ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ยิ่งปล่อยวาง...ยิ่งเป็นสุข
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=34239
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  O.wan [ 02 ก.ย. 2010, 07:02 ]
หัวข้อกระทู้:  ยิ่งปล่อยวาง...ยิ่งเป็นสุข

:b8: :b8: โดยพระธรรมาโกศาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) :b8: :b8:

ให้เราจำคำพูดของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
:b42: ความยึดมั่นเป็นตัวทุกข์
มีความยึดมั่นในสิ่งใดก็เป็นทุกข์ในสิ่งนั้น
ถ้าปล่อยวางได้ก็ไม่ทุกข์เราจึงควรรู้เท่าทันสิ่งนั้น
อย่ายึดอย่าถือให้มันรุนแรง แต่ให้รู้ว่าสิ่งนี้มัน
ไม่ใช่ของแท้ของจริงเป็นสิ่งที่ผ่านมาในวิถีชีวิตของเรา
มันเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป

อะไรที่ผ่านมาในชีวิต
:b42: ลาภผ่านมา ยศผ่านมา
:b42: ความสุขผ่านมา สรรเสริญผ่านมา แล้วมันก็ผ่านไป

แต่เราหลงผิดว่า เมื่อมันผ่านไปแล้ว
เราก็กลับไปจับมันอีกรถไฟออกแล้ว เรากระโดดจับ
รถไฟเลยล้มลงไปปากแตก ขาหักแขนหัก
ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน
อารมณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในใจของเราก็เป็นอย่างนั้น

:b42: พระพุทธเจ้าจึงสอนว่าให้ปล่อยวางให้อยู่ด้วยความว่าง
ในการยึดถือในสิ่งนั้น ให้ใช้ปัญญาพิจารณาให้รอบคอบ
:b42:

แหล่งที่มา : ความแก่ที่ท่านยังไม่รู้จัก รวมพระธรรมเทศนา
ของพระธรรรมาจารย์ ,2542


:b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

เจ้าของ:  สาวิกาน้อย [ 02 ก.ย. 2010, 08:40 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยิ่งปล่อยวาง...ยิ่งเป็นสุข

:b8: :b8: :b8: ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ
พี่ O.wan เป็นไงบ้าง สบายดีนะค่ะ ระลึกถึงอยู่เสมอค่ะ :b20:

เจ้าของ:  O.wan [ 02 ก.ย. 2010, 10:43 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยิ่งปล่อยวาง...ยิ่งเป็นสุข

สาวิกาน้อย เขียน:
:b8: :b8: :b8: ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ
พี่ O.wan เป็นไงบ้าง สบายดีนะค่ะ ระลึกถึงอยู่เสมอค่ะ :b20:


cool ขอบคุณนะคะ คุณสาวิกาน้อย สบายดีเช่นกันนะคะ :b16:

ไฟล์แนป:
think.gif
think.gif [ 28.31 KiB | เปิดดู 5888 ครั้ง ]

เจ้าของ:  กุหลาบสีชา [ 03 ก.ย. 2010, 19:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยิ่งปล่อยวาง...ยิ่งเป็นสุข

smiley :b8: :b8: :b8: smiley

เจ้าของ:  ธรรมบุตร [ 03 ก.ย. 2010, 21:48 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยิ่งปล่อยวาง...ยิ่งเป็นสุข

รูปภาพ

เจ้าของ:  ฟ้าใสใส [ 04 ต.ค. 2010, 18:08 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ยิ่งปล่อยวาง...ยิ่งเป็นสุข

ขยะ ... ที่อยู่ในใจ

ทำไมบางคนถึงทุกข์ร้อน วิตกกังวล กระวนกระวาย ไม่สบายใจ ไม่ปลอดโปร่งอยู่เสมอ ... คำตอบง่ายมาก เพราะเขาแบกความคิดและความรู้สึกหลายอย่างเอาไว้ ไม่ปลดปล่อย ไม่ปรับเปลี่ยน จนกระทั่งมันกลายเป็นขยะ หรือคราบสกปรกเกาะติดหัวใจ เวลามีอะไรมากระทบหรือสัมผัสกับความรู้สึก ก็จะมีคราบเปื้อนเหล่านี้เข้าไปเจือปน ความสดใสที่ควรจะมี จึงมีได้ไม่เต็มที่

ทำไมเราจึงปล่อยให้ใจเป็น " ถังขยะ " ล่ะ คำตอบก็คือ เราไม่ค่อยรู้ตัวหรอกว่า เราแอบทิ้งขยะลงไปในใจของเราเอง หรือมีใครทิ้งขยะลงมาในหัวใจของเราบ้าง ถ้าเราไม่หมั่นสำรวจ บางทีเราอาจมีขยะรกเรื้อหัวใจอยู่มากมายเลยก็ได้

อะไรบ้างที่เป็นขยะหัวใจ

1. ความไม่พอใจ

มีหลายเรื่องเลยนะ ในชีวิต ที่เราไม่พึงพอใจ ถ้าจะแบ่งให้กว้างที่สุดเพื่อให้เห็นภาพ สิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจมีอยู่ 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ไม่พอใจคนอื่น กับไม่พอใจตัวเอง ไม่พอใจคนอื่นเกิดได้มากกว่าความไม่พอใจในตัวเอง เพราะธรรมชาติของคน ย่อมรักตัวเองมากกว่าคนอื่น ย่อมโทษคนอื่นก่อนโทษตัวเอง ย่อมเห็นความผิดของคนอื่นได้ก่อน และได้ชัดกว่าความผิดของตนเอง

ขณะเดียวกันเราต่างก็รู้ว่าโลกนี้ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ มีเกิน มีขาด จนกว่าจะค่อยๆ ปรับปรุงพัฒนาให้มีความพอดีได้ จึงจะเข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบมากที่สุด ฉะนั้นเราควรมองด้านดีของกันและกันให้มากกว่าด้านที่บกพร่อง ถ้าเราเริ่มจากมองด้านดีของกันและกันแล้ว ความพึงพอใจ และความนับถือในกันและกันก็จะเกิด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างสรรค์กว่าการจับผิดกัน แล้วนำไปสู่ความไม่พอใจ

2. ความผิดหวัง

2 สิ่งที่ไม่ควรตั้งความหวังไว้สูงนัก คือหวังว่าเรื่องบางเรื่อง เหตุการณ์บางเหตุการณ์ หรือคนบางคนในอดีตจะย้อนกลับมา กับหวังว่าอนาคตจะเป็นไปตามที่เราวาดหวังเสียทุกประการ อดีตเป็นสิ่งที่ยากจะเรียกหาให้ย้อนกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิม ดีที่สุดคือใช้อดีตเป็นบทเรียน ให้สติ ให้เราเรียนรู้ทั้งโอกาส และความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เพื่อให้วันนี้ และวันข้างหน้า ดีกว่าอดีตที่เคยเป็น

ส่วนอนาคตย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ไม่สามารถบังคับบงการให้เป็นไปตามความหวังของเราได้เสียทั้งหมด แต่พอจะคาดการณ์ได้ว่าน่าจะเป็นอย่างไร กระนั้นก็ตาม หากไม่เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ ก็อย่าได้ทุกข์ร้อนเสียใจ และปล่อยความคาดหวังบนความไม่แน่นอนแบบนี้ให้เป็นขยะรกอารมณ์

3. ความอิจฉาริษยา

ขยะอย่างหนึ่งที่รกใจคนที่สุดก็คือ ความอิจฉาริษยาคนอื่น โดยไม่ทันเฉลียวว่าทุกครั้งที่เราอิจฉาริษยาใครก็ตาม ความนับถือตัวเองของเราก็เสื่อมถอยลงไปด้วย เพราะการจะรู้สึกอิจฉาหรือริษยาใครนั้น ย่อมมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกว่าเขาดี หรือได้ดีกว่าเรา เราจึงอิจฉาเขาเป็นพัลวัน

จงหยุดอิจฉา แล้วมองให้เห็นว่าการที่คนอื่นได้ดี หรือมีดีกว่าเรานั้น เป็นสิ่งที่น่ายินดี ควรยินดีกับเขา และปรับเปลี่ยนโน้มน้าวตัวเองให้ทวีความดีดั่งที่เขามีจนเราอิจฉา

4. ความยึดมั่นถือมั่น

ขยะที่เพิ่มพูนความรกเรื้อ รุงรัง ให้ใจได้เป็นอย่างดีอีกประการหนึ่งคือ ความยึดมั่นถือมั่น คิดว่านั่นก็คนของฉัน นี่ก็บ้านของฉัน รถของฉัน คนรักของฉัน ตำแหน่งของฉัน ฯลฯ จนไม่สามารถปล่อยวาง ‘ สิ่งนอกตัว ’ เหล่านั้นลงได้

ส่วนใหญ่พบว่า จิตจะปรุงแต่งไปเองว่าสิ่งนี้ฉันรัก สิ่งนี้ฉันเป็นเจ้าของ ใครก็เอาไปจากฉันไม่ได้ พอไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ ก็ผูกพันหน่วงเหนี่ยว ยังคงเสียดาย เสียใจ และปรุงแต่งจิตเพิ่มเข้าไปว่า ฉันนี้แสนทุกข์ระทม

ลองยอมรับความจริงดูบ้างไหมว่า อะไรๆ ในโลกนี่ก็ไม่ใช่ของเราอย่างถาวรทั้งสิ้น แม้กระทั่งร่างกายของเรานี้ แท้ก็เป็นแค่ของยืมมา ใช้ได้ชาตินี้ชาติเดียว เดี๋ยวก็เสื่อม ก็แก่ ก็ป่วย ก็ตาย ต้องคืนร่างกายสังขารนี้สู่สภาพดิน น้ำ ลม ไฟ เน่าเปื่อยผุพังไป สิ้นความสวยความหล่อ ตลอดจนลาภยศ สรรเสริญทั้งปวง

5. ความกลัว

ใจหลายคนรุงรังไปด้วยความกลัว กลัวเขาจะไม่รัก กลัวเงินจะหมด กลัวฝนจะตก กลัวนายจ้างจะเลิกจ้าง กลัวเพื่อนร่วมงานจะได้ดีกว่า กลัวไม่ก้าวหน้า ไม่ได้โบนัส ฯลฯ กลัวไปทำไม เรื่องบางเรื่องเราตัดสินเองไม่ได้ อยู่นอกเหนือจากการควบคุม ซึ่งกลัวไปก็เท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสักนิด บางเรื่องแทบไม่มีวันมาถึงในชีวิต ก็กลัวล่วงหน้า กลัวจนประสาทเสีย

จงพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคน และทุกสิ่งในชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ซึ่งต้องเริ่มจากการทำแต่สิ่งที่ดี โปร่งใส ไม่เป็นแผลติดตัวที่ต้องปิดบังซ่อนเร้น และจงขจัดความกลัวออกไปจากใจ เพื่อให้เกิดความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตของเราให้สมศักดิ์ศรี เพื่อที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อทำให้ชีวิตนี้ดีกว่าเดิม

6. ความอยาก

จง " อยาก " ให้พอดีกับกำลังกาย กำลังทุน และกำลังสติปัญญาของตัวเอง อย่าอยากจนเกินกำลัง เพราะจะทำให้สิ้นกำลังได้ง่าย แล้วกลายเป็นคนพ่ายแพ้ อ่อนแอ หมดสิ้นความทะเยอทะยานอยากในชีวิต

ความทะเยอทะยานอยากเหมือนรถ แต่ใจเราคือคนขับ รถแล่นด้วยความเร็วกำลังดี เราก็ได้ประโยชน์ จอดอยู่เฉยๆ ก็นิ่งอยู่กับที่ แต่หากแล่นฉิวจนเกินควบคุม ก็อันตรายกับชีวิต ฉะนั้นใจต้องเป็นนายของความทะเยอทะยานอยาก ขับเคลื่อนความทะเยอทะยานอยากโดยควบคุมได้

ทำอย่างไรให้ใจสะอาด

เริ่มจากปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง อย่ายึดติดยึดถือให้มากนัก แล้วอยู่กับปัจจุบัน อะไรที่อยู่กับเรา เป็นของเรา ย่อมอยู่กับปัจจุบันของเราด้วย นั่นคือสิ่งจริงแท้แน่นอน การปล่อยวางสิ่งต่างๆ ลง เท่ากับการเทขยะทิ้ง การอยู่กับปัจจุบัน เท่ากับการปิดฝาถังขยะ ไม่เปิดรับขยะใหม่ๆ ให้ใจต้องสกปรกรกรุงรังอีก เพื่อมีเวลาทำความสะอาดหัวใจให้ผ่องใส เบิกบาน

ใจ ... แท้จริงผ่องใสด้วยตัวของมันเอง แต่คนที่เป็นเจ้าของหัวใจต่างหาก ที่ชักนำสิ่งต่างๆ มาปะพอก จนใจนั้นหมดสภาพ ฟื้นหัวใจให้กลับไปผ่องใสดังเดิมกันเถิด ปัดฝุ่นและคราบเขม่าทั้งหลาย แล้วเปิดทางให้หัวใจได้หายใจ เต้น และรู้สึกด้วยตัวของมันเอง

อย่าไปบงการหัวใจมาก เพราะแทนที่จะเป็นหัวใจ มันจะกลายเป็นถังขยะแทน

ที่มา :: ทำดีดอทเน็ต

กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมทุกท่านอย่างสูงค่ะ :b8: :b8: :b8:


ไฟล์แนป:
Lotus238.jpg
Lotus238.jpg [ 3.12 KiB | เปิดดู 5741 ครั้ง ]

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/