วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 22:39  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2010, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

ในวิกฤต มีโอกาส

พระไพศาล วิสาโล


เมื่อพูดถึงความตาย เรามักนึกถึงความเจ็บปวด ความทุรนทุราย
และความพลัดพรากสูญเสียจากสิ่งที่รัก
บางคนอาจนึกเลยไปถึงสิ่งลี้ลับดำมืด
หรือความทุกข์ทรมานที่รออยู่เบื้องหน้า หลังสิ้นลม
ความตายจึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวในความรู้สึกของผู้คน
จนแม้แต่จะเอ่ยถึงก็ยังไม่กล้า


กล่าวได้ว่าความตายเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่สามารถจะเกิดได้กับคน ๆ หนึ่ง
เพราะไม่มีอะไรที่จะเป็นสุดยอดของความพลัดพรากนอกจากความตาย
แต่ในทุกวิกฤตย่อมมี “โอกาส” อยู่เสมอ


มองในแง่กายภาพ ความตายเป็นวิกฤตที่นำความแตกดับมาสู่ชีวิตก็จริง
แต่ในเวลาเดียวกันก็เปิดโอกาสให้หลายชีวิตมีลมหายใจยืนยาวต่อไป
โดยอาศัยอวัยวะจากผู้ตายมาปลูกถ่ายทดแทน
หรืออาศัยความรู้จากร่างของผู้ตาย
มาพัฒนาวิธีการเยียวยารักษาโรคร้ายเพื่อยืดชีวิตของผู้คน


ใช่แต่เท่านั้น ความตายยังเป็นโอกาสในทางจิตวิญญาณด้วย
กล่าวคือเป็นประตูเปิดสู่ภพภูมิที่สูงขึ้น
ดังคนโบราณเชื่อว่าหากตั้งจิตให้เป็นกุศลก่อนตายก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์หรือ
ได้พบพระศรีอาริย์ในชาติต่อไป
ถ้าเป็นคนอีสานก็เชื่อว่า
จะได้ไปสักการะพระเกศแก้วจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์


แต่ถึงแม้จะไม่เชื่อในภพหน้า
ความตายก็ยังสามารถหนุนเนื่องให้เกิดการยกระดับทางจิตใจ
ได้ตั้งแต่ขั้นสามัญไปจนถึงขั้นสูงสุด คือ การบรรลุอรหัตผล
ในพระไตรปิฎกมีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับบุคคลที่บรรลุธรรมขั้นสูง
ในขณะที่ความตายมาประชิดตัว อาทิ พระเจ้าสุทโธทนะ พระพุทธบิดา
ในวาระสุดท้ายของพระองค์ทรงประชวรหนัก มีทุกขเวทนาแรงกล้า
พระพุทธองค์ได้เสด็จไปแสดงธรรมถึง ๗ วัน ๗ คืน
ในคืนสุดท้าย ทรงแสดงธรรมเรื่องความไม่เที่ยง
พระเจ้าสุทโธทนะทรงพิจารณาตาม
และเห็นแจ้งด้วยพระองค์เองว่า สังขารนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ในที่สุดก็ทรงบรรลุอรหัตผลก่อนจะเสด็จดับขันธ์ในคืนนั้นเอง


พระติสสะก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้รับทุกขเวทนามากในยามใกล้ตาย
มิหน้ำซ้ำท่านยังถูกเพื่อนพระด้วยกันทอดทิ้งเนื่องจากเป็นโรคที่น่ารังเกียจ
ท่านถูกปล่อยให้นอนจมปฏิกูลและมีหนองเปรอะเปื้อนเต็มตัว
เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบจึงเสด็จมาดูแลท่าน
อาบน้ำชำระร่างกายและเปลี่ยนจีวรใหม่
จากนั้นพระองค์ได้แสดงธรรมสั้น ๆ ว่า
“อีกไม่นาน ร่างกายนี้ จักปราศจากวิญญาณ ถูกทอดทิ้ง
ทับถมแผ่นดิน เหมือนท่อนไม้ อันหาประโยชน์มิได้”

พระติสสะได้พิจารณาตามและประจักษ์ด้วยตนเองร่างกายนี้ไม่น่ายึดถือเลย
ส่งผลให้ท่านบรรลุอรหัตผลในขณะเดียวกับที่สิ้นชีวิต


ส่วนพระสัปปทาสมีประวัติที่แตกต่างออกไป
กล่าวคือ ท่านมีความทุกข์มากที่ไม่เคยพบกับความสงบใจเลยตลอด ๒๕ ปีที่บวช
จึงตัดสินใจปลิดชีวิตตนเอง ช่วงที่ท่านปาดคอตนเอง
ท่านได้สติหันมาพิจารณาความเจ็บปวดอันแรงกล้าที่เกิดขึ้น
และเห็นว่าสังขารนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
จิตจึงละวางจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน
ชั่วขณะนั้นเองก็บรรลุอรหัตผลก่อนจะสิ้นลม


ความตายนั้นตัดรอนชีวิตและบีบคั้นกายใจก็จริง
แต่ในเวลาเดียวกันก็ประกาศสัจธรรมอย่างชัดเจนว่า สังขารนั้นไม่เที่ยง
ไม่มีอะไรที่ยึดติดถือมั่นว่าเป็นของเราได้เลย เพราะเอาไปไม่ได้สักอย่าง
ส่วนทุกขเวทนาอันแรงกล้านั้นก็ตอกย้ำว่าสังขารนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ไม่น่ายึดไม่น่าเอา เป็นเสมือนครูที่เฆี่ยนตีไม่หยุดหย่อนจนกว่าเราจะเข็ดหลาบ
และยอมปล่อยวางสังขารนั้นไปในที่สุด


ด้วยเหตุนี้ในยามที่ความตายมาคุกคาม
จึงมีโอกาสอย่างมากที่บุคคลจะเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรม
จนละวางความยึดติดถือมั่นในสังขาร เข้าถึงมรรคผลนิพพาน
หรือลุถึงอิสรภาพทางจิตวิญญาณได้
ท่านพุทธทาสภิกขุจึงเรียกช่วงเวลาที่ใกล้ตายว่าเป็น “นาทีทอง”ของชีวิต


สำหรับคนทั่วไปที่ไกลวัด หรือไม่หวังนิพพานในชาตินี้
ความตายก็ยังเป็นโอกาสให้ได้พบสิ่งดี ๆ เท่าที่ปุถุชนจะหวังได้
เช่น ได้เห็นลูกหลานหรือพี่น้องกลับมาคืนดีกัน
เพราะเห็นแก่คนป่วยที่กำลังจะตาย
ในทำนองเดียวกัน บางคนที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ภรรยาจนฝ่ายหลังตีจาก
เมื่อเจ้าตัวป่วยหนักจนภรรยาอยู่เฉยไม่ได้ ต้องกลับมาดูแลอย่างใกล้ชิด
สามีจึงมีโอกาสเอ่ยปากขอโทษภรรยา และนำไปสู่การคืนดีกันได้ในที่สุด
เมื่อถึงคราวจะสิ้นลมสามีก็จากไปอย่างสงบ


ทั้ง ๆ ที่ร่างกายใกล้จะแตกดับ
แต่ก็มีหลายคนที่ได้พบกับความสงบในยามใกล้ตาย
เพราะได้ปล่อยวางภาระต่าง ๆ ในชีวิต
ด้วยรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะแบกเอาไว้ต่อไป
บ้างก็หันมาให้เวลากับลูกหลานและพ่อแม่ ได้รับความอบอุ่นใจ
และดีใจที่ได้ทำสิ่งสำคัญในชีวิตก่อนตาย
บางคนเมื่อรู้ว่ามีเวลาเหลือน้อย ได้หันเข้าหาธรรมะ
เจริญสมาธิภาวนา สร้างบุญสร้างกุศลเต็มที่
จึงพบกับความสุขใจอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน



หากไม่มีมรณภัยมาประชิดตัว ผู้คนเหล่านี้ก็คงยังหมกมุ่นกับการงาน
แสวงหาเงินทอง วุ่นวายกับภาระต่าง ๆ หาไม่ก็เพลิดเพลินกับความสนุกสนาน
จนลืมไปว่ายังมีสิ่งที่ดีกว่าหรือสิ่งสำคัญอย่างอื่นในชีวิตที่ต้องใส่ใจ
ใช่หรือไม่ว่าความตายมาเตือนให้เขาหันมาทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อจิตใจอย่างแท้จริง
รางวัลที่ได้ก็คือความสงบเย็นและความสุขใจที่อาจไม่เคยรู้จักมาก่อน
กระทั่งนาทีสุดท้ายของชีวิตก็ยังพบกับความสงบได้
ไม่ทุรนทุรายแม้ทุกขเวทนาทางกายจะบีบคั้นก็ตาม


ความตายจึงไม่จำเป็นต้องจบลงด้วยความทุกข์ทรมานเสมอไป
มีผู้คนเป็นอันมากที่จากไปท่ามกลางความอาลัย
และความปลื้มปีติของญาติที่เห็นคนรักของตนจากไปอย่างสงบและงดงาม


มารี คูรี นักวิทยาศาสตร์ชื่อก้อง เคยกล่าวว่า
“ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่น่ากลัว มีแต่สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจ”
ความข้อนี้ใช้กับความตายได้ด้วย

ความตายนั้นไม่น่ากลัวเลยหากเราเข้าใจความตายอย่างรอบด้านและทุกแง่มุม
จนเห็นว่าความตายไม่ใช่วิกฤต หากเป็นโอกาสอันทรงคุณค่าด้วย


ที่มา...นิตยสารซีเครท : Vol.2 No.26 25 July 2009
Joyful Life & Peaceful Death ในวิกฤต มีโอกาส

http://www.visalo.org/article/secret255207.htm
ภาพประกอบจาก... http://torporpor.files.wordpress.com/2007/01/phc_1.jpg

:b48: :b8: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2010, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ต.ค. 2010, 17:16
โพสต์: 177

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือสัจธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2010, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่นสิ พระพุทธองค์ถึงให้เราระลึกถึงความตายอยู่เสมอ สาธุ สาธุ สาธุ :b8: :b8: :b1:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ต.ค. 2010, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b4: :b8: :b8: :b8: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร