วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 21:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 21:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

สทธา สาธุ ปติฏฐิตา --> ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว...ยังประโยชน์ให้สำเร็จ
สุขา สทฺธา ปติฎฺฐิตา --> ศรัทธาตั้งมั่นแล้ว...นำสุขมาให้



:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังประโยชน์ให้สำเร็จ จนกระทั่งชรา อะไรหนอตั้งมั่นแล้วยังประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอเป็นรัตนะของคนทั้งหลาย อะไรหนอโจรลักไปได้ยาก ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ศีลยังประโยชน์ให้สำเร็จจนกระทั่งชรา ศรัทธาตั้งมั่นแล้วยังประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญาเป็นรัตนะของคนทั้งหลาย บุญอันโจรลักไปได้ยาก ฯ

:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอ เพราะไม่ชำรุดจึงยังประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอ ดำรงมั่นแล้ว ยังประโยชน์ให้สำเร็จ อะไรหนอเป็นรัตนะของชนทั้งหลาย อะไรหนอบุคคลพึงนำให้พ้นจากพวกโจรได้ ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ศีล เพราะไม่ชำรุดจึงยังประโยชน์ให้สำเร็จ ศรัทธา ดำรงมั่นแล้วยังประโยชน์ให้สำเร็จ ปัญญา เป็นรัตนะของคนทั้งหลาย บุญ อันบุคคลพึงนำไปให้พ้นจากพวกโจรได้ ฯ

:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอเป็นมิตรของคนเดินทาง อะไรหนอเป็นมิตรในเรือนของตน อะไรเป็นมิตรของคนมีธุระเกิดขึ้น อะไรหนอ เป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า พวกเกวียน พวกโคต่างเป็นมิตรของคนเดินทาง มารดาเป็นมิตรในเรือนของตน สหายเป็นมิตรของคนผู้มีธุระเกิดขึ้นเนืองๆ บุญที่ตนทำเองเป็นมิตรติดตามไปถึงภพหน้า ฯ

:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอเป็นที่ตั้งของมนุษย์ทั้งหลาย อะไรหนอเป็นสหายอย่างยิ่งในโลกนี้ เหล่าสัตว์มีชีวิตที่อาศัยแผ่นดิน อาศัยอะไรหนอเลี้ยงชีพ ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า บุตรเป็นที่ตั้งของมนุษย์ทั้งหลาย ภรรยาเป็นสหายอย่างยิ่งเหล่าสัตว์มีชีวิตที่อาศัยแผ่นดิน อาศัยฝนเลี้ยงชีพอยู่ ฯ

:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังคนให้เกิด อะไรหนอของเขาย่อมวิ่งพล่านอะไรหนอเวียนว่ายไปยังสงสาร อะไรหนอเป็นภัยใหญ่ของเขา ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน สัตว์เวียนว่ายไปยังสงสาร ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของเขา ฯ

:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังคนให้เกิด อะไรหนอของเขาย่อมวิ่งพล่านอะไรหนอเวียนว่ายไปยังสงสาร สัตว์ย่อมไม่หลุดพ้นจากอะไร ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน สัตว์เวียนว่ายไปยังสงสาร สัตว์ย่อมไม่หลุดพ้นจากทุกข์ ฯ

:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอยังคนให้เกิด อะไรหนอของเขาย่อมวิ่งพล่านอะไรหนอเวียนว่ายไปยังสงสาร อะไรหนอเป็นที่พำนักของสัตว์นั้น ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน สัตว์เวียนว่าย ไปยังสงสาร กรรมเป็นที่พำนักของสัตว์นั้น ฯ

:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอบัณฑิตกล่าวว่าเป็นทางผิด อะไรหนอสิ้นไปตามคืนและวัน อะไรหนอเป็นมลทินของพรหมจรรย์ อะไรหนอ มิใช่น้ำแต่เป็นเครื่องชำระล้าง ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ราคะบัณฑิตกล่าวว่าเป็นทางผิด วัยสิ้นไปตามคืนและวัน หญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์ หมู่สัตว์นี้ย่อมติดอยู่ในหญิงนี้ ตบะและพรหมจรรย์นั้น มิใช่น้ำแต่เป็นเครื่องชำระล้าง ฯ

:b54: เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอเป็นเพื่อนของคน อะไรหนอย่อมปกครองคนนั้น และสัตว์ยินดีในอะไร จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ
:b42: พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ศรัทธาเป็นเพื่อนของคน ปัญญาย่อมปกครองคนนั้น สัตว์ยินดีในพระนิพพาน จึงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ ฯ

:b8: คุณThDk จาก http://www.dmc.tv/forum/lofiversion/ind ... t9669.html

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แก้ไขล่าสุดโดย Bwitch เมื่อ 16 พ.ค. 2010, 21:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2010, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


เทวดาทูลถามพระผู้พระภาคเจ้า ว่า

"บรรดาสิ่งที่งอกขึ้น สิ่งอะไรหนอประเสริฐ

บรรดาสิ่งที่ตกไป อะไรหนอ ประเสริฐ

บรรดาสัตว์ที่เดินด้วยเท้า ใคร เป็นผู้ประเสริฐ

บรรดาชนผู้แถลงคารม ใครเป็นผู้ประเสริฐ"

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า

"บรรดาสิ่งที่งอกขึ้น ความรู้(วิชชา) เป็นสิ่งประเสริฐ

บรรดาสิ่งที่ตกไป อวิชชา ตกไปเป็นสิ่งประเสริฐ

บรรดาสัตว์ที่เดินด้วยเท้า พระสงฆ์เป็นผู้ประเสริฐ

บรรดาชนผู้แถลงคารม พระพุทธเจ้าเป็นผู้ประเสริฐ"

(จาก...พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค วุฏฐิสูตร)

บรรดาสิ่งที่งอกขึ้น ความรู้ (วิชชา) เป็นสิ่งประเสริฐ เพราะเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง, การงอกขึ้นของรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่วิจิตรงดงาม สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญญาแล้ว ย่อมจะเป็นไปเพื่อการพอกพูนกิเลสให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

บรรดาสิ่งที่ตกไป อวิชชา ตกไปเป็นสิ่งประเสริฐ อวิชชา เป็นความไม่รู้ ขณะที่อกุศลจิตเกิดขึ้นแต่ละครั้ง อวิชชาจะไม่พลาดโอกาสที่จะเกิดขึ้นเลย เนื่องจากเราสะสมกิเลส มามาก อกุศลจิตจึงเกิดขึ้นมากในชีวิตประจำวัน ดังนั้น กว่าที่กิเลสทั้งหลายจะหมดไป ต้องเป็นผู้อบรมเจริญปัญญา เพราะปัญญาเท่านั้นที่จะดับอวิชชาได้

บรรดาสัตว์ผู้เดินด้วยเท้า พระสงฆ์เป็นผู้ประเสริฐ ปกติคนเราเดินอยู่ทุกวัน ผู้ที่เดินไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ เดินไปด้วยความยินดีพอใจติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รสโผฏฐัพพะ เดินไปด้วยความมุ่งร้าย คิดร้ายต่อผู้อื่น จะเป็นผู้ประเสริฐไม่ได้เลย ดังนั้น พระอริยสงฆ์สาวกผู้ห่างไกลจากกิเลส จึงเป็นคนเดินด้วยเท้าที่ประเสริฐ เพราะเป็นผู้ดับกิเลสได้โดยเด็ดขาด

บรรดาชนผู้แถลงคารม พระพุทธเจ้า เป็นบุคคลประเสริฐสุด พระพุทธเจ้าเป็นบุคคลที่ประเสริฐที่สุด พระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงมีพระมหากรุณาที่จะช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากทุกข์ จึงทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์ และมีผู้ที่ตรัสรู้ตามพระองค์ พ้นจากทุกข์ เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน จากการแสดงธรรมของพระองค์.

**ท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถาม สนทนาธรรมเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้นได้ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เลขที่ ๑๗๔/๑ ซอยเจริญนคร ๗๘ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ๑๐๖๐๐ โทรศัพท์ ๐๒๔๖๘ ๐๒๓๙ และที่ http://www.dhammahome.com **

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร