วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2010, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ไม่มีความหวังเที่ยวไป

บุคคลผู้รู้ผู้เห็นอยู่ ย่อมอยู่อย่างไม่มีความหวัง แล้วจึงท่องเที่ยวไป แต่บุคคลผู้ไม่รู้ไม่เห็น คือ ไม่รู้จักอิททัปปัจจยตา-ปกิขจสมุปบาท ย่อมอยู่อย่างมีความหวัง แล้วพากันเที่ยวไปในภพน้อยใหญ่ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง สมหวังบ้าง คับแค้นใจบ้าง ฯ ไม่สิ้นสุด

อนึ่ง เมื่อมีต้นไม้เกิดขึ้นมา ผลย่อมกำเนิดแก่ต้นไม้นั้น โดยไม่ต้องหวังว่า ขอผลจงเกิดแก่ต้นไม้นั้นเถิด ที่เป็นอย่างนั้นเพราะพร้อมด้วยเหตุปัจจัยของการเกิดผลไม้นั้นแล้ว หรือมันเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ถ้าบุคคลพึงจะหวังว่า ขอผลไม้อย่าได้เกิดแก่ต้นไม้นี้เลย ความหวังนี้ย่อมเป็นจริงไปไม่ได้ ฉะนั้นเหมือนกัน ผู้รู้ผู้เห็นอยู่ซึ่งกฎของเหตุปัจจัย ย่อมไม่กระทำความหวังใดๆ กับเรื่องๆ ใดๆ ย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาลอยๆ ไม่มีอะไรยั่งยืนถาวร ทุกสรรพสิ่ง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ต้องดับไป ตามครรลองคลองธรรม ที่มันเกิดขึ้นมาเพราะพร้อมด้วยเหตุปัจจัยให้เกิดก็ต้องเกิด พร้อมด้วยเหตุปัจจัยให้อยู่ก็ต้องอยู่ พร้อมด้วยเหตุปัจจัยให้แตกสลายก็ต้องแตกสลาย ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ หรือ เป็นสภาวะที่อยู่นอกเหนือการบังคับบัญชาใดๆ

บุคคลย่อมไม่คับแค้น ไม่ดิ้นรน เพราะเหตุของความหวัง ถ้าเข้าใจเรื่องกฎธรรมชาติเรื่องเหตุปัจจัย เขาย่อมทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เกิด เพื่ออีกสิ่งหนึ่งจะเกิดตามมา เขาย่อมได้สิ่งที่ปรารถนาโดยไม่ยาก และเมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นที่น่าพอใจหรือไม่พอใจ เขาย่อมรู้แก่ใจว่า สิ่งนั้นมันเกิดแต่เหตุ ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แก้ไขอะไรไม่ได้ ความคับแค้นอะไรจะเกิดแก่บุคคลผุ้รู้ผู้เห็นอย่างนี้เล่า

ไม่มีความจำเป็นที่บุคคลจะดิ้นรนเพื่อเอาชนะผู้ใด บัณฑิตย่อมกระทำเพื่อชนะตนเองโดยแท้ การดิ้นรนเพื่อเอาชนะคะคานบุคคลอื่น เป็นอกุศล บัณฑิตย่อมติเตียน การพยายามเพื่อชนะตนเองเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ อันบัณฑิตยกย่อง บุคคลที่ชนะตนเองได้แล้ว ก็คือ ชนะได้ทั้ง ๔ โลก (มนุษย์โลก เทวะโลก มารโลก พรหมโลก) เป็นที่กราบไหว้บูชาของเหล่ามนุษย์และเทวดา เป็นผู้ที่ไม่ต้องร้องขอพรจากใคร จึงไม่มีชัยชนะใดยิ่งใหญ่กว่าการเอาชนะตนเอง

บุคคลที่มีปัญญา ย่อมไม่หวังว่า ขอศีลจงเกิดแก่เราเถิด เพราะ เมื่อบุคคลมีปัญญารู้ดีรู้ชั่วรู้ผิดรู้ถูก ย่อมไม่ทำการกระทำอันใดที่ขัดต่อกุศล ปกติไม่ลักทรัพย์ ฆ่าคน ฯ เหตุเพราะปัญญาอันตั้งมั่นดีแล้ว เขาย่อมรู้ดีถึงผลใดๆ ที่จะเกิดแก่เขาในภายภาคหน้า เพราะผลของการกระทำนั้นๆ ศีลที่เกิดจากปัญญาจึงมั่นคงด้วยประการเช่นนี้

ศีลวิบัติย่อมเกิดแก่ผู้มีปัญญาทราม ประกอบด้วยความมืดตื้อ เปรียบประหนึ่งคนบ้าใบ้ เขาย่อมกระทำการใดๆ ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา เป็นไปตามความพอใจ ไม่พอใจ เขาย่อมหลงไปกับสิ่งที่เข้ามากระทบทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ปล่อยให้ความไม่รู้ลากจูงเขาไป เหมือนวัวที่โดนสนตะพายฉะนั้น เขาย่อมไม่รู้ถึงผลที่จะเกิดแก่เขาในภายภาคหน้า เมื่อความเลวร้ายต่างๆ พากันเข้ามา เขาย่อมได้แต่สงสัยว่า มันเป็นเพราะอะไรกัน

ปัญญาจึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้เกิดศีล เมื่อบุคคลเป็นผู้มีศีล จิตใจย่อมไม่ว้าวุ่น ไม่ฟุ้งซ่านไปด้วยอารมณ์ใดๆ เพราะเขารู้อยู่เห็นอยู่ด้วยความเป็นจริงว่า อะไรๆ ก็ไม่เที่ยงแท้ ความสงบของจิตใจจึงบังเกิดอย่างมั่นคงถาวรกับบุคคลนั้น เกิดเป็นความสงบสุขอย่างหาที่เปรียบได้ยาก

พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ทรงประกาศธรรมอันเป็นเลิศ เป็นความจริงอันเที่ยงแท้ เป็นบุคลที่หาเปรียบได้ยาก ข้าเพจ้าขอมีพระพุทธองค์เป็นสรนะ ฯ

“ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นปกิจจสมุปบาท ผู้ใดเห็นปกิจจสมุปบาท ผู้นั้นเห็นธรรม”

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร