก็ดี ถูกเพื่อนต่อว่าหรือถูกเจ้าหนี้มาทวงหนี้ก็ดี เขาคิดว่าอาการที่ไม่ชอบใจทั้งหมดเป็นเพราะมีร่างกายเป็นสำคัญ ถ้ายังมีร่างกายอยู่เพียงใด ความทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้ก็จะปรากฏแก่เรา ฉะนั้นจึงได้บำเพ็ญบารมีในด้านอรูปฌานคือ

๑) อากาสานัญจายตนะ พิจารณาอากาศเป็นสำคัญว่า อากาศหาที่สุดมิได้
๒) แล้วพิจารณา วิญญาณัญจายตนะ ดูวิญญาณว่า วิญญาณนี้ก็หาที่สุดมิได้เหมือนกัน
๓) แล้วก็ได้ อากิญจัญญายตนะ ถือว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นสำคัญ มันสลายตัวหมด
๔) แล้วก็พิจารณา เนวสัญญานาสัญญายตนะ เลยทำอารมณ์ของตัวเป็นคนที่มีความจำแต่ทำเหมือนว่าจำไม่ได้ คือไม่รับรู้อะไรทั้งหมด


สำหรับอรูปพรหมทั้งหมด ๔ ชั้นนี้เป็นพรหมที่มีความอาภัพมาก เพราะว่าเวลาพระพุทธเจ้าเทศน์โปรดไม่มีโอกาสจะรับฟัง ไม่เหมือนบรรดารูปพรหมทั้งหลายที่มีโอกาสฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า เมื่อฟังเทศน์แล้วแต่ละคราว บรรดาพรหมที่เป็นพระอริยเจ้าอยู่บ้างก็เป็นพระอรหันต์เข้านิพพานไป บรรดาพรหมที่ทรงฌานโลกีย์ก็เป็นพระอริยเจ้าเสียก็มาก เป็นอันว่าพรหมมี ๒๐ ชั้นก็จริง เป็นรูปพรหมเสีย ๑๖ ชั้น ตั้งอยู่ระดับหนึ่ง สำหรับอรูปพรหม ๔ ชั้นอยู่อีกเขตหนึ่งไม่ได้ปนกัน..”

......................................................

ถ้าท่านต้องการรู้เรื่อง ผี เทวดา นรก เปรต อะไรทำนองนี้ ก็อ่านเรื่อง ตายแล้วไปไหน...

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=38902

ถ้าต้องการทราบประวัติของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ตั้งแต่สมัยเด็กๆ จนบวชพระ ก็อ่านเรื่องประวัติหลวงพ่อปาน....

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=38701

หรือถ้าสนใจเรื่อง อดีตชาติของหลวงพ่อและประวัติของชาติไทยว่ามีความเป็นมาอย่างก็ติดตามอ่านในหนังสือเรื่อง เรื่องจริงอิงนิทานพิเศษ....

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=39139

และถ้าท่านใดสนใจในการปฏิบัติธรรมและอยากทราบว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเป็นพระอริยเจ้าเมื่อไร ด้วยวิธีใด อย่างไร ก็อ่านจาก หนังสือ ปฏิปทาท่านผู้เฒ่า..

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=6&t=39343

......................................................

ความจริงแล้ว เรื่องราวของท่านมีอีกมาก สำหรับท่านที่ไม่เคยอ่าน ค่อยๆตามอ่าน ผมมั่นใจว่าท่านไม่ผิดหวังแน่นอน ขอความเจริญในธรรม จงมีแด่ทุกๆท่านครับ

......................................................

:b46: รวมคำสอน “หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน)”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38703

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 01 ก.ย. 2011, 19:05 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สภาพของอรูปพรหม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

:b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  sleepingwakeup [ 05 ก.ย. 2011, 18:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สภาพของอรูปพรหม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ

อนุโมทนา... :b42:

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/