วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 05:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 11:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


612.
กราบเรียนท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร ดิฉันอยากได้คำชี้แนะมากค่ะ

ดิฉันมีทุกข์ที่เกิดจากการช่วยเหลือใครคนหนึ่งแต่ในขณะเดียวกับกลับเป็นการช่วยเหลือให้เค้าฆ่าใครอีกคน มันเป็นบาปที่ดิฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องเกิดกับตัวดิฉันเอง ดิฉันควรจะทำอย่างไร และแนะนำให้คนที่เค้ามาพึ่งดิฉันทำอย่างไร ดิฉันเหมือนตกนรกทั้งเป็น เป็นทุกข์มากรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนเลวมาก รู้สึกผิดกับพ่อแม่ที่เค้าเลี้ยงดูเรามาอย่างดี รู้สึกผิดกับคนรักในสิ่งที่ดิฉันกระทำ ดิฉันไปปฏิบัติธรรมก็รู้สึกเหมือนดิฉันไม่คู่ควรกับสถานที่บริสุทธิ์ ดิฉันเข้าใจว่าดิฉันกลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่ก็ปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน มันกลัวไปหมด

เรื่องของเรื่องก็คือหญิงคนหนึ่งเค้าเปรียบเสมือนน้องสาวของดิฉันเค้าบอกว่าเค้าถูกรังแกจนเกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นมา ดิฉันได้ตกกระไดพลอยโจนให้ต้องเป็นเหตุให้เป็นผู้พาเค้าไปทำสิ่งที่เลวร้ายในชีวิตของดิฉัน ดิฉันลองเสนอทางเลือกอื่นแล้ว แต่ดิฉันต้องเคารพในการตัดสินใจของหญิงคนนั้น หรืออีกนัยหนึ่งดิฉันกลับไม่กล้าพอที่จะยืนกรานในสิ่งที่ถูกต้อง ดิฉันได้ถูกกำหนดให้เป็นผู้นำเรื่องไปปรึกษาผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง รวมถึงบอกกล่าวถึงการตัดสินใจของหญิงคนนั้น จนสุดท้ายดิฉันได้กลายเป็นผู้พาเค้าไปจัดการในทุกๆอย่าง ดิฉันอยู่ในสถานะที่ต้องช่วยเค้า ดิฉันทิ้งเค้าไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ดิฉันคิดว่า ชาติก่อนดิฉันคงเคยกระทำกรรมเลวกับน้องเค้าไว้เค้าก็เลยให้ดิฉันต้องชดใช้ด้วยการตกนรกทั้งเป็นจากการช่วยเค้า แต่ดิฉันไม่ได้โกรธอะไรเค้าเพราะถึงยังไงเค้าก็เป็นเสมือนน้องสาวดิฉันซึ่งถ้าดิฉันไม่เป็นที่พึ่งให้เค้าดิฉันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร อะไรจะเกิดขึ้น ชีวิตน้องเค้าเป็นเด็กดีและน่าสงสารในความคิดของดิฉัน คิดซะว่าเป็นกรรมเลวของดิฉันเอง ได้แต่อธิฐานว่าต่อไปขอให้ดิฉันกับน้องเค้าได้ร่วมประกอบกรรมดีร่วมกันแทน

ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์มาก หากดิฉันไม่มีวาสนาที่ท่านอาจารย์จะตอบคำถาม ดิฉันก็จะถือว่าเป็นกรรมของดิฉันเอง ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์สำหรับคำสอนที่ดิฉันได้มีบุญได้มีโอกาสได้ฟังธรรมจากท่าน

ขออนุญาตขอให้ท่านอาจารย์ประสบความสำเร็จตามที่ท่านมุ่งหวังด้วยเทอญ ขอบคุณค่ะ

คำตอบ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประสบการณ์ตรงของชีวิตที่ผู้ถามเข้าถึงด้วยตัวเอง เป็นเรื่องดีที่คุณต้องระมัดระวัง อย่าให้เหตุการณ์เช่นนั้น กลับมาเกิดขึ้นกับตัวเองอีกเป็นครั้งที่สอง การกระทำของคุณถือได้ว่าเป็นผู้ร่วมกระบวนอกุศลกรรม เมื่อมีผู้อื่นทำกรรมเลวมาก่อนแล้ว ระลึกได้ว่าจะพาชีวิตไปสู่ความตกต่ำ จึงควรเลิกพฤติกรรมเลวแล้วหันมาสร้างพฤติกรรมดี ดังเช่น อัมพปาลีโสเภณีแห่งแคว้นวัชชี หรือสิริมาโสเภณีแห่งแคว้นมคธ ทั้งสองท่านเลิกหาเลี้ยงชีวิตด้วยอาชีพที่ไม่สะอาด (มิจฉาอาชีวะ) แล้วหันมาปฏิบัติธรรม จนอัมพปาลีบรรลุอรหัตตผลเข้าสู่นิพพานไปแล้ว และสิริมาปฏิบัติธรรมจนบรรลุความเป็นโสดาบันตายไปเกิดเป็นนางฟ้าโสดาบันอยู่ในสวรรค์ชั้นสูงสุด (ปรนิมมิตวสวัตตี)

ดังนั้นหากความเห็นถูกเกิดขึ้นกับคุณได้เมื่อใด คุณจะชื่นชมและศรัทธาในนางพญาสิงห์ทั้งสองที่ยกมาให้ดูเป็นตัวอย่าง และนำตัวเองเข้าประกอบกรรมดี ตามแนวทางที่ท่านทั้งสอง ได้ทำเป็นตัวอย่างให้ชาวโลกดู

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 11:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


613.
ดิฉัน รู้สึกว่าเหมือนเรือไร้เข็มทิศ ขอความเมตตาอาจารย์ช่วยให้ความกระจ่างด้วยคะ
1.การที่เราฝึกจิตให้มีสติรู้ปัจจุบันทุกเมื่อ นอกจากประโยชน์ในชีวิตทางโลกแล้ว เวลาตาย ซึ่งเป็นเวลาสำคัญที่ความคิดของจิต ณ เวลานั้น จะเป็นแดนเกิดต่อไป งงว่าหากเราอิ่มเอิบในบุญที่เราทำมา แล้วเราควรจะตั้งสติในบุญอันใดที่เราทำเล่า หากเราเป็นอัมพาต สมองไม่ทำงานหรือเป็นอัลไซเมอร์ เรามิเสียโอกาสได้ตั้งสติในสิ่งดีงามขณะตายหรือ เช่นนี้หมายว่าก็เป็นกรรมอย่างหนึ่งของเราใช่ไหม แล้วสุดท้ายเราควรตั้งจิตอย่างไรดี แต่เวลาที่ยังไม่ตายเล่าจะตั้งจิตว่าขอเกิดเป็นชาย แล้วได้บวชในพุทธศาสนา และสามารถหลุดพ้นจากวัฎฎสงสารได้ หรือ ไม่ต้องบวช เป็นชาย หรือหญิงก็สามารถหลุดพ้นได้ หรือปล่อยให้บุญกรรมพาไปเอง ตั้งจิตได้หรื่อไม่ว่าขอแค่โสดาบันก็พอ เกรงว่าขอสูงไป บุญมีไม่พอก็จะชวดทั้งวัฎฎสงสาร และโสดาบัน สู้ตั้งต่ำกว่าหน่อยอย่างน้อยได้โสดาบันก็ยังดี


2.สามารถตั้งจิตได้หรือไม่ว่า ชาติไหนๆก็ขอไม่พบคนนี้อีก หรือ ควรตั้งจิตว่าขอไม่ต้องพบคนที่มีข้อเสีย หรือ ทุศีลแบบนี้อีกต่อไปได้หรือไม่ ขอแบบนี้ค่อนข้างเปิดกว้าง ดีกว่าใช่หรือไม่ หากว่าคนนั้นเกิดทำบุญร่วมกับเรามาหลายอย่างในชาตินี้ ที่ขอไว้ก็ไปขัดกับ บุญที่ทำกันมาหรือไม่ หรือจะทำให้บุญกรรม ทำงานสับสน

3. การที่เรายังติดใจเอาความกับใครสักคน หากไม่ได้ชำระจิต ทำความเห็นให้ถูกต้องให้เรื่องมันจบ และไม่ถือสาหาความกับเขา ต่อไปแล้ว มันจะบันทึกไว้ในดวงจิต ตามติดเราไปทุกชาติ ทำให้ต้องมาพบมาเจอกันใช่หรือไม่ แต่ถ้าคู่กรณี ไม่รู้เรื่องว่าเราไม่ถือสาแล้ว ยังติดใจเรื่องเราอยู่ ก็ต้องมาเกิดเจอกันใช่หรือไม่

ขออนุโทนาในความดีของอาจารย์ที่ให้ความกระจ่างในทางธรรม

คำตอบ
เรือที่ขาดหางเรือแล่นไปไม่ตรงทาง เรือที่ขาดเข็มทิศแล่นไปผิดทาง ชีวิตที่ขาดสติดำเนินไปวกวนในวงกว้าง ไม่ต่างจากเรือที่ขาดหางเสือและขาดเข็มทิศ

(1) เวลาใกล้ตาย จิตระลึกได้ในบุญใด แล้วทำให้อิ่มเอิบพึงระลึกรู้อยู่กับบุญนั้น การระลึกที่เป็นสัมมาสติ สุคติย่อมเป็นที่หมายของชีวิตหน้า การระลึก (สติ) เป็นเรื่องของจิตมิใช่เป็นหน้าที่ของสมอง ฉะนั้นเป็นอัมพาตเป็นอัลไซเมอร์ หรือสมองไม่ทำงาน จึงเป็นเรื่องของความชรา ความเสื่อม ความชำรุด ของส่วนที่เป็นร่างกายไม่เกี่ยวกับจิต จึงไม่เสียโอกาสการมีสติของจิต

ส่วนเรื่องการเกิด การเจ็บป่วย การตาย มีต้นเหตุมาจากความรู้ไม่จริง (อวิชชา) ของจิต ทำให้จิตขาดสติสัมปชัญญะ ใครผู้ใดมีและใช้สติสัมปชัญญะกำจัดอวิชชาให้หมดไปจากจิตได้ การเกิด การตาย การเจ็บป่วย จะไม่มีกับผู้นั้น ฉะนั้น ขณะยังมีชีวิตอยู่ ควรตั้งเป้าหมายว่าจะนำพาชีวิตให้พ้นไปจากการเวียนตาย-เวียนเกิดในวัฏสงสารแล้วทำเหตุให้ถูกตรงคือปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐานจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งถูกตรงตามธรรมแล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งกำจัดอนุสัยทั้ง 7 หรือสังโยชน์ 10 ให้หมดไปจากใจได้แล้วเป้าหมายที่ตั้งไว้จึงจะบรรลุผลได้

เรื่องการมีเพศเป็นชายหรือหญิงรวมถึงการบวชหรือไม่บวช ไม่สำคัญเท่ากับการประพฤติธรรมถูกตรงตามธรรมแห่งการหลุดพ้น และสามารถทำให้จิตเป็นอิสระจากกิเลสจนเข้าถึงความเป็นอริยบุคคลขั้นต้น (โสดาบัน) ได้ จึงจะเป็นที่แน่ใจได้ว่าโอกาสนำพาชีวิตให้พ้นไปจากวัฏสงสารในวันข้างหน้ามีได้แน่นอน

(2) บุคคลสามารถตั้งเป้าหมายของจิตได้ ด้วยการสร้างมหาทาน เช่นทำบุญเลี้ยงพระ 7 วัน แล้วอธิษฐานตามจิตปรารถนาหลังจากนั้นรักษาศีล 5 ให้มีอยู่กับใจ และสุดท้ายต้องทำเหตุให้ถูกตรง คือทำศีลให้บริสุทธิ์ มีศรัทธาเต็มร้อยในธรรมวินัยของพระพุทธะ มีการสละบริจาคให้ยิ่งใหญ่ และสุดท้ายสร้างปัญญาพุทธะ (ปัญญาเห็นแจ้งในสรรพสิ่ง) ให้เกิดขึ้น เมื่อใดที่ผู้ถามปัญหาประพฤติได้ผลถูกตรงตามนี้ โอกาสนำพาชีวิตหน้าไปพบกับคนที่มีอธรรม (ข้อเสีย) หรือทุศีลย่อมไม่เกิดขึ้นแม้จะเคยร่วมบุญ-บาปกันมาแต่ชาติปัจจุบันทำกรรมไว้ต่างกัน เมื่อบุญให้ผลย่อมไม่พบกันอีกตามจิตปรารถนา เหตุเพราะทำกรรมที่ให้ผลเป็นบุญไว้ต่างกัน การพบและอยู่ร่วมกับคนทุศีลย่อมไม่เกิดขึ้นได้

(3) ผู้รู้จริง รู้ว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร ฉะนั้นการที่ยังติดใจเอาความกับใคร เป็นการผูกชีวิตไว้กับความพยาบาท (เวร) เมื่อใดกรรมที่เป็นเวรแสดงผล ชีวิตที่มีเวรผูกติดย่อมได้รับผลเป็นความขัดข้อง เดือดร้อน เป็นทุกข์ ฉะนั้นการให้อภัยคือการไม่ผูกเวรไว้กับผู้ให้อภัย แม้จะเกิดมาพบกันอีก และผลของกรรมที่เป็นเวรให้ผลผู้ถูกจองเวร ยังต้องรับผลของกรรมนั้น ต้องพบกับอุปสรรคและปัญหาอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงกับทำให้ชีวิตวิบัติ ดังตัวอย่างคู่เวรกรรมระหว่างพระพุทธะผู้มีศีล ถูกอดีตและปัจจุบันพระเทวทัตจองเวร แต่ละภพที่เกิดมาพบกัน พระโพธิสัตว์ยังต้องชดใช้หนี้เวรกรรมเรื่อยมา เมื่อพระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ยังถูกพระเทวทัตตามราวีในที่สุดพระเทวทัตลงไปเกิดเป็นสัตว์เสวยทุกข์อยู่ในนรก ส่วนพระพุทธะนำพาชีวิตไปสู่วิมุตติสุขในนิพพาน

ฉะนั้นเรื่องจริงที่ยกมาเป็นอุทาหรณ์จึงสอนให้รู้ว่า เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวรตอบกลับ คือหนี้เวรกรรมหมดไปด้วยการชดใช้และไม่ก่อหนี้เวรกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 11:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


614.
กราบเรียนท่านอ.ดร.สนอง วรอุไร

อาจารย์รู้เรื่องน้ำท่วมโลกหรือไม่ครับ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างกับเมืองไทย มากน้อยขนาดไหนครับ ผมเห็นพระหรืออาจารย์หลายท่านบอกว่าไม่เกิน10ปี 6ปี 5ปี 2ปีบ้าง เมืองไทยจะหนาวหิมะตกบ้าง คลื่นยักษ์ สูงหลายเมตรบ้าง แผ่นดินไหว น้ำท่วม ตามความเห็นของอาจารย์ เห็นว่ายังไงบ้างครับ จะได้รับมือถูก และเร่งฝึกสติมากๆ

คำตอบ
จากประสบการณ์ตรงของผู้ตอบปัญหา เชื่อเต็มร้อยว่าธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมที่มีธรรมอยู่ในจิตเป็นความจริงแท้ ดังที่พระพุทธะตรัสไว้ว่า “ ธัมโม หเว รักขติ ธัมมะจารี ” ดังนั้นใครผู้ใดเชื่อในความจริงที่พระพุทธะได้ตรัสไว้ ควรประพฤติธรรม (สมถ-วิปัสสนากรรมฐาน) จึงจะเรียกได้ว่า เป็นการรับมือกับความวิบัติของโลกที่ถูกต้องตามธรรม

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 12:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาสาธุค่ะ พี่ธรรมบุตรและคุณBwitch

เจริญยิ่งๆขึ้นไปทั้งในทางธรรมและในทางโลกนะคะ

:b48: ธรรมรักษาค่ะ :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


615.
กราบเรียนท่านอาจารย์สนองที่เคารพยิ่งค่ะ

หนูเคยเขียนมาถามอาจารย์เมื่อไม่นานมานี้ (ลำดับที่ 584) หนูขออนุญาตรบกวนอาจารย์เพิ่มเติมนะคะ คุณพ่อหนูยังรักษาวินัยในการปฏิบัติเช่นเดิมค่ะ คือแนวหลวงพ่อจรัญ แต่เมื่อวานนี้ท่านบอกว่าท่านเพิ่มช่วงเช้าอีก คือนั่งสมาธิอย่างเดียว ตามหนังสือ เคล็ดลับการฝึกจิต โดยท่านพระมหาศิริ กนตสิริ สำนักปฏิบัติธรรมศิริธรรม (ถ้าชี) ที่ได้จากเพื่อน กล่าวสั้นๆ คือ เช้า สมถะ (ท่านว่าอย่างนั้นค่ะ) เห็นว่านั่งสักพักแล้วกำหนดจิตที่ศีรษะแล้วแผ่ลงมาที่ลำตัว จะช่วยรักษาอาการป่วยได้ (หนูรายงานเท่าที่จำได้นะคะ) และเย็นก็เดินจงกรม นั่งสมาธิยุบหนอ พองหนอ อย่างละ 1 ชั่วโมง จึงขอถามอาจารย์ว่า สมควรหรือไม่คะที่เช้าปฏิบัติแนวหนึ่ง เย็นอีกแนวหนึ่ง

เรื่องครูอาจารย์ที่ท่านอาจารย์แนะนำนั้น กราบขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ ลองติดต่อที่วัดมหาธาตุแล้ว ทราบว่าท่านพระมหาบุญชิตมีภารกิจมากอีกทั้งเป็นพระผู้ใหญ่ เกรงว่าคงจะเป็นการรบกวนเวลาของท่านที่ยุ่งอยู่แล้วและเข้าถึงยาก อยากให้คุณพ่อไปพบครูอาจารย์ที่อาจารย์แนะนำนะคะ (คุณพ่อท่านเคยบอกว่า อ่านและทำเองตามหนังสือก็ได้ ไปพบพระอาจารย์ก็ไม่รู้จะคุยถามอะไร) อาจารย์พอจะแนะนำได้ไหมคะ ท่านอ่านเยอะมากค่ะพวกหนังสือแนวปฏิบัติหลากหลายแนว เกรงว่าท่านจะสับสนค่ะ

ขอรายงานผลการปฏิบัติของหนูนะคะ เดินนั่งอย่างละชั่วโมง แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยมีสติเท่าไร บางทีสติไม่จับยุบพองแต่แวบไปคิดเรื่องอื่นเอง มีบ้างทีรู้สึกว่าจิตสงบ แต่ก็แว้ปเดียวเท่านั้นค่ะ บางทีนั่งๆ อยู่ก็รู้สึกว่าผงะจะเอนไปข้างหลังวูบหนึ่งค่ะ รู้สึกฟุ้งซ่านกว่าช่วงแรกๆ ที่เริ่มปฏิบัติ จึงขอคำแนะนำในการปฏิบัติจากท่านอาจารย์เพิ่มด้วยค่ะ ส่วนเรื่องเห็บสุนัขตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ เนื่องจากซื้อยามาฉีดให้พวกเขา (ฉีดเกือบทุกเดือน สงสารเหมือนกันค่ะ เขาก็เจ็บ ไม่ทราบว่าบาปหรือไม่คะ การที่เราไม่อยากให้เขาป่วยแบบนี้)

สุดท้ายขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลที่ท่านอาจารย์ได้สร้างมา ขอให้คุ้มครองอาจารย์ให้ปราศจากโรคาพยาธิทั้งหลายและอยู่เป็นกระจกส่องใจลูกศิษย์ ซึ่งยังอ่อนในทางธรรมตราบนานเท่านาน

กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงค่ะ

คำตอบ
ปฏิบัติธรรมแนวไหน ไม่สำคัญเท่ากับ ปฏิบัติธรรมแล้ว ต้องได้ผลเป็นความตั้งมั่น (สมาธิ) ของจิต และต้องได้ผลเป็นความเห็นแจ้ง (วิปัสสนา) เกิดขึ้นกับจิต

ดังที่ได้บอกเล่าไป ตอนเช้าปฏิบัติธรรมแล้วจิตตั้งมั่นถือว่าถูกต้อง ตอนเย็นปฏิบัติธรรมในอีกแนวทางหนึ่ง และให้ผลเป็นความตั้งมั่นของจิต ถือว่าถูกต้อง ซึ่งทั้งสองวิธีของการปฏิบัติ เป็นเพียงสมถกรรมฐาน ยังไม่ถูกตรงตามแนวทางของพระพุทธะ คือต้องปฏิบัติธรรมแล้วเกิดปัญญาเห็นแจ้ง (วิปัสสนากรรมฐาน) แล้วใช้ปัญญาเห็นแจ้งมากำจัดกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในขันธ์สันดานคืออนุสัยทั้ง 7 หรือกำจัดกิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์ ให้ต้องเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในวัฏสงสารคือสังโยชน์ทั้ง 10 ให้หมดไปจากใจ จึงจะถูกตรงและเป็นเป้าหมายของการปฏิบัติธรรม

ส่วนเรื่องปฏิบัติธรรมตามที่ชี้นำทางไว้ในหนังสือ ผู้ใดมีบุญบารมีสั่งสมมามากพอ สามารถปฏิบัติและเข้าถึงธรรมได้ด้วยตัวเองแต่หากบุญบารมีสั่งสมมาไม่มากพอ จะทำให้ปฏิบัติหลงทาง เสียเวลาเนิ่นนาน กว่าจะบรรลุอมฤตธรรมของพระพุทะ ดังตัวอย่างของพระมหาสิวะผู้รู้ธรรม สอนศิษย์จนบรรลุอรหัตตผลมาเป็นจำนวนมาก แต่กว่าตัวเองจะเข้าถึงธรรมได้ ต้องนำตัวเองเข้าไปปฏิบัติธรรมอยู่ในป่ายาวนานถึง 30 ปี จึงบรรลุเป็นอริยบุคคลขั้นสูงสุดได้ และในทางตรงข้ามมหาวาจกอุบาสกผู้รู้ธรรม นำตัวเองไปปฏิบัติธรรมตามลำพังไม่มีใครผู้ใดเป็นครูชี้แนะ ปฏิบัติธรรมยาวนานถึง 50 ปี ยังเข้าไปถึงธรรมของพระพุทธะ ตายแล้วยังต้องไปเกิดใหม่เป็นเดรัจฉานอีกด้วย

ส่วนเรื่องที่ผู้ถามปัญหาปฏิบัติธรรมแล้วจิตยังไม่สงบยังเกิดอารมณ์ฟุ้งซ่าน ต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องยาวนาน และนอกจากที่เคยแนะนำไว้ในข้อ 584 ต้องปฏิบัติถูกตรง และยังขึ้นอยู่กับบุญบารมีเก่าที่สั่งสมมาแต่อดีตชาติ เป็นฐานรองรับความสำเร็จในมรรคผลของการปฏิบัติด้วย

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 13:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


616.
กราบเรียน ดร.สนอง ที่เคารพอย่างสูง

ดิฉันมีข้อสงสัยขอเรียนถามดังนี้ค่ะ
1. นั่งกรรมฐานจำเป็นต้องสวดบูชาพระกรรมฐานทุกครั้งหรือไม่ และพระกรรมฐานหมายถึงใครคะ ?

คำตอบ
คำว่ากรรมฐานหมายถึงวิธีฝึกอบรมจิตซึ่งแบ่งวิธีการฝึกได้เป็นสองอย่าง คือสมถกรรมฐานหมายถึงวิธีฝึกจิตให้มีสติผลที่เกิดตามมาคือความสงบตั้งมั่นเป็นสมาธิของจิต อย่างที่สองคือวิปัสสนากรรมฐาน หมายถึงฝึกจิตที่สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิได้แล้วให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง

สมัยที่ผู้ตอบปัญหาไปทำจิตตภาวนาอยู่กับท่านเจ้าคุณโชดก ท่านมิได้แนะนำว่า ต้องสวดบูชาพระกรรมฐานท่านสอนวิธีการฝึกจิต ด้วยคำสอนสั้น ๆ 5-10 นาที แล้วลูกศิษย์แต่ละองค์ต้องไปฝึกกันเอาเองในบทสวดมนต์ทั้งหลาย มีบทสวดมนต์บางบทระบุถึงการพิจารณาการบริโภคใช้สอยปัจจัย 4 (ตังขณิกปัจจเวกขณปาฐะ) บางบทให้พิจารณาอวัยวะทั้ง 32 ว่า เป็นของไม่สะอาด (ทวัตติงสาการะปาฐะ) บทสวดมนต์บางบทให้พิจารณา การแก่ การเจ็บไข้ การตาย การพลัดพราก การทำกรรม ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่มนุษย์ทุกรูปนามต้องพบ (อภิณห ปัจจเวกขณะ 5) ฯลฯ บทสวดมนต์ต่างๆ เหล่านี้ สวดแล้วทำให้จิตสงบได้พิจารณาตามด้วยเหตุนี้ครูบาอาจารย์ผู้สอนกรรมฐานบางท่านจึงบอกให้ศิษย์สวดบูชาก่อนปฏิบัติกรรมฐานด้วยก็ได้

ถามว่าพระกรรมฐานคือใคร ต้องตอบว่า คือจิตที่จดจ่อและระลึกรู้ (สติสัมปชัญญะ) อยู่กับการพิจารณาบทสวดมนต์ขณะทำการเจริญมนต์นั่นเอง


2. ทำบุญ ถือศีล 5 สวดมนต์ไหว้พระ และนั่งกรรมฐาน ภาวนา แม้ว่าจะไม่ได้ฌานอภิญญา แต่บุญส่งให้เป็นเทวดานางฟ้า หากผู้นั้นไม่ต้องการเสวยบุญในสวรรค์ แต่ต้องการ เกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติต่อไป จะต้องทำอย่างไรบ้างคะ เพราะเคยทราบมาว่า หากทำบุญแล้วปิติในบุญกุศล (ทำบุญโดยมีกิเลสคืออยากทำบุญ) จะเป็นการสร้างภพสร้าง ชาติให้ไปเกิดเป็นเทวดานางฟ้า แต่ถ้าทำบุญโดยไม่หวังผลในบุญกุศลนั้น ๆ จะเป็นการตัดภพตัดชาติ

ขอความกรุณาช่วยให้ความกระจ่างด้วยค่ะ ขอขอบพระคุณในความกรุณาตอบข้อสงสัยค่ะ

คำตอบ
ปรารถนาเกิดเป็นเทวดา นางฟ้า หรือมนุษย์ ถือได้ว่าเป็นการสร้างภพชาติได้เหมือนกัน ทำบุญโดยไม่หวังผลบุญยังไม่ถือว่าเป็นเหตุให้ติดภพชาติได้ เพราะเมื่อใดที่บุญให้ผลแล้ว ผู้กระทำสิ่งที่เป็นบุญ ยังต้องเวียนตาย-เวียนเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆ ดังนั้นการทำบุญเพื่อต้องการติดภพชาติต้องทำบุญด้วยการทำจิตตภาวนาซึ่งเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ผู้ใดเจริญจิตตภาวนาจนเกิดปัญญาเห็นแจ้งได้แล้ว นำปัญญาเห็นแจ้งไปกำจัดอวิชชาซึ่งเป็นกิเลสตัวสุดท้ายในอนุสัย 7 หรือเป็นกิเลสตัวสุดท้ายในสังโยชน์ 10 ได้เมื่อใดแล้วจึงจะสามารถตัดภพชาติได้

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


617.
กราบเรียนดร.สนอง

กระผมได้ไปปฎิบัติวิปัสนามาผลที่เกิดจากการปฎิบัติมา 9วัน กระผมได้ทำตามที่พระอาจารย์สอนทุกอย่างแต่มีช่วงหนึ่งก่อนที่ผมจะออกมา คือว่ากระผมได้ตามดูเวทนาจนเห็นเวทนามีลักษณะขึ้นๆๆลงๆๆ ช้าบางเร็วบางผมได้กำหนดยุบหนอพองหนอตามอาการของเวทนาที่เกิด แต่มีอยู่ว่าตามดูลักษณะเวทนา(โดยไม่รู้สึกถึงการเจ็บปวด เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันอาการของเวทนานั้นเจ็บมากจนแทบขาดใจ แต่ก็ทนได้) ตามดูอาการเวทนาจนเหมือนลักษณะถูกอาการได้ดึงให้ตามไปและลมหายใจน้อยลงๆๆ จนมีความรู้สึกว่าไม่มีลมหายใจเห้นแต่อาการพองยุบๆๆอยู่อย่างนี้จนสักพักหนึ่งประมาณไม่ได้ มีการโครงแครง(อธิบายไม่ถูก)แน่นผมกำหนดไม่ค่อยถูก แต่ยึดว่ารุ้หนอๆๆจะมีเอียงบางเหมือนลักษณะว่าค่อยๆๆผ่อนแต่ก็นั้งต่อสักพักก็ต้องผ่อนอีก ตอนนี้รู้สึกว่าปวดท้องมากๆๆ จนต้องออกจากการปฎิบัติเวลานั้นและมีความกลัวอยู่บ้าง

1.อยากถาม ดร.สนองว่าผมต้องปฎิบัติต่ออย่างไรบ้างเพราะผมไม่รู้จะทำไงต่อไป
ผมได้ทำการทดลองไว้2วิธีก่อน
วิธีที่1ผมได้ตามเวทนาไปเรื่อยๆจนแน่นไปหมดผมก็ผ่อนแล้วเกิดการแกว่งต้องกำหนดรู้หนอๆๆ
วิธีที่2 ตามได้สักพักก่อนผ่อนจะไม่ค่อยแกว่งเท่าไร ออกแล้วปวดท้องมาก ผมจะทำอย่างไรต่อดี และคืออะไร

2.หลังๆๆเวลานั้งสมาธิจะไม่กำหนดยุบหนอพองหนอ แต่จะดูที่อาการพองยุบเลยและเข้าสมาธิเร็วมาก ผิดทางหรือปล่าวครับ

3.ช่วยแนะวิธีปฎิบัติต่ออย่างไรคือจะได้ปฎิบัติถูกครับ

ขอขอบคุณครับที่ตอบคำถามผม
ผู้ต้องการความก้าวหน้า

คำตอบ
(1) จิตที่เสวยทุกขเวทนาแล้วใช้จิตตามดูทุกขเวทนาให้เห็นเป็นตามกฎไตรลักษณ์ไม่ได้ นั่นแสดงว่ากำลังของสติยังไม่กล้าแข็งจึงรับเอาสิ่งกระทบมาปรุงเป็นอารมณ์เวทนาให้เกิดขึ้นทั้งสองวิธีที่บอกเล่าไป นำมาใช้แก้ปัญหาแล้วไม่ได้ผล เหตุเป็นเพราะกำลังของสติยังอ่อนจึงต้องกำจัดให้มีกำลังของสติกล้าแข็งยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนอิริยาบถจากนั่งบริกรรมมาเป็นอิริยาบถเดินจงกรม ทำเช่นนี้สลับกันไปเรื่อย ๆ แล้วสติจะมีกำลังกล้าแข็งขึ้นได้เอง

(2) ไม่ผิดทางเพราะองค์บริกรรมใดที่นำมาใช้ปฏิบัติแล้วจิตมีความตั้งมั่น (สมาธิ) เกิดขึ้นได้เร็ว องค์บริกรรมเช่นนั้นถูกตรงกับจริตของผู้ปฏิบัติธรรมผู้นั้น

(3) ต้องรักษาศีลให้บริสุทธิ์คุมใจ รักษาจิตตนเองให้เป็นผู้มีสัจจะ นำวิธีการที่ใช้ปฏิบัติอยู่ในข้อ (2) มาปฏิบัติให้ต่อเนื่องและยาวนานทั้งหมดเป็นสิ่งที่แนะนำ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2010, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




3dand2dgraphic.blogspot.com_2.jpg
3dand2dgraphic.blogspot.com_2.jpg [ 43.23 KiB | เปิดดู 2098 ครั้ง ]
:b8: อนุโมทนา..สาธุ..ครับ..คุณแม่มดน้อย

ขยันจังเลย ขอบใจมากครับ ช่วยๆกันโพส :b31: จะได้สร้างบุญใหญ่กันมาก ๆ สะสมไว้เป็นกรรมดี ในดวงจิต อนุโทนาอีกรอบครับ
:b8:

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 61 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร