ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือปฏิบัติอย่างไร !?! http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=39116 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 30 ก.ค. 2011, 21:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือปฏิบัติอย่างไร !?! |
ก า ร ป ฏิ บั ติ ธ ร ร ม ใ ห้ ไ ด้ ผ ล ดี คื อ ป ฏิ บั ติ อ ย่ า ง ไ ร !?!? อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.) • ถ า ม การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือปฏิบัติอย่างไร (ผู้ถาม : ภูริจฉก์) • ต อ บ มีพระพุทธวจนใน มหาสติปัฏฐานสูตร (๑๐/๒๗๓/๓๒๕) ว่า ผู้มีปฏิบัติพึงมี ความเพียร (อาตาปี) มีสติสัมปชัญญะ ความรู้สึกตัว และมีสติความระลึกได้ หรืออาจนำเอาหลักธรรมเกี่ยวกับการปฏิบัติไม่ผิด ที่เรียกว่า อปัณณกปฏิปทา ๓ คือการสำรวมระวังตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ (อินทรียสังวร) รู้ประมาณในอาหาร (โภชเนมัตตัญญุตา) และมีความเพียรในการปฏิบัติ ไม่เห็นแก่การนอนหลับ (๒๐/๔๕๕/๑๔๒) ก็นำมาใช้ได้ในการประคองให้การปฏิบัติธรรมได้ผลดี (ที่มา : คำถาม-คำตอบ ปัญหาทางพระพุทธศาสนา เล่ม ๕ โดย มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์, พิมพ์ครั้งที่ ๑, พ.ศ. ๒๕๔๓, หน้า ๖๒) รวมคำสอน “อาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=49286 |
เจ้าของ: | จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ [ 01 ส.ค. 2011, 20:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือปฏิบัติอย่างไร !?! |
การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี คือ ปฏิบัติอย่างไร ? การปฏิบัติธรรม จำเป็นต้องแบ่งแยกออกเป็น ๒ อย่าง ๒ ประเภท ที่เป็นเช่นนั้น ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่ครอบคลุมในทุกกลุ่มบุคคล ในทุกกลุ่มเชื้อชาติ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมตามหลักพุทธศาสนา จึงแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ได้แก่ ๑. การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ของบุคคลทั่วไป เพื่อการปฏิสัมพันธ์ ในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน ๒. การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ของบุคคลที่มีความต้องการที่จะปฏิบัติธรรมให้ได้ถึงชั้นอริยบุคคลหรือปฏิบัติธรรมเพื่อจุดมุ่งหมายจะหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย ในที่นี้หมายรวมตั้งแต่กลุ่มบุคคลที่เข้ามาพึ่งทางธรรมเพื่อต้องการขัดเกลาความเศร้าหมองในจิตใจ หรือกลุ่มบุคคลที่มีความเศร้าหมองในจิตใจอยู่แล้วและเข้ามาปฏิบัติธรรม เพื่อต้องการขจัดความเศร้าหมองตามความเข้าใจของพวกเขา หรือความหลงผิดในจิตใจของเขาทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อท่านทั้งหลายได้ทราบแล้วว่า การปฏิบัติธรรมจำต้องแบ่งออกเป็น ๒ อย่าง ๒ ประเภท การปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้ผลดี ก็ย่อมต้องแบ่งการปฏิบัติเป้น ๒ รูปแบบ เพื่อให้ได้ผลดี ต่อการดำรงชีวิตประจำวัน การปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวัน ของกลุ่มบุคคลทั่วไปนั้น ถ้าจะเอาแบบง่ายๆสั้น ก็ย่อมต้องนำเอาหลักการของ "อริยมรรค อันมีองค์๘ "มาเป็นเครื่องมือที่จะช่วยทำให้การปฏิบัติธรรมได้ผลดีและการดำรงชีวิตในสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน เป็นไปอย่างราบรื่น มีแต่ความสมัครสมานสามัคคี แทบจะไม่มีการเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย นั่นก็คือ " ๑. มีความเห็นในทางที่ดี, ๒.คิดในทางที่ดี, ๓.เจรจาติดต่อสื่อสารในทางที่ดี, ๔.ประพฤติปฏิบัติในทางที่ดี, ๕.เลี้ยงชีพเลี้ยงตัวเองในทางทีดี, ๖.มีความขยันหมั่นเพียรในทางที่ดี, ๗.ความหวนนึกถึงในทางที่ดี, ๘.ความตั้งใจสำรวมจิตในทางที่ดี (ขยายความจาก พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับพระธรรมปิฎกฯ) ทั้ง ๘ ข้อ ย่อมเป็นเครื่องมือที่จะช่วยหรือจะทำจะนำให้บุคคลที่ยึดถือสามารถปฏิบัติธรรมได้ผลดียิ่ง เพราะธรรมทั้งหลายล้วนย่อมมีอยู่ในตัวของแต่ละบุคคลอยู่แล้ว ถ้าใช้หลักการของ อริยมรรคอันมีองค์๘ เป็นเครื่องช่วยในการปฏิบัติ ซึ่ง ตัวของ อริยมรรค อันมีองค์๘ ก็เป็นหลักธรรมอย่างหนึ่ง เช่นกัน ถ้านำไปปฏิบัติ ก็คือว่าเป็นการปฏิบัติธรรมอันจักทำให้ได้ผลดียิ่งขึ้นเกิดธรรมทั้งหลายในจิตใจอยู่เสมอ นั่นหมายความว่า ทั้งผู้ปฏิบัติ และผู้ได้ร่วมปฏิสัมพันธ์ ย่อมเกิดธรรมอย่างดีเยี่ยมทั้งสองฝ่าย ส่วนการปฏิบัติธรรมในอย่างที่ ๒ เป็นการปฏิบัติธรรมของผู้ที่มีความต้องการใคร่จะหลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย จนถึงบุคคลที่ต้องจะปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุสู่ชั้นอริยบุคคล และหมายรวมถึงบุคคลที่เข้ามาพึ่งทางธรรม เพื่อต้องการขัดเกลาความเศร้าหมองในจิตใจ หรือกลุ่มบุคคลที่มีความเศร้าหมองในจิตใจอยู่แล้วและเข้ามาปฏิบัติธรรม เพื่อขจัดความเศร้าหมองในจิตใจตามความเข้าใจของพวกเขา หรือความหลงผิดในจิตใจของพวกเขาทั้งหลายเหล่านั้น ก็ย่อมต้องมีเครื่องมือ หรือหลักวิธีที่จะทำให้การปฏิบัติได้ผลดี เป็นขั้นเป็นตอน ตามหลักพุทธศาสนา อันได้แก่ ๑.เรียนรู้หลักกัมมัฏฐาน ๔๐ กอง ๒.ฝึกปฏิบัติตามหลักกัมมัฏฐานไปตามลำดับ เพราะการปฏิบัติตามหลักกัมมัฏฐานทั้ง ๔๐ กองนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือการฝึกปฏิบัติ ตามหลัก "สติปัฏฐาน ๔ "นั่นเอง เพียงแต่แยกออกมาอธิบายหรือจัดเป็นหมวดหมู่เพื่อให้เป็นหลักการหรือเครื่องมือที่ทำให้ง่ายต่อการเรียกใช้หรือง่ายต่อการปฏิบัติ ดังนั้น การปฏิบัติธรรมให้ได้ผลดี สำหรับบุคคลประเภทที่ ๒ จึงจำต้อง เรียนรู้หลักกัมมัฏฐาน ๔๐ กอง และฝึกปฏิบัติตามหลักกัมมัฏฐานไปตามลำดับ การปฏิบัตินั้น ในทางพุทธศาสนาจะแนะนำไว้ว่า "ไม่ตึง ไม่หย่อน" นั่นหมายความว่า ให้บุคคลทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมรู้จักจัดแบ่งเวลาที่เหมาะสม ให้รู้จักว่า เวลาไหนควรฝึก เวลาไหนความปฏิบัติ เวลาไหนความคิด หรือเวลาไหนไม่ควรคิด ถ้ารู้จักจัดแบ่งเวลา ในชีวิตประจำวันของบุคคล แต่ละบุคคลย่อมสามารถประพฤติปฏิบัติธรรมได้ผลอย่างดียิ่ง และย่อมใช้ชีวิตในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกับผู้อื่น ได้อย่างปกติสุข ไม่หนีโลก หนีปัญหา ฉะนี้ จ่าสิบตรี เทวฤทธ์ ทูลพันธ์ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |