ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
การพูดบีบบังคับ (วัดบุรณศิริมาตยาราม) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=26557 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 28 ต.ค. 2009, 23:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | การพูดบีบบังคับ (วัดบุรณศิริมาตยาราม) |
ก า ร พู ด บี บ บั ง คั บ มูลนิธิพุทธศาสนาศึกษา วัดบุรณศิริมาตยาราม การพูดบีบบังคับทางบาลีใช้คำว่า “นิปเปสิกตา” หมายถึงการพูดที่มีลักษณะหลายอย่างที่ค่อนข้างจะเป็นลักษณะเผ็ดร้อน เหมือนการบังคับทางร่างกาย เช่น การทรมานร่างกาย เอาชะเนาะมาขันศีรษะ เอาผ้ามาอุดปากอุดจมูก เพื่อบังคับให้สารภาพความผิด หรือบอกที่ซ่อนทรัพย์ตัว แต่ว่านั่นเป็นลักษณะของการใช้แรงกาย การบังคับที่จะกล่าวถึงในคราวนี้เป็นการบังคับด้วยการพูด ถามว่าบังคับทำไม บังคับเพื่อให้ผู้ที่ตัวพูดบังคับเขานั้น ให้ผลประโยชน์แก่ตัวเองในลักษณะที่ผิดธรรมมากก็ดี หรือผิดธรรมน้อยก็ดี ท่านว่าการบังคับให้คนอื่นสนองประโยชน์ตัวเองนั้น ไม่เป็นการถูกธรรมเลย เป็นความผิดอย่างเดียว การพูดบีบบังคับลักษณะแรกคือ การพูดด่า ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่หยาบมาก ไม่ได้ใช้ศิลปะในลักษณะของการบังคับที่แยบยลแต่ประการใด เพราะเรื่องด่านี้ใครๆก็ทำกันได้ การด่าบางทีก็ด่าด้วยความโกรธ แล้วก็ไม่ได้คิดเอาผลประโยชน์จากที่ตัวด่า แต่บางคนใช้วิธีการด่าเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ เช่น สื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องเอาผลประโยชน์ อย่างใดอย่างหนึ่งจากผู้ที่ตัวเองไปด่า ถ้าการด่านั้นเป็นการด่าเพื่อบังคับให้คนอื่นให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแก่ตัว ถือว่าเป็นการใช้การด่ามาเป็นการพูดบีบบังคับ การพูดบีบบังคับลักษณะที่สอง คือ การพูดข่ม ซึ่งจะไม่ประเจิดประเจ้อเหมือนการด่า การพูดข่มนั้นเป็นลักษณะของการพูดในลักษณะขู่ เพื่อที่จะให้บุคคลที่ตัวจะพูดด้วยนั้น ให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแก่ตัว เช่น เราพูดข่มเขาว่า ถ้าไม่ให้จะด่าด้วยความผิดอย่างนั้นอย่างนี้ หรือถ้าไม่ให้จะนำความลับของเขาไปเปิดเผยอย่างนั้นอย่างนี้ นี่เป็นลักษณะของการข่มขู่ หรือพูดข่มขู่ว่าถ้าเขาไม่ให้ ตนก็จะไม่ทำอะไรบางอย่าง ทั้งหมดนี้ในขณะที่พูดด้วยเจตนาจะเอา ถือว่าเป็นการพูดข่มขู่ทั้งสิ้น อย่างในกรณีของการข่มขู่เรียกค่าคุ้มครองในบางท้องที่ในบ้านเมืองเรา การพูดบีบบังคับลักษณะที่สาม คือ การพูดติด การพูดติดนั้น ในที่นี้หมายความว่า พูดใส่ร้ายเขา ท่านใช้คำว่าพูดติดดี คือติดความชั่วที่อาจมีจริงหรือไม่มีจริง หรือมีจริงนิดหน่อย แต่พูดเสียเป็นเรื่องใหญ่โต บางคนนั้นกลัวการโดนตำหนิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบางอาชีพ แม้แต่คำตำหนิเล็กๆน้อยๆ ก็อาจจะมีผลกระทบต่อความเสียหายเขาเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับบุคคลที่จะต้องทำงานเกี่ยวข้องกับบุคคลหมู่มาก เช่น ผู้บริหารบ้านเมือง โดยเฉพาะในต่างประเทศ ในวงการสงฆ์ก็เช่นกัน ถ้ามีเสียงตำหนิติเตียนแล้ว ก็จะต้องมีการสืบสวนกัน อย่างกรณีคนที่จะไปบวช เวลาจะเข้าโบสถ์ ถ้ามีใครมาติหรือทักท้วงว่าเป็นหนี้สินเขาอยู่ คนนั้นจะบวชไม่ได้ หรือมีใครมาติว่ามีโรคประจำตัวอย่างนั้นอย่างนี้ ที่วินัยบัญญัติว่าห้ามบวช คนนี้ก็บวชไม่ได้ ฉะนั้นคนที่กลัวการติคือคนที่มีแผล ถ้ามีใครมาสะกิดก็จะเจ็บปวดทันที พวกนี้จะกลัวมาก ที่เขาเรียกว่า วัวสันหลังหวะ และในคนที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับความนิยม หรือความเลื่อมใสศรัทธาของสังคม เสียงครหา เสียงตำหนิจะเป็นเสียงที่ปวดร้าวสำหรับคนพวกนี้มาก จึงเป็นช่องทางให้คนบางคนใช้วิธีการติดเอาความชั่วมาเปิดโปง เพื่อจะเรียกร้องเอาผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งจากเขา (มีต่อ) |
เจ้าของ: | กุหลาบสีชา [ 28 ต.ค. 2009, 23:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การพูดบีบบังคับ : วัดบุรณศิริมาตยาราม |
การพูดบีบบังคับต่อไป ก็คือ การพูดขับ คือการพูดขับไล่ เรื่องนี้เห็นจะมีปรากฏกันอยู่บ่อยๆ คือ คนที่แสวงหาผลประโยชน์กับคนบางคนที่อยู่ที่บางที่ บางคนนั้นไปมีที่มีทางเป็น ๕๐ ไร่ ๑๐๐ ไร่ ปลูกผลไม้แต่ไม่สามารถไปอยู่ได้ ก็เพราะว่า ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นั้น เขามาเรียกร้องเอาผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งเป็นการเรียกร้องด้วยวิธีการผิดกฏหมาย และเป็นคนผิดกฏหมายด้วย บางคนก็ให้เขาไม่ได้ บางคนดื้อไม่ไห้ ในที่สุดก็อยู่ไม่ได้ พอเขาออกปากไล่ว่า ถ้าไม่ให้ก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ ผลที่สุดก็ไม่สามารถทำมาหากินบนผินดินของตัวเองได้ ส่วน การพูดประชด นั้น หมายความว่า มันไม่ได้มีความชั่วหรือความเลวอยู่ตัวคนนั้น ไม่ได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแก่ตัว ตัวก็พูดประชด การพูดประชดนั้น ฟังดูเผินๆเหมือนเป็นการยกยอ แต่ฟังดูน้ำเสียงและเจตนาของผู้พูดที่พูดออกมา เขาไม่ได้มีความรู้สึกอย่างนั้นจริง เช่น พูดว่า พ่อคนใจบุญ พ่อคนธัมมะธัมโม หรือพ่อมหาปรียญ หรือท่านผู้ดี ล้วนเป็นการพูดประชดทั้งนั้น ประชดเพื่อจะเอา เวลาเราพูดประชดคนอื่น คนอื่นเขาทนรำคาญไม่ได้ เขาก็อาจจะให้ ถ้าเป็นการพูดประชดอย่างรุนแรงคือ จะเรียกว่า การพูดประชัน ซึ่งคล้ายประชด แต่ว่ารุนแรงกว่า ฟังดูคล้ายๆกับการยกยกอ การยกนั้นคือการประชด หมายถึงการพูดกระทบเล็กน้อย ถ้าประชันคือการพูดกระทบมาก เช่น ภิกษุรูปหนึ่งไปเรี่ยรับโยมคนหนึ่ง โยมนั้นไม่ให้ด้วยเหตุจำเป็น ก็พูดประชดว่า โอ ท่านทานบดี ประชดแล้วก็ยังไม่ให้ก็เลยพูดประชันว่า โอ ท่านมหาทานบดี มีมหาเติมเข้าไปอีกกลายเป็นกระชันไป อีกอย่าง การพูดเย้ย คู่กับ การพูดหยัน การพูดเย้ยนั้นเป็นการพูดที่มีน้ำหนักมากกว่าการพูดหยัน ที่เราพูดกันว่าพูดเยาะเย้ย บางทีก็พูดว่า นี่อย่างไรชีวิตของผู้บริโภคผักล่ะ นี่หมายความว่าท่านยกตัวอย่างในวงการของพระในสมัยก่อน ไปขอรับบิณฑบาตรหรือไปขอเรี่ยไรหรืออะไรอย่างหนึ่งกับโยมคนใดคนหนึ่ง และโยมก็ให้ของแก่พระนั้นแต่เพียงเล็กน้อย พระนั้นพอไม่สมกับความต้องการก็พูดเย้ยว่า นี่อย่างไรชีวิตของผู้บริโภคผัก หมายความว่าเป็นชีวิตที่แห้งเล้งเหลือเกิน เวลาจะให้อะไรแก่ใครแต่ละที จะทำแก่พระแต่ละที แต่ทำบุญในลักษณะมังสวิรัติ คือ ไม่ค่อยจะเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลย เหมือนกับอาหารที่ตัวบริโภคนั่นแหละ ถ้าเป็นการพูดหยัน เป็นคำพูดที่ค่อนข้างจะคมคาย เช่น ถ้าไปขออะไรแล้วเขาไม่ให้ ก็พูดลักษณะพูดหยันว่า สำหรับท่านถ้าใครมาขอก็ไม่ใครผิดหวังเลย ท่านมีให้แก่คนทุกคน แต่สิ่งที่ท่านให้นั้น คือคำว่าไม่ให้ ไม่มีอย่างอื่น หรือมีให้แต่คำว่าไม่ให้แก่ทุกๆ คนที่ออกปากขออะไรจากท่าน เป็นลักษณะที่แรงกว่าการพูดเย้ย เรียกว่า พูดหยัน แสดงให้เห็นว่า คนที่มีลักษณะการพูดหรือลักษณะบีบบังคับอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น ก็จะเป็นคำพูดที่ออกมาจากความคิดที่เราเรียกว่า ฉลาดแกมโกง คือฟังดูคมคาย แต่คำคมเหล่านั้น ล้วนแต่คำคมในลักษณะโกงทั้งนั้น และพูดอีกอย่างคือ พูดเหยียด และพูดหยาม เป็นการพูดกวาดล้างความดีของบุคคลอื่นเขาในขั้นธรรมดา กับขั้นรุนแรง เรียกรวมกันว่าพูดเหยียดหยาม (ที่มา : ธรรมเพื่อชีวิต เล่มที่ ๕๘ ฉบับวันขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๒, จัดทำโดย มูลนิธิพุทธศาสนาศึกษา วัดบุรณศิริมาตยาราม, หน้า ๑-๕) หมายเหตุ : บรรยาย โดย : อาจารย์สุเทพ โพธิสัทธา ถอดเทป โดย : คุณนพวรรณ กุลจันทมาศ เอื้อเฟื้อเทป โดย : คุณมานิตย์ ปรมาคม การชวนคนเข้าวัด (วัดบุรณศิริมาตยาราม) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=29040 กิเลสและการดับกิเลส (วัดบุรณศิริมาตยาราม) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=24059 ความจริงของสัจจธรรม (วัดบุรณศิริมาตยาราม) http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=21396 ประวัติและเรื่องราวของ “ท้าวสักกเทวราช (พระอินทร์)” จัดทำโดย มูลนิธิพุทธศาสนศึกษา วัดบุรณศิริมาตยาราม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=45527 |
เจ้าของ: | bbb [ 29 ต.ค. 2009, 10:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การพูดบีบบังคับ : วัดบุรณศิริมาตยาราม |
ก่อนพูดใจเป็นนาย เมื่อหลุดปากแล้ว ปากจะเป็นนายแทน |
เจ้าของ: | ดาราวรรณ [ 18 เม.ย. 2015, 18:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การพูดบีบบังคับ : วัดบุรณศิริมาตยาราม |
กราบสาธุๆๆ |
เจ้าของ: | sirinpho [ 15 มี.ค. 2018, 08:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การพูดบีบบังคับ : วัดบุรณศิริมาตยาราม |
เจ้าของ: | AAAA [ 30 พ.ย. 2019, 19:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การพูดบีบบังคับ (วัดบุรณศิริมาตยาราม) |
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ |
เจ้าของ: | Duangtip [ 03 ส.ค. 2020, 13:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การพูดบีบบังคับ (วัดบุรณศิริมาตยาราม) |
ขออนุโมทนา สาธุๆๆ ค่ะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |