ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
คำถามที่ตอบได้เอง !! (พระอาจารย์อารยะวังโส) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=33438 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 27 ก.ค. 2010, 17:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | คำถามที่ตอบได้เอง !! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
คำถามที่ตอบได้เอง !! พระอาจารย์อารยะวังโส ปุจฉา กราบนมัสการท่านอารยะ ขออนุญาตเรียนถามเรื่องกัลยาณมิตรเจ้าค่ะ เราจะหากัลยาณมิตรทางธรรมที่แนะนำธรรมะได้อย่างไร เราควรจะปวารณาตัวเองอย่างไร บางทีเราก็ไม่แน่ใจว่าท่านผู้นั้นจะยอมรับสั่งสอนเราหรือไม่ บางครั้งเหมือนคนหลงทางเจ้าค่ะ กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะ วรารัตน์ วิสัชนา ฉบับนี้ขอตอบจดหมายของโยมวรารัตน์ที่ปุจฉาเข้ามายัง “ธรรมส่องโลก” อาจจะล่าช้าไปบ้างต้องขออภัย !!! จากพระพุทธภาษิตที่ว่า “กัมมุนา วัตตะตี โลโก – สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม” ก่อนจะวิสัชนาโดยตรงขอพูดคุยเป็นปกิณกธรรม ว่าด้วยเรื่องของกรรมเพื่อปรับพื้นฐานจิตใจให้แน่วแน่มั่นคงในความจริงอันเป็นสัจธรรม ซึ่งพระพุทธองค์ได้ทรงมีพระดำรัสไว้ตามพระคาถาที่ยกขึ้นมา อันสัตว์ผู้มุ่งเข้าสู่เขตแดนพระพุทธศาสนา จะต้องยอมรับความจริงปักใจเชื่อลงไปในเรื่องของกรรมวิบาก และกิเลส ซึ่งอันเป็นเครื่องอาศัยของสัตว์ที่โคจรอยู่ในสังสารวัฏ การทำความเข้าใจในเรื่องกรรมอันจำแนกสัตว์ให้ทรามและประณีตแตกต่างกันไป เพื่อจะได้ย้อนกลับมาทำความเข้าใจกับตนเองในฐานะที่เป็นสัตว์ในสงสารจำพวกหนึ่ง เพื่อให้แลเห็นความจริงว่าเราท่านทั้งหลายต่างเกิดมาด้วยวาสนาที่ดีมีบุญ กุศลได้ฐานะมนุษย์ อันจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ประเสริฐได้อย่างเต็มภาคภูมิ เพื่อความเข้าใจที่ดีในตนเองต่อความเป็นผู้มีบุญวาสนาไม่อาภัพ บุคคลที่สามารถนำพาให้เข้าสู่กระแสธรรม สร้างสรรค์คุณงามความดีเสริมฐานะต่อยอดไปสู่เบื้องหน้า อันมีจุดมุ่งหมายเพื่อความสิ้นทุกข์ หรือเพื่อดับทุกข์ให้สิ้นได้ หรือเพื่อทำให้ถึงที่สุดแห่งความสิ้นทุกข์ อันเป็นประโยชน์สุดที่เราทั้งหลายปรารถนาเป็นไปตามคติธรรมในพระพุทธศาสนา |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 27 ก.ค. 2010, 17:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง!! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
ที่ชี้แจงแสดงให้เห็นประโยชน์ขั้นสูงสุด เพื่อให้รู้เข้าใจในความเหมาะควรที่จะมุ่งหมายไปให้ถึง ไม่หลงยึดติดเพียงแค่ประโยชน์ในปัจจุบัน หรือประโยชน์ขั้นลูบๆ คลำๆ ไม่เที่ยงแท้หนอ แม้ในเบื้องหน้า !! ความเข้าใจที่ดีดังกล่าวต่อสถานภาพที่ได้มาของเราในฐานะความเป็นมนุษย์ อันเป็นสมบัติแห่งกองกรรมกองเวรที่เราก่อร่างสร้างมากับมือ จึงต้องมารับผลให้ฐานะผู้เป็นเจ้าของผลการกระทำนั้นๆ อันเป็นไปตามหลักความเป็นธรรมดา ดังพระพุทธวจนะที่กล่าวรับรองในกรณีดังกล่าวไว้ว่า... ยาทิสํ วปเต พีชํ ตาทิสํ ลภเต ผลํ กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ. แปลความว่า บุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น ผู้ทำกรรมดี ย่อมได้รับผลดี ผู้ทำกรรมชั่ว ย่อมได้รับผลชั่ว ซึ่งเป็นสัจธรรมอันเป็นไปตามกฎแห่งความจริงที่มีอยู่ในธรรมชาติ ซึ่งควรน้อมเข้ามาคิดพิจารณาให้เป็นคุณต่อตัวเรา เพื่อนำไปสู่ความปักใจเชื่อในการกระทำความดี สร้างบารมีให้มาก ประกอบการกุศลให้ยิ่ง เพื่อก้าวไปให้ถึงที่สุด อันอริยชนพึงปรารถนา!! ด้วยความเข้าใจในกฎความจริงที่มีอยู่ในธรรมชาติที่จัดอยู่ในรูป “กรรมนิยาม” ที่บอกกล่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ในการกระทำและผลที่เกิดจากการกระทำ ที่สอดคล้องสมกันดังที่ว่า ทำกรรมดี มีผลดี ทำกรรมชั่ว มีผลชั่ว ผู้กระทำย่อมต้องได้รับผลจากการกระทำนั้นๆ !! ซึ่งจะนำไปสู่การเข้าใจในความจริงที่จะนำประโยชน์มาสู่ตน เมื่อรู้จักใช้ส่วนที่เป็นคุณ และรู้จักละเว้นส่วนที่เป็นโทษ ดังพระพุทธวจนะที่กล่าวไว้ว่า “การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำกุศลให้ถึงพร้อม และการทำจิตให้บริสุทธิ์ นี่เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย” จากที่กล่าวมาโดยสรุปย่อพอเข้าใจ ในเรื่องของความจริงที่มีปรากฏมีอยู่ในธรรมชาติในรูป “กรรมนิยาม” นั้น เพื่อจะได้แนะนำให้สาธุชนรู้จักใช้ประโยชน์ตนเองในทางสร้างสรรค์ จากการอ้างอิง “กรรมนิยาม” ดังกล่าว ทั้งนี้ด้วยเราทั้งหลายยังเป็นสัตว์ที่ต้องอาศัยกรรม เพื่อเข้าใจในความจริงดังกล่าว อันปรากฏเป็นบรรทัดฐานในคำสั่งสอนของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นลักษณะ “กรรมคติ” ก็จะได้มุ่งออกมาจากความทุกข์ ความมีโรคมีภัย ด้วยการกระทำแต่กรรมดี เพื่อหวังผลจากการกระทำความดีนั้นๆ ซึ่งจะให้คุณอย่างเต็มกำลัง เมื่อ ถูกดี ถึงดี และพร้อมดี หรือพอดี สามารถตรวจสอบและรู้ได้ด้วยตนเอง และสามารถเปิดเผยให้ผู้อื่นเข้ามาดูได้ เพื่อประโยชน์แห่งตนเองและผู้อื่น การเข้าใจประโยชน์ในเรื่องของ “กรรมนิยาม” ที่ปรากฏเป็นคติธรรมคำสอนอยู่ในพระพุทธศาสนาของเรา สามารถช่วยให้เรารู้จักใช้ประโยชน์จากฐานะที่ได้มาความพร้อมที่มี เพื่อสร้างสรรค์ความดีให้เกิดขึ้นด้วยการกระทำของเรา โดยการเห็นชอบตามทำนองคลองธรรมในความจริงที่ปรากฏ เป็นผลมาจากการทำความดี หรือความชั่วนั้น ซึ่งจัดอยู่ในรูป บาปบุญ อันนำมาซึ่งคุณหรือโทษ ซึ่งเป็นผลเกิดขึ้นมาจากกรรมนำคืนสู่ผู้เป็นเจ้าของดังคำกล่าวที่ว่า “ผู้ใดกระทำสิ่งใดๆ ก็ต้องรับผลจากการกระทำนั้น อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้เลย” ดังพระพุทธภาษิตที่ว่า “บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้แล้ว จะหนีไปในอากาศ หนีไปท่ามกลางมหาสมุทร หนีไปสู่ซอกเขา แม้ว่าจะอยู่ในผืนแผ่นดินใด ก็ไม่พ้นจากกรรมชั่วได้” “กรรมคติ” จึงเป็นหลักการเรียนรู้ในศาสนาของพระพุทธเจ้า เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจในความจริงของธรรมชาติ และย้อนกลับมาเข้าใจตัวเราอันเป็นส่วนหนึ่งในธรรมชาติ เพื่อยอมรับในความจริงที่ปรากฏมีอยู่ว่า “มันเป็นเช่นนี้เอง...ไม่เปลี่ยนไปจากนี้ และไม่แปรเป็นอย่างอื่น” การนำมาสู่ความเข้าใจในเรื่องของกรรมนั้น เพื่อประโยชน์ที่จะนำไปสู่กระบวนการคิดค้นวิจัยในสรรพปัญหา อันเป็นเงื่อนไขมาแต่กรรมที่กล่าวอยู่ใน “เหตุปัจจัย” และผูกความหมายแสดงอำนาจของกรรมวิบาก ไว้ว่า “เมื่อเหตุปัจจัยยังมีอยู่ สิ่งทั้งหลายก็ยังมีอยู่ เมื่อเหตุปัจจัยสูญสิ้นไป สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น ก็ย่อมสูญสิ้นไป” หลวงปู่มั่นกล่าวไว้ว่า “เรื่องกรรมเป็นของลึกลับ และมีอำนาจมาก ไม่มีผู้ใดหนีกฎแห่งกรรมได้เลย ถ้าเราสามารถรู้เห็น กรรมดีกรรมชั่ว ที่ตนและผู้อื่นทำขึ้น เหมือนเห็นวัตถุต่างๆ จะไม่กล้าทำบาป แต่จะกระตือรือร้นทำแต่ความดี ซึ่งเป็นของเย็นเหมือนน้ำ ความเดือดร้อนในโลกก็จะลดน้อยลง เพราะต่างก็รักษาตัวกลัวบาปอันตราย” หลวงปู่มั่นได้แสดงธรรมเทศนาเรื่องกรรมไว้อีกตอนหนึ่ง ที่ควรแก่การพิจารณาอย่างยิ่งว่า “เราเกิดมาเป็นมนุษย์มีความสูงศักดิ์มาก อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์เราจะต่ำลงกว่าสัตว์ และเลวกว่าสัตว์อีกมากมาย อย่าพากันทำ ให้พากันละบาป บำเพ็ญบุญ ทำแต่ความดี อย่าให้เสียชีวิตเปล่าที่มีวาสนาเกิดมาเป็นมนุษย์...” อาตมาได้นำเรื่องกรรมมาแจกแจงโดยย่อเพื่อเชิญชวนสาธุชนทำปัญญา จะได้รู้แจ้งในความจริงของโลกใบนี้ ว่าจะสุข จะทุกข์ ไม่ว่าต่อตนเอง หรือภาครวมของสังคม ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลมาจากการกระทำของเรา หรือพวกเราเอง ในพระพุทธศาสนาจึงได้วางหลักการเรียนรู้ปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาความคิด ยกระดับจิตใจให้เข้าสู่ฐานะความบริสุทธิ์เพื่อเข้าสู่ “วิมุตติธรรม” ตามหลักปฏิบัติในพระพุทธศาสนาบนเส้นทางสายกลาง หรือมัชฌิมาปฏิปทา อันมีองค์ธรรม ๘ ประการ |
เจ้าของ: | ลูกโป่ง [ 27 ก.ค. 2010, 17:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง!! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
บนเส้นทางดังกล่าว ซึ่งจะนำไปสู่ส่วนสุดคือ ความสิ้นทุกข์ เมื่อเข้าสู่ “ธรรมวิมุตติ” ด้วยญาณทัสสนะวิสุทธิ ที่เกิดขึ้นได้จากการพึ่งตนหรือมีตนเป็นที่พึ่ง มีตนเป็นเกาะ โดยประพฤติตามธรรมสมควรแก่ธรรม อันพระพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้วดังที่กล่าวว่า “มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ” ด้วยความเข้าใจใน “กรรมนิยาม” ตามที่กล่าวมาโดยย่อ เพื่อแสดงให้เห็นคุณประโยชน์จากการเข้าใจความจริงดังกล่าว จึงนำไปสู่การพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ให้สูงขึ้น และสามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติไปสู่ความเป็นอริยบุคคลได้ ทั้งนี้จะต้องได้รับการศึกษาแนะนำการปฏิบัติตน ฝึกฝนอบรมตนให้ถูกต้องตั้งแต่ระดับศีลธรรมหรือวินัยข้อวัตรในเบื้องต้น จนถึงระดับสูงสุดอันเป็นอริยวินัย หรือเข้าสู่อริยกันตศีล ซึ่งเป็นศีลที่พระอริยเจ้าทั้งหลายสรรเสริญ แต่การจะนำมาซึ่งความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อการประพฤติปฏิบัติที่ถูกตามพระธรรมวินัยนั้น สาธุชนจะต้องเข้าหาบัณฑิตหรือแสวงหากัลยาณมิตร เพื่อแนะนำ ชักจูง ชี้แจง ช่วยบอกช่องทางที่ไปสู่ความเจริญปัญญาแห่งเรา เป็นผู้คอยเปิดความคิด คอยปิดภัยมาร ด้วยการดำเนินวิถีชีวิตให้ดูได้อย่างเป็นแบบฉบับครบถ้วน ในสมบัติความเป็นผู้น่ารัก (ปิโย) น่าเคารพ (ครุ) น่าเจริญใจ (ภาวนีโย) รู้จักชี้แจงแสดงเหตุผลให้แจ่มแจ้ง (วัตตา) พร้อมที่จะรับฟังคำปรึกษาซักถามทนต่อถ้อยคำ (วจนักขโม) สามารถแถลงเรื่องล้ำลึกได้ (คัมภีรัญจะ กะถังกัตตา) และไม่ชักนำไปในทางเสื่อม (โนจัฏฐาเน นิโยชะเย) เมื่อเข้าใจคุณสมบัติของความเป็นกัลยาณมิตรแล้ว ก็พึงตรวจสอบบุคคลที่เราควรคบหา เพื่อจะได้เสวนากับบัณฑิตหรือผู้รู้อย่างแท้จริง อันจะให้คำแนะนำที่เป็นคุณประโยชน์ต่อตัวเราทั้งในปัจจุบันและเบื้องหน้า หากจะถามว่า จะหาได้อย่างไร... จะหาได้ที่ไหน... และเมื่อพบแล้ว... จะปวารณาตนอย่างไร... ท่านผู้นั้นจะยอมรับเราหรือไม่... ก็ขอให้สาธุชนโปรดย้อนกลับไปอ่านวิสัชนาธรรมตั้งแต่ต้น ซึ่งอาตมาได้แจกแจงให้เห็นความจริงในเรื่องของกรรม ตามที่กล่าววิสัชนาธรรมว่า “กัมมุนา วัตตะตี โลโก (สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม)” ขอเจริญพร พระอาจารย์อารยะวังโส ที่มา...Post Today พระอาจารย์อารยะวังโส วัดป่าพุทธพจน์หริภุญไชย ถนน ลำพูน-ป่าซาง บ้านสันต้นธง ต.ต้นธง อ.เมือง จ.ลำพูน 51000 |
เจ้าของ: | ธรรมบุตร [ 27 ก.ค. 2010, 17:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง!! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
อนุโมทนา..สาธุ..จร้า..น้องลูกโป่ง |
เจ้าของ: | สาวิกาน้อย [ 27 ก.ค. 2010, 18:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง!! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ คุณลูกโป่ง |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 27 ก.ค. 2010, 19:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง!! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
ขออนุโมทนาสาธุการด้วยค่ะ คุณลูกโป่ง |
เจ้าของ: | AAAA [ 19 ธ.ค. 2019, 19:03 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง !! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 10 ธ.ค. 2020, 14:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง !! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
เจ้าของ: | Duangtip [ 17 ก.พ. 2021, 12:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง !! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ |
เจ้าของ: | sirinpho [ 31 ต.ค. 2021, 14:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คำถามที่ตอบได้เอง !! (พระอาจารย์อารยะวังโส) |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |