ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ธุ ลี จั ก ร ว า ล : พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=32465
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  กุหลาบสีชา [ 10 มิ.ย. 2010, 15:40 ]
หัวข้อกระทู้:  ธุ ลี จั ก ร ว า ล : พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล

รูปภาพ

ธุ ลี จั ก ร ว า ล
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วัดป่าสุคะโต อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ


เมื่อแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน
ดวงดาวพราวพร่างฟ้าสามารถสะกดใจเราให้สงบได้

ในยามนั้นแหละที่เราจะรำลึกได้
ถึงตำแหน่งแห่งหนที่แท้จริงของเราในจักรวาล

ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่มาจากไหน
คุณจะรู้สึกถึงความกะจิดริดของตัวเอง
เมื่ออยู่ต่อหน้าดวงดาวนับล้านและทางช้างเผือกที่พาดผ่านฟ้า


ดวงดาวเหล่านี้มีขนาดมโหฬาร เกินจินตนาการ
บ้างก็เป็นดาราจักรที่กว้างหลายปีแสง
แต่แล้วกลับกลายเป็นแค่จุดเล็กๆ
ระยิบระยับเบื้องหน้าเรา

ใช่หรือไม่ว่า

แท้จริงเราไม่ต่างจากธุลีของจักรวาล

การปรากฏตัวของเราบนพื้นโลกนั้น
แม้จะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ของใครบางคน
แต่ก็ไม่ต่างจากการเกิดขึ้นของฝุ่นผงเม็ดนึงในจักรวาล


พันปีนั้นนานเกินกว่าคนใฝ่ฝันจะอยู่ในโลกนี้
แต่นั่นเทียบไม่ได้เลยกับอายุหลายพันล้านปี
ของดวงดาวแต่ละดวงบนท้องฟ้า
มิใยต้องเอ่ยถึงอายุของจักรวาล

เมื่อดาวดวงนึงแตกดับ
อาจเกิดแรงสั่นสะเทือนไปยังดวงดาวใกล้เคียง
แต่แทบไม่มีความหมายเลยสำหรับจักรวาล
ที่มีดาวแสนล้านดวงเกลื่อนกล่นเต็มท้องฟ้า


เมื่อดาราจักรที่ไกลหลายร้อยปีแสงระเบิดกัมปนาท
เราเคยรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนหรือไม่
อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่แรงกระเพื่อมเล็กๆ
ที่เครื่องมืออันละเอียดอ่อนเท่านั้นสามารถดักจับได้

แล้วเหตุใดเราจึงคิดว่าการตายของเรา
เป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ที่โลกจะไม่มีวันลืม
เป็นเพราะเราคิดว่าตัวเรานั้นเป็นคนสำคัญ
จึงเห็นความปรารถนาของตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด
ยิ่งคิดว่าตัวเองใหญ่คับฟ้า ก็ยิ่งเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เมื่อไม่สมหวัง อดไม่ได้ที่จะกราดเกรี้ยวต่อโลกทั้งโลก


และเมื่อถึงวันที่จะลาลับโลก
เราอดสงสัยไม่ได้ว่าโลกจะขับเคลื่อนอย่างไรเมื่อไม่มีเรา
แต่ความจริงคือการตายของเรานั้นไม่ได้ต่างอะไรเลย
กับการหายวับของฝุ่นธุลีในอวกาศ
โลกจะหมุนต่อไปในที่สุดก็จะลืมเรา


ตราบใดที่ยังคิดถึงแต่ตัวเอง
ก็ย่อมสำคัญผิดคิดว่าฉันคือ คนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
เป็นประหนึ่งศูนย์กลางของโลก ที่ทกคนต้องหมุนรอบ


แต่เมื่อเปิดตาเบิ่งมองท้องฟ้ายามดึก
แสงระยิบระยับของดวงดาวเต็มฟ้า
สามารถสาดส่องใจเราให้สว่างไสวและโปร่งเบา
ความทุกข์จะลดลงและรู้สึกเจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้น


:b8: :b8: :b8:

(ที่มา : ข่าวสารกัลยาณธรรม ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓, หน้า ๕๓-๕๔)

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/