เมืองไทย...เมืองพุทธตลอดกาลนาน !?!
พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ
สถานพำนักสงฆ์บ้านบุญ บ้านไร่ทอสี จ.นครราชสีมา
ท่านอาจารย์กล่าวเสมอๆ ว่า
แม้พระพุทธศาสนาจะเป็นศาสนาประจำชาติของเรามาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
แต่พวกเราจงอย่าได้ประมาทนะว่า
จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป มันไม่แน่หรอก
สิ่งที่เลวร้ายในโลกก็เคยเกิดขึ้นแล้วกับพระพุทธศาสนา
พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้เผยแผ่ธรรมะในอินเดีย
สมัยก่อนมีพระอรหันต์ พระอริยเจ้าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
มากมายหลายพันเกือบๆ หมื่นทีเดียว
แต่เดี๋ยวนี้แทบไม่มีเหลือ
ถ้าพุทธศาสนาหายไปจากอินเดียได้
แล้วทำไมพระพุทธศาสนาจะหายไปจากเมืองไทยไม่ได้
ท่านได้อ่านบทความเรื่องทิเบตที่เป็นเมืองพุทธยิ่งกว่าเมืองไทยเสียอีก
แต่ปัญหาทางการเมืองและกิเลสความโลภของมนุษย์
ทำให้พุทธศาสนาถูกทำลาย
ห้าสิบปีที่ผ่านมาในยุคที่จีนปฏิรูปวัฒนธรรม
และแผ่อำนาจไปยังทิเบต
ภิกษุภิกษุณีผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบถูกฆ่า
และถูกทรมานมากมายหลากหลายรูปแบบ
วัดต่างๆ ถูกทำลาย แม้แต่คัมภีร์พุทธศาสนาในลาซา
ซึ่งมีอายุเก่าแก่เป็นร้อยๆ ปี
ก็ถูกพวกทหารจีนเอาไปใช้เป็นกระดาษชำระ
ท่านบอกว่าพวกเราไม่ต้องสงสัยเลยว่า นรกมีจริงหรือไม่
นรกน่ะมีจริงอยู่แล้วแม้ในโลกนี้
พวกพระได้อ่านเรื่องพระทิเบตแล้ว
ทำให้เกิดความไม่ประมาทในการบวชเป็นพระว่า
“เรามาบวชเป็นพระอยู่ในเมืองไทย
ได้รับความเคารพนับถือจากญาติโยม
ไปที่ไหนผู้คนก็มีน้ำใจต่อเรา
มีความปลอดภัยในการประพฤติปฏิบัติ
แต่ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่า
เมืองไทยจะไม่เป็นอย่างประเทศทิเบตในอนาคตข้างหน้า
เรารับประกันเรื่องนี้ไม่ได้”
พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ
แต่ก่อนอินเดีย อิหร่าน อัฟกานิสถาน อุซเบกิสถาน ปากีสถาน
ก็เป็นพุทธหมด แต่ตอนนี้ก็ไม่เป็นซะแล้ว
วัดพุทธที่อิหร่านเกือบหมื่นวัด ถูกทำลายจนหมดสิ้น
ดูสิว่าอะไรเกิดขึ้นที่เขมรและลาว สมัยคอมมิวนิสต์ครองอำนาจ
พระถูกฆ่า แม้แต่พระสังฆราชก็ถูกคว้านท้อง
พระที่ไม่ถูกโดนฆ่าก็ถูกจับไปเลี้ยงหมู
นี่ไม่ใช่เรื่องนิทาน แต่เป็นเรื่องจริง
ท่านจึงว่า
พุทธศาสนาเสื่อมได้
ตัวธรรมะและความจริงน่ะไม่เสื่อมหรอก
แต่สถาบันเสื่อมได้ และคนก็เสื่อมได้เช่นกัน
เราไม่สามารถจะมั่นใจได้ว่า
เมืองไทยจะเป็นเมืองพุทธตลอดกาลนาน
ดังนั้น ผู้ที่เห็นคุณค่าของพุทธศาสนาทุกคน
ต้องมีส่วนร่วมในการรักษาสืบต่ออายุพระพุทธศาสนา
ไม่ใช่เพื่อเราเท่านั้น แต่เพื่อลูกเพื่อหลาน
และเพื่อผู้ที่ยังไม่เกิดด้วย
การสืบต่อที่แน่นอนที่สุดคือ
การศึกษาและประพฤติปฏิบัติธรรม
เพราะธรรมะต้องเป็นสิ่งที่เราแสดงได้ทั้งกาย วาจา ใจ
จะเอางานปฏิบัติเป็นแค่งานอดิเรก
ทำเหลาะๆ แหละๆ ไม่ได้
ต้องให้งานปฏิบัติเป็นหัวใจของชีวิต
ต้องมีความจริงใจต่อพระพุทธศาสนา
เคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
(ที่มา : “เรื่องท่านเล่า” เรียงเรียงจากนิทานและธรรมเทศนาที่พระอาจารย์ชยสาโรแสดงไว้
โดย ศรีวรา อิสสระ จัดพิมพ์โดย กองทุนสื่อธรรมะทอสี, พิมพ์ครั้งที่ ๔, กรกฎาคม ๒๕๕๓, หน้า ๘๖-๘๘)
รวมคำสอน “พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ”http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=38509
ประวัติและปฏิปทา “พระอาจารย์ชยสาโร ภิกขุ” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=13&t=22230
